จนได้!...ไอ้มิกเอ้ยไอ้มิก...ยุ่งไม่เข้าเรื่อง......จริงๆเลย รณภพด่าตัวเองเป้าหมายที่เขาต้องการไปจริงๆคืออยากไปฟิตเนสสักหน่อยอากาศกำลังดีท้องฟ้ามัวๆ ที่ไม่มีแดดเขาชอบนัก เวลาขับรถคู่ใจแล้วมันไม่ร้อนดีเสือกดันมาตาดีเห็นใยคุณหนูจอมเปิ่น ยืนกำหมัดแน่นที่โดนด่าคำแรงๆจากหญิงสาวที่ข้างเธอมีชายหนุ่มอีกคนมอง
ภัสสรอยู่หน้าห้างดังห้างหนึ่งการยืนมองของกลุ่มคนรอบๆ ทำให้รณภพรู้ทันทีว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ รณภพส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทั้งที่บอกจะว่าไม่ใส่ใจ แต่เหตุฉะใดขาเขาจึงตามเจ้าหล่อนไปทุกที่ได้หล่ะนั่นดันมาอยู่ใน เหตุการณ์ซะได้ ทำไมไม่ขับตรงไปฟิตเนสอย่างที่ตั้งใจวะไอ้มิก เขากร่นด่าตัวเองในใจ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้รณภพประหม่าที่คาดการณ์เดาเธอผิดไปนึกว่าจะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอซะแล้ว และการตอบกลับของเธอทำให้รณภพพอใจไม่น้อย ผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงเบื้องหน้าที่ดูท่าคงเป็นแฟนกัน..รณภพดูแคลน..คิดว่าคุณหนูมีปัญหาอะไรมากมายสุดท้ายคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตบตีแย่งกัน.....น่าละอายชะมัด ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับตามทางเก่าที่เพิ่งผ่านมันมาแต่คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าใยคุณหนูจะไม่วีนเหวี่ยง เสียงแหลมๆที่ไม่คุ้นเคยดังเข้าโสตประสาทรณภพแม้กำลังจะเดินออก ไปจากเหตุการณ์แต่ทุกอย่างได้ยินชัดเจน........ “ ใยลูกเป็ดขี้เหร่ พี่ณุเขาไม่กลับไปหาหล่อนหรอกยะ ใยคุณหนูไฮโซโดนแฟนทิ้ง....อ่อๆคนนี้เองหรอค่ะพี่ณุ ที่ทั้งจืดชืด รสนิยมสูง แต่เฉิ่มเชย....ตายละมิน่าหล่ะพี่ณุถึงเบื่อ ” หล่อนกรีดกรายกอดอกปรายตามองอดีตคนรักที่แฟนหนุ่มข้างกายเธอเคยคบเคยเปรยให้ฟัง รณภพนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆที่ทำให้เขาต้องชะงักเท้าแล้วหันไปสนใจกับมันอีกครั้งภัสสรกำมือแน่นด้วยความโกรธจนหน้าขาวๆแดงจัดก่อนจะ ปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วกอดอกเลียนแบบสาวตรงหน้า “ ฉันโดนทิ้งแล้วมันหนักส่วนไหนในร่างกายเธอ อย่ามั่นหน้านักนะขอเตือนนึกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันจะรักใครจริงหรือไง......อ่อ นี่ขนาดรู้เรื่องของฉันตอนคบกับเขา...หึๆ ไม่ละอายบ้างหรอจ้ะคบเขาตอนที่เขาคบฉัน...