“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก
“ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกคำเพราะเธอทำท่ารำคาญเต็มทนแล้วเดี๋ยวเถอะไอ้ท่าทางกระเง้ากระงอดที่ดูทั้งน่ารักน่าแกล้งนั้นทำให้เขาคาดโทษหวังกำไรกับเธอ “ อืม ฟอด ชื่นใจจัง ” มินตราที่ถูกริมฝีปากหนากดลงบนแก้มนวลทำให้เธอพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก เธอจ้องภวิชแต่ไม่มีคำพูดใดๆ ใช่สิเธอโกรธเขาอยู่ แต่คนหน้ามึนทำเป็นไม่สนใจยักไหล่กลับแล้วหันไปหยิบยาแล้วแก้วน้ำให้คนไข้ที่มีอิทธิต่อจิตใจเขามากขึ้นทุกวัน ก่อนจะหันกลับมาตีหน้านิ่งใส่คนที่พยายามดันตัวเองให้นั่งพิงหัวเตียงมองเขานิ่ง ภวิชบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกเช่นไร แววตานิ่งๆ ไม่มีคำพูดคำถามใดๆจากปากของเธอ.......จะหุบปากไม่คุยกับเขาได้ก็ให้รู้ไป “ ตื่นก็ดีแล้ว อ่ะกินยาซะ ” เขาเคาะกระปุ๊กยาลดไข้สองสามครั้งพอให้เม็ดยากระเด็นออกมาสองเม็ดเขาก็ส่งยื่นให้เธอ มินตราเอื้อมมือไปหวังจะหยิบยาในมือเขา “ อือ อึก ฟึ่บ ” คนเจ้าเล่ห์ดึงมือที่กำยาไว้เข้าหาตัวเมื่อมินตราจะคว้ามันที่ตอนนี้เขาทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะยกแก้วน้ำแล้วกรอกยาเข้าปากตัวเองตามด้วยน้ำที่จะให้เธอ ใบหน้าคมหล่อเหลาไม่เปิดโอกาสให้ได้ถามเขาคว้าต้นคอมินตรา ดันให้แหงนเงยมองหน้ารับสัมผัสการป้อนยาแบบพิเศษด้วยปากของเขา ภวิชป้อนยาให้เธอด้วยปากเขาที่บรรจงเต็มใจบริการอย่างถึงที่สุด และไม่ลืมสำรวจความหอมหวานจากกลีบปากบางของเธอ เขาจูบเธอเนิ่นนานทั้งอ่อนหวานและเรียกร้อง ไม่อยากลงไปพบพ่อกับแม่เลยอยากทำอย่างอื่นมากกว่า.....มินตราหอบหายใจเสียงหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอทำให้ภวิชยอมถอนจูบปล่อยออกอย่างเสียดาย “ หลับไปซะแล้ว ว้า แย่จัง ” เขามองคนสวยที่หลับหนีเขาไป ภวิชเกลี่ยผมที่ปรกหน้าคนสวยของเขา นิ้วหัวแม่มือสัมผัสที่มุมปากเธอที่มีรอยช้ำเพราะเขา ผิดจริงๆไอ้วิชเอ้ยจะง้อเขายังไงว่ะคราวนี้ เล่นไม่พูดอะไรกับเขาเลยตั้งแต่ลืมตามา เล่นสงครามกับเขาด้วยการนิ่งเธอขู่เขาแบบนี้ รู้ไหมว่าเขาหวั่นแค่ไหน “ อย่างอนพี่นานนักนะมิน พี่อยากกอดมินด้วยรอยยิ้มมากกว่ารู้ไหม ” แม้รู้ว่าพูดออกไปเธอคงไม่ได้ยินเขากระชับกอดแน่นขึ้น กดริมฝีปากหยักหนาลงบนหน้าผากอีกครั้งก่อนจะค่อยๆวางเธอลงแล้วลงไปพบพ่อกับแม่ของเขาเอง ...........