“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ
“ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักนิดเธอจะกลับไปห้องไหนกันเมื่อทั้งเธอและเขานอนห้องนี้ด้วยกันมานับเดือน “ เชิญหัวเราะไปคนเดียวเถอะ ขอตัวนะคะ ” “ เอ๊ะ! มินนี่ชักยังไง เป็นอะไรห๊ะ แล้วไอ้ห้องที่ว่าจะไปมันห้องไหน? หรือมีผัวหลายคนจนจำไม่ได้ว่าห้องนี้ก็ห้องผัวของเธอ ” “ ผั๊วะ!! ” เมื่อหมดคำพูดของเขาฝ่ามือน้อยๆก็ตบเข้าให้จังๆสักที แต่ละคำที่พูดออกมาทำเอาสติแทบหลุด คนถูกตบหน้าชาหันมากระชากเธอเข้าหา น้ำตาไหลลงหางตาของเธอ เขาไม่อาจเดาได้เลยว่ามินตรานั้นรู้สึกยังไง “ จี้โดนใจดำหรือไง ห้ะ! ถึงตบหน้าฉันได้หรือต้องให้ย้ำว่าผัวกับเมียเขาจบกัน ด้วยท่าไหน! ” ภวิชใช้สายตาแทะโลมร่างกายบอบบางที่ดูท่าคงจะหายจากไข้แล้วถึงมีแรงมาตบเขาได้ถึงจะแรงไม่มากแต่ก็ทำให้แสบๆคันๆได้ “ คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ สมองมีแต่เรื่องแย่ๆ หึๆ เปล่าประโยชน์ที่จะคุยกับคนอย่างคุณจริงๆ ” “ ด่าผัวขนาดนี้หายดีแล้วสิเมียจ๋า ไม่อยากคุยงั้นคงไม่ว่านะถ้าผัวจะทำอะไรต่ำๆในเรื่องอย่างว่า ให้สมคำของเมีย! ” น้ำเสียงที่เดี๋ยวเน้นเข้มเดี๋ยวเบาที่ยั่วยวนทำให้คนอยากเอาชนะลงมือทำให้สมคำด่าของเธอ คำด่าที่เจ็บไปถึงใจโดยไม่นึกเลยว่าคำพูดเขาก็ทำร้ายเธอไม่น้อย “ ปึ่ก อึก โอ้ย อืม ” เสียงกระแทกแผ่นหลังของคนไข้สาว ที่ภวิชดันให้เธอชนเข้ากับประตูห้องนอนที่เขาอาศัยดึงเธอเข้าหาตอนที่ด่าเขาแล้วดันร่างเธอ ชนมันให้ปิดลงเสียงร้องกระอักกระอ่วนของความแรงที่ถูกดันให้หลังกระแทกจนเจ็บ ปิดลงด้วยริมฝีปากหนาที่บรรเลงจูบเหมือนพายุที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงฝ่ามือหนาคลึงเคล้นปทุมถันให้ชูตั้งรับสัมผัสที่โหยหาของร่างกายที่คุ้นเคย “ อ่า อืม ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้คุณวิชฉันขอร้อง ” เธอส่งเสียงที่มีน้อยนิดต่อต้านสัมผัสที่เริ่มร้อนแรงและซาบซ่านของเขา “ เธอขอแล้วฉันเคยให้ไหม หืม ไม่มีสิทธิ์อะไรถ้าเธอจะปฏิเสธเพราะฉันไม่มีทางให้ ” พูดจบเขาก็ละรอยจูบที่คอขึ้นไปจูบปิดริมฝีปากเธออีกครั้งเรียวลิ้นอุ่นร้อนชื้นสัมผัสกวาดโพลงควานหาเรียวลิ้นบางหวานที่หลบหนีมินตราที่ทรงตัวทรุดลงกับพื้นอย่างคุมไม่ได้ ขาแข้งอ่อนเปลี้ยลงง่ายๆแค่เขาสัมผัสมันฝ่ามือทุบตีดิ้นหนีเมื่อมือร้อนเขาเริ่มใกล้จุดอ่อนไหวเคล้นคลึงสัมผัสมันเกิดเป็นไฟปรารถณา เสียงหอบหายใจเรียกชื่อมินตราหลาย ต่อหลายครั้งของภวิชที่สร้างความสุขสมให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่าไปถึงฝั่งฝันหลายต่อหลายรอบ ทั้งหอมหวาน ซาบซ่านและเร่าร้อน จริงสินะคนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรไปสั่งเขาเธอเป็นแค่ดอกไม้ริมทางไม่ใช่ดอกไม้ประดับแจกัน ยามสายๆของอีกวัน “ ปัง / หยุดนะมิน ” เสียงปิดประตูพร้อมร่างบอบบางที่แอบตื่นก่อนเขาตอนไหนไม่รู้เธอวิ่งออกจากห้องลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ภวิชวิ่งตามลงมาเป็นช่วงที่ภัสสรโพล่เข้าบ้านมาพอดี “ จ้ะเอ๋ พี่วิช วิ่งลงบันไดทำไมตั้งแต่เช้าค่ะ ” ภัสสรเรียกชื่อพี่ชายก่อนที่จะตามมินตราไป มันไม่ง่ายนักหรอกที่เธอจะยอมเข้าใจอะไรง่ายๆระหว่างพี่ชายกับผู้หญิงที่บอกว่าเป็นแม่บ้านคนใหม่ นั่นแหล่ะที่ทำให้มินตราขนเสื้อผ้าไปนอนที่เรือนหลังเล็กเพราะไม่อยากให้ภัสสรไม่พอใจ จะว่าไปนั่นมันแค่ประเด็นหนึ่งเท่านั้นส่วนอีกหนึ่งอย่างคือความจริงที่เธอได้ยินเต็มสองหูของเธอเอง มินตราวิ่งออกทางประตูหลังบ้านรีบตรงไปจะเข้าห้องแต่ถูกฝ่ามือใครบางคนประกบปิดปากเอาไว้ลากเธอเข้ามุมกำแพง “ กรี๊ด อื่อ อือ ” เสียงอู้อี้ในลำคอที่ตะโกนกรีดร้องด้วยความตกใจ “ มิน ฉันเอง ” เสียงที่คุ้นหูทำให้อาการดิ้นรนของมินตราหยุดนิ่ง “ มิก ” เมื่อเห็นหน้าน้องชายมินตรายิ่งฉงน ลุคการแต่งกายของน้องชายที่เปลี่ยนไป ชุดเสื้อหนังที่ชอบใส่มันถูกแทนที่ด้วยชุดสูทที่ทำให้รณภพดูเป็นผู้ใหญ่ที่สำคัญเขาดูหล่อเสียจนเธอแทบจำน้องชายตัวเองไม่ได้ “ สบายดีไหม เป็นไรรึเปล่า ” รณภพถามพี่สาวที่ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว “ มิกมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึง..... ” มินตราไม่ตอบคำถามแต่ตั้งคำถามเสียเองสายตาที่มองสำรวจร่างกายที่คล้ายตั้งคำถามที่พูดค้างเติ่งไว้ไม่จบทำให้รณภพตอบกลับอย่างเข้าใจ “ เรื่องมันยาวไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังส่วนเรื่องพ่อ มินก็ไม่ต้องห่วงฉัน จะตามหาพ่อเอง ” “ จริงนะมิก มิกต้องมาบอกพี่นะว่าพ่ออยู่ไหนมิกรู้หรอจะหาพ่อยังไงพี่ถาม คุณภวิชทีไรเขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วงแล้วก็ไม่ตอบพี่สักที ” “ รู้แล้วน่า ” รณภพตอบผ่านๆไป จริงๆแล้ว ภวิชบอกเรื่องพ่อกับเขาตั้งแต่วันที่ไปพบกับเขาเรื่องใยคุณหนูจอมแสบแล้วว่าพบพ่อแล้วแต่ทำไมภวิชถึงไม่บอกมินตรา ถึงตอนแรกจะไม่ชอบพี่ชายของใยคุณหนูสักเท่าไหร่แต่หลังจากที่ได้คุยกับเขาวันนั้นแล้วรณภพมีความคิดที่เปลี่ยนไปสัมผัสถึงความจริงใจที่มีให้กับพี่สาวตนเขาจึงขอไม่ยุ่งปล่อยให้จัดการเรื่องส่วนตัวกันตามสบาย “ จริงสิมิน ฉันมีอะไรจะขอให้ช่วยหน่อย ” รณภพเอ่ยเสียงขึ้น มินตราที่มองหน้าน้องชายด้วยความสงสัยนี่น้องเธอโตและหล่อขนาดนี้ไม่มีสาวๆมาหลงหรือไง “ อะไรหรอ ” “ เธออย่าบอกใครได้ไหมว่า ฉันเป็นน้องชายหรืออย่าบอกใครได้ไหมว่าเธอเป็นพี่สาวของฉัน ” “ ทำไม? ” “ มีเหตุผลแล้วกัน โดยเฉพาะใยคุณหนูจอมแสบนั่นอย่าให้รู้เข้าใจนะ ” เขาทำปากยื่นปากยาวไปในบ้าน เพราะคุณหนูผู้หญิงบ้านหลังนี้ก็มีแค่คนเดียว “ คุณวาวหน่ะหรอ เอ๋รู้จักเธอได้ไงหน่ะไม่บอกจริงหรอมิก ” มินตราเอาศอกกระทุ้งแขนสะกิดน้องชายพร้อมรอยยิ้มแซวๆ ไปรู้จักภัสสรตอนไหนกันดูจากคำพูดกับฉายาจะสนิทกันไม่น้อย “ อย่าเพิ่งถามมากน่า รับปากมาก่อนว่าจะไม่บอก ” “ แต่คุณวิชก็รู้ ” “ นั่นมันเรื่องของฉันกับเขาเราคุยกันแล้วไม่มีปัญหา เธอจะรับปากฉันได้หรือยัง ก็แค่เฉพาะตอนอยู่ในบ้านนี้ พ้นจากบ้านนี้ทุกอย่างเหมือนเดิม ได้ไหม ” “ เห้อ ก็ได้ ” เธอถอนหายใจออกมานึกว่าต้องตัดพี่น้องกันไปตลอดซะอีกก็ไม่รู้ว่ารณภพคิดอะไรอยู่แต่ที่รู้ๆเวลานี้ “ มิกขอพี่กอดหน่อยดิ คิดถึง ” มินตราเอ่ยเบาๆน้องชายจะยอมไหมไม่แน่ใจ “ เฮ้อ ฟึ่บ ” รณภพถอนหายใจ แต่แล้วมินตราก็ต้องนิ่งเพราะรณภพกลับเป็นคนดึงเธอเข้าไปกอดเอง “ ฉันขอโทษนะมิน ” มินตราซบหน้ากับไหล่น้องชายน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้รณภพทำให้เธออบอุ่นอีกครั้งเพราะสายเลือดที่ผูกพันธ์ตอนนี้เธออ่อนแอเพราะความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือระหว่างเธอกับภวิช ไม่รู้สถานะภาพ ไม่สิ ไม่รู้แน่ชัดต่างหาก ว่าเธอคือของมีค่าที่เขาอยากได้หรือแค่เขาสนุกเห็นเป็นเพียงดอกไม้แค่ประดับเบื่อแล้วทิ้งไม่มีเกียรติไม่มีค่ามากพอให้ออกงานหรือสร้างหน้าตาได้ในสังคมเธออยากได้กำลังใจซึ่งอ้อมกอดของน้องชายทำให้เธออบอุ่น “ ฮือๆๆๆ มิก ” “ เข้มแข็งนะมิน สักวันเราจะได้อยู่พร้อมครอบครัวฉันสัญญา ” รณภพกอดพี่สาวที่กำลังร้องไห้ตัวโยน ไม่รู้ว่ามินตราเป็นอะไรทำไมร้องไห้ขนาดนี้ ที่แน่ๆคือความรู้สึกข้างใน ส่วนเหตุผลที่เขามานี่ได้หน่ะหรือ ก็เพราะต่อไปนี้เขาจะมาเป็นบอดี้การ์ดใยคุณหนูตามข้อตกลงของเขากับภวิชที่เคยคุยกัน ตอนแรกว่าจะไม่ทำแต่พอเห็นเวลาใยคุณหนูพูดถึงผู้หญิงแม่บ้านที่มาอยู่ใหม่ เธอมักมีสีหน้าทั้งชอบและไม่ชอบเขาไม่รู้ว่าภัสสรคิดยังไงกับสาวแม่บ้านคนใหม่ที่เป็นพี่สาวตัวเองจะแกล้งอะไรพี่สาว เขารึเปล่าเขาเลยอยากรู้รับข้อเสนอ.....ถ้าคิดจะแกล้งพี่สาวฉันได้เห็นดีกันแน่ใยคุณหนูรณภพคิดในใจ สักพักเขาจึงผละมินตราออก “ อย่าลืมนะมินอย่าบอกใครระหว่างความสัมพันธ์ของเรา ” “ อืม ” แล้วก็ยิ้มหวานให้กันทั้งคู่ ............ ............ “ หึ ร้ายนักนะมินตราแม่บ้านสาวพราวเสน่ห์เสียจริง ” ภัสสรที่บังเอิ้น บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีความสัมพันธ์ระหว่างสองคนงั้นหรอ....จะบอกอิจฉาคงใช่เธออิจฉา หญิงสาวที่เป็นแค่แม่บ้านคนใหม่ งั้นหรอ? ที่เธอเห็นวิ่งลงมาจากบันไดห้องพี่ชายของเธอ โกหกสินะ จะถามพี่ชายให้รู้แล้วรู้รอดพี่ชายก็ชิ่งวิ่งหนีเข้าห้องเสียก่อน หน้าไม่อายผู้หญิงอะไรนอนกับผู้ชายอีกคนแต่กลับไปแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้ชายอีกคน ซึ่งผู้ชายคนนั้นคือคนที่เธอมีใจ อย่าฝันไปเลยว่ามันจะง่าย ตอนแรกเธอไม่ได้เกลียดอะไรหล่อนนักหรอกแต่ตอนนี้ เธอเกลียดที่หล่อนได้รอยยิ้มของรณภพแบบนั้นไป อิจฉาจนแทบจะไปกระชากตัวออกมาให้ห่างกัน