หรือไม่รู้จักหาเองถึงชอบคาบของคนอื่นไปกิน เดี๋ยวแปปนะ อ่ะฉันให้เป็นของขวัญ เผื่อเอาไว้ใช้คงไม่นานหรอกน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า ” ภัสสรพูดในน้ำเสียงเรียบเธอแสร้งหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วส่งให้ไม่ใยดีเท่าไหร่ ปล่อยมันปลิวลงไปอย่างทิ้งๆ ด่าได้เจ็บแสบชะมัด รณภพกอดอกมองห่างๆท่ามกลางฝูงชนที่อยากรู้ บางคนก็หัวเราสะใจกับคำสอนที่แฝงคำด่าดีๆ ของคุณหนูตัวแสบที่ด่ากลับนี่แหล่ะ! สังคมไทยอยากรู้เรื่องของคนโน้นคนนี้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตน จะด่าอะไรมากก็ไม่ได้เพราะตอนนึ้เขาเองก็เป็นหนึ่งในฝูงชนเช่นกัน “ กรี๊ดนี่แกด่าฉันหรอห๊ะใยลูกเป็ดขี้เหร่ไม่มีใครรัก ” “ นั่นมันอดีตใยบ้าเอ้ยเดี๋ยวแม่ก็เอารองเท้ายัดปากซะนี่ เธอหน้าตาดีและสวยแต่เด็กหรอ ใบหน้านั้นไม่เคยผ่านมีดหมอจริงหรือเปล่า ” ภัสสรตอกหน้ากลับไม่ไว้หน้า.มารยาทหน่ะมี แต่ว่าเลือกใช้กับคนบางคนซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กับผู้หญิงตรงหน้าที่ด่าเธอ อดีตคนรักทำไมถึงเอาเรื่องราวจุดอ่อนของเธอในอดีต ไปเล่าให้ผู้หญิงคนอื่นมาดูถูกเธอ “ น้องนุชพอเถอะครับอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ” อดีตคนรักของภัสสรร้องห้ามเขารู้ดีว่าหญิงสาวคนรักเก่านั้นนิสัยเช่นไร พี่ชายเธอมีอิทธิพลในสังคมมากแค่ไหนแล้วตอนนี้ภัสสรเองก็ไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่แล้วด้วย ตรงกันข้ามเธอน่ารักและดูสวยมากกว่าแต่ก่อนซะอีกถ้ารู้ว่าโตแล้วน่ารักขนาดนี้เขาไม่บอกเลิกกับเธอหรอกถึงแม้ตอนนั้นเธอและเขาจะศึกษาดูใจกันไม่นานและอาจขัดใจต่อคนในครอบครัวของหญิงสาวเสียด้วย แต่เพราะตอนนั้นเธอมีประโยชน์ที่เขาสามารถใช้เธอเป็นทางในการทำธุรกิจได้ แต่ไม่นานก็ต้องจบลงเพราะพี่ชายของเจ้าหล่อนรู้เรื่องที่ใช้น้องสาวเขาเป็นเครื่องมือ “ คิดว่ามีอำนาจมากนักรึไงห๊ะ ” “ มากไม่มากฉันก็ยุบบริษัทพ่อเธอได้ก็แล้วกันไม่เชื่อก็ลองดู! ” ทำไมภัสสรจะไม่รู้จักนางแบบตรงหน้าหล่ะเธอถ่ายปกนิตยสารตั้งเยอะแล้วนี่พ่อหล่อนเองก็เปิดบริษัทซึ่งหุ้นหลักก็ตระกูลเธอทั้งนั้น ไม่อยากอวดหรอกนะแต่เห็นนางชะนีนี่มั่นหน้าเกินเลยอยากอัดเล่นๆ “ มากเกินไปแล้วนะอีบ้า ” หล่อนยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าคุณหนูสาวไฮโซ “ พลั่ก ! โอ้ว ” รณภพถึงกับตะลึงเมื่อใยคุณหนูปล่อยหมัดเล็กๆอัดใส่สาวตรงหน้าเสียงร้องทั้งตกใจและตะลึงของคนรอบข้างไม่ต่างจากชายหนุ่มเลย “ จำไว้! ฉันไม่ใช่นางเอก ที่จะอยู่เฉยๆ แล้วยืนให้เธอตบ.....สำหรับฉันถ้าใครทำฉันเจ็บล่ะก็ มันจะต้องเจ็บกว่าฉันสิบเท่าจำไว้ ” ภัสสรชี้หน้าใส่หญิงสาวที่หน้าหงายไปเพราะถูกชกเข้าให้ มือเรียวจับจมูกตัวเอง “ กรี๊ดเลือด กรี๊ด แก.....