เสียงประตูปิดลงเปลือกตาที่ปิดค่อยๆเปิดขึ้น มินตราแอบลอบยิ้มสะใจ เธอปวดหัวตัวร้อนไม่สบายก็จริงแต่ไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ที่จำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง เธอจำมันได้หมดทุกคำ เธอแกล้งคนหื่นไม่เลิกขนาดเธอไม่สบายยังขโมยจูบเธอเลย เธอเลยแกล้งหลับหนีมันซะดื้อๆ “ คนอะไรหื่นเป็นบ้า! ไม่หายง่ายๆหรอกพี่วิช ฝันไปเถอะ ” มินตราทำหน้าบึ้งๆออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าและรอยยิ้มคนหื่นและบ้าพลังยามทำหน้าทะเล้นใส่เธอ มิหน้าเขาจึงเปรียบเทียบสุภาสิตที่ว่ามารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แต่รู้ไหมว่าที่ใช้สุภาษิตนี้ก็เพราะว่าตอนนี้เธอคิดสำนวนที่เหมาะสมกันได้แล้ว ........มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนฤาจะเท่า...... ........ชายหนุ่มที่เจนสังเวียนเจ้าเล่ห์เช่น.....พี่วิชของเธอ.. “ ไง เจ้าวิช กว่าจะลงมาได้นะ เรา ” “ ขอโทษที่ให้รอนานครับ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วนั่นคุณแม่กำลังมองหาใครหรอครับ ” ภวิชกวาดสายตามองตามแววตาของผู้เป็นแม่ก่อนจะตั้งคำถามเมื่อไม่รู้ว่าท่านหาใครกันแน่ “ แล้วน้องกับเจ้าวัตต์หล่ะวิช ” “ แล้วนี่พี่ชายตัวดีไม่ได้ไปรายงานตัวกับพ่อแล้วก็แม่ที่ลำปางหรอครับ ส่วนใยวาวก็ไปมหาลัยมั้งครับวันนี้วันพุธนี่นา ” ไม่แปลกที่บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่เพราะภัสสรเองก็มีคอนโดที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยจะได้สะดวกเวลาที่มีกิจกรรม ตอนแรกก็ไม่มีใครอนุญาตด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กของบ้านแต่น้องสาวตัวแสบก็มีข้ออ้างจนทุกคนต้องใจอ่อนจนได้ “ เฮ้อ มีลูกชายก็บ้าแต่งาน คนนึงก็เพิ่งกลับจากต่างประเทศนี่ตาวัตต์หนีแม่กลับมาแม่เจอตัวนะจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู ” ภวิชยักไหล่ไม่ยีระกับคำพิพากษาลงโทษของผู้ให้กำเนิด หญิงสูงวัยที่ยังคงมีความสง่างามไม่แพ้สาวแรกรุ่นเลยทีเดียว ภวิชล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับพ่อและแม่ของเขา “ แม่แกเขากำลังยุ่งๆหน่ะเลยยังไม่ได้คุยอะไรกับเจ้าวัตต์มันมากมาย ส่วนน้องสาวเราช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเลยสงสัยกำลังเจอของเล่นหรือสนุกกับอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” นั่นเป็นนิสัยที่คนเป็นพ่อรู้ดีสำหรับลูกสาวคนเล็กที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ เวลาลูกสาวคนเล็กเงียบหายไม่พบหน้าใคร แวบๆ หายๆ นั่นเป็นอาการเวลาเจอของที่ถูกใจหรือเจออะไรที่กำลังสนุกและท้าทาย นักบริหารชั้นแพลตตินัมที่เมื่อต้นปีเพิ่งได้รับรางวัลเกียรติยศมาประดับเสริมบารมีในฐานะนักธุรกิจที่มีรายได้มากที่สุดในอันดับต้นๆ ไม่อยากจะคุยเขาก็มีส่วนนะทำให้รายได้เยอะขนาดนั้น “ ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่มีอะไรรึเปล่าครับทำไมถึงมาหาผมได้ถึงที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ” “ พอดีพ่อพาแม่เขามาดูเครื่องเพชรที่ส่งมาตกแต่งเมื่อเดือนก่อนหน่ะ ไหนๆ ก็ผ่านมาพ่อจะแวะมาหาลูกชายบ้างไม่ได้หรือไง! บ้ะ ไอ้นี่ ” ชายสูงวัยอธิบายถึงสาเหตุที่มาในตอนแรกก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงดุดันในตอนท้ายเป็นอันรู้กันในครอบครัวว่า นี่คือการคุยแบบหนึ่งที่หยอกล้อเล่นกันฉันท์พ่อลูก “ จริงสิคุณบอกเรื่องที่เราคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นให้ลูกรับรู้หรือยังค่ะ ” “ นั่นสิ ผมเกือบลืม ” “ เห็นไหมล่ะ ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องลืม ” หน้าง้ำงอใส่ผู้เป็นสามีก่อนจะหันมาพูดกับลูกชาย “ เออนี่ ตาวิช แม่ว่าถึงเวลาแล้วหล่ะลูกที่ต้องจัดงานหมั้นสักทีหมั้นตอนเช้าแต่งตอนเย็น ลูกสาวท่านรัฐมนตรีน่าจะกลับมาเมืองไทยแล้วใช่ไหมค่ะคุณ? ” ประโยคสุดท้ายถามสามีเพื่อความแน่ใจ หญิงสูงวัยลืมเรื่องที่ลูกสาวคนเล็กของบ้านเคยเปรยถึงผู้หญิงอีกคนไปเลย เมื่อพูดถึงอนาคตครอบครัวของลูกชายเธออยากอุ้มหลานจะขาดใจอยู่แล้ว “ อืม พ่อเห็นด้วยกับแม่เขานะ ” ผู้เป็นพ่อสนับสนุนภรรยาสุดที่รักทันที ภวิชเริ่มมีสีหน้ากลัดกลุ้ม เวลาแห่งความสุขมันสั้นอะไรขนาดนี้ “ ขอเวลาผมคิดหน่อยได้ไหมครับ ชีวิตผมทั้งชีวิตนะครับพ่อ นะครับแม่ ” ผู้เป็นพ่อกับแม่เริ่มทำหน้าลำบากใจก็ตลอดเวลาที่บอกว่าลูกชายมีคู่หมั้น ภวิชไม่ได้พูดอะไร แต่คราวนี้ดูลูกชายเขาเริ่มกังวลหรือจะมีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน การพูดคุยกันระหว่างสามคนพ่อแม่ลูกยังดำเนินไปนานพอสมควรกว่าจะสิ้นสุดลง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น บอดี้การ์ดรูปงามกำลังรับสายและสนทนา “ อืมๆ ฉันรู้ ” เสียงเรียกของสายชลทำให้ทัชที่คุยโทรศัพท์อยู่หันไปมอง “ ทัช ” สายชลเดินเข้าไปหาเพื่อนที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไป “ ว่าไง ” “ คุณวิชเรียก สงสัยมีงานให้นายทำ ” “ อืม ” เมื่อทัชพยักหน้ารับรู้และเดินจากไปสายชลมองตามหลังเพื่อนที่ร่วมทำงานมานานพอตัว จนรู้นิสัยกันไปเสียแล้ว “ เฮ้อ! ” เขาถอนหายใจหนักๆ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์ของสายชลดังขึ้นชายหนุ่มกดรับสายอย่างสุภาพอาจเป็นงานของเจ้านายก็ได้ “ สวัสดีครับ ” ( สวัสดีค่ะ โทรจากโรงพยาบาล...............นะคะ ดิฉันจะโทรมาแจ้งอาการของผู้ป่วย...ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ ) การรายงานและรายละเอียดของพยาบาลและข้อมูลของผู้ป่วยทำสายชลจดรายละเอียดทุกอย่างตามความเคยชินที่เป็นเลขาให้กับเจ้านาย สายชลเป็นคนที่สุภาพที่สุด นิ่งที่สุด และจริงจังกับงานทุกอย่างทำให้ภวิชรู้สึกมีทั้งแขนและขาที่สามารถทำให้การทำงานของเขาราบเรียบขึ้น หลังจากวางสายจากโรงพยาบาลสายชลก็นึกถึงคำพูดที่เจ้านายหนุ่มสั่งเขา “ ทำให้เงียบที่สุด อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจไหม....” “ ครับเจ้านาย ” เขาขับรถออกไปจัดการงานที่ภวิชสั่ง คำสั่งที่ได้รับมันคือสิ่งที่สายชลต้องทำให้สำเร็จ การมาเยือนของใครบางคนที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอยู่ดี “ ถึงเมืองไทยสักที รฎา เฮ้อ เหนื่อยจะแย่ กว่าจะจบได้ ” สาวร่างสูงโปร่งผิวขาวอมชมพู ตากลมโต ผมยาวตรงถึงเอวคอดกิ่ว สูงสง่าโฉบเฉี่ยว ริมฝีปากสีแดงสด ดวงตากลมถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นสีชา ชุดเดรสสีแดงสดทำให้ภาพลักษณ์เธอโด่ดเด่นมากกว่าเดิม หายไปนานหลายปีที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอแค่อยากลืมมันจนได้!...ไอ้มิกเอ้ยไอ้มิก...ยุ่งไม่เข้าเรื่อง......จริงๆเลย รณภพด่าตัวเองเป้าหมายที่เขาต้องการไปจริงๆคืออยากไปฟิตเนสสักหน่อยอากาศกำลังดีท้องฟ้ามัวๆ ที่ไม่มีแดดเขาชอบนัก เวลาขับรถคู่ใจแล้วมันไม่ร้อนดีเสือกดันมาตาดีเห็นใยคุณหนูจอมเปิ่น ยืนกำหมัดแน่นที่โดนด่าคำแรงๆจากหญิงสาวที่ข้างเธอมีชายหนุ่มอีกคนมอง ภัสสรอยู่หน้าห้างดังห้างหนึ่งการยืนมองของกลุ่มคนรอบๆ ทำให้รณภพรู้ทันทีว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ รณภพส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทั้งที่บอกจะว่าไม่ใส่ใจ แต่เหตุฉะใดขาเขาจึงตามเจ้าหล่อนไปทุกที่ได้หล่ะนั่นดันมาอยู่ใน เหตุการณ์ซะได้ ทำไมไม่ขับตรงไปฟิตเนสอย่างที่ตั้งใจวะไอ้มิก เขากร่นด่าตัวเองในใจ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้รณภพประหม่าที่คาดการณ์เดาเธอผิดไปนึกว่าจะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอซะแล้ว และการตอบกลับของเธอทำให้รณภพพอใจไม่น้อย ผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงเบื้องหน้าที่ดูท่าคงเป็นแฟนกัน..รณภพดูแคลน..คิดว่าคุณหนูมีปัญหาอะไรมากมายสุดท้ายคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตบตีแย่งกัน.....น่าละอายชะมัด ชายหนุ่มหันหลั
“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ “ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักน
เช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
ภวิชนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประโยคของภวัตต์ยังดังอยู่ในหัว เขารักมินตราจริงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนั้นนี่เมื่อไหร่มินตราจะมาสักทีหนีกลับบ้านไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้ภวัตต์ออกไปดูดบุหรี่หลังจากที่ตาพยาบาลมาช่วยใส่สายน้ำเกลือให้คนป่วยที่ยังซ่าต่อยพี่ชายอย่างเขาได้กว่าจะได้คุยกันปกติภวัตต์ก็โดนชกไปอีกหลายที “ แกร๊ก อ้าวคุณพ่อคุณแม่มาได้ยังไงครับ ” พอได้ยินเสียงประตูเขาก็คิดว่ามินตราคงมาแล้วแต่กลับไม่ใช่ดั่งใจคิด...