“ เดี๋ยวสิมิก....พี่ฉันคุยอะไรกับนายบ้าง ” ภัสสรเมื่อเรียนเสร็จเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากสายสืบในไนท์คลับที่ถูกเธอดึงมาเป็นพวกในการเกาะติดรณภพและรับรู้การเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่างก็เหตุการณ์ที่พี่วัตต์เข้ามาเห็นตอนนั้นทำให้เธอไม่เจอหน้ารณภพมาสองวันแล้วนี่พี่ชายเธอทำอะไรเขารึเปล่า..ทำให้ความอยากรู้แล่นปราดสถานที่ที่ต้องมาก็คือไนท์คลับนี่แหล่ะ
“ ไม่มีอะไรนี่...” เขาหลบเลี่ยงการตอบคำถามของเธอปล่อยให้สงสัยบ้างก็ดี ใยคุณหนูจอมจุ้น........... “ นายช่วยหยุดเดินก่อนไม่ได้รึไง....รีบเดินไปตามหาวัวหาควายรึไงกันรีบจริง! ” ภัสสรเริ่มเหนื่อยหอบเมื่อเขาเดินเร็วตรงปรี่ไปที่ลานจอดรถน้ำเสียงออก ประชดประชันจนรณภพชักหมั่นไส้ใครใช้ให้ตามหล่ะ “ ใครบอกว่าตามหาหล่ะ ฉันกำลังหนีมากกว่า ” เขาประชดกลับไปในคำถามของเธอแต่เป็นคำตอบของเขาสายตาแอบลอบชำเลืองมองคุณหนูขี้วีนสังเกตปฏิกิริยาของเธอ “ ..........?? ” ภัสสรเองพอได้ยินคำตอบของเขาก็เริ่มสตั้นไปสามวิทบทวนประโยคของเขา “ หนึ่ง สอง สาม ” รณภพหลี่ตาชำเลืองเมื่อไม่เห็นหญิงสาวเดินประชิดตัวแต่หยุดนิ่งก็รู้แล้วหล่ะในสิ่งที่เธอคิด “ กรี๊ด...นายมิก..ไอ้บ้านายด่าฉัน หมายถึงวัวถึงควายหรอหยุดเลยนะคนบ้า ” เสียงกรี๊ดคือคำตอบของเวลาที่เขาคำนวนว่าจะเห็นมันตอนที่เธอนึกได้นั่นเอง เขาอมยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ เดาผิดเสียที่ไหนหล่ะ “ แล้วเธอจะตามฉันมาทำไมห๊ะ ” เขาพูดแล้วคร่อมบิ๊กไบค์ คู่ใจวางมือพาดบนหมวกนิรภัยราคาแพงเขาซึ่งเท่ห์ไม่น้อย “ ก็จนกว่านายจะบอกนั่นแหล่ะว่าคุยอะไรกับพี่ฉันบ้าง ว่าไงจะบอกไหม ”ภัสสรเท้ามือยึดหน้ารถไว้ระหว่างแฮนจับทั้งสองข้างยื่นหน้ามานิดๆจ้องหน้าคมหล่อๆของเขาที่ยังมีรอยฝกช้ำมุมปาก “ ไม่! เรื่องอะไรฉันต้องบอกเธอ หืม อยากรู้ไปถามพี่ของเธอดูเองสิหลบไปใยคุณหนู! ” เขาใส่หมวกนิรภัยแล้วพูดเสียงออกจะเป็นคำสั่งในตอนท้าย “ ไม่หลบ ทำไมต้องหลบในเมื่อนายไม่บอกฉันก็จะขวางทางนายอยู่อย่างนี้แหล่ะ! ” เธอกอดอกเชิดหน้าไม่ยอมแพ้ รณภพได้แต่ส่ายหัวกับท่าทางของเธอถึงจะแอบยิ้มภายใต้หมวกก็เถอะก่อนจะชักน้ำเสียงกลับไปอย่างคนป่าเถื่อน “ นี่ใยคุณหนู ปัญญาอ่อนหรอครับ เธอคิดว่า ฉันไปไม่ได้หรือไง ตัวเธอเล็กนิดเดียว ชนทีก็กระเด็นเละ คิดดีๆนะ กึ๊ก บรื้น บรื้น ๆๆๆ ” เขาใส่หมวกนิรภัยราคาแพง เตะขาตั้งขึ้นให้พ้นพื้น และบิดคันเร่งดังๆ ขู่เธอ คนใส่ชุดนักศึกษาเบื้องหน้าเริ่มกังวล เป็นบุญตาจริงๆ โว้ยไอ้มิก ได้เห็นใยนี่ใส่ชุดนักศึกษาสักที เธอเริ่มขยับตัวถอยห่างเมื่อรณภพบิดคันเร่งให้รถเคลื่อนตัว “ นายจะทำบ้าอะไร ” รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะชนแต่คิดว่าไม่น่าจะทำแต่ตอนนี้ภัสสรกลับเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอคิดถูก “ หนึ่ง ” เขาฟังเธอเสียที่ไหนแถมมานับเลขบ้าอะไรมันกดดันเธอชัดๆ “ นะ นายจะทำอะไร นายไม่กล้าจริงๆใช่ไหม ” “ สอง ” ฟังเสียเมื่อไหร่กัน “ ชนเธอไง สาม ” ตอบคำถามสุดท้ายและตัวเลขเวลาสุดท้ายคือคำตอบแล้วว่าเขาไม่กลัวเธอสักนิด “ กรี๊ด มิกบ้าให้ตายดิ นายหนีฉันแบบนี้เนี่ยนะ บ้าที่สุดเลย กรี๊ด ” รณภพที่แค่ขับรถเคลื่อนตัวเบาๆในตอนแรกแค่พอให้คุณหนูจอมซ่าส์หลบทางให้พ้นก่อนจะเร่งความเร็วเต็มที่เมื่อพ้นเธอ “ คอยดูนะมิก สักวันฉันจะทำให้นายหมดฤทธิ์ทำเก่งใส่ฉันให้ได้เลย ชิ เจ็บใจนัก ” ถึงปากจะด่าว่าแต่ใบหน้างามกลับมีรอยยิ้ม ประมาณสองชั่วโมงกว่าหลังจากที่รณภพขับรถแล่นไปเรื่อย ในที่สุด บิ๊กไบค์คันงามก็ถูกหยุดอยู่หน้าบ้านหรือคฤหาสน์เขาไม่แน่ใจเพราะมันใหญ่โตเสียเหลือเกิน กระจกที่ปกปิดดวงตาบนตัวหมวกกันน็อคถูกเปิดขึ้นเพื่อมองให้ชัด สายตามองเห็นหญิงสาวสองคนที่อยู่หน้าบ้าน เหมือนกำลังคุยหรือทำอะไรสักอย่างหญิงคนนึงคือคนที่เป็นบุคคลที่ได้สายเลือดที่ผูกพันธ์กันมาคนที่เขายังไม่ได้แม้จะเอ่ยคำขอโทษ มีฐานะเป็นพี่สาวของตน ส่วนอีกคน คือ หญิงสาวที่เริ่มเข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตเขาแบบเนียนๆแต่เขาไม่ได้รู้สึกว่ารำคาญจนอยากหนีไปไกลๆ ปฏิกิริยาที่เขาแสดงกับเธอซึ่งปกติเขาแทบไม่คุยหรือพบปะกับพวกผู้หญิงสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ “ สบายดีใช่ไหมมิน แค่เห็นว่ามินได้อยู่บ้านที่สบายกว่าบ้านหลังนั้นปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว มิกก็เบาใจแล้ว ขอโทษนะมิน มิกจะดูแลมินให้ดีได้กว่านี้ อดทนหน่อยนะ สักวันมิกจะพามินไปอยู่บ้านของพวกเรา มีมิน มีพ่อและก็มิก ” รณภพพูดเบาๆกับตัวเอง แต่สายตามองไปยังพี่สาวที่ตนเองเคยทำให้เธอไม่สบายใจ มินตราที่หลังจากภวิชพาเธอไปพักผ่อนวันนั้นแล้วเขาก็แสนจะน่ารักดูแลเอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง ยามเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็พบเพียงกระดาษโน๊ตเล็กๆ ตรงหัวเตียงมือถือราคาแพงเครื่องเล็กที่มีรูปเขากับเธอตอนที่ดินเนอร์ด้วยกันยามค่ำคืนบนหน้าจอ ไม่รอช้าที่จะหยิบกระดาษเล็กๆขึ้นมาอ่าน “ ภรรยาที่รักวันนี้สามีขอโทษนะครับที่ไม่ได้อยู่ดูแลตามที่ตกลงไว้ พี่ต้องไปประชุมที่เชียงใหม่ไว้กลับมาแล้วพี่จะพาไปทานอาหารอร่อยๆของเรานะครับ คนสวย กินข้าวให้ตรงเวลานะครับ พี่ไม่ชอบกอดเมียผอมๆ ไม่อบอุ่น ^^ คิดถึงพี่บ้างน้ะ พี่คิดถึงภรรยาคนสวยของพี่ที่สุด..............สามีที่รัก จุ๊ฟๆ ” “ แหว่ะ พี่วิช เลี่ยนจะตายเขียนไปได้ยังไง ” ถึงจะเลี่ยนก็ชั่งแต่เธอก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ ไม่มีความหวานที่ใดจะหวานได้เท่าริมฝีปากของนารี ไม่มีหญิงใดที่ไม่ปลาบปลื้มยินดีกับคำที่อ่อนหวานจากชายที่รักผู้หญิงทุกคนย่อมต้องการความเอาใจใส่จากคนที่รักเสมอ มินตราชัดเจนแล้วในหัวใจคำตอบของเขาจะเป็นเช่นใดเธอไม่อาจจะรู้ “ ตึ้งๆ ตึ้งๆ ” เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้มินตราละสายตาไปมองแล้วหยิบขึ้นอ่าน “ 100 กว่าข้อความ นี่พี่วิชว่างนักหรือไงไหนบอกทำงานเอ๊ะ ” เธอแอบดุเขาในใจดูก็รู้แล้วชื่อที่แสดงหน้าจอมันบอกได้ชัดที่เดียวว่าเป็นภวิช ก็เขาเล่นพิมคำว่า สามีที่รัก หน่ะสิ สามีเธอจะมีใครหล่ะเขาคนเดียวนั่นแหล่ะ คนบ้า โทรศัพท์บอกยกให้เธอแล้วดูแต่ละข้อความที่ส่งมาสิ .....