“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก
“ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกคำเพราะเธอทำท่ารำคาญเต็มทนแล้วเดี๋ยวเถอะไอ้ท่าทางกระเง้ากระงอดที่ดูทั้งน่ารักน่าแกล้งนั้นทำให้เขาคาดโทษหวังกำไรกับเธอ “ อืม ฟอด ชื่นใจจัง ” มินตราที่ถูกริมฝีปากหนากดลงบนแก้มนวลทำให้เธอพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก เธอจ้องภวิชแต่ไม่มีคำพูดใดๆ ใช่สิเธอโกรธเขาอยู่ แต่คนหน้ามึนทำเป็นไม่สนใจยักไหล่กลับแล้วหันไปหยิบยาแล้วแก้วน้ำให้คนไข้ที่มีอิทธิต่อจิตใจเขามากขึ้นทุกวัน ก่อนจะหันกลับมาตีหน้านิ่งใส่คนที่พยายามดันตัวเองให้นั่งพิงหัวเตียงมองเขานิ่ง ภวิชบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกเช่นไร แววตานิ่งๆ ไม่มีคำพูดคำถามใดๆจากปากของเธอ.......จะหุบปากไม่คุยกับเขาได้ก็ให้รู้ไป “ ตื่นก็ดีแล้ว อ่ะกินยาซะ ” เขาเคาะกระปุ๊กยาลดไข้สองสามครั้งพอให้เม็ดยากระเด็นออกมาสองเม็ดเขาก็ส่งยื่นให้เธอ มินตราเอื้อมมือไปหวังจะหยิบยาในมือเขา “ อือ อึก ฟึ่บ ” คนเจ้าเล่ห์ดึงมือที่กำยาไว้เข้าหาตัวเมื่อมินตราจะคว้ามันที่ตอนนี้เขาทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะยกแก้วน้ำแล้วกรอกยาเข้าปากตัวเองตามด้วยน้ำที่จะให้เธอ ใบหน้าคมหล่อเหลาไม่เปิดโอกาสให้ได้ถามเขาคว้าต้นคอมินตรา ดันให้แหงนเงยมองหน้ารับสัมผัสการป้อนยาแบบพิเศษด้วยปากของเขา ภวิชป้อนยาให้เธอด้วยปากเขาที่บรรจงเต็มใจบริการอย่างถึงที่สุด และไม่ลืมสำรวจความหอมหวานจากกลีบปากบางของเธอ เขาจูบเธอเนิ่นนานทั้งอ่อนหวานและเรียกร้อง ไม่อยากลงไปพบพ่อกับแม่เลยอยากทำอย่างอื่นมากกว่า.....มินตราหอบหายใจเสียงหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอทำให้ภวิชยอมถอนจูบปล่อยออกอย่างเสียดาย “ หลับไปซะแล้ว ว้า แย่จัง ” เขามองคนสวยที่หลับหนีเขาไป ภวิชเกลี่ยผมที่ปรกหน้าคนสวยของเขา นิ้วหัวแม่มือสัมผัสที่มุมปากเธอที่มีรอยช้ำเพราะเขา ผิดจริงๆไอ้วิชเอ้ยจะง้อเขายังไงว่ะคราวนี้ เล่นไม่พูดอะไรกับเขาเลยตั้งแต่ลืมตามา เล่นสงครามกับเขาด้วยการนิ่งเธอขู่เขาแบบนี้ รู้ไหมว่าเขาหวั่นแค่ไหน “ อย่างอนพี่นานนักนะมิน พี่อยากกอดมินด้วยรอยยิ้มมากกว่ารู้ไหม ” แม้รู้ว่าพูดออกไปเธอคงไม่ได้ยินเขากระชับกอดแน่นขึ้น กดริมฝีปากหยักหนาลงบนหน้าผากอีกครั้งก่อนจะค่อยๆวางเธอลงแล้วลงไปพบพ่อกับแม่ของเขาเอง ...........เสียงประตูปิดลงเปลือกตาที่ปิดค่อยๆเปิดขึ้น มินตราแอบลอบยิ้มสะใจ เธอปวดหัวตัวร้อนไม่สบายก็จริงแต่ไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ที่จำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง เธอจำมันได้หมดทุกคำ เธอแกล้งคนหื่นไม่เลิกขนาดเธอไม่สบายยังขโมยจูบเธอเลย เธอเลยแกล้งหลับหนีมันซะดื้อๆ “ คนอะไรหื่นเป็นบ้า! ไม่หายง่ายๆหรอกพี่วิช ฝันไปเถอะ ” มินตราทำหน้าบึ้งๆออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าและรอยยิ้มคนหื่นและบ้าพลังยามทำหน้าทะเล้นใส่เธอ มิหน้าเขาจึงเปรียบเทียบสุภาสิตที่ว่ามารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แต่รู้ไหมว่าที่ใช้สุภาษิตนี้ก็เพราะว่าตอนนี้เธอคิดสำนวนที่เหมาะสมกันได้แล้ว ........มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนฤาจะเท่า...... ........ชายหนุ่มที่เจนสังเวียนเจ้าเล่ห์เช่น.....พี่วิชของเธอ.. “ ไง เจ้าวิช กว่าจะลงมาได้นะ เรา ” “ ขอโทษที่ให้รอนานครับ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วนั่นคุณแม่กำลังมองหาใครหรอครับ ” ภวิชกวาดสายตามองตามแววตาของผู้เป็นแม่ก่อนจะตั้งคำถามเมื่อไม่รู้ว่าท่านหาใครกันแน่ “ แล้วน้องกับเจ้าวัตต์หล่ะวิช ” “ แล้วนี่พี่ชายตัวดีไม่ได้ไปรายงานตัวกับพ่อแล้วก็แม่ที่ลำปางหรอครับ ส่วนใยวาวก็ไปมหาลัยมั้งครับวันนี้วันพุธนี่นา ” ไม่แปลกที่บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่เพราะภัสสรเองก็มีคอนโดที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยจะได้สะดวกเวลาที่มีกิจกรรม ตอนแรกก็ไม่มีใครอนุญาตด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กของบ้านแต่น้องสาวตัวแสบก็มีข้ออ้างจนทุกคนต้องใจอ่อนจนได้ “ เฮ้อ มีลูกชายก็บ้าแต่งาน คนนึงก็เพิ่งกลับจากต่างประเทศนี่ตาวัตต์หนีแม่กลับมาแม่เจอตัวนะจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู ” ภวิชยักไหล่ไม่ยีระกับคำพิพากษาลงโทษของผู้ให้กำเนิด หญิงสูงวัยที่ยังคงมีความสง่างามไม่แพ้สาวแรกรุ่นเลยทีเดียว ภวิชล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับพ่อและแม่ของเขา “ แม่แกเขากำลังยุ่งๆหน่ะเลยยังไม่ได้คุยอะไรกับเจ้าวัตต์มันมากมาย ส่วนน้องสาวเราช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเลยสงสัยกำลังเจอของเล่นหรือสนุกกับอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” นั่นเป็นนิสัยที่คนเป็นพ่อรู้ดีสำหรับลูกสาวคนเล็กที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ เวลาลูกสาวคนเล็กเงียบหายไม่พบหน้าใคร แวบๆ หายๆ นั่นเป็นอาการเวลาเจอของที่ถูกใจหรือเจออะไรที่กำลังสนุกและท้าทาย นักบริหารชั้นแพลตตินัมที่เมื่อต้นปีเพิ่งได้รับรางวัลเกียรติยศมาประดับเสริมบารมีในฐานะนักธุรกิจที่มีรายได้มากที่สุดในอันดับต้นๆ ไม่อยากจะคุยเขาก็มีส่วนนะทำให้รายได้เยอะขนาดนั้น “ ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่มีอะไรรึเปล่าครับทำไมถึงมาหาผมได้ถึงที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ” “ พอดีพ่อพาแม่เขามาดูเครื่องเพชรที่ส่งมาตกแต่งเมื่อเดือนก่อนหน่ะ ไหนๆ ก็ผ่านมาพ่อจะแวะมาหาลูกชายบ้างไม่ได้หรือไง! บ้ะ ไอ้นี่ ” ชายสูงวัยอธิบายถึงสาเหตุที่มาในตอนแรกก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงดุดันในตอนท้ายเป็นอันรู้กันในครอบครัวว่า นี่คือการคุยแบบหนึ่งที่หยอกล้อเล่นกันฉันท์พ่อลูก “ จริงสิคุณบอกเรื่องที่เราคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นให้ลูกรับรู้หรือยังค่ะ ” “ นั่นสิ ผมเกือบลืม ” “ เห็นไหมล่ะ ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องลืม ” หน้าง้ำงอใส่ผู้เป็นสามีก่อนจะหันมาพูดกับลูกชาย “ เออนี่ ตาวิช แม่ว่าถึงเวลาแล้วหล่ะลูกที่ต้องจัดงานหมั้นสักทีหมั้นตอนเช้าแต่งตอนเย็น