“ อะไรกันเนี่ย นายเรียกฉันมาทำไมมีอะไรคุยทีหลังไม่ได้รึไงต้องมาคุยอะไรตอนนี้จะรีบกลับบ้านโว้ย ! ”
“ เดี๋ยวนี้นายติดบ้านติดช่องตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ยักรู้หรือที่บ้านมีอะไรพิเศษถึงอยากกลับไปนัก ” ภวัตต์หรี่ตามองหน้าน้องชายคล้ายจับพิรุธ “ เปล่า มีอะไรพูดมาเร็วๆเสียเวลา ” “ เออน่า อย่าบ่นนักเลยฉันคิดถึงน้องไม่ได้หรือไง ” ภวัตต์เทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้น้องชายที่ตอนนี้นั่งแทบไม่ติดไม่รู้จะรีบกลับทำไมหนักหนา นี่อย่าบอกนะว่ามันรักสัตว์ในช่วงนี้ โทรไปกี่ทีมันก็บอกเลี้ยงแมวบ้าง ดูกวางน้อยบ้าง อยากเห็นหน้าตาจริงๆจะน่ารักขนาดไหน ลูกมงลูกแมวอะไรเนี่ย ภวิชเดินไปรอบห้องนอนคนโสดของพี่ชาย ว้าวุ่นใจจนแทบคลั่ง “ วัตต์เราถามหน่อยสิ นายไม่มีหวานใจบ้างหรือไง ” “ จู่ๆมาถามฉันเรื่องนี้ทำไมวะว่าที่คู่หมั้นนายหล่ะเจอบ้างรึยัง ” ภวัตต์ยกแก้วกาแฟเข้าปาก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ภวิชเริ่มมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยนึกถึงเวลาถ้าเจอหน้าคู่หมั้นจริงๆแล้วมินตราของเขาหล่ะเธอจะรู้สึกยังไง วันนี้เขาไลน์บอกเธอแล้วว่าคงจะถึงบ้านดึกหน่อย ทั้งๆที่มาถึงตั้งแต่บ่ายแต่ไอ้พี่ชายตัวดีดันกักตัวไว้ “ นายมีอะไรก็รีบๆ พูดสิเร็วๆ เวลาฉันมีค่านะเว้ย ” ภวิชเถียงกลับตอนนี้คิดถึงภรรยาสาวแทบขาดใจ “ เรื่องงานนั่นแหล่ะตรงๆเลยนะ...............” ภวัตต์เริ่มพูดเข้าเรื่องการเรื่องงานนานพอสมควรภวิชมีสมาธิในการฟังงานแต่สติหลุดตอนไลน์เด้งขึ้นหลายข้อความจนอดไม่ได้ที่จะเบรกเรื่องงานไว้ก่อน “ วัตต์ขอเวลาแปปนึง” เขายกมือขึ้นห้ามคำพูดของพี่ชายแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูแทน...ในใจร้อนรุ่มเหมือนใครจุดไฟเผา “ วิชนายเป็นไรรึเปล่า ” เขาถามเมื่อเห็นใบหน้าอำมหิตที่แผ่ขึ้นเต็มวงหน้าของน้องชาย มองฝ่ามือที่บีบโทรศัพท์หวังจะให้แหลกก็ไม่ปาน “ วัตต์เรื่องงานคุยพรุ่งนี้นะวันนี้เราเหนื่อยขอตัว ฟึ่บ ” “ เฮ้ยวิชเดี๋ยว! ” ภวิชไม่รอคำตอบของพี่ชายเขาเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์พายุที่พร้อมจะพังทลายทุกอย่างตรงหน้าได้ 'นี่หรอ ที่บอกให้เขาไม่ต้องรีบกลับมา.... ...นี่หรอที่บอกคิดถึงเขา.......ผู้หญิงมารยา......... หลอกลวง........เธอมันเจ้าเล่ห์หลอกให้ฉันหลงเสน่ห์แล้วยังมีหน้า ไปหลอกคนอื่น แพศยา..... เธอจะต้องได้รับโทษมินตราที่กล้าสวมเขาให้ฉัน ผัวไม่อยู่ร่าเริงกับชายอื่น หึ.....!' ...ความหวงของรักมันไม่อาจหยุดคนเจ้าอารมณ์ได้เลย “ กลับบ้านสายชลไปเร็วที่สุด ปั้ง ” เสียงปิดประตูรถที่ดังลั่นไม่กลัวว่ามันจะพังเอาซะเลย ราคาไม่ใช่เล่นกี่ล้านไม่รู้เขาไม่สนใจ ฟังจากเสียงที่สั่งแล้วสีหน้าที่ขมวดมุ่นตลอดเวลา ทำให้สายชลรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้านายต้องเจอเหตุการณ์อะไรที่ไม่สบอารมณ์มาแน่ และในเวลาแบบนี้ไม่ควรปลิปากถามอะไรสักอย่าง เงียบไว้จะดีที่สุด เอี๊ยด ปึง! ” รถหรูหราที่วิ่งด้วยความเร็วตามแรงเหยียบของลูกน้องคนสนิทที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายนี่ถ้ามีความเร็วถึง250 เขาไม่เหยียบมันจนปลิวไปเลยหรืออย่างไร ทันทีที่ถึงคฤหาสน์อันแสนงามในยามนี้ที่ตอนนี้คฤหาสน์หลังนี้แทบจะไหม้จุลด้วยพายุอารมณ์ของคนที่มาเยือนเสียงปิดประตูรถที่ดังสนั่นทำให้คนรับใช้รวมถึงแม่บ้านทั้งหลายกระเจิดกระเจิง รู้ความร้ายกาจและอารมณ์รุนแรงของคุณชายบ้านหลังนี้ว่าน่ากลัวขนาดไหน..... “ สายชลฉันต้องการพักผ่อนห้ามให้ใครมากวน ” ส่วนนี่ มันเป็นแบบแผนงานที่ฉันวางไว้แล้ว พรุ่งนี้ถ้าฉันไม่เข้าบริษัทนายช่วยจัดการแทนฉันทีแล้วไม่ต้องให้ใครเสนอหน้ามาหาฉัน ถ้าใครถามหาก็บอกไปว่าฉัน ไปสัมมนาเข้าใจไหม!! ”เขาสั่งเรื่องงานเมื่อก้าวเข้ามาในตัวบ้าน กระเป๋าเอกสารถูกโยนให้ลูกน้องที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดแล้วยังทำหน้าที่เป็นเลขาคู่ใจให้กับเขาอีก “ ครับเจ้านาย ” ภวิชไม่พูดอะไรอีกนอกจากเดินตรงไปยังห้องนอนทันทีหมายจะลงโทษคนที่ปั่นหัวเขา “ ปัง! มินตรา ” เขากระชากประตูออกอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่พบคนที่อดใจรอพบด้วยความคิดถึงมาหลายวัน แต่ตอนนี้มีเพียงความโกรธรุนแรงเท่านั้นและยิ่งไม่พบตัวคนที่อยากเจอภวิชยิ่งโกรธจนตัวสั่นกำหมัดแน่นเข้าหากันจนเส้นเลือดปูดโปน ...ดึกดื่นแล้วยังไม่กลับบ้านจะไปไหน... “ มินตราเธอได้ยินไหม! มิน ! มิน! ” เดินทั่วห้องกวาดสายตามองหาทุกมุม ความกังวลใจแผ่ไปทั่วใบหน้า รูปภาพมินตรากับชายแปลกหน้าที่ยิ้มหวานให้กัน ที่เขาเห็นในไลน์ รูปที่จับมือกันใกล้ชิดกันมันยิ่งทำให้ภวิชแทบคลั่งทำไมเธอถึงได้ดูสนิทกับไอ้ผู้ชายคนนั้นนักดูหน้ามันก็คุ้นๆยังไงชอบกล ผู้ชายในภาพ..ทั้งที่ตอนแรกไม่สนใจด้วยซ้ำว่า ใคร?จะส่งข้อความมาแต่พอมีรูปภาพและข้อความสุดท้ายที่เขาเห็น ผ่านหน้าจอ คือคำว่าน่ารักดี....มินตรา.....เท่านั้นแค่เห็นคำว่ามินตราเขาก็ไม่รอที่จะเปิดดูมันแล้วก็ได้เห็นภาพบาดตาคนขี้หวงก็ออกอาการอยากแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของและยิ่งเป็นของส่วนตัว นั่นหมายถึงไม่ต้องการให้ใครมายุ่ง! อย่าคิดมาแย่ง! ถ้าเขาไม่ให้! “ กรอด ” เสียงกัดฟันที่ข่มความโกรธยิ่งไม่พบคนก่อเหตุยิ่งทวีคูณ นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เจ็บปวดเหมือนที่เคยเจอมายิ่งทำให้เขาระแวง “ เสื้อผ้า! ” เขาพรึมพรำเบาๆเดินตรงไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าอย่างกระวนกระวาย “........ฟึ่บ......กึก....