เบอร์ติดต่อโทรหาได้แค่สามีนะครับ................ ....เครื่องนี้พี่ให้มินเป็นของขวัญสำหรับคืนวันดีๆ........ ....สามีเป็นคนที่ขี้หวงเอามากๆ.........ฉะนั้นภรรยาจะต้องห้ามให้ใครจับโทรศัพท์เด็ดขาด.... ....คนที่จะโทรหามินได้นอกจากพี่แล้วก็มีแค่ ทัช กฤษ สายชล คนที่พี่ให้ดูแล (ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหาพวกนั้น เข้าใจนะ ^^ บอกแล้วพี่หวง!!*-*) และยังมีอีกมากมายหลายข้อความที่แทบจะไม่มีส่วนไหนเลยที่บ่งบอกว่าเธอคือเจ้าของไอโฟนราคาแพงตัวใหม่ล่าสุดตัวนี้ให้ แต่ประโยคสุดท้ายที่เธอเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเขายังอุตส่าห์ห่วงความปลอดภัยของเธออีก ~ พี่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ มินดูแลตัวเองดีๆนะ เกิดเรื่องอะไรไม่ดีรีบโทรหาพี่เข้าใจไหมครับ ห้ามปิดบังพี่เด็ดขาด พี่เป็นห่วงนะครับ ภรรยาคนสวยของพี่ ถ้าเห็นข้อความพี่แล้วตอบพี่หน่อยนะ ให้พี่รู้ว่ามินปลอดภัย คิดถึงบ้างรึเปล่า อยากได้ยินคำให้ชื่นใจสักนิดก็ยังดี พี่ประชุมก่อนนะครับ คิดถึงมินนะ ~ ในห้องพักของโรงแรมห้าดาวสุดหรูของจังหวัดเชียงใหม่ ภวิชโยน เสื้อสูทลงบนโซฟา เอนกายลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ห่างมินตราเขาตรงไปคุยกับภวัตต์ที่ไนท์คลับ ได้ฟังเรื่องราวจากพี่ชายแล้วฉุนจนแทบจะชกหน้าคนที่พี่ชายบอกกำลังจะทำอะไรน้องสาวตนเอง แต่พอได้เห็นหน้าแค่นั้นทุกอย่างก็หยุดลง เมื่อเสร็จงานที่ไนท์คลับเขาก็ตรงขึ้นมาที่เชียงใหม่ทันที ช่วงนี้เขาตัวติดมินตราแจ ไม่ค่อยได้เข้าบริษัทสักเท่าไหร่ปกติเวลามีปัญหาเขาจะให้สายชลหรือไม่ก็ทัช ให้เข้ามาดูแลในส่วนนั้นๆ แต่เห็นทีคราวนี้ที่ต้องมาเองเพราะมันส่งผลกระทบกับหุ้นส่วนหลายๆคนที่เริ่มวิตกกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลงเพราะเกิดวิกฤตจากภัยธรรมชาติที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เขาจึงต้องมาเร่งหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่นๆที่ต้องการกำลังใจ จากเขาและการทำงานของเขาที่เป็นตัวหลักจากบริษัทใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนที่นี่มันแค่ส่วนย่อยเท่านั้น......เขาหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า หนวดเคราเริ่มขึ้นแล้ว ไหนจะต้องจัดการตามหาพ่อของมินตราอีกบ่อยครั้งที่มินตราเกริ่นๆกับเขาเกี่ยวกับเรื่องพ่อของเธอ เขาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ยังไงก็ต้องหาให้เจอจนได้ “ ไม่คิดจะโทรมาหามาถามกันบ้างรึไงนะมิน ใจร้ายกับพี่จัง คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียวมันไม่รู้สึกดีเอาซะเลยนะ กลับไปจะลงโทษซะให้เข็ด ” เขาคาดโทษเธอพลางล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแสดงใดๆทั้งสิ้น “ แบตหมดหรอเนี่ย เฮ้อ ” เขาลุกขึ้นไปเสียบสายชาร์ต