ลูกสาวท่านรัฐมนตรีน่าจะกลับมาเมืองไทยแล้วใช่ไหมค่ะคุณ? ” ประโยคสุดท้ายถามสามีเพื่อความแน่ใจ หญิงสูงวัยลืมเรื่องที่ลูกสาวคนเล็กของบ้านเคยเปรยถึงผู้หญิงอีกคนไปเลย เมื่อพูดถึงอนาคตครอบครัวของลูกชายเธออยากอุ้มหลานจะขาดใจอยู่แล้ว “ อืม พ่อเห็นด้วยกับแม่เขานะ ” ผู้เป็นพ่อสนับสนุนภรรยาสุดที่รักทันที ภวิชเริ่มมีสีหน้ากลัดกลุ้ม เวลาแห่งความสุขมันสั้นอะไรขนาดนี้ “ ขอเวลาผมคิดหน่อยได้ไหมครับ ชีวิตผมทั้งชีวิตนะครับพ่อ นะครับแม่ ” ผู้เป็นพ่อกับแม่เริ่มทำหน้าลำบากใจก็ตลอดเวลาที่บอกว่าลูกชายมีคู่หมั้น ภวิชไม่ได้พูดอะไร แต่คราวนี้ดูลูกชายเขาเริ่มกังวลหรือจะมีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน การพูดคุยกันระหว่างสามคนพ่อแม่ลูกยังดำเนินไปนานพอสมควรกว่าจะสิ้นสุดลง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น บอดี้การ์ดรูปงามกำลังรับสายและสนทนา “ อืมๆ ฉันรู้ ” เสียงเรียกของสายชลทำให้ทัชที่คุยโทรศัพท์อยู่หันไปมอง “ ทัช ” สายชลเดินเข้าไปหาเพื่อนที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไป “ ว่าไง ” “ คุณวิชเรียก สงสัยมีงานให้นายทำ ” “ อืม ” เมื่อทัชพยักหน้ารับรู้และเดินจากไปสายชลมองตามหลังเพื่อนที่ร่วมทำงานมานานพอตัว จนรู้นิสัยกันไปเสียแล้ว “ เฮ้อ! ” เขาถอนหายใจหนักๆ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์ของสายชลดังขึ้นชายหนุ่มกดรับสายอย่างสุภาพอาจเป็นงานของเจ้านายก็ได้ “ สวัสดีครับ ” ( สวัสดีค่ะ โทรจากโรงพยาบาล...............นะคะ ดิฉันจะโทรมาแจ้งอาการของผู้ป่วย...ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ ) การรายงานและรายละเอียดของพยาบาลและข้อมูลของผู้ป่วยทำสายชลจดรายละเอียดทุกอย่างตามความเคยชินที่เป็นเลขาให้กับเจ้านาย สายชลเป็นคนที่สุภาพที่สุด นิ่งที่สุด และจริงจังกับงานทุกอย่างทำให้ภวิชรู้สึกมีทั้งแขนและขาที่สามารถทำให้การทำงานของเขาราบเรียบขึ้น หลังจากวางสายจากโรงพยาบาลสายชลก็นึกถึงคำพูดที่เจ้านายหนุ่มสั่งเขา “ ทำให้เงียบที่สุด อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม....” “ ครับเจ้านาย ” เขาขับรถออกไปจัดการงานที่ภวิชสั่ง คำสั่งที่ได้รับมันคือสิ่งที่สายชลต้องทำให้สำเร็จ การมาเยือนของใครบางคนที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอยู่ดี “ ถึงเมืองไทยสักที รฎา เฮ้อ เหนื่อยจะแย่ กว่าจะจบได้ ” สาวร่างสูงโปร่งผิวขาวอมชมพู ตากลมโต ผมยาวตรงถึงเอวคอดกิ่ว สูงสง่าโฉบเฉี่ยว ริมฝีปากสีแดงสด ดวงตากลมถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นสีชา ชุดเดรสสีแดงสดทำให้ภาพลักษณ์เธอโด่ดเด่นมากกว่าเดิม หายไปนานหลายปีที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอแค่อยากลืมมันจนได้!...ไอ้มิกเอ้ยไอ้มิก...ยุ่งไม่เข้าเรื่อง......