“ นี่!! คุณวิชค่ะ ”
“ หืม! เรียกว่ายังไงนะ ” เสียงใสๆของหญิงสาวที่พูดชื่อของเขาด้วยคำว่าคุณนำหน้าเช่นเดิมทำให้ใบหน้าหล่อที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนสบายๆ อยู่ในบ้านก็ทำให้เขาดูอ่อนโยนเหมือนเด็กวัยรุ่นต้นๆไม่น้อย “ เอ่อ พี่วิช ” มินตรายกมือเอนกายหลบคนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ข้างกายไม่ยอมห่างเธอ “ หืม ว่าไงครับคนสวย ” คนหน้าบูดบึ้งเมื่อครู่ยิ้มหวานรวบมือกระชับกอดเธอโน้มใบหน้าเข้าหาเธออย่างหยอกเหย้า ให้ตายสิตั้งแต่ได้กอดได้สัมผัสนี่แทบอยากจะสิงมัดมือผูกติดกับเธอ ถึงแม้กอดผู้หญิงมานักต่อนักแต่ไม่เคยอยากพันธนาการรักกับใคร ใยแมวน้อยตรงหน้านี่ใส่ยาเสน่หาให้เขากินรึไงนะ “ อืม อย่าสิค่ะพี่วิชไปนั่งห่างมินไม่ได้รึยังไง กินข้าวไม่ถนัดนะ ” เธอร้องห้ามปรามดันอกเขาที่เอาแต่ใบหน้าหล่อเหลามาซบเธอ โต๊ะอาหารก็ออกจะกว้างขวางใหญ่โตมานั่งเบียดเธออยู่ได้ “ อ้าว กินข้าวไม่ถนัดงั้นสงสัยพี่ต้องป้อนด้วยปากหล่ะมั้ง ” เขาทำตาโตวาวอย่างมีไอเดียในหัวก่อนจะคลายมือจากเอวหญิงสาวแล้วหยิบซ้อมไปจิ้มฮอทดอกที่ทอดไว้เข้าปากก่อนจะเอามือข้างนึงเท้าโต๊ะ อีกข้างเท้าพนักเก้าอี้ หันไปหวังจะประกบปากกับเธอ โอ้ะโอ อนิจจา มินตราหูผึ่งทันตั้งแต่เขาบอกจะป้อนด้วยปากแล้วจึงเตรียมตัวดี คนที่ก้มหน้าเข้าหาชะงักกลางอากาศพร้อมกับช้อนข้าวที่ตักยัดใส่ปากเขา มินตราทำตาแป๋วใสมองเขาแต่เขากับตีหน้านิ่ง คาดโทษหล่อนในใจ “ อร่อยไหมค่ะ ” มินตราถาม ยิ้มปนๆเกือบขำกับท่าทางของเขาคนที่คาบช้อนดึงช้อนออกแล้ววางใส่จาน พยักเพยิดหน้าพอผ่านๆอย่างเซ็งๆ ” ถ้างั้นก็กินเยอะๆนะ อะ อะ อั้ม ” เธอตักฮอทดอกให้เขาอีกชิ้นแล้วยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากภวิชที่ไม่ยอมเคี้ยวข้าวสักทีภวิชเปลี่ยนท่านั่งเป็นหันมานั่งมองอาหารตรงหน้าเหล่หางตามองหญิงสาวข้างๆที่ยิ้มหวานทำท่าทางป้อนเขาจนยอมเคี้ยวคำข้าวในปากเพื่อไปรับฮอทดอกอีกชิ้นที่เธอส่งมาป้อน ก่อนหน้าบึ้งตึงจะเปลี่ยนเป็นยิ้มๆอีกครั้ง เมื่อหล่อนป้อนเขาเสร็จก็หันไปจัดการทิ่มฮอทดอกอีกชิ้นเข้าปากตัวเองแต่เพราะมันเป็นชิ้นกลางๆแต่ปากเธอเล็กจึงกินทีเดียวไม่หมด