ภวิช กิตติรัชไพทูล ลูกชายคนเล็กของท่านกิตติศักดิ์ละคุณหญิงรติการ กิตติรัชไพทูล เจ้าของบริษัทขนส่งน้ำมันรายใหญ่ของประเทศและอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ที่สำคัญท่านเคยเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังอำนาจมืดหลายๆอย่างแต่วันนี้ถึงคราวจะสละให้ลูกชายวัย 29 ปี ดำรงตำแหน่งงานสักทีหลังจากฝึกฝนและกว่าจะผ่านด่านทดสอบอย่างยากลำบากมาหลายปี....ภวิช ชายหนุ่มรูปงามที่มีทรงผมสีดำสนิทรองทรงสูงทรงผมที่รับเข้ากับจมูกรั้นที่แฝงความเอาแต่ใจ ริมฝีปากหยักหนาที่สาวๆพากันหลงใหล คิ้วเข้มเรียงตัวสวย จุดเด่นที่สำคัญของเขาคือดวงตา สีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่ชวนน่าหลงใหลยิ่งนัก แววตาที่หลากหลายอารมณ์ทั้งอ่อนหวาน อ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน ชายหนุ่มก้าวลงจากรถราคาหลายล้านในชุดสูทภูมิฐาน ดวงตาคู่งามถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีน้ำตาลพร้อมมองสถานที่ที่เขามาวันนี้
“ กฤษ วันนี้นายช่วยเลื่อนนัดแซมให้ฉันที บอกเขาว่าฉันติดธุระด่วนไว้ฉันจะติดต่อกลับไป ” เขาหันมาสั่งการ์ดคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ในเวลาเดียวกัน “ ส่วนทัช นายช่วยติดต่อไปที่บริษัทแล้วบอกให้กัญญาส่งเอกสารเกี่ยวกับการขนสินค้าลงเรือมาให้ฉันที่นี่ด่วน ” เขาบอกการ์ดอีกคนที่สนิทด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็แน่หล่ะสถานที่เบื้องหน้าคือที่เจาะน้ำมัน และวันนี้ที่เขามาก็เพราะมีคนคิดทรยศส่งข้อมูลบริษัทให้คู่แข่ง หึ!! แต่โชคดีที่คนอย่างเขารอบคอบพอที่จะตลบหลังคนทรยศด้วยการแก้เอกสารบางอย่าง ไม่อย่างงั้นเห็นทีการประมูลหรือหุ้นต่างๆคงเสียหายไม่น้อย “ นายครับ เฮลิคอปเตอร์มาถึงแล้วครับ ” กฤษรายงาน ชายหนุ่มร่างสง่าสูง184 เซนติเมตร คลี่ยิ้มบางๆให้บอดี้การ์ดก่อนจะพยักหน้าตรงไปยังพาหนะที่บินขึ้นสู่กลางอากาศ มินตรา อัครพาบูรณ์ อายุ 24 ปี เรียนจบด้านการตลาดสูง 160 เซนติเมตรหล่อนยอมรับว่าตัวเองเข้าข่ายขั้นเตี้ย....มาตรฐานหญิงไทย....การหางานทำมันชั่งเหนื่อยยากเสียเหลือเกิน...การเงินสำหรับหล่อนแล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากต้องดิ้นรนเพื่อส่งให้น้องและครอบครัวทางบ้าน......หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ.....เฮ้อภาระหนี้สินก้อนโตหล่อนจะหาชดใช้ยังไง...คิดแล้วท้อใจร่างบางเดินพาตัวเองหางานทำท่ามกลางความร้อนที่อบอ้าวยิ่งขึ้นมันทำให้หล่อนรู้สึกหน้ามืดได้อย่างกะทันหัน ตอนเช้าหล่อนก็ยังไม่ได้ทานข้าวมาทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายความล้าที่แล่นเข้าทางกายอย่างรวดเร็วแสงจร้าจัดในยามนี้ทำให้สติเริ่มพลันลดเลือน ฟึ่บ ห้วงความคิดหมดลงพร้อมร่างที่หมดสติที่จะพยุงตัวไว้ได้ “ คุณครับเป็นอะไรมากไหมครับ ” ร่างสูงโปร่งที่ขับรถหรูหราผ่านมาเห็นร่างบางที่สลบอยู่พอดี ดีนะที่เขาผ่านมาถึงเห็นเธอเข้าเขาช้อนร่างมินตราไว้แล้วอุ้มมาวางที่เบาะหลังรถ “ ติ๊ดๆ....” เสียงโทรศัพท์มือถือราคาแพงดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อหน้าจอก็รีบรับทันที “ ว่าไงกฤษ ” “ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเจ้านายกำลังรออยู่นะ ” “ ฉันกำลังไปอยู่ บอกเจ้านายด้วยนะว่ามีเหตุนิดหน่อย ” “ นายเป็นไรรึเปล่า ” กฤษถามด้วยความห่วงเพื่อนเพราะช่วงนี้ทั้งเจ้านายและเขาโดนหมายหัวทั้งนั้น “ เปล่าๆ แค่นี้ก่อนนะ ” ตอนแรกเขาจะพาร่างที่ไม่ได้สติไปรพ.แต่คงเสียเวลาแย่เขาตัดสินใจพาร่างที่หลับสนิทตรงเบาะหลังไปด้วยซะเลย ราวๆสิบนาทีที่รถขับเคลื่อนด้วยความเร็วก็มาถึงท่าเรือพร้อมข้อมูลบางอย่างในมือตามที่เจ้านายต้องการเขาชำเลืองมองหญิงสาวก่อนลงจากรถป่านนี้ทำไมถึงยังไม่ตื่นสักทีเมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับสบายสายชลจึงลงจากรถเพื่อไปหาจ้านายของเขาทันที “ ได้เรื่องไหม? ” ร่างสูงที่นั่งพักใต้ร่มไม้บนเก้าอี้ไม้ยาวใกล้ๆท่าน้ำ “ นี่ครับ นาย ” สายชลบอดี้การ์ดคนสนิทอีกคนยื่นซองสีน้ำตาลให้กับเจ้านายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างเอื้อมมือไปหยิบซองน้ำตาลก่อนจะเปิดซองแล้วล้วงเข้าไปหยิบของที่อยู่ด้านในมา รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นที่มุมปาก “ ดีมาก ไม่เสียแรงที่ให้นายทำงานนี้นะเอาหล่ะฉันว่าใกล้ได้เวลาแล้ว เราจะไปภูเก็ตกันเดี๋ยวนี้ ” พูดจบภวิช ก็ลุกจากโต๊ะยาวจนเต็มความสูง “ อะเอ่อนายครับ ” สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของสายชลทำให้เขาคิ้วขมวด “ มีอะไร ” เขาพูดแต่ก็เดินมุ่งหน้าตรงไปยังรถราคาแพงยิบที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก “ คือผมคิดว่านายจะไปพรุ่งนี้ซะอีก ” “ ไม่หล่ะ เรื่องนี้ปล่อยนานได้ที่ไหน ฉันต้องจัดการคนลอบกัดให้สาสมเลย ” เขาพูดอย่างเคียดแค้นโดยไม่ยอมหยุดเดิน “ อีกเรื่องครับ นะ นาย ” “ พรึ่บ ” ยังไม่ทันที่สายชลจะได้รายงานว่าพบหญิงสาวสลบข้างทางเลยพามาด้วยเลย พร้อมกับเสียงประตูรถที่ทัชเป็นคนเปิดให้คนที่เป็นเจ้านาย ร่างสูงมองไปยังคนร่างเล็กผิวขาวที่นอนอยู่เบาะรถทำให้ใบหน้างามนั้นคิ้วเรียวหาเข้ากันเป็นปมแล้วหันไปมองหน้าสายชลที่ก้มหน้าลง “ อะไร? ”เขาถามเสียงเรียบ สายชลเล่าทุกอย่างให้คนเป็นนายฟังก่อนที่ร่างสูง จะก้มตัวเพื่อจะจับร่างบางให้ลุกหลังจากที่ได้ฟังจบ แต่แค่เพียงแตะเท่านั้นเขารู้ได้เลยว่าคนที่หลับขนาดนี้ทำไมไม่มีทีว่าจะตื่นง่ายๆ “ สายชล ขับรถไปโรงพยาบาลด่วน เดี๋ยวนี้เร็วๆสิ ” เขาสั่งทำให้ลูกน้องทั้งสามคนรีบประจำที่นั่งแทบไม่ทัน สายชลอ้อมรถเพื่อที่จะไปฝั่งคนขับแต่ถูกร่างสูงเรียกไว้ก่อน “ ไม่ต้อง นายมานั่งหลังกับฉัน กฤษ นายเป็นคนขับแทน ” “ ครับนาย ” แล้วทั้งสองคนก็เปลี่ยนหน้าที่แทน ภวิชค่อยๆช้อนตัวหล่อนให้นั่งตรงกลางแต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อรอยยิ้มที่มุมปากยกขึ้นพร้อมเปลี่ยนเป็นอุ้มร่างบางมานั่งที่ตักในอ้อมแขนเขาแทน แน่นอนว่าพื้นที่เบาะหลังรถก็กว้างพอที่ร่างสายชลจะไม่โดนตัวหญิงสาวที่หลับสนิทตอนนี้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องอุ้มหล่อนด้วย รถคันงามแล่นตามท้องถนน พร้อมสายตาคมที่แอบชำเลืองมองสาวในอ้อมแขน ผมหยักศกยาวถึงเอว แพรขนตายาวงอน ใบหน้าเรียวนั้นซีด ปากซีดเซียว จมูกนิด ปากหน่อย เขาสะบัดหัวออกจากความคิด เธอทำให้เขาหลงใหลได้ถึงเพียงนี้เลยรึไง อยากเห็นดวงตาของเธอเสียจริงว่าจะงดงามเหมือนยามหลับไหม และแปลกกว่านั้นคือเขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อถึงรพ.เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างบางให้พ้นมือแถมเป็นคนจัดแจงส่งหล่อนถึงเตียงตรวจด้วยซ้ำ เขานั่งรออาการตรวจอยู่หน้าห้องสักพัก บอดี้การ์ดทั้งสามคนของเขาแยกย้ายไปทำหน้าที่ตามที่เจ้านายของพวกเขาสั่ง “ ชล นายไปติดต่อเรื่องค่าใช้จ่าย ” “ กฤษ นายโทรไปบอกบ้านพักที่ภูเก็ตด้วยว่าวันนี้ฉันจะไปถึงเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ” “ ทัชนายช่วยไปซื้อของให้ฉันหน่อย ” “ ครับ/ครับ/ครับ ” ทั้งสามคนรับคำสั่งก่อนจะเลี่ยงเดินไปทำหน้าที่จึงเหลือเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่หน้าห้อง ไม่นานหมอหนุ่มเพื่อนสนิทเขาก็เดินตรงมาหาเขาเขาลุกขึ้นอัตโนมัติเพื่อฟังข่าว “ ไปเจอเธอที่ไหนว่ะวิช ” “ ลูกน้องฉันไปเจอ สรุปเธอเป็นอะไร ” ภวิชพูดกับหมอหนุ่ม “ เป็นไข้หวัดใหญ่ว่ะ ดูท่าจะเป็นมานานแล้วด้วยคงต้องให้นอนรพ.สักสามสี่วันว่ะดูอาการเพื่อมีโรคแทรกซ้อน ” “ อืมขอบใจนะไอ้หนุ่ม ” “ หน้าที่ของหมออยู่แล้วเว้ย ว่าแต่วันนี้แกจะไปไหนป่าวว่ะดูท่ารีบๆนะ ” “ ไปภูเก็ตว่ะมีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อย ” “ ยังไงก็ดูแลตัวเองบ้างนะเว้ยเดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นกลับมาแล้วจะจำไม่ได้ หึๆ ” หมอหนุ่มหัวเราะนิดๆเมื่อแซวเพื่อนเรื่องคู่หมั้นซึ่งเพื่อนเขาไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ “ หยุดนะเว้ย ฉันไม่แต่งอะไรทั้งนั้นแหล่ะ รอแม่คุณกลับมาก่อนเถอะฉันจะไปยกเลิกเรื่องหมั้นให้จบๆสักที ” เมื่อสี่ปีก่อนเขาถูกบังคับให้หมั้นกับลูกสาวรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคมด้วยความไม่เต็มใจเพียงแต่ที่ทำคราวนั้นมีเรื่องธุรกิจและก็กลบข่าวเรื่องที่เขาจัดการคนโดยใช้ศาลเตี้ย เลยจำต้องหมั้นไว้ แต่หลังจากนั้นเขาก็สบายเพราะว่าที่คู่หมั้นไปเรียนต่อที่เมืองนอกนี่ก็สี่ปีแล้ว หึๆ จะพูดไปกี่ครั้งที่เจ้าหล่อนมาเมืองไทย เขาก็หาเรื่องไปต่างประเทศเรื่อยถึงจะสวยแค่ไหนก็เถอะแต่เขายังหวงความโสดและความสนุกอยู่ “ เออๆ คิดดีๆ ไปล่ะมีคนไข้ที่ต้องดูแลอีกว่ะ ” เมื่อรู้ว่าเลยเวลามานานพอควร หมอหนุ่มจึงขอตัว “ อืม แต่เรื่องการรักษาตัวคงไม่สะดวกให้นอนที่นี่วะ ขอเอากลับไปดูอาการที่บ้านแทนละกัน ” “ เออ เอาเลยครับแกมันรวยนี่ จะจ่ายค่าพยาบาลพิเศษไปดูแลรักษาที่บ้านก็เชิญ ” คำเหน็บแนมจากเพื่อนทำให้ภวิชหรี่สายตามอง ภวิชมองตามหลังเพื่อนไปก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง เขานั่งตรงโซฟายาวที่มองเห็นร่างบางนอนหน้าซีดอยู่บนที่นอน ร่างกายเธอดูบอบบางซะแต่ก็ไม่ผอมแห้ง พอมีน้ำมีนวล หน้าอกนั้นบ่งบอกว่าเธอซ่อนรูปขนาดไหน การสำรวจเรือนร่างคนที่นอนอยู่นั้นทำให้เลือดในกายเขาแล่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั้งๆที่เขาก็ไม่เคยขาดผู้หญิงแต่ก็ไม่ใช่นอนกับใครไปเรื่อย แต่ทำไมปฏิกิริยาที่รวดเร็วอย่างนี้ถึงเกิดกับคนที่นอนไม่ได้สติ ร่างสูงดีดตัวเดินตรงมาที่เตียงหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอามือไปทาบที่หน้าผากเพื่อวัดไข้หล่อน ตัวหล่อนรุมๆและร้อนนิดๆอดไม่ได้อีกที่จะก้มหน้าไปมองดวงหน้าซีดๆนั้นที่ไร้การแต่งแต้มด้วยสีสันต่างๆ ริมฝีปากอวบอิ่มนั้น อดไม่ได้อีกที่เขาจะ “ จุ๊บ ” เขาจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากหล่อนที่หลับไม่รู้เรื่องมันไม่ได้ลึกซึ้งแต่ก็นุ่มนวลและเนิ่นนานกว่าเขาจะยอมถอดจูบ และลูบที่ผมของหล่อนอย่างเอ็นดู เสียงเปิดประตูที่ดังเข้ามาทำให้เขาหันไปมองและยืดตัวตรง “ นี่ครับนาย ” ทัชยื่นกาแฟร้อนที่เจ้านายหนุ่มสั่งให้เขาไปซื้อมา “ หมอว่ายังไงบ้างครับนาย ” “ เธอเป็นไข้หวัดนะ....” “ ทัช นายไปติดต่อหมอหนุ่มที่เป็นเจ้าของไข้ บอกว่าฉันจะพาเธอออกจากรพ.วันนี้ และตอนนี้ด้วย ” “ ครับ ” ทัชก้มหัวให้รับคำสั่ง “ งั้นให้ผมโทรไปบอกแม่บ้านไหมครับให้เตรียมห้องไว้สำหรับเธอ ” คำพูดของทัชทำให้ร่างสูงยิ้มออกมา นี่ถ้าสาวๆได้เห็นรอยยิ้มนี้คงใจละลายกันเป็นแถว “ ไม่เสียแรงที่เป็นคนสนิทฉัน หึ ”เขาหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีที่บอดี้การ์ดเขารู้ใจเขาจริงๆ “ จัดการตามนั้น ” สิ้นสุดคำพูดทัชก็ก้าวออกจากห้องไปอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่ให้สมความปรารถณาของเจ้านายหนุ่ม อากาศยามค่ำคืนที่ภูเก็ตชั่งเย็นสบายดีนักเขาใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึงที่พักเนื่องจากต้องทำเรื่องออกจากรพ.แล้วยังจัดการยกเลิกเที่ยวบินอีกต่างหาก ทำไมหน่ะหรอเพราะการเดินทางครั้งนี้ไม่น่าเบื่อแล้วไงเมื่อได้ร่างเล็กๆมาอยู่ที่ตักเขาถึงจะเหนื่อยและเมื่อยไปหน่อยแต่ก็คุ้มจริงๆเขาคิดอย่างมีความสุขระหว่างเดินทางร่างเล็กมีการขยับตัวบ่อยครั้งเพราะคงนอนไม่สบายแต่เขาก็พยายามขยับร่างให้หล่อนสบายขึ้นและเมื่อมาถึงที่พักแม่บ้านทุกคนต่างก็หลับกันไปหมดแล้วจะเหลือก็แต่พ่อบ้านที่รอรับคำสั่งของเขาเท่านั้นเพราะร่างสูงให้เตรียมเรือสำหรับเดินทางไปยังเกาะส่วนตัว...ใช่ ก็เขานั่นแหละที่เปลี่ยนสถานที่กลางคัน แน่นอนว่าตลอดการเดินทางร่างเล็กบอบบางนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาเสมอ...เขาเองก็รู้ตัวว่าเขาคงพอใจเธอเข้าแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆรึเปล่าที่เห็นเขาและใกล้เขาเพียงเพราะหน้าตา และฐานะ...