จริงๆเลย รณภพด่าตัวเองเป้าหมายที่เขาต้องการไปจริงๆคืออยากไปฟิตเนสสักหน่อยอากาศกำลังดีท้องฟ้ามัวๆ ที่ไม่มีแดดเขาชอบนัก เวลาขับรถคู่ใจแล้วมันไม่ร้อนดีเสือกดันมาตาดีเห็นใยคุณหนูจอมเปิ่น ยืนกำหมัดแน่นที่โดนด่าคำแรงๆจากหญิงสาวที่ข้างเธอมีชายหนุ่มอีกคนมอง ภัสสรอยู่หน้าห้างดังห้างหนึ่งการยืนมองของกลุ่มคนรอบๆ ทำให้รณภพรู้ทันทีว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ รณภพส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทั้งที่บอกจะว่าไม่ใส่ใจ แต่เหตุฉะใดขาเขาจึงตามเจ้าหล่อนไปทุกที่ได้หล่ะนั่นดันมาอยู่ใน เหตุการณ์ซะได้ ทำไมไม่ขับตรงไปฟิตเนสอย่างที่ตั้งใจวะไอ้มิก เขากร่นด่าตัวเองในใจ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้รณภพประหม่าที่คาดการณ์เดาเธอผิดไปนึกว่าจะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอซะแล้ว และการตอบกลับของเธอทำให้รณภพพอใจไม่น้อย ผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงเบื้องหน้าที่ดูท่าคงเป็นแฟนกัน..รณภพดูแคลน..คิดว่าคุณหนูมีปัญหาอะไรมากมายสุดท้ายคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตบตีแย่งกัน.....น่าละอายชะมัด ชายหนุ่มหันหลั
“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ “ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักน
เช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
ภวิชนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประโยคของภวัตต์ยังดังอยู่ในหัว เขารักมินตราจริงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนั้นนี่เมื่อไหร่มินตราจะมาสักทีหนีกลับบ้านไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้ภวัตต์ออกไปดูดบุหรี่หลังจากที่ตาพยาบาลมาช่วยใส่สายน้ำเกลือให้คนป่วยที่ยังซ่าต่อยพี่ชายอย่างเขาได้กว่าจะได้คุยกันปกติภวัตต์ก็โดนชกไปอีกหลายที “ แกร๊ก อ้าวคุณพ่อคุณแม่มาได้ยังไงครับ ” พอได้ยินเสียงประตูเขาก็คิดว่ามินตราคงมาแล้วแต่กลับไม่ใช่ดั่งใจคิด...บิดาแล้วก็มารดาต่างหาก “ พ่อกับแม่ก็นั่งรถมานะสิว่าแต่วิชเป็นยังไงบ้างลูก ” คนเป็นแม่จับฝ่ามือลูกชายเมื่อรู้ข่าวทั้งลูกชายลูกสาวคนเป็นแม่แทบจะล้มทั้งยืน “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่ ผมกะว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปพักที่บ้านแล้วครับ “ อืม ดีแล้วลูกแม่ตกใจมากเลยรู้ไหมวิชลูกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เข้าใจไหม ” “ ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ” ภวิชตอบอย่างสุภาพ เออ...หายมันไปทั้งคู่ ทั้งเมียทั้งไอ้พี่ชายฉวยโอกาสนี่มันจะแอบไปจูบเมียเขาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้..... คิดอย่างนี้แล้วเขาก็อย
“ ฟอด ม้วฟ จุ้ฟ ตื่นได้แล้วครับคนสวย...เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่พี่มารับพี่กลับแล้วนะครับ ” ภวิชขโมยหอมแก้มหญิงสาวที่นอนคว่ำกับที่นอนตะแคงหน้าออกข้างเพื่อหายใจ เสียงภวิชที่บอกว่าจะมีคนมาเยือนทำให้คนที่กำลังจะปลุกคนขี้เซาด้วยการจูบอีกครั้งเจอหัวมนๆของเธอกระแทกปากเข้าให้ “ ปลั่ก โอ้ย มิน พี่เจ็บนะครับ ” เขากุมปาก ก็จู่ๆเธอเด้งตัวลุกนั่งคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดู “ หกโมงครึ่ง! ” ตายแล้ว! ฟึ่บ พี่วิชทำไมไม่ปลุกมินหล่ะ โธ่ เดี๋ยวก็มีคนเห็นจนได้ทำไมไม่เรียกมินเนี่ย ” มินตราร้องตกใจ ก้าวลงจากเตียงหยิบเสื้อพงเสื้อผ้ารีบเข้าห้องน้ำเสียงเล็ดลอดต่อว่าคนที่ตื่นก่อนดังเล็ดลอดเบาๆให้เขาได้ยิน “ หึๆ ถ้ากลัวช้าพี่อาบให้ไหม.... ” ภวิชยิ้มกว้างตอบกลับคนสวยของเขาที่อยู่ในห้องน้ำอย่างเย้าแหย่ “ กลัวช้ากว่าเดิมสิไม่ว่า....