เขาจึงจับหญิงสาวที่คาบฮอทดอกได้เพียงครึ่งหันมาไม่รอให้เอ่ยถามหรอก ภวิชคิดในใจก่อนจะตามด้วยใบหน้าหล่อๆมางับฮอทดอกอีกครึ่งของเธอ ภวิชจงใจสัมผัสปากบางของเธอเพียงแค่เบาๆคล้ายแค่แตะผ่านๆแต่ก่อนจะกัด ฮอทดอกขาดเขากับยื่นปากไปจุ๊บอย่างตั้งใจให้โดน สายตาตอนถอนริมฝีปากออกมามองเห็นแววตาอึ้งๆของเธอ ก่อนจะกลายเป็นเขาเคี้ยวฮอทดอกอย่างอารมณ์ดีวางแขนสองข้างบนโต๊ะ “ หึๆ ” หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าคนที่แกล้งเขากำลังช็อคและนิ่งเสียเอง “ ไม่กินข้าวแล้วหรอไหนบอกหิวไง หืม ” เขาสั่นคางของหล่อนเบาๆ ทำเอามินตราเรียกสติตัวเองกลับมาได้ แล้วฟาดที่แขนเขาเบาๆ ยิ้มด้วยความเขินอาย “ พี่วิชบ้า นี่แนะ ” “ โอ้ยๆ ซี้ด โหวที่รัก พี่เป็นแผลอยู่น้า ” ภวิชซี้ดที่ปากเบาๆยกมือลูบแขนตัวเองป้อยๆ “ อุ้ย มินขอโทษค่ะ ไหนขอมินดูหน่อยนะ ” นึกขึ้นได้จากเขินอายเปลี่ยนเป็นห่วงใยแทน ภวิชแอบมองสีหน้าของเธอ น่ารัก จนคิดจะปล้ำอีกสักรอบซะดีไหมเนี่ย เขาคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจ มินตราบรรจงลูบและเป่าที่แขนเขาเบาๆเหมือนเขารู้สึกเป็นเด็กอีกครั้งแม่ชอบทำกับเขาแบบนี้ตอนที่เป็นแผล ภวิชโน้มใบหน้ามาใกล้จูบหน้าผากเบาๆแต่หนักแน่น “ ขอบคุณนะครับ ต้องจูบให้รางวัลซะหน่อยแล้ว ” สายตาเจ้าเล่ห์มองที่ มินตรายิ้มหวานรู้สึกอบอุ่นแต่ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พี่วิช “ โอ้ยยซี้ดด โหวเดี๋ยวนี้ที่รักของพี่นี่เอาใหญ่เลยนะ ซี้ด ” เขาร้องซี้ดที่ปากเมื่อสาวเจ้าไม่ได้หลงใหลสายตาเขาอย่างใดหากแต่ยังกล้าหยิกที่หัวนมเขาดึงขึ้นจนแสบที่อื่นก็มีไม่หยิกนะแม่คุณ “ หึๆ สมน้ำหน้าหื่นดีนัก ” “ แต่หยิกของพี่ไม่สนุกหรอกนะ ต้องของที่รักสิ ทั้งนุ่มทั้งอร่อย สนุกกว่าเยอะไหนมาดูหน่อยสิ ” เมื่อเธอแกล้งเขาเช่นนี้ เขาก็ต้องแกล้งเธอเหมือนเช่นที่เธอทำหาได้กลัวมือน้อยๆที่เพิ่งทำร้ายเขาไม่ ภวิชทำมือขยุกขยิกสายตาเจ้าเล่ห์ยิ้มๆกว้างๆแมวน้อยเขาสิหน้าตาตื่น “ ฮ่าๆ ไม่เอานะคะมินจะกินข้าวแล้วคนหื่น ” “ ฮ่าๆ ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้จะจับหน้าอกเธอหรอกถึงแม้จะอยากทำ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ คืนนี้ก่อนเถอะมินพี่จะลงโทษเธอ เขาจี้เอวมินตราดิ้นขลุกขลักแต่ไม่พ้นพันธนาการจากอ้อมกอดของเขา เสื้อเชิ้ตยาวของเขาที่มินตราใส่คลุมลงมากับบล็อกเซ่อร์เพียงตัวเดียวทำให้ห้องอาหารมีเพียงเขากับมินตราเท่านั้นเพราะภวิชโทรมาสั่งให้คนจัดโต๊ะและสั่งให้ออกจากเรือนใหญ่แห่งนี้ไป แม้เขาจะสัมผัสร่างบางนี้เห็นทุกพื้นที่สัดส่วนของเธอแต่สภาพเธอเวลานี้เขาไม่ต้องการให้ใครมาดูถูกหรือประณามหญิงสาวได้ เธอจะเป็นคุณผู้หญิงในบ้านหลังนี้ เกียรติและศักดิ์ศรีจะต้องไม่มีใครมาดูหมิ่นเหยียดหยาม เมื่อหัวเราะจนเหนื่อยเขาก็วางเธอที่ดิ้นในอ้อมแขนของเขาลงบนตักของตัวเองเอาคางเกยไหล่จูบเบาๆ “ กินข้าวครับ เย็นหมดแล้ว ” “ ก็ ใครหล่ะคะ เดี๋ยวจะโดน มินเลยไม่ได้กินสักที ” “ แล้วเมื่อวานทำไมไม่กินข้าวพี่นึกว่าลงมากินแล้ว ” “ พี่วิชรู้ได้ยังไงค่ะ ” “ เรื่องของมิน พีรู้หมดนะครับ จะยกเว้นก็แค่...” “ แค่อะไรค่ะ..... ” หญิงสาวเบี่ยงตัวเล็กน้อยตะแคงหน้าหันมาถามทำทีเลิกคิ้วพูดไม่จบไม่ประโยค “ หัวใจของมินไง ” เขาใช้นิ้วเคาะจมูกของเธออย่างเอ็นดูมินตราหน้าแดงอย่างไม่ต้องสงสัยแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่อยากคิดเลยว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองเป็นแบบไหนไม่บอกก็รู้คงแดงแจ๊ เขาน่ารักอะไรขนาดนี้ทำไมเพิ่งสัมผัสเห็น เธอรู้สึกหัวใจพองโตก่อความรู้สึกหลากหลาย อ่อนไหว อ่อนโยน ความสุขในใจมันมีมากล้นจนแทบลืมความเลวร้ายทั้งสิ้นเมื่อเห็นสีหน้าเขาที่กำลังจดจ้องริมฝีปากเธอ เธอก็รีบเบือนหน้าหนีสนใจอาหารตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายทำเอาภวิชหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้ “ มิน ” เธอยังคงสนใจแต่อาหาร “ มิน มินครับ ฮ่าๆ โอเคร คงอร่อยน่าดู ” เขาเอ่ยแซวเมื่อคนเขินอายก้มกินอาหารตักเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายจนแก้มป่อง เขาเม้มริมฝีปากตัวเองลอบมองดูใบหน้าของเธออย่างหวงแหนอาวรณ์หรือเขาหลงรักเธอเข้าเต็มเปาเสียแล้ว“ อะไรนะ! พี่จะให้ผมไปทำอะไรนะ ” รณภพร้องเสียงหลงพร้อมค่อยๆขยับเนคไทหูกระต่ายของตัวเองออกเล็กน้อย “ อย่างที่นายได้ยินนั่นแหล่ะ ฉันอยากให้นายไปเป็นบอดี้การ์ด คุณหนู น้องสาวของเจ้าของไนท์คลับ ” “ ไม่เอาด้วยหรอก ทำไมต้องเป็นผม ไอ้เปรี้ยวก็ยังว่างมันแค่เล่นดนตรีมีเวลายิ่งกว่าผมซะอีก ” รณภพพูดเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภัสสรคือคนที่เขาต้องไปดูแลในอนาคต “ เอาน่ามิกเงินมันดี ฉันเห็นว่านายกำลังหาเงินด้วยอีกอย่างเจ้าตัวเขาก็อยากให้นายเป็นคนดูแลเธอเอง ฉันจะไปปฏิเสธก็จะยังไงอยู่เงินก็ได้เยอะกว่าการเป็นบาร์เทนเดอร์นะ ” “ พี่บอกว่าเขาอยากให้ผมเป็นคนดูแล เขารู้จักผมได้ยังไง.....? ” รณภพคิ้วขมวด ก็ตั้งแต่ทำงานที่นี่ยังไม่รู้เลยว่าเจ้าของที่นี่มีน้องสาวด้วย “ อ้าวนายจำคุณภัสสรไม่ได้หรือไง ก็เขานั่นแหล่ะต้องการให้นายไปเป็นบอดี้การ์ดให้เขา ” นัทรุ่นพี่หนุ่มที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนพนักงานที่ทำหน้าที่แคชเชียร์และฝ่ายผสมเครื่องดื่มหรือบาร์เทนเดอร์งุนงงกับพฤติกรรมของรุ่นน้องตรงหน้า ในเมื่อวันนั้นก็เห็นๆอยู่ว่ากอดเธอ
“ ไม่สนุกเลยนะคุณหนู....” รณภพทำน้ำเสียงออกจะติดประชดเล็กน้อย เดินเข้าไปใกล้หญิงสาวจอมแสบภัสสรมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก็ยิ่งทำให้รณภพไม่สามารถหยุดแกล้งคนตรงหน้าได้ปากเก่งดีนักนะ คิดจะทำบ้าอะไรของนายผู้ชายเย็นชาแบบนี้จะทำอะไรผู้หญิงได้ ....ภัสสรคิดในใจที่เธอสัมผัสได้คือรณภพเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ล่วงเกินผู้หญิง “ แหม แหม แหม อยากใกล้ฉันขนาดนั้นเลยหรอจ้ะ พ่อบอดี้การ์ดอารมณ์ร้าย ” ภัสสรเมื่อแปรเปลี่ยนความตกใจรับมือกับผู้ชายตรงหน้าได้เธอก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปแน่ๆ แขนเรียววาดโอบรอบคอรวดเร็วสบสายตาหวานยิ้มให้เขาอย่างจงใจ นิ้วลากผ่านไหล่กว้างเบาๆอย่างเย้ายวน.......อีกครั้งที่รณภพตั้งรับมือกับสาวตรงหน้า เขาประหม่าไปหน่อย .....ร้ายใช่เล่นที่ไหนล่ะใยตัวแสบหน๊อยแหน่ะ ยังมาลูบไล้สัมผัสเขาอีก “ นี่จะทำอะไร ” “ ก้แหม่ คนหล่อเข้ามายั่วทั้งที จะทำอะไรดีน้า...ฉันรู้ว่า...นายหน่ะไม่ทำอะไรฉันหรอกหึๆ ” เธอหัวเราะลำพองอย่างรู้ทัน “ อย่าแน่ใจให้มันมาก ผมอดอยากมานาน ถ้าเกิดความต้องการ ต่อให้ไม่สวยหยดหยาด .