คิดแล้วก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาถ้าหล่อนเป็นอย่างหญิงสาวคนอื่นๆเขาคงผิดหวังไม่น้อย......... “ คุณภวิชจะอาบน้ำเลยไหมครับผมจะผสมน้ำไว้ให้ ” พ่อบ้านสูงวัยกล่าว ถามเพราะเมื่อถึงเกาะส่วนตัวภวิชก็วางร่างบางลงบนเตียงนุ่มและก็นั่งพินิจมองหน้าหล่อนจนลืมตัว “ ครับ ”เขาตอบเสียงอ่อนโยนแต่ยังไม่ละสายตาจากเธอก่อนจะถอนหายใจลุกจากตรงนั้น สงสัยจริงๆว่าหล่อนไม่สบายหนักจนไม่รู้สึกตัว หรือหมอเพื่อนเขาจะให้ยาเธอกินถึงได้หลับยาวขนาดนี้......จากนั้นเขาจึงเดินไปห้องทำงานที่มีประตูเชื่อมต่อกับห้องนอน “ ทัช พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปโกดังที่ท่าเรือ นายให้กฤษลากคนทรยศไปที่นั่นด้วยนะ ” น้ำเสียงที่ดูเหี้ยมๆแต่ตอนท้ายแผ่วเบานั้นคงเพราะเพลียจากการเดินทาง “ ครับ ผมว่าดึกมากแล้วนายพักเถอะครับ ไว้ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเองครับ ” “ อืมขอบใจนายมาก ไปพักเถอะเหนื่อยทั้งวันแล้วพรุ่งนี้เจอกัน ” “ ครับ ” ทัชก้าวพ้นประตูห้องทำงานของเจ้านายไปแล้วชายหนุ่มก็เอนหัวพิงกับเก้าอี้ด้วยความล้า เขาหลับตาพักนึงจึงลุกไปอาบน้ำให้สบายตัว รถที่ขับรวดเร็วทำให้การเดินทางมาถึงภูเก็ตได้ไวกว่าที่คิดเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาทีร่างสูงในผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปิดเพียงช่วงร่างเท่านั้น ผ้าขนหนูผืนเล็กที่เขาเอามายีหัวให้ผมแห้งหลังจากเพิ่งผ่านการสระมาเขามองร่างเล็กที่หลับอย่างขี้เซาแล้วอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ที่จะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ห้องพักร่างบางคงไม่ต้องใช้แล้วมั้งเมื่อคืนนี้เธอต้องนอนที่เตียงเขา และจะให้เขาไปนอนห้องอื่นก็คงไม่ใช่เรื่อง ยังไงก็ต้องนอนบนเตียงเดียวกันอยู่แล้ว จะช้าหรือเร็ว..ค่อยว่ากัน ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างน่ารัก เขาหยิบกางเกงเลที่ใส่สบายขึ้นมาสวมพร้อมเสื้อยืดคอวีสีขาวขึ้นมาใส่แล้วค่อยๆแทรกตัวลงบนเตียงข้างหญิงสาว ก่อนจะคว้าหล่อนมานอนกอด หญิงสาวขยับกายน้อยๆเข้าอกแกร่งที่สร้างความอบอุ่นให้เธอโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ เช้าวันต่อมาภวิชลุกจากที่นอนแล้วแอบหอมแก้มคนที่หลับอยู่แล้วรีบอาบน้ำออกไปทำงานแต่เช้าตู่ขืนออกมาช้าแล้วหล่อนรู้สึกตัวมีหวังเขาคงอายขายหน้าแย่ที่ขโมยหอมแก้มและจูบหล่อน พูดแล้วน่าขำนี่คนน่าเกรงขามที่ใครๆต่างเกรงใจ กลายเป็นคนกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆว่าเธอจะเกลียดเขาที่แอบลักหลับนิดๆหน่อยๆ เขายิ้มกับความคิดตัวเองภายในห้องทำงาน ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมง เขาออกจากเกาะประมาณตีห้า กว่าจะถึงฝั่งและเดินทางมา โรงแรม ..อีกที่หนึ่งที่เป็นตัวทำกำไรให้เขา เขาเดินตรงไปเปิดประตูอีกบานที่ภายในคือที่พักของเขาซึ่งบางทีที่ทำงานดึกเขาก็อาศัยที่นี่ในการพักผ่อนและตอนนี้เขาก็ยังคงเพลียเพราะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง ร่างสูงทิ้งตัวลงนอน นึกถึงร่างเล็กๆที่เขาโอบกอดทั้งคืน ป่านนี้จะตื่นรึยังก็ไม่รู้ สัญญาว่าไม่นานมินตรา....นี่ก็อีกเรื่องที่เขาเพิ่งเจอเอกสารในกระเป๋าสะพายของหล่อนเธอคงเดินหางาน...เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับการสมัครงาน วุฒิการศึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมที่เขาให้สายชลหามาให้ เธอต้องเป็นของฉันแน่นอน..ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราเขายังโทรไปหาแม่บ้านที่ดูแลเกาะให้ดูแลหล่อนให้ดีความคิดเริ่มเลือนลางลงเพราะความง่วงไปในที่สุดเขาก็หลับไป ในสายๆของวัน ร่างบางๆเริ่มขยับรู้สึกตัวดวงตาค่อยๆขยับปรับรับแสงอย่างช้าๆ เพดานโทนสีคลาสสิคๆที่เพิ่งเห็นทำให้หล่อนค่อยๆลุกขึ้นนั่งพร้อมกุมขมับทำไมรู้สึกตัวมันโหวงเหวง อ่อนแรงไปหมด เอ่อแล้วที่นี่ที่ไหน เมื่อคิดได้อย่างนั้น ดวงตาก็เบิกโตขึ้นกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ไม่มีน้ำเกลือ นี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลหน่ะสิร่างบางสำรวจร่างกายของตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมา “ เฮ้อ ค่อยยังชั่วนึกว่า........เสียตัวซะแล้วหึๆ ” หล่อนหัวเราะในความคิดของตัวเองตอนสุดท้ายก่อนจะมองไปรอบๆห้องสายตามองเห็นกรอบรูปชายหนุ่มบนเตียงขึ้นมาดู เขาดูหล่อมากจริงๆในชุดสูทนี้ “ เห้ย คิดอะไรเนี่ยเรา แล้วนี่..อย่าบอกนะว่าห้องเขาโอ้ยเกิดไรขึ้นเนี่ย ” หล่อนวางรูปภวิชลงที่เดิมแล้วสะบัดไล่ความคิดของตัวเองที่กำลังคิดไปนอกเรื่อง แปลกที่ทำไมหล่อนไม่รู้สึกกลัวแต่กลับอบอุ่น หล่อนพับผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนจะค่อยๆก้าวไปเปิดประตูห้อง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมร่างสาวกลางคนที่ถือถาดข้าวและน้ำรวมถึงมียาในแก้วเล็กๆเดินตรงมาทางหล่อนพร้อมกล่าวทักทาย “ ตื่นมาทานกับข้าวพอดีเลยค่ะคุณมิน ” “ หืม คะ คะ ” หญิงสาวตกใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงเบื้องหน้าเรียกชื่อเธอ “ ก็คุณชื่อคุณมินไม่ใช่หรอค่ะ ” “ เอ่อค่ะคุณป้าเรียกหนูแค่มินก็ได้ค่ะไม่ต้องเรียกคุณนำหน้าก็ได้คะ ” หญิงสาวปฏิเสธเพราะเธออายุน้อยกว่าตั้งเยอะ “ ไม่ได้หรอกค่ะ คือ นายหัว...