สามวันเต็มๆที่แทบไม่ได้นอนอยากเร่งวางแผนโครงการให้เสร็จหาวิธีเสนอและปูแผนงานใหม่เรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวแล้วหาอย่างอื่นมาทดแทนรายได้ที่ขาดไปแทน ซึ่งในข้อมูลนี้เขาต้องกลับไปตกลงกับบริษัทแม่หรือบริษัทหลักที่อยู่กรุงเทพ อีกอย่างคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วเนี่ย “ รู้อย่างนี้พามินมาด้วยก็ดี ” เขาชาร์ตแบตทิ้งไว้แล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายที่ตอนนี้เวลาก็เกือบสี่ทุ่มเข้าให้แล้ว เมื่อร่างกายผ่อนคลายบ้างความอ่อนล้าเริ่มลดลง “ ไม่โทรหากันจริงๆหรอเนี่ย ป่านนี้หลับสบายไปแล้วมั้ง ” คิดอย่างงอนๆ กดปุ่มเปิดเครื่องเมื่อสัญญาณทุกอย่างของเครื่องมือสื่อสารระบบเริ่มพร้อม ดูเหมือนคนขี้น้อยใจจะเปลี่ยนอาการเป็นดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ “ ตึ้งๆๆ ” ข้อความไลน์ที่เด้งขึ้นต่อเนื่อง เบอร์ของเธอที่เขาเมมพิเศษกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่มีใครมีสิทธิ์ได้เป็นนอกจากมินตราคนเดียว ................. ขอบคุณนะคะพี่วิช มินสบายดีค่ะ ไหนบอกโทรศัพท์ของมินแล้วนี่พี่วิชสั่งทุกอย่างแบบนี้ มินว่าพี่วิชเอาคืนไปเถอะมินซื้อเองก็ได้.......++ .................มินทานข้าวแล้วพี่วิชทานข้าวหรือยังค่ะ.................... .................งานยุ่งมากไหมค่ะพักผ่อนบ้างหรือเปล่า...................... ..................นี่กินข้าวบ้างหรือยังเย็นแล้วนะคะ............................. ..................พี่วิชรีบพักผ่อนนะคะเดี๋ยวไม่สบายอย่าหักโหมนัก............... .......ทำงานให้สบายใจนะคะไม่ต้องห่วงมิน พี่วิชทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องรีบนะคะ......... ***ปล. ถ้ามินผอมจนพี่วิชบอกไม่อยากกอดก็ไม่ต้องมากอดเลยนะ ชิ้ ใครอยากให้กอดกัน อยากกอดคนหุ่นอวบๆ ก็ไม่ต้องมากอดเค้าเลย “ ฮ่าๆ ” ภวิชหัวเราะเสียงดัง เมื่ออ่านข้อความของเธอรอยยิ้มประทับใบหน้างดงามทุกประโยคของสาวเจ้าที่ตอบเขาทั้งห่วงใยทั้งแอบงอน ประชดประชัน แต่ก็น่ารักประโยคสุดท้ายที่เพิ่งเด้งขึ้นมามันทำให้เขารู้ว่ามินตรายังไม่นอน .....................อีกอย่าง................มินคิดถึงพี่วิชนะคะ.......คนดีของมิน จุ๊ฟๆฝันดีนะคะ ไม่รอช้าเลยที่จะโทรหาคนสวย ความน้อยใจมลายหายไปหมดสิ้น ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่คิดถึงเธอ การสนทนาด้วยความห่วงใย จบท้ายด้วยการราตรีสวัสดิ์คนสวยทิ้งประโยคท้ายอีกประโยค “ เมียพี่ผอมแล้วไง พี่มีเมียคนเดียว ไม่ไปกอดใครแน่นอนครับทูนหัว ฝันดีครับคนสวยของพี่ ” ประโยคสุดท้ายของภวิชทำให้คนในจอมือถือที่ใช้วีดีโอคอลถึงกับยิ้มแก้มปริ“ อะไรกันเนี่ย นายเรียกฉันมาทำไมมีอะไรคุยทีหลังไม่ได้รึไงต้องมาคุยอะไรตอนนี้จะรีบกลับบ้านโว้ย ! ” “ เดี๋ยวนี้นายติดบ้านติดช่องตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ยักรู้หรือที่บ้านมีอะไรพิเศษถึงอยากกลับไปนัก ” ภวัตต์หรี่ตามองหน้าน้องชายคล้ายจับพิรุธ “ เปล่า มีอะไรพูดมาเร็วๆเสียเวลา ” “ เออน่า อย่าบ่นนักเลยฉันคิดถึงน้องไม่ได้หรือไง ” ภวัตต์เทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้น้องชายที่ตอนนี้นั่งแทบไม่ติดไม่รู้จะรีบกลับทำไมหนักหนา นี่อย่าบอกนะว่ามันรักสัตว์ในช่วงนี้ โทรไปกี่ทีมันก็บอกเลี้ยงแมวบ้าง ดูกวางน้อยบ้าง อยากเห็นหน้าตาจริงๆจะน่ารักขนาดไหน ลูกมงลูกแมวอะไรเนี่ย ภวิชเดินไปรอบห้องนอนคนโสดของพี่ชาย ว้าวุ่นใจจนแทบคลั่ง “ วัตต์เราถามหน่อยสิ นายไม่มีหวานใจบ้างหรือไง ” “ จู่ๆมาถามฉันเรื่องนี้ทำไมวะว่าที่คู่หมั้นนายหล่ะเจอบ้างรึยัง ” ภวัตต์ยกแก้วกาแฟเข้าปาก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ภวิชเริ่มมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยนึกถึงเวลาถ้าเจอหน้าคู่หมั้นจริงๆแล้วมินตราของเขาหล่ะเธอจะรู้สึกยังไง วันนี้เขาไลน์บอกเธอแล้วว่าคงจะถึงบ้า
เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของแม่นม ภวิชไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าขายาวๆ ก้าวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ทะลุประตูหลังของบ้านใหญ่ เยื้องออกไปเป็นบ้านหลังเล็ก และถัดไปอีกไกลพอตัวซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไม่แปลกหรอกที่มินตราจะไม่ได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของภวิชที่ทำขึงขังเสียงดัง เพราะมันอยู่ห่างกันกับห้องครัวพอประมาณ “ คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวป้าเก็บเอง ” “ เกร้ง ๆ ไม่เป็นไรค่ะมินเก็บดีกว่าเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเข้าจะแย่ไม่ลำบากอะไรนี่ค่ะ ” “ ฟึ่บ กึก โอ้ย /กรี๊ด ” มือเรียวเล็กของมินตราที่กำลังเก็บเศษจานแก้วที่เผลอทำหล่นแตกถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือที่กำลังเก็บเศษแก้วนั้นถูกของคมแหลมบาดเข้าให้เป็นทางยาว เธอร้องด้วยความตกใจส่วนแม่นมนั้นกรี๊ดเสียงหลงเพราะทั้งตกใจที่เห็นคุณชายที่เธอเลี้ยงดูฉุดกระชากหญิงสาวแถมมินตรายังโดนของคมปักเข้าที่มืออีก มินตราเงยหน้ามองคนที่มาฉุดกระชากเธอ “ พี่วิช ” เธอยิ้มออกกว้างด้วยความดีใจจนลืมบาดแผลไปแล้วด้วยซ้ำคิดถึง เขาอยากกอดมากๆรู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็กลับมาแต่ท
“ ฮึกๆ ฮึก ” ภวิชขยุบขยิบดวงตาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะเสียงบางอย่างที่ดังมาจากคนที่หลับในอ้อมแขนของเขาที่ส่งเสียงสะอื้นภวิชผงกหัวขึ้นเล็กน้อยจูบหน้าผากมนตามเคยชิน อุณหภูมิที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขาลุกนั่งพร้อมคว้าคนในอ้อมกอดให้นั่งด้วย “ ฮึกๆ ฮือๆ ” “ มิน ” เสียงสะอื้นหญิงสาวทำให้หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อเธอร้องเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาที่หลับพริ้มแต่มีน้ำใสๆไหลลงห่างตาตลอดทำเอาภวิชนิ่งไปชั่วคราวเขาค่อยๆพามินตราล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมร่างบอบบางที่ยังไม่ทันได้ใส่อะไรสักชิ้นแต่แล้วมือก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นรอยช้ำบนเรือนร่างมินตราตามคอขาวที่ช้ำแดงเป็นจ้ำบ้างก็มีรอยฟัน