บิดาแล้วก็มารดาต่างหาก “ พ่อกับแม่ก็นั่งรถมานะสิว่าแต่วิชเป็นยังไงบ้างลูก ” คนเป็นแม่จับฝ่ามือลูกชายเมื่อรู้ข่าวทั้งลูกชายลูกสาวคนเป็นแม่แทบจะล้มทั้งยืน “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่ ผมกะว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปพักที่บ้านแล้วครับ “ อืม ดีแล้วลูกแม่ตกใจมากเลยรู้ไหมวิชลูกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เข้าใจไหม ” “ ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ” ภวิชตอบอย่างสุภาพ เออ...หายมันไปทั้งคู่ ทั้งเมียทั้งไอ้พี่ชายฉวยโอกาสนี่มันจะแอบไปจูบเมียเขาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้..... คิดอย่างนี้แล้วเขาก็อย
“ ฟอด ม้วฟ จุ้ฟ ตื่นได้แล้วครับคนสวย...เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่พี่มารับพี่กลับแล้วนะครับ ” ภวิชขโมยหอมแก้มหญิงสาวที่นอนคว่ำกับที่นอนตะแคงหน้าออกข้างเพื่อหายใจ เสียงภวิชที่บอกว่าจะมีคนมาเยือนทำให้คนที่กำลังจะปลุกคนขี้เซาด้วยการจูบอีกครั้งเจอหัวมนๆของเธอกระแทกปากเข้าให้ “ ปลั่ก โอ้ย มิน พี่เจ็บนะครับ ” เขากุมปาก ก็จู่ๆเธอเด้งตัวลุกนั่งคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดู “ หกโมงครึ่ง! ” ตายแล้ว! ฟึ่บ พี่วิชทำไมไม่ปลุกมินหล่ะ โธ่ เดี๋ยวก็มีคนเห็นจนได้ทำไมไม่เรียกมินเนี่ย ” มินตราร้องตกใจ ก้าวลงจากเตียงหยิบเสื้อพงเสื้อผ้ารีบเข้าห้องน้ำเสียงเล็ดลอดต่อว่าคนที่ตื่นก่อนดังเล็ดลอดเบาๆให้เขาได้ยิน “ หึๆ ถ้ากลัวช้าพี่อาบให้ไหม.... ” ภวิชยิ้มกว้างตอบกลับคนสวยของเขาที่อยู่ในห้องน้ำอย่างเย้าแหย่ “ กลัวช้ากว่าเดิมสิไม่ว่า....ขออาบน้ำแปปนะคะเดี๋ยวมินจะออกไปพับที่นอนให้ ” เธอตะโกนออกมาอีกครั้ง “ หึๆ ครับๆ ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคนสวยที่เขาเรียกร้องจากเธอเกือบทั้งคืน กว่าจะได้หลับก็เกือบเช้า เขาอยากให้มินตราได
“ เออ นี่สายชล นายช่วยโทรตามลุงสมมารับฉันทีนะฉันจะไปเดินเลือกซื้อของที่ห้างสักหน่อย ” “ อ้าวคุณป้าไม่ไปเดินเที่ยวด้วยกันหรอค่ะ ” รฏาที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ ไม่หล่ะจ้ะป้าอายุเยอะแล้ว ไม่ชอบไปเบียดอึดอัดกับใครมากๆ รฏาไปเที่ยวให้สนุกเถอะลูกไม่ต้องห่วงป้า ” หญิงสูงวัยแตะที่มือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู ภวิชไม่ได้สนใจการสนทนาของทั้งสองคนเขาเอาแต่มองคนที่นั่งเบาะหลังต่อ จากเขาผ่านกระจกหลังเท่านั้นมินตราเผลอหลับเพราะเธอปวดหัวและก็ไม่ค่อยได้นอนเพราะเขานั่นแหล่ะที่รังแก “ วิช วิชค่ะ ” รฏาเขย่าแขนคนที่นั่งเหม่อข้างๆเธอ เขาคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา “ ครับ รฏา ” ภวิชหันมายิ้มให้สาวสวยตรงหน้าที่สบตากับเขา ใจเขาสั่นไหวใบหน้าและรอยยิ้มหวานของรฏายังสวยใสอยู่เสมอความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีให้เธอถูกเปิดออกมาอีกครั้งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว มือหนาเอื้อมไปเช็ดหางตาที่มีเศษคล้ายกับทิชชูชิ้นเล็กๆ เกาะหางตาของคนที่เขาเคยมีใจให้อย่างอ่อนโยน “ อะไรหรอค่ะวิช หน้ารฏาเปื้อนอะไรหรอคะ