เอ่อ คือ คุณเป็นแขกของเจ้านายหน่ะค่ะ นี่ว่าแต่คุณจะไปไหนหรือคะ ” ป้าแก้วเกือบหลุดไปว่านายหัวให้ดูแลคุณมินตราให้ดีๆเพราะเขาคือว่าที่นายหญิงที่นี่ ป้าแก้วคนที่ดูแลบ้านพูดพร้อมวางถาดอาหารลงตรงหัวเตียง “ คะคือว่าหนูกำลังจะกลับหน่ะค่ะ จริงสิหนูจะเรียกคุณป้าว่าอะไรคะ ” “ ป้าชื่อป้าแก้วค่ะเป็นคนดูแลที่นี่ ” “ ค่ะป้าแก้ว พอดี หนูกำลังจะกลับหน่ะค่ะ แล้วหนูมาอยู่นี่ได้ยังไงคะ ” “ จะกลับได้ไงคะ คุณมินยังหน้าซีดอยู่เลย พักผ่อนก่อนเถอะนะคะ ส่วนที่คุณมาอยู่ที่นี่เพราะนายหัวพามาค่ะ ” “ จริงสิค่ะ นายหัวป้าแก้วอยู่ที่ไหนคะ มินจะขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือมิน ” หญิงสาวพูดพร้อมรอยยิ้มซึ่งป้าแก้วก็ยิ้มให้เหมือนกัน นายหญิงของนายหัวชั่งน่ารักและสวยจริงๆ หล่อนชื่นชมหญิงสาว “ ว่าแต่ป้าแก้วรู้จักชื่อหนูได้ยังไงค่ะ ” “ เอ่อ ก็นายหัวบอกป้าค่ะตอนนี้นายหัวไม่อยู่หรอกคะวันนี้คงจะกลับค่ำหน่อยคุณมินพักก่อนเถอะนะคะ หน้าซีดแล้ว ไม่ต้องห่วงหรือกังวลอะไรทั้งนั้นนะคะ ที่นี่ปลอดภัยคุณหลับให้สบายเถอะคะ ถ้าอยากได้อะไรก็บอกป้าได้นะคะ" ป้าแก้วยื่นถาดอาหารให้มินตรา ก่อนจะบังคับให้หล่อนทานแล้วตามด้วยยา.....ก่อนจะให้หญิงสาวเอนกายลงนอนให้เธอได้พักผ่อนอีกวันสองวันร่างกายคงปกติไม่นานนักพิษไข้ก็ทำให้ร่างเธอสู่ห้วงนิทรา และแน่นอนว่าต้องมีการรายงานอาการของหญิงสาวผู้มาเยือนให้กับเจ้านายได้ทราบ “ เธอเป็นยังไงบ้าง ” “ เธอฟื้นแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ป้าเพิ่งให้เธอทานข้าวทานยาและให้เธอพัก ตอนนี้หลับแล้วค่ะ ตอนแรกเธอจะกลับคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่เกาะ เห็นเธอถามถึงนายหัวด้วยนะคะ ” แม่บ้านรายงานให้คนปลายสายฟังทุกอย่างหลังจากร่างบางหลับไปสักพักโทรศัพท์มือถือที่ติดกายหล่อนก็สั่นขึ้นนี่เป็นอีกข้อห้ามที่ป้าแก้วต้องปิดบังเรื่องการใช้เครื่องมือสื่อสารห้ามมินตรารู้เด็ดขาด คำตอบที่ได้ยินว่าเธออยากเจอเขามันทำให้เขายิ้มกว้างเดี๋ยวเย็นๆก็ได้เจอกันแล้ว เขาคิดอยู่ในใจด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “ งั้นผมฝากป้าแก้วดูแลด้วยนะครับเท่านี้นะครับผมต้องทำงานแล้ว ” “ ได้ค่ะนายหัว ” เมื่อวางโทรศัพท์ลงเขาก็มองรูปชายผอมบางผิวคล้ำด้วยความเครียดอย่างเห็นได้ชัดการสั่งจับคนทรยศมาลงโทษทำให้เขาต้องชะงักไปเพราะ........เขาสืบประวัติแล้วชายคนนี้คนที่มีส่วนร่วมในการขโมยข้อมูลเขาให้คู่แข่งคนที่เป็นหนึ่งในห้าที่เขาจะให้จับตัวมา เขาจะไม่คิดและหนักใจมากขนาดนี้ถ้าคนๆนั้นจะไม่ใช่พ่อของมินตรา...... “ กฤษนายมั่นใจนะว่าผู้ชายคนนี้มีส่วนร่วมจริงๆ ” เขาถามขึ้นอีกครั้งมันลำบากใจจริงๆถ้ามันคือความจริง เพราะนั่นหมายถึง การตัดสินด้วยศาลเตี้ยที่เขาลงโทษเอง โทษคือตายสถานเดียว “ ครับ ผมว่าไม่น่าพลาด ” “ ฉันว่านายลองสืบอีกทีเผื่อผิดพลาดส่วนสี่คนที่เหลือให้จัดการตามเดิม คืนนี้พามัน ไปลงนรกในทะเลซะ เก็บให้เงียบที่สุด ” เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่นที่น่าเกรงกลัว “ ครับ ” ทัชเป็นคนตอบจากนั้นภวิชก็ใช้มือปัดๆคล้ายไล่ทั้งสองคนออกไปก่อนนิ้วเรียวจะลูบที่ใบหน้าคม หยิบรูปขึ้นดูอีกครั้งทบทวนสิ่งที่ลูกน้องรายงาน ' นายครับ นี่คือ นายเดช อัครพาบูรณ์ ' นามสกุลที่เขาจำได้ดีเพราะเมื่อเช้าเพิ่งอ่านประวัติของหญิงสาว คิ้วขมวดของชายหนุ่มทำให้กฤษรายงานไขข้อสงสัย ' เขาเป็นพ่อของคุณมินตราครับ....ผมสืบมาแล้วว่าเขามีส่วนในเรื่องนี้ ' คำพูดนั้นทำให้เขากลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ ' นายมั่นใจใช่ไหม ' ภวิชถามทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าลูกน้องทุกคนทำงานให้เขาโดยไม่เคยพลาดไม่มีคำตอบจากกฤษแต่เขาก็ภาวนาให้มันไม่เป็นอย่างนั้น ในห้วงความคิดเขาชะงักลง ถ้าต้องเห็นน้ำตาของเธอเขาจะทำยังไง นี่เขาแคร์เธอถึงขนาดนี้เลยรึไง “ ก๊อกๆ ” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้เขาหันไปมองทางประตูแล้วประตูที่เปิดออกมาคือร่างของสายชล “ ว่าไง ” “ นายครับ ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติป่วนครับ ” “ เรื่องแค่นี้ก็จัดการไปสิ มาบอกฉันทำไม ” เขากระชากน้ำเสียงใส่เล็กน้อยตามประสาคนเจ้าอารมณ์แต่ปกติลูกน้องเขาก็จัดการได้อยู่แล้วแต่ครั้งนี้คงใหญ่ถ้าสิ่งที่ให้จัดการไม่จ่ายเงินชดใช้ให้หรือถ้าลูกค้างี่เง่าคงใช้กำลังอีกและดูครั้งนี้มันจะใหญ่เสียด้วย “ คราวนี้ ผมคิดว่านายต้องจัดการครับ เขาพูดถึงหุ้นที่บริษัทและปั่นป่วนลูกค้าที่มาพัก รวมทั้งโวยวายใช้คำหยาบคายดูถูกพนักงานด้วยครับ ” สายชลรายงานซึ่งปกติเขาคงลากคอไปจัดการแล้วแต่นี่ไม่ใช่เพราะมีผลกับนายโดยตรงดูท่าคนๆนี้มีอิทธิพลมากเสียด้วย “ ได้ฉันจะลงไป ” ในห้านาทีต่อมาเขาลงมาเคาร์เตอร์ทางเข้าหน้าโรงแรมเห็นคนต่างชาติร่างสูงใหญ่สองคนกำลังด่าทอพนักงานเสียๆหายๆ “ ผมว่าคุณใจเย็นๆดีกว่าไหมครับ ค่อยๆพูดดีกว่าพนักงานผมมีมารยาทพอที่จะฟังคำของพวกคุณ ” พนักงานต่างก้มหน้ายิ้มๆกับคำพูดที่แฝงคำด่าไว้ให้ชายต่างชาติสะอึกไปตามๆกัน “ นายเป็นใคร? ” ชายร่างยักษ์มองคนที่กล้าว่าพวกเขาดูจากการแต่งกายคงไม่ผิดตัวแน่ “ ผมชื่อภวิช กิตติรัชไพทูล เป็นผู้บริหารที่นี่ ” “ หึๆมาก็ดี โรงแรมคุณห่วยขนาดนี้ พนักงานไม่ได้เรื่อง ได้โรงแรมระดับห้าดาวได้ยังไง บัดซบสิ้นดี ” ภวิชสะกดกั้นกับคำด่าบอดี้การ์ดทั้งสามคนตั้งท่าจะเข้าไปกระชากคอร่างยักษ์สองคนมาลงโทษ โทษฐานที่มาดูถูกเจ้านายของเขา แต่ภวิชยกมือห้ามก่อน “ ผมว่ามันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด พนักงานของผมที่นี่ทุกคนได้รับการอบรมมาแล้วอย่างดี ” “ ดีแล้วหรอ ได้แค่นี้หรอ ถ้าดีแล้วทำไมเพรชที่ฉันเก็บไว้ในตู้ถึงหายว่ะ ถุย ” กิริยาต่ำๆที่แสดงออกมาจากชาวต่างชาติทำให้ภวิชกำมือแน่นไม่ต่างจากทัชที่พร้อมจะยิงปืนได้ทุกเมื่อแต่เขาเย็นพอที่จะรอคำสั่งของเจ้านาย แววตาและรังสีอำมหิตของร่างสูงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณเขาพูดเสียงเย็นแต่หนาวไปถึงใจ “ เชิญคุณสองคนเรียกค่าเสียหาย ผมยินดีจ่ายเชิญที่ห้อง ” “ หึ รวมหุ้นด้วย ” “ ผมคิดว่าเพรชพวกคุณไม่มีค่ามากพอถึงขั้นนั้น ” ภวิชพูดแล้วเดินไปยังห้องส่วนตัวพนักงานและทุกคนมองด้วยความสนใจ หากพนักงานทุกคนกลับขนลุกเพราะเมื่อไหร่ที่เห็นสายตาเจ้านายแบบนั้น นั่นหมายถึง การตัดอายุไขของตัวเอง “ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง จัดการหน้าที่ของพวกคุณซะ ” สายชลที่มีความสุขุมและเย็นกว่าสองคนที่ตามเจ้านายไปหันไปบอกพนักงานทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ สิ่งที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเงียบและหุบปากซะ “ ค่ะ/ครับ ” จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทันทีในห้องพักสำหรับผู้บริหารภวิชต้องพยายามควบคุมอารมณ์อย่างมากเพื่อจะเคลียเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น เขากำลังประเมินชาวต่างชาติสองคนข้างหน้าว่าที่มาก่อกวนต้องการอะไรกันแน่ “ คุณว่าคนของผมไม่มีมารยาท และโรงแรมผมไม่มีความปลอดภัยในการดูแลทรัพย์สินใช่ไหม ” เขาพูดในขณะที่หันหลังให้ฝรั่งทั้งสองคนที่ยืนมองพฤติกรรมของเขา “ ก็ใช่หน่ะสิเครื่องเพรชชุดใหญ่ของฉันหายไปถ้าไม่อยากตกเป็นข่าวก็จ่ายค่าเสียหายมาซะ ” หึๆภวิชหัวเราะในลำคอที่มันกล้าต่อรองกับเขาไม่ต้องกลัวความเสียหายแล้วมั้งในเมื่อไอ้ฝรั่งสองคนนี้สร้างไว้ให้เขาแล้วเมื่อครู่....