เมื่อส่งหญิงชราและสาวน้อยน่ารักที่หลับในอกเขาแล้ว เขาก็พามินตรามาทานข้าวเย็นที่ตอนนี้น่าจะเป็นข้าวรอบดึกได้แล้ว “ อาหารไม่อร่อยหรอครับคนสวยของพี่ถึงไม่แตะเลย ” มือหนาเอื้อมไปสัมผัสมือบางที่เขี่ยอาหารไปมาแล้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ มันน่าเจ็บใจนัก ” “ หืม มินว่าอะไรนะครับ ” “ ก็ไอ้พวกบ้าอำนาจ บ้าอิทธิพลรังแกคนแก่กับเด็กได้ ไอ้พวกนี้ ไม่ตายๆ ให้หมดไปสักที เกลียดนักเชียว ชีวิตคนทั้งคน อยากทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ไม่ละอายต่อบาปซะเลย ” คำพูดของหญิงสาวทำเอาภวิชกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ สายตาชิงชังที่เธอพูดมันทำให้เขาหายใจแทบติดขัด ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำร้ายคนดีๆ คนที่เขาฆ่าส่วนใหญ่ก็คนเลวๆทั้งนั้น เขาไม่เคยที่จะฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผล “ แต่พี่ว่า บางทีก็ไม่ทุกคนนะครับ บางทีเขาอาจมีเหตุผลให้ต้องทำร้ายหรือฆ่าก็ได้นี่ครับ ” “ จะเหตุผลอะไรก็ชั่งบ้านเมืองเรามีขื่อมีแปรนะค่ะ ฆ่าคนเล่นๆ สักวันคนพวกนั้นคงไม่ตายดี ” “ อะ แฮ่ม ” “ อ้าว พี่วิชเป็นอะไรคะค่อยๆดื่มสิเปื้อนหมด
“ เดี๋ยวสิมิก....พี่ฉันคุยอะไรกับนายบ้าง ” ภัสสรเมื่อเรียนเสร็จเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากสายสืบในไนท์คลับที่ถูกเธอดึงมาเป็นพวกในการเกาะติดรณภพและรับรู้การเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่างก็เหตุการณ์ที่พี่วัตต์เข้ามาเห็นตอนนั้นทำให้เธอไม่เจอหน้ารณภพมาสองวันแล้วนี่พี่ชายเธอทำอะไรเขารึเปล่า..ทำให้ความอยากรู้แล่นปราดสถานที่ที่ต้องมาก็คือไนท์คลับนี่แหล่ะ “ ไม่มีอะไรนี่...” เขาหลบเลี่ยงการตอบคำถามของเธอปล่อยให้สงสัยบ้างก็ดี ใยคุณหนูจอมจุ้น........... “ นายช่วยหยุดเดินก่อนไม่ได้รึไง....รีบเดินไปตามหาวัวหาควายรึไงกันรีบจริง! ” ภัสสรเริ่มเหนื่อยหอบเมื่อเขาเดินเร็วตรงปรี่ไปที่ลานจอดรถน้ำเสียงออก ประชดประชันจนรณภพชักหมั่นไส้ใครใช้ให้ตามหล่ะ “ ใครบอกว่าตามหาหล่ะ ฉันกำลังหนีมากกว่า ” เขาประชดกลับไปในคำถามของเธอแต่เป็นคำตอบของเขาสายตาแอบลอบชำเลืองมองคุณหนูขี้วีนสังเกตปฏิกิริยาของเธอ “ ..........?? ” ภัสสรเองพอได้ยินคำตอบของเขาก็เริ่มสตั้นไปสามวิทบทวนประโยคของเขา “ หนึ่ง สอง สาม ” รณภพหลี่ตาชำเลืองเมื่
“ อะไรกันเนี่ย นายเรียกฉันมาทำไมมีอะไรคุยทีหลังไม่ได้รึไงต้องมาคุยอะไรตอนนี้จะรีบกลับบ้านโว้ย ! ” “ เดี๋ยวนี้นายติดบ้านติดช่องตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ยักรู้หรือที่บ้านมีอะไรพิเศษถึงอยากกลับไปนัก ” ภวัตต์หรี่ตามองหน้าน้องชายคล้ายจับพิรุธ “ เปล่า มีอะไรพูดมาเร็วๆเสียเวลา ” “ เออน่า อย่าบ่นนักเลยฉันคิดถึงน้องไม่ได้หรือไง ” ภวัตต์เทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้น้องชายที่ตอนนี้นั่งแทบไม่ติดไม่รู้จะรีบกลับทำไมหนักหนา นี่อย่าบอกนะว่ามันรักสัตว์ในช่วงนี้ โทรไปกี่ทีมันก็บอกเลี้ยงแมวบ้าง ดูกวางน้อยบ้าง อยากเห็นหน้าตาจริงๆจะน่ารักขนาดไหน ลูกมงลูกแมวอะไรเนี่ย ภวิชเดินไปรอบห้องนอนคนโสดของพี่ชาย ว้าวุ่นใจจนแทบคลั่ง “ วัตต์เราถามหน่อยสิ นายไม่มีหวานใจบ้างหรือไง ” “ จู่ๆมาถามฉันเรื่องนี้ทำไมวะว่าที่คู่หมั้นนายหล่ะเจอบ้างรึยัง ” ภวัตต์ยกแก้วกาแฟเข้าปาก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ภวิชเริ่มมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยนึกถึงเวลาถ้าเจอหน้าคู่หมั้นจริงๆแล้วมินตราของเขาหล่ะเธอจะรู้สึกยังไง วันนี้เขาไลน์บอกเธอแล้วว่าคงจะถึงบ้า
เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของแม่นม ภวิชไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าขายาวๆ ก้าวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ทะลุประตูหลังของบ้านใหญ่ เยื้องออกไปเป็นบ้านหลังเล็ก และถัดไปอีกไกลพอตัวซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไม่แปลกหรอกที่มินตราจะไม่ได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของภวิชที่ทำขึงขังเสียงดัง เพราะมันอยู่ห่างกันกับห้องครัวพอประมาณ “ คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวป้าเก็บเอง ” “ เกร้ง ๆ ไม่เป็นไรค่ะมินเก็บดีกว่าเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเข้าจะแย่ไม่ลำบากอะไรนี่ค่ะ ” “ ฟึ่บ กึก โอ้ย /กรี๊ด ” มือเรียวเล็กของมินตราที่กำลังเก็บเศษจานแก้วที่เผลอทำหล่นแตกถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือที่กำลังเก็บเศษแก้วนั้นถูกของคมแหลมบาดเข้าให้เป็นทางยาว เธอร้องด้วยความตกใจส่วนแม่นมนั้นกรี๊ดเสียงหลงเพราะทั้งตกใจที่เห็นคุณชายที่เธอเลี้ยงดูฉุดกระชากหญิงสาวแถมมินตรายังโดนของคมปักเข้าที่มืออีก มินตราเงยหน้ามองคนที่มาฉุดกระชากเธอ “ พี่วิช ” เธอยิ้มออกกว้างด้วยความดีใจจนลืมบาดแผลไปแล้วด้วยซ้ำคิดถึง เขาอยากกอดมากๆรู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็กลับมาแต่ท
“ ฮึกๆ ฮึก ” ภวิชขยุบขยิบดวงตาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะเสียงบางอย่างที่ดังมาจากคนที่หลับในอ้อมแขนของเขาที่ส่งเสียงสะอื้นภวิชผงกหัวขึ้นเล็กน้อยจูบหน้าผากมนตามเคยชิน อุณหภูมิที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขาลุกนั่งพร้อมคว้าคนในอ้อมกอดให้นั่งด้วย “ ฮึกๆ ฮือๆ ” “ มิน ” เสียงสะอื้นหญิงสาวทำให้หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อเธอร้องเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาที่หลับพริ้มแต่มีน้ำใสๆไหลลงห่างตาตลอดทำเอาภวิชนิ่งไปชั่วคราวเขาค่อยๆพามินตราล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมร่างบอบบางที่ยังไม่ทันได้ใส่อะไรสักชิ้นแต่แล้วมือก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นรอยช้ำบนเรือนร่างมินตราตามคอขาวที่ช้ำแดงเป็นจ้ำบ้างก็มีรอยฟัน ริมฝีปากที่มุมปากแดงช้ำผิวขาวผ่องที่มีแต่รอยรักที่เขาปฏิบัติกับเธอเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้งเขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงทำกับมินตราได้ขนาดนี้ อะไรมันเข้าสิงให้เขารุนแรงป่าเถื่อนขนาดนี้เพียงคิดว่าเธอจะหนีหายไปจากเขากลัวใครมาแย่งเธอไป ใจก็พาลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มือแกร่งสัมผัสไหล่บางเบาๆก้มจุมพิตอ่อนโยน ตัวรุมๆอุ่นๆ เพราะเขาอีกสินะ.... “ ฮึกๆ อื
“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก “ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกค
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์