ฟึ่บ ” “ โอ้ย! หมับ! ” ทันทีที่ภัสสรพูดจบเธอก็หันหลังจะเดินไปที่จอดรถแต่กลับถูกมือนางแบบสาวกระชากที่ผมเข้าให้มือน้อยๆของภัสสรเอื้อมไปยื้อผมตัวเองให้ลดความตึงหนังศรีษะลงบ้าง นางแบบสาวหมุนร่างเธอกลับมาเพื่อจะตบสักฉาดแต่มือกลับค้างกลางอากาศเพราะถูกใครบางคนคว้าเอาไว้ “ อย่าแตะต้องเธอ! ฟึ่บ ” น้ำเสียงเข้มของผู้ชายคนนึงดังขึ้นทำให้นางแบบสาวหันไปมอง.. “ มิก ” เธอร้องเรียกชื่อเขาเบาๆ รณภพใส่เสื้อคอวีสีขาวทับด้วยเสื้อหนังแขนยาวสีดำ หล่อชะมัด! ปลื้มอีกแล้วสิวาวเอ้ย! รณภพผลักมือที่จับนางแบบสาวไว้แล้วผลักออกให้หล่อนเซไปหาคู่รักของเธอ....... “ นี่พวกแกรุมฉันหรอ ” “ นุช พี่บอกให้พอแล้วไง กลับ จะกลับไหมหรืออยากจะอยู่ให้อายคนอีกก็เชิญ พี่ขอตัว ” ภาณุสุดจะทนกับางแบบสาวแล้ว บอกว่าอย่าไปยุ่งกับภัสสรเขารู้เธอไม่ได้ขู่แต่ทำจริงและจริงที่สุดด้วย! .........มินตราขอแยกจากรณภพเมื่อทุกอย่างเริ่มปกติ......อยากคิดทบทวนอะไรดู เธอเลยขับรถมาที่สวนสาธารณะที่ตอนนี้เริ่มจะเย็นแล้ว รูปสมัยมัธยมต้นเธอหยิบมันออกจากกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดู คิดแล้วมันน่าจะอัดให้เข็ดสักที “ ฟึ่บ ” “ ทำบ้าอะไร! แล้วนี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” เมื่อรูปในมือถูกมือปริศนาช่วงชิงอย่างไร้มารยาทไป เธอจึงหันมาเพื่อจะดูหน้าแต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าคำด่าจึงตั้งเป็นคำถามแทน “ ไหน ดูสิ เธอกำลังดูอะไรอยู่ ” “ นี่เอาของฉันคืนมานะ ไม่มีมารยาทที่สุด เอามา ” ภัสสรเขย่งปลายเท้าสุดเอื้อมมือจะแย่งของ ของตัวเองรณภพก็ชูแขนสุดแรงเกิดจนเธอเริ่มท้อเลยประชดเข้าให้ “ ลำพังตัวนายก็สูงจนฉันเอื้อมไม่ถึงอยู่แล้ว เขย่งอีกทำซากอะไร อยากดูก็เชิญดูไปเลย เชอะ ” เธอหน้างอง้ำคิ้วขมวด “ ก็สิ้นเรื่อง ” เขาไม่สำนึกสักนิดว่าเธอกำลังด่าเขาอยู่รณภพมองรูปในมือเสียงของคุณหนูจอมแสบก็พูดเป็นระยะ “ ขี้เหร่ใช่ไหมหล่ะ.....อยากหัวเราะอะไรก็ทำมาน่าสมเพศใช่ไหมล่ะที่เห็นฉันแบบนี้ ฉันโดนทิ้งมา ไม่ต้องถามนะว่าทำไม ฮึก นายคงได้ยินหมดแล้ว ” น้ำตาไหลอย่างสุดจะทน “ เธอยังชอบผู้ชายคนนั้นอยู่หรือไง? ” “ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายนายมายุ่งอะไรด้วย ฉันจะชอบหรือไม่จะสนใจทำไม ” ไม่ใช่ว่ายังรักแต่เจ็บใจซะมากกว่าอดีตคนรักเคยหลอกใช้เธอแล้วยังควงผู้หญิงคนใหม่มาเยาะเย้ยดูถูกรูปลักษณ์ของเธอในอดีตอีก ภัสสรกำลังโมโหเธอไม่อยากได้ยินชื่อคนเฮงซวยคนนั้น “ เออ ก็ดี งั้นฉันไปหล่ะตามสบาย ” เขาตอบกลับแบบไม่ใส่ใจแล้วเดินออกไปจากสวนสาธารณะแห่งนั้นที่ตอนนี้เริ่มโพล้เพล้แล้ว “ ฮือๆๆๆๆ ” เมื่อรณภพเดินจากไป เสียงร้องไห้สุดจะกลั้นก็ปล่อยออกมา..ใครกันจะอยากโดนล้อปมด้อยของตัวเอง รณภพที่ฉุนกับคำพูดของคนขี้วีนที่เขาอุตส่าห์ช่วยแต่กลับกลายเป็นวุ่นวายสำหรับเธอ ถึงจะรู้ไม่ได้ตั้งใจก็เถอะนะ เขาขับรถคู่ใจวนไปจอดมุมตึกที่ฝั่งตรงข้ามสามารถมองเห็นจุดที่เขาเพิ่งโดนไล่มาถึงนั่นจะไล่เขาแต่เขาคงไปยังไม่ได้หรอก ความรู้สึกถึงการมีปมด้อยเขาเข้าใจมันดีเพราะเขาเองก็มีมันเหมือนกันอย่างน้อยๆได้มองเห็นเธอในเวลานี้แม้จะไกลๆก็ตามยังดีกว่าให้อยู่คนเดียว จะทำอะไรก็ทำไปเขาก็เคลื่อนไหวไปตามเธอนั่นแหล่ะไม่ได้ทิ้งไปไหนไกลเลยที่ถามว่าเขามาได้ไงก็คงไม่ต้องตอบ ขับตามเธอมาหน่ะสิ..เขาหยิบรูปที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหนังด้านในออกมาดูพลางดีดที่รูปเบาๆ เขานั่งบนตัวรถคู่ใจที่เต๊ะขาตั้งล็อคกับพื้นไว้เพื่อเป็นที่พัก “ ร้องไห้ทำไม ไม่เห็นจะขี้เหร่เลยใยคุณหนูจอมแสบ น่ารักดีออก ” เขาเอ่ยชมรูปภาพที่เขาถือวิสาสะเอามาเลยตอนเธอไล่เขา..รูปผู้หญิงอ้วนๆตอนม.ปลายน่าจะกำลังแรกแย้ม ถักเปีย แก้มยุ้ยๆ แตกต่างมากกับปัจจุบันถ้าเทียบอายุแล้วแสดงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพึ่งจะผ่านมาไม่นานแว่นตาหนาที่เธอใส่ตอนนี้ไม่ใส่แล้ว....... “ ครืดๆ ” เสียงฟ้าร้องที่เริ่มดังขึ้นไม่ช้าไม่นาน ฝนก็เทลงมาอย่างกับไม่เคยตกมานานปี “ ดี เยี่ยมจริงๆ ตกมาเยาะเย้ยฉันหรือไงห๊ะ? เอาเลยสิ ตกมาเลย ตกเยอะๆ ชอบ! ” ทั้งประชดทั้งสงสัย อยู่ๆฝนที่สาดซัดเข้ามามันกลับรู้สึกไม่สัมผัสถึงตัวเหมือนเมื่อครู่จนเธอสงสัย เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยทุกอย่างเหมือนตกในภวังค์ รณภพที่วิ่งฝ่าฝนมา...คนไม่พกร่มเช่นเขาจะมีก็แค่เสื้อหนังที่จะพอเป็นร่มเงาให้หลบได้บ้างฝ่ามือที่จับเสื้อหนังดันออกจากลำตัวไปข้างหน้าเผื่อกำบังให้หญิงสาวไม่ต้องเปียกโชกไปมากกว่านี้ “ เปียกโชกอย่างกับลูกหมาเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ” รณภพเปรยขึ้น สายตามองตรงไม่ได้สนใจคนที่นั่งกับเก้าอี้ไม้เบื้องล่างที่มองหน้าดูเขา “ ............ ” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของหญิงสาวเขาจึงถามอีกครั้ง “ ถามจริงเถอะ! เสียใจกับผู้ชายคนนั้นมากหรือไง หรือรักอยู่ถึงได้ร้องไห้แข่งกับฝนแบบนี้? ” “ ฮือๆๆ ” เหมือนจะร้องหนักกว่าเดิมรณภพลดสายตาลงมองคนที่ร้องไห้ที่ตอนนี้ก้มหน้าร้องหนักกว่าเดิม “ เปล่าฉันไม่ได้รักเขา แต่ฉันฮือๆ แค่เจ็บใจ ที่คนที่ฉันเคยให้ใจเขาไม่ได้รักฉันอย่างจริงๆ....