แต่เขาจะไม่ให้เสียชื่อเขาแน่นอน “ ถ้างั้นผมมีข้อเสนอ ขอผมตรวจสอบได้ไหมถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น ” เขาพูดใจเย็นทั้งๆที่ใจร้อนระอุ ชาวต่างชาติหันมองหน้ากันเพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนเบื้องหน้ามาแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงคงไม่มีอะไร “ ได้ ” คำตอบนี่ทำให้ภวิชยิ้มร้ายที่มุมปากน้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นนั่นเป็นอีกวิธีเพื่อดูท่าทางอีกฝ่ายก็เท่านั้น “ อีกอย่างที่ผมจะบอก ” เขาหันหน้ามาประชัน ก่อนจะพูดต่อว่า “ คนที่ทำความผิดที่นี่ย่อมมีโทษ ถ้าขโมย โทษคือตัดมือ! ” คำพูดตอนจบ
“ คุณอาการเป็นอย่างไงบ้าง นี่ก็ค่ำแล้ว ทานอะไรรึยัง ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย “ ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณจริงๆ ” รอยยิ้มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนมนต์สะกด ก่อนที่เขาจะเสียศูนย์ไปมากกว่านี้เขาต้องเปลี่ยนสถานการณ์ด่วน “ ป้าแก้วคงเตรียมกับข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ” เขาพูดเสียงขรึมคิ้วขมวดทำให้ร่างบางไม่เข้าใจเท่าไหร่กับอารมณ์แปรปรวนของชายร่างสง่างามตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินนำหล่อนไป แต่เมื่อก้าวพ้นประตูชายหนุ่มเอามือข้างขวาจับหัวใจด้านซ้ายที่มันเต้นแรงเมื่อเดินนำห่างจากหล่อนจนคิดว่าหล่อนไม่เห็นแล้ว “ เฮ้อ ” เขาถอนหายใจหนักๆกับตนเองก่อนจะทิ้งระยะห่างจากสาวเจ้า ร่างบางที่ก้าวออกจากห้องครั้งแรกมองรอบๆตัว บันไดสีน้ำตาลลายไม้ศักดิ์ที่เป็นเกลียวตั้งอยู่กลางตัวบ้าน....บันไดขนาดที่ยาวไม่มากแต่มีสองฝั่งและสองชั้นคือถ้าเดินขึ้นมาชั้นแรกประตูที่เห็นคือห้องทำงานแต่ถ้าอีกชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิดที่มีบันไดเพียงห้าขั้นซึ่งสถานที่นั้นคือที่ส่วนตัวของภวิช นั่นคือห้องนอนนั่นเองมันเป็นการออกแบบของเขาในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว ป้าแก้วคือผู้หญิงคนแรกที่เขาให้เข้าได้เพราะต้องทำความสะอาด ส่วนบุคคลอื
เช้ามืดวันต่อมาที่หล่อนค่อยๆปรือตารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อทำท่าจะลุกจากที่นอนก็รู้สึกถึงมีบางอย่างทับอยู่ที่หน้าท้องของเธอพร้อมเสียงลมหายใจเธอจึงค่อยๆหันมามอง “ เปี้ยะ นี่คุณ! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ” มินตราลุกขึ้นเขย่าตัวเขาแรงๆ เจ้าเล่ห์จริงๆมานอนกอดหล่อนได้ยังไง “ อะอืม เช้ามืดอยู่นะคุณจะปลุกผมทำไมเนี่ย ” เขาทำน้ำเสียงหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาพลางควานหานาฬิกาแล้วหลี่ตาขึ้นมอง ตีห้า โอ้ย แม่คุณจะรีบรู้สึกตัวทำไมเนี่ย เขาเข่นเขี้ยวในใจ มือเขาถูกเจ้าหล่อนผลักออกจากตัว “ ทำไมคุณทำแบบนี้ไหนบอกจะนอนที่โซฟาแล้วมานอนที่เตียงได้ยังไง ” หล่อนโวยวายพร้อมดึงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งสัปหงกตามแรงดึงที่ทำให้เขาลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ลืมตา ผมที่ตั้งๆชี้โด่วชี้เด่ เพราะนอนพลิกตัวตั้งนานไม่หลับสักทีเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสี่ซึ่งเขาเพิ่งจะได้นอนเองก็เพราะแอบชำเลืองมองร่างบางจนเห็นว่าหล่อนหลับสนิทนั่นแหล่ะเขาถึงย่องมา ซุกหัวที่เตียงอย่างเคยเพราะเมื่อยตัวที่ต้องนอนบนโซฟามันจะสู้นอนเตียงได้อย่างไร “ ผมก็นอนแล้วไง! แต่มันปวดตัวนี่ อีกอย่างเตียงออกจะกว้างอย่า งกนักเลยน่า พอๆเลย ไม่ต้องบ่นแล
รถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านของมินตรา ตลอดการเดินทางมินตรารู้สึกตัวตื่นและหลับไปหลายต่อหลายครั้ง เขาพาเธอแวะพักทานข้าวโดยที่ตอนแรกเธอไม่ยอมเพราะอยากกลับบ้าน แต่ภวิชก็พะเน้าพะนอลากเธอให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งมันคือข้าวกลางวันของเขาและเธอในเวลา 2 ทุ่ม “ นี่คุณ! ฉันจะรีบกลับบ้านนะ ฉันไม่หิว คุณอยากกินก็กินคนเดียวสิคะลากฉันมาทำไม ” “ มินตรา คุณไม่หิวแต่ผมหิว ให้ผมกินคนเดียว ผมกินไม่ลงหรอกแค่กินข้าวเป็นเพื่อนผมมันคงไม่ลำบากคุณมากเกินไปหรอกมั้ง ” เขาไม่สนใจอาการฟึดฟัดของคนตรงหน้าสักนิดแถมยังตักอาหารใส่จานหล่อนจนในที่สุดคนหน้างอก็ต้องตักเข้าปากตามใจเขาอีกจนได้ “ ก็แค่นั้น ” เขาพูดอย่างพอใจ เมื่อทานข้าวกันเสร็จก็เดินทางอีกครั้งและมินตราก็หลับอีกครั้งโดยมีหมอนหนุนเป็นแบบพิเศษนั่นคือตักของภวิช ภวิชหยุดห้วงความคิดที่เพิ่งไปทานข้าวกับเธอพร้อมมองปัจจุบันคือเวลานี้ที่รถจอดสนิทหน้าบ้านมินตรา เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้ ทัชมองเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่มองออกนอกกระจกไปยังตัวบ้านของคนที่เขามาส่ง ไม่มีทีท่าว่าจะปลุกหล่อนขึ้นมา ภวิชถอนหายใจอย่างหนัก ที่มาถึงบ้านหล่อนแล้ว เขาไม่อยากป