ริมฝีปากที่มุมปากแดงช้ำผิวขาวผ่องที่มีแต่รอยรักที่เขาปฏิบัติกับเธอเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้งเขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงทำกับมินตราได้ขนาดนี้ อะไรมันเข้าสิงให้เขารุนแรงป่าเถื่อนขนาดนี้เพียงคิดว่าเธอจะหนีหายไปจากเขากลัวใครมาแย่งเธอไป ใจก็พาลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มือแกร่งสัมผัสไหล่บางเบาๆก้มจุมพิตอ่อนโยน ตัวรุมๆอุ่นๆ เพราะเขาอีกสินะ.... “ ฮึกๆ อื
“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก “ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกค
จนได้!...ไอ้มิกเอ้ยไอ้มิก...ยุ่งไม่เข้าเรื่อง......จริงๆเลย รณภพด่าตัวเองเป้าหมายที่เขาต้องการไปจริงๆคืออยากไปฟิตเนสสักหน่อยอากาศกำลังดีท้องฟ้ามัวๆ ที่ไม่มีแดดเขาชอบนัก เวลาขับรถคู่ใจแล้วมันไม่ร้อนดีเสือกดันมาตาดีเห็นใยคุณหนูจอมเปิ่น ยืนกำหมัดแน่นที่โดนด่าคำแรงๆจากหญิงสาวที่ข้างเธอมีชายหนุ่มอีกคนมอง ภัสสรอยู่หน้าห้างดังห้างหนึ่งการยืนมองของกลุ่มคนรอบๆ ทำให้รณภพรู้ทันทีว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ รณภพส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทั้งที่บอกจะว่าไม่ใส่ใจ แต่เหตุฉะใดขาเขาจึงตามเจ้าหล่อนไปทุกที่ได้หล่ะนั่นดันมาอยู่ใน เหตุการณ์ซะได้ ทำไมไม่ขับตรงไปฟิตเนสอย่างที่ตั้งใจวะไอ้มิก เขากร่นด่าตัวเองในใจ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้รณภพประหม่าที่คาดการณ์เดาเธอผิดไปนึกว่าจะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอซะแล้ว และการตอบกลับของเธอทำให้รณภพพอใจไม่น้อย ผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงเบื้องหน้าที่ดูท่าคงเป็นแฟนกัน..รณภพดูแคลน..คิดว่าคุณหนูมีปัญหาอะไรมากมายสุดท้ายคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตบตีแย่งกัน.....น่าละอายชะมัด ชายหนุ่มหันหลั
“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ “ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักน
เช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง
“ แกร๊ก ฟึ่บ!! ” ก้าวแรกที่มินตราเหยียบสัมผัสกับพื้นเรือไฟทุกอย่างบนเรือก็ติดขึ้น สว่างไสวทำให้มินตราได้เห็นความสวยงามของเรือสำราญลำนี้อย่างชัดเจน “ นี่มันอะไรกันค่ะ ” “ ก็ดินเนอร์มื้อพิเศษไง เข้าไปข้างในกันนะครับ ” “ ค่ะ ” ภวิชกางแขนให้มินตราควงแต่มินตราไม่จับสักทีเขาเลยถือโอกาสดึงมือเธอคล้องเขาเองแล้วยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ..... “ ทำไมมันดูโล่งๆจัง ” ภวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ้อมตัวมาขยับเก้าอี้ให้กับมินตราเขากระซิบตอบข้างๆหูเธอเบาๆเมื่อเธอนั่งลงกับเก้าอี้ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอว่า “ มินไม่รู้หรอว่าพี่รวยพอจะเหมาเรือทั้งลำเพื่อคนพิเศษ ” ถึงมันจะเป็นคำพูดเบาๆแต่ก็ทำให้มินตราร้อนไปถึงใบหูได้เลย “ คนบ้า ฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่อง ” “ เอ้า เงินก็เงินพี่ พี่พอใจจะทำ ใครจะทำไม ” “ ค่ะพ่อเศรษฐี ” มินตราเบ๊ะปากใส่เขาที่ทำหน้าทะเล้นพูดจาไม่สนใจใครอย่างหมั่นไส้ แต่ภวิชกลับยิ้มกว้างเมื่อเจอคนสวยเขาตอกหน้าเข้าให้