ฉันเจ็บใจที่เชื่อใจเขาง่ายๆ และเจ็บใจที่สุดคือเขาเห็นจุดอ่อนของฉัน เป็นเรื่องสนุกปาก เจ็บใจๆ ฮือ นายเข้าใจไหม! ” คนที่ร้องไห้ทุบเก้าอี้ไม้รัวในประโยคสุดท้าย รณภพมองฝ่ามือน้อยๆแต่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการห้าม เธอแค่หาทางระบายมันเพราะ มันลงกับใครไม่ได้ไงเลยลงที่ตัวเอง “ จะสนใจทำไม ตอนนี้เธออยู่กับปัจจุบัน ใครทิ้งก็ชั่งหัวมันสนใจทำไม! ความรักมันบังคับไม่ได้ แม้บางครั้งรู้ว่าเลวแต่ก็รัก บางทีรู้ว่าเขาไม่รักแต่ก็ยังอยากทำให้ ฉันว่าเธอรอเย้ยไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ดีกว่าหรอห๊ะ ทำตัวให้มีค่าให้ดูดีสักวันก็คงมีคนที่รักเธอโดยที่เธอไม่ต้องพยายามด้วย แล้วก็ขอบคุณมันด้วยที่ทิ้งไปให้เธอได้รู้จักเลือกรักใครที่ดีๆ ” ภัสสรเงยหน้ามองคนที่รอสบสายตาของเธออยู่ก่อนแล้ว ไม่คิดว่ามนุษย์เถื่อนที่หล่อนปลื้มนั้นจะมีทฤษฏีโลกสีชมพูอยู่ด้วย ...ภัสสรหายเศร้าตั้งแต่ที่เห็นเขามายืนบังฝนให้เธอแล้ว...... ยิ่งเจอคำคมกวีเด็ดๆจากเขา ยิ่งหลงปลื้มไปอีก “ รู้แล้วๆ บ่นจริงเลย ” “ อีกอย่าง! ฉันไม่เคยเห็นปมด้อยของใครเป็นเรื่องสนุก ตรงกันข้ามฉันกลับมองพวกคนที่คิดว่าคนที่เห็นปมด้อยคนอื่นเป็นเรื่องสนุก คนพวกนั้นต่างหากคงมีปมด้อยมากกว่า ” เขาเบ้ปากอย่างเอือมๆ “ อืม ฉันจะคิดแบบนาย ” “ งั้นเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้นฉันยอมตามใจเธอจนถึงตีห้าพรุ่งเลย ” ภัสสรรีบก้มมองนาฬิกานี่ก็จะสองทุ่มแล้วรณภพยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสาวเจ้าที่ไม่เหลือวี่แววว่าจะร้องไห้ต่อเลย......เธอไม่รู้เลยรึไงว่าจุดด้อยจุดอ่อนมันเป็นจุดเด่นของเธอไปแล้ว ทั้งรูปร่างและหน้าตาไม่มีแล้วปมด้อยอะไรนั่น ที่สะดุดและเป็นเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนก็คือรอยยิ้มตรงแก้มบุ๋มนั่นแหล่ะคือจุดเริ่มต้นหลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าที่ห้างเปลี่ยน ที่ตอนนี้กลายเป็นเขาต้องมาเดินตามต้อยๆคุณหนูสาวที่เดินช็อปปิ้งกระจายหาเรื่องแท้ๆเลยมึงเอ้ย เขาสบถให้ตัวเอง เขายังคงเดินตามถือของและทำตามที่เธอต้องการปากเปราะเสียจริงลืมนึกไปว่าคุณหนูที่มีแต่คนเอาใจเมื่อมีข้อเสนอยื่นให้เกิดถูกใจ....คิดหรือว่า?....เธอจะปฏิเสธ.......“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ “ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักน
เช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
ภวิชนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประโยคของภวัตต์ยังดังอยู่ในหัว เขารักมินตราจริงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนั้นนี่เมื่อไหร่มินตราจะมาสักทีหนีกลับบ้านไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้ภวัตต์ออกไปดูดบุหรี่หลังจากที่ตาพยาบาลมาช่วยใส่สายน้ำเกลือให้คนป่วยที่ยังซ่าต่อยพี่ชายอย่างเขาได้กว่าจะได้คุยกันปกติภวัตต์ก็โดนชกไปอีกหลายที “ แกร๊ก อ้าวคุณพ่อคุณแม่มาได้ยังไงครับ ” พอได้ยินเสียงประตูเขาก็คิดว่ามินตราคงมาแล้วแต่กลับไม่ใช่ดั่งใจคิด...บิดาแล้วก็มารดาต่างหาก “ พ่อกับแม่ก็นั่งรถมานะสิว่าแต่วิชเป็นยังไงบ้างลูก ” คนเป็นแม่จับฝ่ามือลูกชายเมื่อรู้ข่าวทั้งลูกชายลูกสาวคนเป็นแม่แทบจะล้มทั้งยืน “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่ ผมกะว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปพักที่บ้านแล้วครับ “ อืม ดีแล้วลูกแม่ตกใจมากเลยรู้ไหมวิชลูกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เข้าใจไหม ” “ ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ” ภวิชตอบอย่างสุภาพ เออ...หายมันไปทั้งคู่ ทั้งเมียทั้งไอ้พี่ชายฉวยโอกาสนี่มันจะแอบไปจูบเมียเขาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้..... คิดอย่างนี้แล้วเขาก็อย
“ ฟอด ม้วฟ จุ้ฟ ตื่นได้แล้วครับคนสวย...เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่พี่มารับพี่กลับแล้วนะครับ ” ภวิชขโมยหอมแก้มหญิงสาวที่นอนคว่ำกับที่นอนตะแคงหน้าออกข้างเพื่อหายใจ เสียงภวิชที่บอกว่าจะมีคนมาเยือนทำให้คนที่กำลังจะปลุกคนขี้เซาด้วยการจูบอีกครั้งเจอหัวมนๆของเธอกระแทกปากเข้าให้ “ ปลั่ก โอ้ย มิน พี่เจ็บนะครับ ” เขากุมปาก ก็จู่ๆเธอเด้งตัวลุกนั่งคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดู “ หกโมงครึ่ง! ” ตายแล้ว! ฟึ่บ พี่วิชทำไมไม่ปลุกมินหล่ะ โธ่ เดี๋ยวก็มีคนเห็นจนได้ทำไมไม่เรียกมินเนี่ย ” มินตราร้องตกใจ ก้าวลงจากเตียงหยิบเสื้อพงเสื้อผ้ารีบเข้าห้องน้ำเสียงเล็ดลอดต่อว่าคนที่ตื่นก่อนดังเล็ดลอดเบาๆให้เขาได้ยิน “ หึๆ ถ้ากลัวช้าพี่อาบให้ไหม.... ” ภวิชยิ้มกว้างตอบกลับคนสวยของเขาที่อยู่ในห้องน้ำอย่างเย้าแหย่ “ กลัวช้ากว่าเดิมสิไม่ว่า....ขออาบน้ำแปปนะคะเดี๋ยวมินจะออกไปพับที่นอนให้ ” เธอตะโกนออกมาอีกครั้ง “ หึๆ ครับๆ ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคนสวยที่เขาเรียกร้องจากเธอเกือบทั้งคืน กว่าจะได้หลับก็เกือบเช้า เขาอยากให้มินตราได