ภัสสรแอบสบประมาทสาวที่เคยคิดว่าใสซื่อพอจะเป็นมิตรได้แม้จะชื่นชมในด้านการทำอาหารและขนมแต่พอเห็นเหตุการณ์แบบนี้มันกลับทำให้เธอดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย “ มินตรา ต่อไปนี้เธอกับฉันเป็นศัตรูกัน ฉันไม่ยอมให้มิกของฉันตกเป็นของเธอแน่ ” ภัสสรกำมือมองคนสองคนผ่านหน้าต่างทางห้องครัวเข้าไปในสวนหย่อมที่มีดอกไม้นานาพันธ์เธอแอบสร้างกำแพงกั้นระหว่างเธอกับมินตราไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ เลยว่ากลายเป็นหนามทิ่มหัวใจใครบางคนเข้าแล้วเช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
ภวิชนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประโยคของภวัตต์ยังดังอยู่ในหัว เขารักมินตราจริงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนั้นนี่เมื่อไหร่มินตราจะมาสักทีหนีกลับบ้านไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้ภวัตต์ออกไปดูดบุหรี่หลังจากที่ตาพยาบาลมาช่วยใส่สายน้ำเกลือให้คนป่วยที่ยังซ่าต่อยพี่ชายอย่างเขาได้กว่าจะได้คุยกันปกติภวัตต์ก็โดนชกไปอีกหลายที “ แกร๊ก อ้าวคุณพ่อคุณแม่มาได้ยังไงครับ ” พอได้ยินเสียงประตูเขาก็คิดว่ามินตราคงมาแล้วแต่กลับไม่ใช่ดั่งใจคิด...บิดาแล้วก็มารดาต่างหาก “ พ่อกับแม่ก็นั่งรถมานะสิว่าแต่วิชเป็นยังไงบ้างลูก ” คนเป็นแม่จับฝ่ามือลูกชายเมื่อรู้ข่าวทั้งลูกชายลูกสาวคนเป็นแม่แทบจะล้มทั้งยืน “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่ ผมกะว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปพักที่บ้านแล้วครับ “ อืม ดีแล้วลูกแม่ตกใจมากเลยรู้ไหมวิชลูกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เข้าใจไหม ” “ ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ” ภวิชตอบอย่างสุภาพ เออ...หายมันไปทั้งคู่ ทั้งเมียทั้งไอ้พี่ชายฉวยโอกาสนี่มันจะแอบไปจูบเมียเขาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้..... คิดอย่างนี้แล้วเขาก็อย
“ ฟอด ม้วฟ จุ้ฟ ตื่นได้แล้วครับคนสวย...เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่พี่มารับพี่กลับแล้วนะครับ ” ภวิชขโมยหอมแก้มหญิงสาวที่นอนคว่ำกับที่นอนตะแคงหน้าออกข้างเพื่อหายใจ เสียงภวิชที่บอกว่าจะมีคนมาเยือนทำให้คนที่กำลังจะปลุกคนขี้เซาด้วยการจูบอีกครั้งเจอหัวมนๆของเธอกระแทกปากเข้าให้ “ ปลั่ก โอ้ย มิน พี่เจ็บนะครับ ” เขากุมปาก ก็จู่ๆเธอเด้งตัวลุกนั่งคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดู “ หกโมงครึ่ง! ” ตายแล้ว! ฟึ่บ พี่วิชทำไมไม่ปลุกมินหล่ะ โธ่ เดี๋ยวก็มีคนเห็นจนได้ทำไมไม่เรียกมินเนี่ย ” มินตราร้องตกใจ ก้าวลงจากเตียงหยิบเสื้อพงเสื้อผ้ารีบเข้าห้องน้ำเสียงเล็ดลอดต่อว่าคนที่ตื่นก่อนดังเล็ดลอดเบาๆให้เขาได้ยิน “ หึๆ ถ้ากลัวช้าพี่อาบให้ไหม.... ” ภวิชยิ้มกว้างตอบกลับคนสวยของเขาที่อยู่ในห้องน้ำอย่างเย้าแหย่ “ กลัวช้ากว่าเดิมสิไม่ว่า....ขออาบน้ำแปปนะคะเดี๋ยวมินจะออกไปพับที่นอนให้ ” เธอตะโกนออกมาอีกครั้ง “ หึๆ ครับๆ ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคนสวยที่เขาเรียกร้องจากเธอเกือบทั้งคืน กว่าจะได้หลับก็เกือบเช้า เขาอยากให้มินตราได