ปั๊ก โธ่โว้ย กล้าหนีฉันหรอมินฝันไปเถอะไม่มีทาง ” เมื้อพบเพียงความว่างเปล่าในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักหลายใบที่เคยมีของใช้เขาเปิดออกกลับไม่พบอะไรสักชิ้น คนมีปมในอดีตอย่างเขาแทบอยากเผาบ้านให้เป็นจุล “ นี่มีใครอยู่บ้านหลังนี้ไหม หายหัวไปไหนกันหมดวะ ได้ยินไหม ” เขาวิ่งลงบันไดตะโกนแหกปากเสียงดังเรียกคนในบ้านที่ไม่มีแม้เงา เสียงปิดประตูรถตั้งแต่เขาก้าวเข้าถึงตัวบ้านก็ไม่มีใครกล้ายืนอยู่บริเวณนั้นแล้ว “ คะคุณชายมีอะไรให้ป้ารับใช้ค่ะ ” แม่บ้านกล้าๆกลัวๆที่ต้องพูดกับเจ้านายหนุ่มเวลานี้ “ มินตราไปไหน ” “ ตอนนี้คุณมินยะอยู่!!! ” “ อยู่ไหนเล่ากระตุกกระตั๊กมันอยู่ได้อยากตายก่อนวัยรึไง ” “ เพล้ง!! อร้ายคุณมิน ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนของบางอย่างที่ตกแตก และเสียงเรียกของแม่นมที่เขาจำได้กำลังเรียกคนที่เขากำลังหาตัวจึงไม่รอช้าที่จะไปลากเธอมาลงทัณฑ์โดยไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างเลยเมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของแม่นม ภวิชไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าขายาวๆ ก้าวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ทะลุประตูหลังของบ้านใหญ่ เยื้องออกไปเป็นบ้านหลังเล็ก และถัดไปอีกไกลพอตัวซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไม่แปลกหรอกที่มินตราจะไม่ได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของภวิชที่ทำขึงขังเสียงดัง เพราะมันอยู่ห่างกันกับห้องครัวพอประมาณ “ คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวป้าเก็บเอง ” “ เกร้ง ๆ ไม่เป็นไรค่ะมินเก็บดีกว่าเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเข้าจะแย่ไม่ลำบากอะไรนี่ค่ะ ” “ ฟึ่บ กึก โอ้ย /กรี๊ด ” มือเรียวเล็กของมินตราที่กำลังเก็บเศษจานแก้วที่เผลอทำหล่นแตกถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือที่กำลังเก็บเศษแก้วนั้นถูกของคมแหลมบาดเข้าให้เป็นทางยาว เธอร้องด้วยความตกใจส่วนแม่นมนั้นกรี๊ดเสียงหลงเพราะทั้งตกใจที่เห็นคุณชายที่เธอเลี้ยงดูฉุดกระชากหญิงสาวแถมมินตรายังโดนของคมปักเข้าที่มืออีก มินตราเงยหน้ามองคนที่มาฉุดกระชากเธอ “ พี่วิช ” เธอยิ้มออกกว้างด้วยความดีใจจนลืมบาดแผลไปแล้วด้วยซ้ำคิดถึง เขาอยากกอดมากๆรู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็กลับมาแต่ท
“ ฮึกๆ ฮึก ” ภวิชขยุบขยิบดวงตาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะเสียงบางอย่างที่ดังมาจากคนที่หลับในอ้อมแขนของเขาที่ส่งเสียงสะอื้นภวิชผงกหัวขึ้นเล็กน้อยจูบหน้าผากมนตามเคยชิน อุณหภูมิที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขาลุกนั่งพร้อมคว้าคนในอ้อมกอดให้นั่งด้วย “ ฮึกๆ ฮือๆ ” “ มิน ” เสียงสะอื้นหญิงสาวทำให้หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อเธอร้องเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาที่หลับพริ้มแต่มีน้ำใสๆไหลลงห่างตาตลอดทำเอาภวิชนิ่งไปชั่วคราวเขาค่อยๆพามินตราล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมร่างบอบบางที่ยังไม่ทันได้ใส่อะไรสักชิ้นแต่แล้วมือก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นรอยช้ำบนเรือนร่างมินตราตามคอขาวที่ช้ำแดงเป็นจ้ำบ้างก็มีรอยฟัน ริมฝีปากที่มุมปากแดงช้ำผิวขาวผ่องที่มีแต่รอยรักที่เขาปฏิบัติกับเธอเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้งเขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงทำกับมินตราได้ขนาดนี้ อะไรมันเข้าสิงให้เขารุนแรงป่าเถื่อนขนาดนี้เพียงคิดว่าเธอจะหนีหายไปจากเขากลัวใครมาแย่งเธอไป ใจก็พาลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มือแกร่งสัมผัสไหล่บางเบาๆก้มจุมพิตอ่อนโยน ตัวรุมๆอุ่นๆ เพราะเขาอีกสินะ.... “ ฮึกๆ อื
“ มินครับ ตื่นมากินข้าวก่อนนะ ” ภวิชนั่งข้างเตียงพยุงคนที่หลับ คนที่แทบไม่รู้สึกตัวให้ลุกขึ้นคนถูกกวนการนอนร้องอื้ออึงผ่านลำคอที่แห้งผาก “ อือ คนใจร้าย ” เธอพรึมพรำละเมอต่อว่าเขา “ นี่ขนาดไม่รู้สึกตัวนะ เดี๋ยวพี่ก็ใจร้ายลักหลับซะหรอก ” เขาประครองให้เธอนอนพิงแนบหน้าอกของเขา เขาพยายามจะป้อนข้าวให้ร่างบางพอได้ยินเธอว่าเขาใจร้าย ก็สลดอยู่หรอกนะ แต่ก็ขอโทษแล้วไง คนอุตส่าห์ดูแลยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ภวิชชะเง้อไปมองเขาใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงสามส่วนสบายๆ คนย่างกายเข้าห้องคือแม่นมเขานั่นเอง “ แม่นิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ ” เมื่อเห็นเป็นคนคุ้นเคยเขาก็ส่งเสียงถามทักทายก่อนจะหันหน้าไปสนใจป้อนข้าวคนไข้ของเขาต่อ “ เอ่อ คุณชายค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่มาหาค่ะ ” ภวิชเงยหน้าขึ้นมองแม่นมของเขา พลางสงสัยว่าพ่อกับแม่มาหาเขาทำไมบ้านหลังนี้เขาปลูกไว้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปบริษัท พ่อกับแม่แทบไม่เคยมาพักที่นี่ด้วยซ้ำเพราะท่านชอบบรรยากาศทางเหนือมากกว่า “ ครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ” “ ค่ะ ” เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือแค่เขากับมิน ภวิชป้อนข้าวมินตราอีกค
จนได้!...ไอ้มิกเอ้ยไอ้มิก...ยุ่งไม่เข้าเรื่อง......จริงๆเลย รณภพด่าตัวเองเป้าหมายที่เขาต้องการไปจริงๆคืออยากไปฟิตเนสสักหน่อยอากาศกำลังดีท้องฟ้ามัวๆ ที่ไม่มีแดดเขาชอบนัก เวลาขับรถคู่ใจแล้วมันไม่ร้อนดีเสือกดันมาตาดีเห็นใยคุณหนูจอมเปิ่น ยืนกำหมัดแน่นที่โดนด่าคำแรงๆจากหญิงสาวที่ข้างเธอมีชายหนุ่มอีกคนมอง ภัสสรอยู่หน้าห้างดังห้างหนึ่งการยืนมองของกลุ่มคนรอบๆ ทำให้รณภพรู้ทันทีว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ รณภพส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทั้งที่บอกจะว่าไม่ใส่ใจ แต่เหตุฉะใดขาเขาจึงตามเจ้าหล่อนไปทุกที่ได้หล่ะนั่นดันมาอยู่ใน เหตุการณ์ซะได้ ทำไมไม่ขับตรงไปฟิตเนสอย่างที่ตั้งใจวะไอ้มิก เขากร่นด่าตัวเองในใจ เหตุการณ์ที่เห็นทำให้รณภพประหม่าที่คาดการณ์เดาเธอผิดไปนึกว่าจะผิดหวังกับพฤติกรรมของเธอซะแล้ว และการตอบกลับของเธอทำให้รณภพพอใจไม่น้อย ผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงเบื้องหน้าที่ดูท่าคงเป็นแฟนกัน..