....วันนี้ทั้งวันมินตราต้องทนกับสภาพเช่นนี้อีกกี่ชม....... “ วันนี้คนเยอะจังนะคะ วิชว่าไหม ” สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดดเด่นเป็นสง่า เรียกสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี อีกสองคนที่เดินตามหลังก็เด่นไม่ต่างกันแต่สองคนที่เดินตามหลังนั้นอารมณ์ไม่ได้สนุกเช่นคู่หน้าเอาเสียเลย มินตราพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมความรู้สึก “ มิน พี่ว่าจะไปหาอะไรกินหน่อยมินไปกับพี่ไหมอยู่แถวนี้นานๆชักจะเลี่ยน ” ภวัตต์ถามมินตราเสียงดังพอจะไปกระทบเข้าโซนประสาทของใครน่า จะได้บ้างแหล่ะนะและมันได้ผลเพราะสองคนที่เดินนำหน้าชะงักแล้วหันกลับมามองแต่เขาไม่ได้สนใจ คำสุดท้ายจงใจเน้นหนักๆ เขารู้ว่ามินตรากำลังรู้สึกยังไง มือแกร่งวางบนบ่ามินตราจับเธอหันเข้าหา แล้วก้มศีรษะมองหน้าคนที่ส่ายหัวปฏิเสธคำชวนของเขา ตอนที่เขาจูบหน้าผากมินตราที่โรงพยาบาล พอได้โอกาสช่วงที่มินตราไปเอายาเขาเลยเลี่ยงแกล้งไปดูดบุหรี่แต่จริงๆแล้วตั้งใจไปตามหามินตราเพื่ออธิบายและขอโทษขอโพยเธอซะยาวแล้วไม่รู้ว่าอะไร เขาอยากได้เธอมาเป็นน้องสาวอีกคนจึงบอกไปว่าต่อไปนี้เขาเป็นพี่ชายอี
มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง
“ แกร๊ก ฟึ่บ!! ” ก้าวแรกที่มินตราเหยียบสัมผัสกับพื้นเรือไฟทุกอย่างบนเรือก็ติดขึ้น สว่างไสวทำให้มินตราได้เห็นความสวยงามของเรือสำราญลำนี้อย่างชัดเจน “ นี่มันอะไรกันค่ะ ” “ ก็ดินเนอร์มื้อพิเศษไง เข้าไปข้างในกันนะครับ ” “ ค่ะ ” ภวิชกางแขนให้มินตราควงแต่มินตราไม่จับสักทีเขาเลยถือโอกาสดึงมือเธอคล้องเขาเองแล้วยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ..... “ ทำไมมันดูโล่งๆจัง ” ภวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ้อมตัวมาขยับเก้าอี้ให้กับมินตราเขากระซิบตอบข้างๆหูเธอเบาๆเมื่อเธอนั่งลงกับเก้าอี้ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอว่า “ มินไม่รู้หรอว่าพี่รวยพอจะเหมาเรือทั้งลำเพื่อคนพิเศษ ” ถึงมันจะเป็นคำพูดเบาๆแต่ก็ทำให้มินตราร้อนไปถึงใบหูได้เลย “ คนบ้า ฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่อง ” “ เอ้า เงินก็เงินพี่ พี่พอใจจะทำ ใครจะทำไม ” “ ค่ะพ่อเศรษฐี ” มินตราเบ๊ะปากใส่เขาที่ทำหน้าทะเล้นพูดจาไม่สนใจใครอย่างหมั่นไส้ แต่ภวิชกลับยิ้มกว้างเมื่อเจอคนสวยเขาตอกหน้าเข้าให้