ขออาบน้ำแปปนะคะเดี๋ยวมินจะออกไปพับที่นอนให้ ” เธอตะโกนออกมาอีกครั้ง “ หึๆ ครับๆ ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคนสวยที่เขาเรียกร้องจากเธอเกือบทั้งคืน กว่าจะได้หลับก็เกือบเช้า เขาอยากให้มินตราได
“ เออ นี่สายชล นายช่วยโทรตามลุงสมมารับฉันทีนะฉันจะไปเดินเลือกซื้อของที่ห้างสักหน่อย ” “ อ้าวคุณป้าไม่ไปเดินเที่ยวด้วยกันหรอค่ะ ” รฏาที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ ไม่หล่ะจ้ะป้าอายุเยอะแล้ว ไม่ชอบไปเบียดอึดอัดกับใครมากๆ รฏาไปเที่ยวให้สนุกเถอะลูกไม่ต้องห่วงป้า ” หญิงสูงวัยแตะที่มือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู ภวิชไม่ได้สนใจการสนทนาของทั้งสองคนเขาเอาแต่มองคนที่นั่งเบาะหลังต่อ จากเขาผ่านกระจกหลังเท่านั้นมินตราเผลอหลับเพราะเธอปวดหัวและก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะเขานั่นแหล่ะที่รังแก “ วิช วิชค่ะ ” รฏาเขย่าแขนคนที่นั่งเหม่อข้างๆเธอ เขาคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา “ ครับ รฏา ” ภวิชหันมายิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่สบตากับเขา ใจเขาสั่นไหวใบหน้าและรอยยิ้มหวานของรฏายังสวยใสอยู่เสมอความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้เธอถูกเปิดออกมาอีกครั้งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว มือหนาเอื้อมไปเช็ดหางตาที่มีเศษคล้ายกับทิชชูชิ้นเล็กๆ เกาะหางตาของคนที่เขาเคยมีใจให้อย่างอ่อนโยน “ อะไรหรอค่ะวิช หน้ารฏาเปื้อนอะไรหรอคะ
....วันนี้ทั้งวันมินตราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกกี่ชม....... “ วันนี้คนเยอะจังนะคะ วิชว่าไหม ” สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดดเด่นเป็นสง่า เรียกสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี อีกสองคนที่เดินตามหลังก็เด่นไม่ต่างกันแต่สองคนที่เดินตามหลังนั้นอารมณ์ไม่ได้สนุกเช่นคู่หน้าเอาเสียเลย มินตราพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมความรู้สึก “ มิน พี่ว่าจะไปหาอะไรกินหน่อยมินไปกับพี่ไหมอยู่แถวนี้นานๆชักจะเลี่ยน ” ภวัตต์ถามมินตราเสียงดังพอจะไปกระทบเข้าโซนประสาทของใครน่า จะได้บ้างแหล่ะนะและมันได้ผลเพราะสองคนที่เดินนำหน้าชะงักแล้วหันกลับมามองแต่เขาไม่ได้สนใจ คำสุดท้ายจงใจเน้นหนักๆ เขารู้ว่ามินตรากำลังรู้สึกยังไง มือแกร่งวางบนบ่ามินตราจับเธอหันเข้าหา แล้วก้มศีรษะมองหน้าคนที่ส่ายหัวปฏิเสธคำชวนของเขา ตอนที่เขาจูบหน้าผากมินตราที่โรงพยาบาล พอได้โอกาสช่วงที่มินตราไปเอายาเขาเลยเลี่ยงแกล้งไปดูดบุหรี่แต่จริงๆแล้วตั้งใจไปตามหามินตราเพื่ออธิบายและขอโทษขอโพยเธอซะยาวแล้วไม่รู้ว่าอะไร เขาอยากได้เธอมาเป็นน้องสาวอีกคนจึงบอกไปว่าต่อไปนี้เขาเป็นพี่ชายอี
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์