รณภพดูแคลน..คิดว่าคุณหนูมีปัญหาอะไรมากมายสุดท้ายคงไม่พ้นเรื่องผู้ชายตบตีแย่งกัน.....น่าละอายชะมัด ชายหนุ่มหันหลั
“ มิน จะไปไหน? ” ภวิชรู้สึกตัวในกลางดึกเมื่อคนไข้ที่เขาเฝ้าเช็ดตัวให้ไม่ห่างอยู่ข้างกาย เขาควานหาหวังจะดึงเธอมากอดแต่ข้างกายกลับว่างเปล่าสายตาเรียวของคนที่ผงกหัวขึ้นอย่างเพิ่งตื่นจากภวังค์ อกเปลื่อยเปล่าที่ไร้เสื้อปกปิด เขาใส่แค่กางเกงนอนเท่านั้น ลุกขึ้นยันกายนั่งมองไปยังคนที่เอื้อมมือกำลังจับลูกบิดกำลังจะเปิดประตูห้องนอน มินตรายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปางบางของเธอ เธอกดดันเขาอีกแล้ว ภวิชลุกพรวดขึ้นทันทีที่เท้าเล็กๆกำลังจะก้าวออกจากห้องสำเร็จ “ ฟึ่บ! พี่ถามว่าจะไปไหน! ได้ยินไหมมิน ? ” เขากระชากน้ำเสียงดึงเข้าที่ข้อมือของเธอทำให้ร่างมินตราหันมาสบตากับเขาสิ่งที่ภวิชเห็นทำให้น้ำเสียงกระชากที่ได้ยินในตอนแรกเริ่มลดลงแทบกระซิบ “ มะ มิน มินร้องไห้ทำไม? ” น้ำใสๆที่คลอหน่วยตาของเธอทำให้ภวิชแทบจุกจนพูดไม่ออก “ ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง ” น้ำเสียงและสรรพนามเริ่มเป็นดังเดิม “ พูดเป็นเล่น ก็นี่ไงครับที่รัก ไม่สบายแค่นี้จำไม่ได้เลยหรอ? ” คนที่ตกใจคราแรก นึกขำอย่างฝืนๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ตลกสักน
เช้าอีกวันที่มินตราหลบแต่หน้าเขา ทุกครั้งที่ภวิชตื่นขึ้นมาหลังจากที่ยื้อฉุดกระชากเธอด้วยไฟเสน่หาแทบจะทุกค่ำคืนเขาก็ไม่พบมินตราข้างกายในทุกเช้าเป็นเช่นนี้มาสองวันแล้วคำพูดของน้องสาวตัวแสบยังก้องอยู่ในหู “ สรุปแม่มินตรานี้เป็นแม่บ้านหรือนางบำเรอของเล่นของพี่วิชค่ะ ” “ ใยน้อง! ทำไมพูดแบบนี้ ” “ ก็มันจริงนี่ค่ะ นอนกับผู้ชายอีกคนแต่วันก่อนยังไปกับผู้ชายอีกคนเสน่ห์แรงนะคะผู้หญิงคนนี้ ” ภวิชกำหมัดแน่น ภัสสรพูดกระตุ้นได้โดนจุดดีเสียจริงเขาอุตส่าห์จะง้อจะถามมินตราว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แต่พอเห็นเธอเฉยชาใส่แล้วยังจะคำพูดของภัสสรอีกทำให้คนเจ้าอารมณ์ฉุนจัดจนคนในบ้านไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน “ ฟึ่บ วิช นายเป็นไรว่ะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม ” ความคิดในอดีตของภวิชจบลงเมื่อภวัตต์โยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งดูเสร็จไปเล่มนึงก่อนจะหยิบอีกเล่มขึ้นมาตรวจอีกภวัตต์ที่นั่งบนโต๊ะทำงานหย่อนขาข้างนึงแต่พื้นอีกข้างเกยกับโต๊ะแล้วปล่อยห้อยต่องแต่งพร้อมเปิดเอกสารการเงินกับโครงการที่เพิ่งแก้แผนงานนิดหน่อย “