“ เออ นี่สายชล นายช่วยโทรตามลุงสมมารับฉันทีนะฉันจะไปเดินเลือกซื้อของที่ห้างสักหน่อย ” “ อ้าวคุณป้าไม่ไปเดินเที่ยวด้วยกันหรอค่ะ ” รฏาที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ ไม่หล่ะจ้ะป้าอายุเยอะแล้ว ไม่ชอบไปเบียดอึดอัดกับใครมากๆ รฏาไปเที่ยวให้สนุกเถอะลูกไม่ต้องห่วงป้า ” หญิงสูงวัยแตะที่มือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู ภวิชไม่ได้สนใจการสนทนาของทั้งสองคนเขาเอาแต่มองคนที่นั่งเบาะหลังต่อ จากเขาผ่านกระจกหลังเท่านั้นมินตราเผลอหลับเพราะเธอปวดหัวและก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะเขานั่นแหล่ะที่รังแก “ วิช วิชค่ะ ” รฏาเขย่าแขนคนที่นั่งเหม่อข้างๆเธอ เขาคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา “ ครับ รฏา ” ภวิชหันมายิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่สบตากับเขา ใจเขาสั่นไหวใบหน้าและรอยยิ้มหวานของรฏายังสวยใสอยู่เสมอความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้เธอถูกเปิดออกมาอีกครั้งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว มือหนาเอื้อมไปเช็ดหางตาที่มีเศษคล้ายกับทิชชูชิ้นเล็กๆ เกาะหางตาของคนที่เขาเคยมีใจให้อย่างอ่อนโยน “ อะไรหรอค่ะวิช หน้ารฏาเปื้อนอะไรหรอคะ
....วันนี้ทั้งวันมินตราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกกี่ชม....... “ วันนี้คนเยอะจังนะคะ วิชว่าไหม ” สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดดเด่นเป็นสง่า เรียกสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี อีกสองคนที่เดินตามหลังก็เด่นไม่ต่างกันแต่สองคนที่เดินตามหลังนั้นอารมณ์ไม่ได้สนุกเช่นคู่หน้าเอาเสียเลย มินตราพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมความรู้สึก “ มิน พี่ว่าจะไปหาอะไรกินหน่อยมินไปกับพี่ไหมอยู่แถวนี้นานๆชักจะเลี่ยน ” ภวัตต์ถามมินตราเสียงดังพอจะไปกระทบเข้าโซนประสาทของใครน่า จะได้บ้างแหล่ะนะและมันได้ผลเพราะสองคนที่เดินนำหน้าชะงักแล้วหันกลับมามองแต่เขาไม่ได้สนใจ คำสุดท้ายจงใจเน้นหนักๆ เขารู้ว่ามินตรากำลังรู้สึกยังไง มือแกร่งวางบนบ่ามินตราจับเธอหันเข้าหา แล้วก้มศีรษะมองหน้าคนที่ส่ายหัวปฏิเสธคำชวนของเขา ตอนที่เขาจูบหน้าผากมินตราที่โรงพยาบาล พอได้โอกาสช่วงที่มินตราไปเอายาเขาเลยเลี่ยงแกล้งไปดูดบุหรี่แต่จริงๆแล้วตั้งใจไปตามหามินตราเพื่ออธิบายและขอโทษขอโพยเธอซะยาวแล้วไม่รู้ว่าอะไร เขาอยากได้เธอมาเป็นน้องสาวอีกคนจึงบอกไปว่าต่อไปนี้เขาเป็นพี่ชายอี
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์