“ เออ นี่สายชล นายช่วยโทรตามลุงสมมารับฉันทีนะฉันจะไปเดินเลือกซื้อของที่ห้างสักหน่อย ” “ อ้าวคุณป้าไม่ไปเดินเที่ยวด้วยกันหรอค่ะ ” รฏาที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ ไม่หล่ะจ้ะป้าอายุเยอะแล้ว ไม่ชอบไปเบียดอึดอัดกับใครมากๆ รฏาไปเที่ยวให้สนุกเถอะลูกไม่ต้องห่วงป้า ” หญิงสูงวัยแตะที่มือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู ภวิชไม่ได้สนใจการสนทนาของทั้งสองคนเขาเอาแต่มองคนที่นั่งเบาะหลังต่อ จากเขาผ่านกระจกหลังเท่านั้นมินตราเผลอหลับเพราะเธอปวดหัวและก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะเขานั่นแหล่ะที่รังแก “ วิช วิชค่ะ ” รฏาเขย่าแขนคนที่นั่งเหม่อข้างๆเธอ เขาคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา “ ครับ รฏา ” ภวิชหันมายิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่สบตากับเขา ใจเขาสั่นไหวใบหน้าและรอยยิ้มหวานของรฏายังสวยใสอยู่เสมอความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้เธอถูกเปิดออกมาอีกครั้งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว มือหนาเอื้อมไปเช็ดหางตาที่มีเศษคล้ายกับทิชชูชิ้นเล็กๆ เกาะหางตาของคนที่เขาเคยมีใจให้อย่างอ่อนโยน “ อะไรหรอค่ะวิช หน้ารฏาเปื้อนอะไรหรอคะ
....วันนี้ทั้งวันมินตราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกกี่ชม....... “ วันนี้คนเยอะจังนะคะ วิชว่าไหม ” สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดดเด่นเป็นสง่า เรียกสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี อีกสองคนที่เดินตามหลังก็เด่นไม่ต่างกันแต่สองคนที่เดินตามหลังนั้นอารมณ์ไม่ได้สนุกเช่นคู่หน้าเอาเสียเลย มินตราพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมความรู้สึก “ มิน พี่ว่าจะไปหาอะไรกินหน่อยมินไปกับพี่ไหมอยู่แถวนี้นานๆชักจะเลี่ยน ” ภวัตต์ถามมินตราเสียงดังพอจะไปกระทบเข้าโซนประสาทของใครน่า จะได้บ้างแหล่ะนะและมันได้ผลเพราะสองคนที่เดินนำหน้าชะงักแล้วหันกลับมามองแต่เขาไม่ได้สนใจ คำสุดท้ายจงใจเน้นหนักๆ เขารู้ว่ามินตรากำลังรู้สึกยังไง มือแกร่งวางบนบ่ามินตราจับเธอหันเข้าหา แล้วก้มศีรษะมองหน้าคนที่ส่ายหัวปฏิเสธคำชวนของเขา ตอนที่เขาจูบหน้าผากมินตราที่โรงพยาบาล พอได้โอกาสช่วงที่มินตราไปเอายาเขาเลยเลี่ยงแกล้งไปดูดบุหรี่แต่จริงๆแล้วตั้งใจไปตามหามินตราเพื่ออธิบายและขอโทษขอโพยเธอซะยาวแล้วไม่รู้ว่าอะไร เขาอยากได้เธอมาเป็นน้องสาวอีกคนจึงบอกไปว่าต่อไปนี้เขาเป็นพี่ชายอี
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์