“ นี่คุณทำอะไรของคุณ มาดึงมือฉันทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องฉันกำเริบขนาดไหน ” หญิงสาวสาดเสียงใส่ชายหนุ่มผู้ที่เธอเสียจูบแรกให้เขาและยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุม “ เห็นสิมิน ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโมโหใครเขาจะฟัง เรื่องของน้องกับพ่อของคุณพักไว้ก่อนดีกว่าส่วนคุณมากับผมเลย ” ภวิชฉวยโอกาสฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามเขาถึงแม้จะขัดขืนแต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ได้ “ นี่!!คุณภวิชค่ะ คุณจะพาฉันไปไหน ” “ ถามมากจริง จิ๊ เดี๋ยวถึงที่ก็รู้เองไม่ต้องห่วงตอนนี้ผมยังไม่......อยาก ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายหงุดหงิดแต่เปล่าหรอกแค่วางฟอร์มเท่านั้นก่อนจะใช้สายตามองหล่อนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ยิ้มนิดๆที่มุมปากซึ่งหล่อนเห็นว่ามันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ และจบท้ายด้วยการเน้นเสียงที่ปลายประโยค คำว่า. ' อยาก ' เธอไม่ได้ซื่อถึงขนาดที่ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ กรี้สสสสส หื่น.. นี่คุณโรคจิตหรือไงห๊า ” “ ฮ่าๆๆ ผมเป็นผู้ชายนี่ เจอสาวๆ ก็ต้องมีบ้างแต่วางใจได้ผมไม่ทำแน่นอนถ้าผู้หญิงไม่สมยอม รับประกัน!! ได้เลย บ่นมากเดี๋ยวจับปล้ำตรงนี้ซะนี่ ” เขาหัวเราะเสียงดังในขณะดันหญิงสาวให้เข้าไปนั่งประจำที่พร
“ กรี๊ด คุณภวิช นี่คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย อร้ายยยยฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกคุณหรอกนะ ” มินตรากรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่อง เมื่อคืนหล่อนเผลอหลับไปที่คอนโดของเขาที่ลากเธอไปพอสายๆของวัน เขาก็ลากเธอมา เล่นเกมส์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ชื่อเกมส์ IDPA คือเกมส์ยิงปืนเพื่อฝึกการป้องกันตัว เหมือนสถานการณ์จริงแต่ลูกกระสุนไม่ใช่ของจริง แต่ไหงกลายเป็นเธอที่ต้องโดดเดี่ยวด้วย “ ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง ก็แค่เกมส์เองหน่ะมิน คุณจะซีเรียสทำไม ” ภวิช สวมถุงมือหนังสีดำ ชุดกันกระสุนกางเกงขายาว การแต่งกายเหมือนตำรวจชุดสืบสวนเหมือนที่เธอชอบดูหนังฝรั่ง เขาเก็บโทรศัพท์ยัดเข้าล็อคเกอร์พร้อมล็อคกุญแจแล้วโยนให้ทัชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ กฤษ นายบอกให้เขาจัดทีมให้แข่งกับเราพร้อมแล้วใช่ไหม ” “ ใช่ครับ ” “ แล้วไหนคุณบอกเล่นเกมส์ เล่นเกมส์บ้าอะไรหน้าที่ฉันเป็นตัวประกันนี่อ่ะนะ ต้องใส่หมวกอะไรด้วยก็ไม่รู้ แล้วมันใส่ยังไงเนี่ย ” เธอบ่นอย่างหัวเสียเกมส์อะไรจับมาเธอมามัดให้ยืนอยู่กลางแจ้งเนี่ยนะ บ้าชัดๆ ได้ยิงบ้างคงดีนี่ไม่มีสิทธิ์ได้สู้เลย หน้าง้ำงอของหญิงสาวทำให้ภวิชยิ้มกว้างหล่อนพยายามจะสวมเสื้อกันกร
“ เจ้านายครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” ทัชบอกเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมสนามพร้อมหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง “ อืม รู้แล้ว ” “ คุณมินตราครับ เชิญตามผมมาทางนี้ครับ ” มินตราจู่ๆขาก็แข็งก้าวไม่ออกซะงั้นเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ถูกสร้างจำลองเหตุการณ์แต่กลับเป็นเหมือนสถานการณ์จริงแถมรอบๆที่ดูน่ากลัววังเวง เริ่มตกเย็นแล้วด้วยเพราะก่อนลงสนามนี่เขาก็บอกกติกาและวิธีการเล่นก็เสียเวลาไปนานพอสมควร “ คุณเป็นอะไรรึเปล่ามิน ” เขาถามเมื่อเห็นเธอหน้าซีดเล็กน้อย “ ปะเปล่าค่ะ ” “ คุณไปเตรียมตัวตัวสิ ผมจะไปส่ง ” ภวิชกล่าวขึ้น “ มาสิมิน ” เขาเร่งเมื่อเธอไม่ยอมเดินตามมา “ คะ ” ระหว่างทางที่เดินไม่มีการพูดคุยกันภวิชลอบมองสีหน้ากังวลของเธออยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอจะเอ่ยปากอะไรกับเขาเมื่อถึงแท่นแสตนที่มีเสาอยู่ต้นนึง แสตนสูงที่ทำจากเหล็กมินตราพยายามทำใจให้กล้าอย่าไปกลัวมันก็แค่เกมส์ “ ถ้างั้นผมไปประจำที่ก่อนนะ ” “ ดะเดี๋ยวค่ะ มันเป็นแค่เกมส์ใช่ไหมไม่อันตรายใช่ไหมคุณจะมาช่วยฉันได้แน่ๆใช่ไหม ” เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันทีที่เขาหันหลังจะก้าวกลับไปทางเดิมภวิชมองมือบางเล็กที่จับแขนเขาไว้พร้อมพ
มินตราถูกตรึงมือเข้ากับเสาปูนต้นนึง ผ้าปิดปาก......บ้า เกมส์บ้าอะไรพาเธอมาทารุณชัดๆ ' คุณวิช.. คุณหายไปไหนเนี่ยนานไปแล้วนะ.....' มินตราเกิดใจหวั่นเล็กน้อยในใจยอมรับเลยว่ากลัว เหตุการณ์ในอดีตนั้นเธอจำได้ไม่ลืม เหตุการณ์วันนั้นวันที่เธอถูกคนของเสี่ย ชัย จับไป แต่โชคดีที่วันนั้นเธอเอาตัวรอดกลับมาได้ต้องหลบหัวซุกหัวซุนไปหลายที่เลย “ ปังๆๆๆๆ ” เสียงปืนดังขึ้นบ่อยและหลายต่อหลายครั้งทำให้ความคิดในอดีตต้องหยุดลง มินตรารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มอาจกำลังมาช่วยเธอ ฟ้าเริ่มมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วเธอถูกมัดอยู่ในโกดังที่มีเพียงแสงไฟสีส้มจางๆ สาดส่องเข้ามาก็เท่านั้น ฝั่งภวิช ชายหนุ่มมีเหงื่อท่วมตัว ให้ตายสิคราวนี้ลำบากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าเลย มีทั้งระเบิดทั้งเอฟเฟคนี่มันพอๆกับทำสงครามมากกว่าป้องกันตัวละมั้ง “ กฤตฉันบอกให้นายโทรมาบอกเขาแล้วไม่ใช่หรอแล้วใครเลือกระดับบ้าบอนี่ห๊ะ.....” ภวิชสบถอย่างหัวเสีย ถ้าวันปกติเขาคงไม่เท่าไหร่แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้วะวันนี้มินตราอยู่กับเขาลูกน้องก็ได้ใจจริงจริ้งจัดด่านยากให้เขาถึงตัวมินตราได้ช้าขึ้น ฉันควรตบรางวัลให้นา