“ ห๊ะอะไรนะคะรถที่คุณวิชนั่งถูกวางระเบิดงั้นหรือค่ะ กรี๊ดคุณมิน คุณมินค่ะใจเย็นๆก่อนนะคะ ” มันคือเหตุการณ์ตอนที่มินตราได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของแม่บ้านที่กรีดร้องด้วยความตกใจ อะไรกันคุณภัสสรก็เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุแล้วนี่ยังจะคุณภวิชอีกทันทีที่ได้ยินว่ารถภวิชถูกวางระเบิดมินตราก็เข่าอ่อนขึ้นมากระทันหันกังวลห่วงเขาว่าจะเป็นอะไรไหมตอนนี้เธออยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ ความกว้างและขนาดของห้องทำให้ยิ่งอ้างว้างกว่าเดิม “ พี่วิชฮือๆ มินขอโทษพี่วิชอย่าเป็นอะไรนะคะ ” มินตราที่ตอนนี้อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? “ ได้ยินมินไหมพี่วิชคนใจร้ายฮือๆ ” ภวิชรู้สึกตัวตั้งแต่มินตรา สัมผัสมือเขาแล้วความห่วงใยความรู้สึกที่เขาโหยหาถึง นึกว่ามินตราจะไม่ยกมันให้เขาแล้ว “ มิน มินครับ ” ภวิชเอื้อมมือสัมผัสไหล่บอบบางที่สะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ของเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่แมวน้อยของเขาเลิกเย็นชาใส่เขาสักที “ พี่วิช ” คนได้ยินเสียงเรียกผงกหัวขึ้นมองมือยื่นไปจับหน้าเขา ถ้าหากไม่พบเขาในยามลืมตา ได้ยินคำร้ายๆที่ขุดมาว่าเธอ เธอจะเป็นยังไง “ เป็นอะไรครับ ” ภวิ
ภวิชนั่งจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประโยคของภวัตต์ยังดังอยู่ในหัว เขารักมินตราจริงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนั้นนี่เมื่อไหร่มินตราจะมาสักทีหนีกลับบ้านไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้ภวัตต์ออกไปดูดบุหรี่หลังจากที่ตาพยาบาลมาช่วยใส่สายน้ำเกลือให้คนป่วยที่ยังซ่าต่อยพี่ชายอย่างเขาได้กว่าจะได้คุยกันปกติภวัตต์ก็โดนชกไปอีกหลายที “ แกร๊ก อ้าวคุณพ่อคุณแม่มาได้ยังไงครับ ” พอได้ยินเสียงประตูเขาก็คิดว่ามินตราคงมาแล้วแต่กลับไม่ใช่ดั่งใจคิด...บิดาแล้วก็มารดาต่างหาก “ พ่อกับแม่ก็นั่งรถมานะสิว่าแต่วิชเป็นยังไงบ้างลูก ” คนเป็นแม่จับฝ่ามือลูกชายเมื่อรู้ข่าวทั้งลูกชายลูกสาวคนเป็นแม่แทบจะล้มทั้งยืน “ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่ ผมกะว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปพักที่บ้านแล้วครับ “ อืม ดีแล้วลูกแม่ตกใจมากเลยรู้ไหมวิชลูกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เข้าใจไหม ” “ ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ” ภวิชตอบอย่างสุภาพ เออ...หายมันไปทั้งคู่ ทั้งเมียทั้งไอ้พี่ชายฉวยโอกาสนี่มันจะแอบไปจูบเมียเขาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้..... คิดอย่างนี้แล้วเขาก็อย
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์