ภวิชนั่งรอมินตราแต่งตัวเขาไม่บ่นไม่ว่าและไม่ต้องการให้มินตรารู้สึกแย่อะไรไปกว่านี้ทางที่ดี ควรจะหุบปากตัวเขาไว้น่าจะดีกว่าสินะ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภวิชเรียกสติกลับมา “ ว่าไงวัตต์ ฉันกำลังรอมินตราอยู่วันนี้ว่าจะพาเขาไปทานข้าวข้างนอก ” เขามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มินตรากำลังแต่งตัวอยู่ “ เอ่อ คือนายจะรอหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าวันนี้ฉันงดทำงาน ” ภวิชโวยวายใส่ปลายสายที่มาเร่งเอางาน นึกคึกบ้าอะไรวันนี้ด้วย เขาหันไปมองมินตราที่ส่งค้อนวงงามให้เขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ส่งค้อนวงงามมาให้เขาก็ไม่กล้า จะขัดใจแล้ว ช่วงนี้ทำไมมินตราอารมณ์แปรปรวนนัก เขาแอบสำรวจชุดเดรสที่เธอใส่ เล็กน้อย คนตัวเล็กสวยเกินจนเขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริงๆ อยากขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้แหล่ะ “ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ” ภวิชบอกเสียงเรียบตอบปลายสาย สายตาแอบมองคนสวยของเขาจนไม่อยากคุยกับพี่ชายตัวเองแล้ว “ นี่เสร็จหรือยังเนี่ย? เอ่อ แค่ถามหน่ะ ” คนชอบวางอำนาจเผลอลืมตัวขึ้นเสียงนี่มันติดเป็นนิสัยแก้
มินตราเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเธอรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นเลย วันก่อนสายชลคุยกับเธอเรื่องของมิกที่ได้รับทุนไปเรียนต่อจากมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุนที่รณภพได้นั้นเป็นทุนที่มาจากภวิช แล้วเธอยังคิดจะฆ่าตัวตายแบบนี้ได้ยังไง มือถือก็ใช้ไม่ได้ โดนยึดไปอีก มินตราไม่ต่างจากนกน้อยใจกรงเลยสักนิด แต่เธอจะรู้ไหมที่ภวิชให้เธอหลบอยู่แต่ในบ้านนั้นเพราะมีคนคิดที่จะทำร้ายเธอ “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูทำให้มินตราหันไปมอง และเมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นหน้าของน้องชายตัวเองที่ยิ้มจางๆส่งมาให้ “ ว่าไงมิน ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะหาวิธีฆ่าตัวตายอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะไม่นับถือว่าเธอเป็นพี่ฉันอีกต่อไป ” มินตรามองหน้าน้องชายที่มานั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของเธอ ตั้งแต่รณภพมาอยู่ที่นี่ความคิดเขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบอะไรกับชีวิตมากขึ้นแววตาความห่วงใยของมินตราและความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองคิดทำร้ายตัวเองได้ “ มิกพี่ขอโทษนะที่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้น พี่แค่รู้สึกท้อ มิกรู้เรื่องของพ่อรึยัง ”