“ มิก เห้ยมึงช่วยกูหน่อยไม่ได้ไงว่ะ วันนี้ไอ้ซันไม่มาจริงๆนะเว้ย ” เพื่อนของรณภพที่เป็นนักดนตรีขอร้องให้รณภพช่วยเล่นกีต้าร์ให้เพราะเพื่อนเกิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันถ้าไม่มีการเล่นโฟคซองวันนี้เขาต้องโดนผู้จัดการเล่นงานแน่ๆ “ ไม่เอาเว้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ กูเป็นแค่บาร์เทนเดอร์ พอ! ” “ โห่ว กูก็แค่ขอให้มึงมาเล่นโฟคซองแทนกูแค่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวกูหาเพื่อนมากู ขอแค่ชั่วโมงให้มึงมาแทนแค่นี้ไม่ได้ใช่ไหมไอ้มิก ” “ ไอ้เปรี้ยว มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปทำตัวให้ใครเห็นหน้ากู ” “ ก็กูรู้ไงไอ้มิก กูถึงขอมึงแค่ชั่วโมงเนี่ยถ่วงเวลาเล่นให้กูก่อนเดี๋ยวกูหาคนมาเล่นแทนไอ้ซันเอง มึงช่วยกูไม่ได้หรอ ” รณภพกำลังเจรจากับเพื่อน จะเรียกว่าเจรจาก็คงไม่ใช่เรียกว่าพยายามปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนตัวเอง มากกว่า “ แล้วถ้ากูไม่ช่วยมึงหล่ะมึงจะทำไง ” “ ก็ไม่ทำไง มึงก็รู้พี่เอ้ดุจะตายกูก็แค่โดนไล่ออก ” ชายหนุ่มอีกคนสบถเบาๆ พี่เอ้คือผู้จัดการที่ใครๆก็รู้ว่าไนท์คลับนี้พี่เอ้เป็นคนเข้มงวดขนาดไหน วงดนตรีของเปรี้ยว ถูกจ้างให้มาเล่นด้วยบทเพลงที่ทั้งร็อคและอ่อนหวานทำให้คนสนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไ
มินตราถูกตรึงมือเข้ากับเสาปูนต้นนึง ผ้าปิดปาก......บ้า เกมส์บ้าอะไรพาเธอมาทารุณชัดๆ ' คุณวิช.. คุณหายไปไหนเนี่ยนานไปแล้วนะ.....' มินตราเกิดใจหวั่นเล็กน้อยในใจยอมรับเลยว่ากลัว เหตุการณ์ในอดีตนั้นเธอจำได้ไม่ลืม เหตุการณ์วันนั้นวันที่เธอถูกคนของเสี่ย ชัย จับไป แต่โชคดีที่วันนั้นเธอเอาตัวรอดกลับมาได้ต้องหลบหัวซุกหัวซุนไปหลายที่เลย “ ปังๆๆๆๆ ” เสียงปืนดังขึ้นบ่อยและหลายต่อหลายครั้งทำให้ความคิดในอดีตต้องหยุดลง มินตรารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มอาจกำลังมาช่วยเธอ ฟ้าเริ่มมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วเธอถูกมัดอยู่ในโกดังที่มีเพียงแสงไฟสีส้มจางๆ สาดส่องเข้ามาก็เท่านั้น ฝั่งภวิช ชายหนุ่มมีเหงื่อท่วมตัว ให้ตายสิคราวนี้ลำบากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าเลย มีทั้งระเบิดทั้งเอฟเฟคนี่มันพอๆกับทำสงครามมากกว่าป้องกันตัวละมั้ง “ กฤตฉันบอกให้นายโทรมาบอกเขาแล้วไม่ใช่หรอแล้วใครเลือกระดับบ้าบอนี่ห๊ะ.....” ภวิชสบถอย่างหัวเสีย ถ้าวันปกติเขาคงไม่เท่าไหร่แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้วะวันนี้มินตราอยู่กับเขาลูกน้องก็ได้ใจจริงจริ้งจัดด่านยากให้เขาถึงตัวมินตราได้ช้าขึ้น ฉันควรตบรางวัลให้นา
“ เจ้านายครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” ทัชบอกเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมสนามพร้อมหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง “ อืม รู้แล้ว ” “ คุณมินตราครับ เชิญตามผมมาทางนี้ครับ ” มินตราจู่ๆขาก็แข็งก้าวไม่ออกซะงั้นเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ถูกสร้างจำลองเหตุการณ์แต่กลับเป็นเหมือนสถานการณ์จริงแถมรอบๆที่ดูน่ากลัววังเวง เริ่มตกเย็นแล้วด้วยเพราะก่อนลงสนามนี่เขาก็บอกกติกาและวิธีการเล่นก็เสียเวลาไปนานพอสมควร “ คุณเป็นอะไรรึเปล่ามิน ” เขาถามเมื่อเห็นเธอหน้าซีดเล็กน้อย “ ปะเปล่าค่ะ ” “ คุณไปเตรียมตัวตัวสิ ผมจะไปส่ง ” ภวิชกล่าวขึ้น “ มาสิมิน ” เขาเร่งเมื่อเธอไม่ยอมเดินตามมา “ คะ ” ระหว่างทางที่เดินไม่มีการพูดคุยกันภวิชลอบมองสีหน้ากังวลของเธออยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอจะเอ่ยปากอะไรกับเขาเมื่อถึงแท่นแสตนที่มีเสาอยู่ต้นนึง แสตนสูงที่ทำจากเหล็กมินตราพยายามทำใจให้กล้าอย่าไปกลัวมันก็แค่เกมส์ “ ถ้างั้นผมไปประจำที่ก่อนนะ ” “ ดะเดี๋ยวค่ะ มันเป็นแค่เกมส์ใช่ไหมไม่อันตรายใช่ไหมคุณจะมาช่วยฉันได้แน่ๆใช่ไหม ” เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันทีที่เขาหันหลังจะก้าวกลับไปทางเดิมภวิชมองมือบางเล็กที่จับแขนเขาไว้พร้อมพ
“ กรี๊ด คุณภวิช นี่คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย อร้ายยยยฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกคุณหรอกนะ ” มินตรากรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่อง เมื่อคืนหล่อนเผลอหลับไปที่คอนโดของเขาที่ลากเธอไปพอสายๆของวัน เขาก็ลากเธอมา เล่นเกมส์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ชื่อเกมส์ IDPA คือเกมส์ยิงปืนเพื่อฝึกการป้องกันตัว เหมือนสถานการณ์จริงแต่ลูกกระสุนไม่ใช่ของจริง แต่ไหงกลายเป็นเธอที่ต้องโดดเดี่ยวด้วย “ ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง ก็แค่เกมส์เองหน่ะมิน คุณจะซีเรียสทำไม ” ภวิช สวมถุงมือหนังสีดำ ชุดกันกระสุนกางเกงขายาว การแต่งกายเหมือนตำรวจชุดสืบสวนเหมือนที่เธอชอบดูหนังฝรั่ง เขาเก็บโทรศัพท์ยัดเข้าล็อคเกอร์พร้อมล็อคกุญแจแล้วโยนให้ทัชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ กฤษ นายบอกให้เขาจัดทีมให้แข่งกับเราพร้อมแล้วใช่ไหม ” “ ใช่ครับ ” “ แล้วไหนคุณบอกเล่นเกมส์ เล่นเกมส์บ้าอะไรหน้าที่ฉันเป็นตัวประกันนี่อ่ะนะ ต้องใส่หมวกอะไรด้วยก็ไม่รู้ แล้วมันใส่ยังไงเนี่ย ” เธอบ่นอย่างหัวเสียเกมส์อะไรจับมาเธอมามัดให้ยืนอยู่กลางแจ้งเนี่ยนะ บ้าชัดๆ ได้ยิงบ้างคงดีนี่ไม่มีสิทธิ์ได้สู้เลย หน้าง้ำงอของหญิงสาวทำให้ภวิชยิ้มกว้างหล่อนพยายามจะสวมเสื้อกันกร
“ นี่คุณทำอะไรของคุณ มาดึงมือฉันทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องฉันกำเริบขนาดไหน ” หญิงสาวสาดเสียงใส่ชายหนุ่มผู้ที่เธอเสียจูบแรกให้เขาและยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุม “ เห็นสิมิน ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโมโหใครเขาจะฟัง เรื่องของน้องกับพ่อของคุณพักไว้ก่อนดีกว่าส่วนคุณมากับผมเลย ” ภวิชฉวยโอกาสฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามเขาถึงแม้จะขัดขืนแต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ได้ “ นี่!!คุณภวิชค่ะ คุณจะพาฉันไปไหน ” “ ถามมากจริง จิ๊ เดี๋ยวถึงที่ก็รู้เองไม่ต้องห่วงตอนนี้ผมยังไม่......อยาก ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายหงุดหงิดแต่เปล่าหรอกแค่วางฟอร์มเท่านั้นก่อนจะใช้สายตามองหล่อนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ยิ้มนิดๆที่มุมปากซึ่งหล่อนเห็นว่ามันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ และจบท้ายด้วยการเน้นเสียงที่ปลายประโยค คำว่า. ' อยาก ' เธอไม่ได้ซื่อถึงขนาดที่ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ กรี้สสสสส หื่น.. นี่คุณโรคจิตหรือไงห๊า ” “ ฮ่าๆๆ ผมเป็นผู้ชายนี่ เจอสาวๆ ก็ต้องมีบ้างแต่วางใจได้ผมไม่ทำแน่นอนถ้าผู้หญิงไม่สมยอม รับประกัน!! ได้เลย บ่นมากเดี๋ยวจับปล้ำตรงนี้ซะนี่ ” เขาหัวเราะเสียงดังในขณะดันหญิงสาวให้เข้าไปนั่งประจำที่พร
รถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านของมินตรา ตลอดการเดินทางมินตรารู้สึกตัวตื่นและหลับไปหลายต่อหลายครั้ง เขาพาเธอแวะพักทานข้าวโดยที่ตอนแรกเธอไม่ยอมเพราะอยากกลับบ้าน แต่ภวิชก็พะเน้าพะนอลากเธอให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งมันคือข้าวกลางวันของเขาและเธอในเวลา 2 ทุ่ม “ นี่คุณ! ฉันจะรีบกลับบ้านนะ ฉันไม่หิว คุณอยากกินก็กินคนเดียวสิคะลากฉันมาทำไม ” “ มินตรา คุณไม่หิวแต่ผมหิว ให้ผมกินคนเดียว ผมกินไม่ลงหรอกแค่กินข้าวเป็นเพื่อนผมมันคงไม่ลำบากคุณมากเกินไปหรอกมั้ง ” เขาไม่สนใจอาการฟึดฟัดของคนตรงหน้าสักนิดแถมยังตักอาหารใส่จานหล่อนจนในที่สุดคนหน้างอก็ต้องตักเข้าปากตามใจเขาอีกจนได้ “ ก็แค่นั้น ” เขาพูดอย่างพอใจ เมื่อทานข้าวกันเสร็จก็เดินทางอีกครั้งและมินตราก็หลับอีกครั้งโดยมีหมอนหนุนเป็นแบบพิเศษนั่นคือตักของภวิช ภวิชหยุดห้วงความคิดที่เพิ่งไปทานข้าวกับเธอพร้อมมองปัจจุบันคือเวลานี้ที่รถจอดสนิทหน้าบ้านมินตรา เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้ ทัชมองเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่มองออกนอกกระจกไปยังตัวบ้านของคนที่เขามาส่ง ไม่มีทีท่าว่าจะปลุกหล่อนขึ้นมา ภวิชถอนหายใจอย่างหนัก ที่มาถึงบ้านหล่อนแล้ว เขาไม่อยากป
เช้ามืดวันต่อมาที่หล่อนค่อยๆปรือตารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อทำท่าจะลุกจากที่นอนก็รู้สึกถึงมีบางอย่างทับอยู่ที่หน้าท้องของเธอพร้อมเสียงลมหายใจเธอจึงค่อยๆหันมามอง “ เปี้ยะ นี่คุณ! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ” มินตราลุกขึ้นเขย่าตัวเขาแรงๆ เจ้าเล่ห์จริงๆมานอนกอดหล่อนได้ยังไง “ อะอืม เช้ามืดอยู่นะคุณจะปลุกผมทำไมเนี่ย ” เขาทำน้ำเสียงหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาพลางควานหานาฬิกาแล้วหลี่ตาขึ้นมอง ตีห้า โอ้ย แม่คุณจะรีบรู้สึกตัวทำไมเนี่ย เขาเข่นเขี้ยวในใจ มือเขาถูกเจ้าหล่อนผลักออกจากตัว “ ทำไมคุณทำแบบนี้ไหนบอกจะนอนที่โซฟาแล้วมานอนที่เตียงได้ยังไง ” หล่อนโวยวายพร้อมดึงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งสัปหงกตามแรงดึงที่ทำให้เขาลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ลืมตา ผมที่ตั้งๆชี้โด่วชี้เด่ เพราะนอนพลิกตัวตั้งนานไม่หลับสักทีเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสี่ซึ่งเขาเพิ่งจะได้นอนเองก็เพราะแอบชำเลืองมองร่างบางจนเห็นว่าหล่อนหลับสนิทนั่นแหล่ะเขาถึงย่องมา ซุกหัวที่เตียงอย่างเคยเพราะเมื่อยตัวที่ต้องนอนบนโซฟามันจะสู้นอนเตียงได้อย่างไร “ ผมก็นอนแล้วไง! แต่มันปวดตัวนี่ อีกอย่างเตียงออกจะกว้างอย่า งกนักเลยน่า พอๆเลย ไม่ต้องบ่นแล
“ คุณอาการเป็นอย่างไงบ้าง นี่ก็ค่ำแล้ว ทานอะไรรึยัง ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย “ ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณจริงๆ ” รอยยิ้มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนมนต์สะกด ก่อนที่เขาจะเสียศูนย์ไปมากกว่านี้เขาต้องเปลี่ยนสถานการณ์ด่วน “ ป้าแก้วคงเตรียมกับข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ” เขาพูดเสียงขรึมคิ้วขมวดทำให้ร่างบางไม่เข้าใจเท่าไหร่กับอารมณ์แปรปรวนของชายร่างสง่างามตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินนำหล่อนไป แต่เมื่อก้าวพ้นประตูชายหนุ่มเอามือข้างขวาจับหัวใจด้านซ้ายที่มันเต้นแรงเมื่อเดินนำห่างจากหล่อนจนคิดว่าหล่อนไม่เห็นแล้ว “ เฮ้อ ” เขาถอนหายใจหนักๆกับตนเองก่อนจะทิ้งระยะห่างจากสาวเจ้า ร่างบางที่ก้าวออกจากห้องครั้งแรกมองรอบๆตัว บันไดสีน้ำตาลลายไม้ศักดิ์ที่เป็นเกลียวตั้งอยู่กลางตัวบ้าน....บันไดขนาดที่ยาวไม่มากแต่มีสองฝั่งและสองชั้นคือถ้าเดินขึ้นมาชั้นแรกประตูที่เห็นคือห้องทำงานแต่ถ้าอีกชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิดที่มีบันไดเพียงห้าขั้นซึ่งสถานที่นั้นคือที่ส่วนตัวของภวิช นั่นคือห้องนอนนั่นเองมันเป็นการออกแบบของเขาในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว ป้าแก้วคือผู้หญิงคนแรกที่เขาให้เข้าได้เพราะต้องทำความสะอาด ส่วนบุคคลอื
ในห้องพักสำหรับผู้บริหารภวิชต้องพยายามควบคุมอารมณ์อย่างมากเพื่อจะเคลียเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น เขากำลังประเมินชาวต่างชาติสองคนข้างหน้าว่าที่มาก่อกวนต้องการอะไรกันแน่ “ คุณว่าคนของผมไม่มีมารยาท และโรงแรมผมไม่มีความปลอดภัยในการดูแลทรัพย์สินใช่ไหม ” เขาพูดในขณะที่หันหลังให้ฝรั่งทั้งสองคนที่ยืนมองพฤติกรรมของเขา “ ก็ใช่หน่ะสิเครื่องเพรชชุดใหญ่ของฉันหายไปถ้าไม่อยากตกเป็นข่าวก็จ่ายค่าเสียหายมาซะ ” หึๆภวิชหัวเราะในลำคอที่มันกล้าต่อรองกับเขาไม่ต้องกลัวความเสียหายแล้วมั้งในเมื่อไอ้ฝรั่งสองคนนี้สร้างไว้ให้เขาแล้วเมื่อครู่....แต่เขาจะไม่ให้เสียชื่อเขาแน่นอน “ ถ้างั้นผมมีข้อเสนอ ขอผมตรวจสอบได้ไหมถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น ” เขาพูดใจเย็นทั้งๆที่ใจร้อนระอุ ชาวต่างชาติหันมองหน้ากันเพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนเบื้องหน้ามาแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงคงไม่มีอะไร “ ได้ ” คำตอบนี่ทำให้ภวิชยิ้มร้ายที่มุมปากน้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นนั่นเป็นอีกวิธีเพื่อดูท่าทางอีกฝ่ายก็เท่านั้น “ อีกอย่างที่ผมจะบอก ” เขาหันหน้ามาประชัน ก่อนจะพูดต่อว่า “ คนที่ทำความผิดที่นี่ย่อมมีโทษ ถ้าขโมย โทษคือตัดมือ! ” คำพูดตอนจบ