ภวิชนั่งรอมินตราแต่งตัวเขาไม่บ่นไม่ว่าและไม่ต้องการให้มินตรารู้สึกแย่อะไรไปกว่านี้ทางที่ดี ควรจะหุบปากตัวเขาไว้น่าจะดีกว่าสินะ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภวิชเรียกสติกลับมา “ ว่าไงวัตต์ ฉันกำลังรอมินตราอยู่วันนี้ว่าจะพาเขาไปทานข้าวข้างนอก ” เขามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มินตรากำลังแต่งตัวอยู่ “ เอ่อ คือนายจะรอหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าวันนี้ฉันงดทำงาน ” ภวิชโวยวายใส่ปลายสายที่มาเร่งเอางาน นึกคึกบ้าอะไรวันนี้ด้วย เขาหันไปมองมินตราที่ส่งค้อนวงงามให้เขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ส่งค้อนวงงามมาให้เขาก็ไม่กล้า จะขัดใจแล้ว ช่วงนี้ทำไมมินตราอารมณ์แปรปรวนนัก เขาแอบสำรวจชุดเดรสที่เธอใส่ เล็กน้อย คนตัวเล็กสวยเกินจนเขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริงๆ อยากขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้แหล่ะ “ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ” ภวิชบอกเสียงเรียบตอบปลายสาย สายตาแอบมองคนสวยของเขาจนไม่อยากคุยกับพี่ชายตัวเองแล้ว “ นี่เสร็จหรือยังเนี่ย? เอ่อ แค่ถามหน่ะ ” คนชอบวางอำนาจเผลอลืมตัวขึ้นเสียงนี่มันติดเป็นนิสัยแก้
มินตราเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเธอรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นเลย วันก่อนสายชลคุยกับเธอเรื่องของมิกที่ได้รับทุนไปเรียนต่อจากมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุนที่รณภพได้นั้นเป็นทุนที่มาจากภวิช แล้วเธอยังคิดจะฆ่าตัวตายแบบนี้ได้ยังไง มือถือก็ใช้ไม่ได้ โดนยึดไปอีก มินตราไม่ต่างจากนกน้อยใจกรงเลยสักนิด แต่เธอจะรู้ไหมที่ภวิชให้เธอหลบอยู่แต่ในบ้านนั้นเพราะมีคนคิดที่จะทำร้ายเธอ “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูทำให้มินตราหันไปมอง และเมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นหน้าของน้องชายตัวเองที่ยิ้มจางๆส่งมาให้ “ ว่าไงมิน ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะหาวิธีฆ่าตัวตายอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะไม่นับถือว่าเธอเป็นพี่ฉันอีกต่อไป ” มินตรามองหน้าน้องชายที่มานั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของเธอ ตั้งแต่รณภพมาอยู่ที่นี่ความคิดเขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบอะไรกับชีวิตมากขึ้นแววตาความห่วงใยของมินตราและความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองคิดทำร้ายตัวเองได้ “ มิกพี่ขอโทษนะที่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้น พี่แค่รู้สึกท้อ มิกรู้เรื่องของพ่อรึยัง ”