“ เจ้านายครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” ทัชบอกเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมสนามพร้อมหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง
“ อืม รู้แล้ว ” “ คุณมินตราครับ เชิญตามผมมาทางนี้ครับ ” มินตราจู่ๆขาก็แข็งก้าวไม่ออกซะงั้นเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ถูกสร้างจำลองเหตุการณ์แต่กลับเป็นเหมือนสถานการณ์จริงแถมรอบๆที่ดูน่ากลัววังเวง เริ่มตกเย็นแล้วด้วยเพราะก่อนลงสนามนี่เขาก็บอกกติกาและวิธีการเล่นก็เสียเวลาไปนานพอสมควร “ คุณเป็นอะไรรึเปล่ามิน ” เขาถามเมื่อเห็นเธอหน้าซีดเล็กน้อย “ ปะเปล่าค่ะ ” “ คุณไปเตรียมตัวตัวสิ ผมจะไปส่ง ” ภวิชกล่าวขึ้น “ มาสิมิน ” เขาเร่งเมื่อเธอไม่ยอมเดินตามมา “ คะ ” ระหว่างทางที่เดินไม่มีการพูดคุยกันภวิชลอบมองสีหน้ากังวลของเธออยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอจะเอ่ยปากอะไรกับเขาเมื่อถึงแท่นแสตนที่มีเสาอยู่ต้นนึง แสตนสูงที่ทำจากเหล็กมินตราพยายามทำใจให้กล้าอย่าไปกลัวมันก็แค่เกมส์ “ ถ้างั้นผมไปประจำที่ก่อนนะ ” “ ดะเดี๋ยวค่ะ มันเป็นแค่เกมส์ใช่ไหมไม่อันตรายใช่ไหมคุณจะมาช่วยฉันได้แน่ๆใช่ไหม ” เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันทีที่เขาหันหลังจะก้าวกลับไปทางเดิมภวิชมองมือบางเล็กที่จับแขนเขาไว้พร้อมพยักหน้า “ อืมแน่นอนผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ” “ งั้นสัญญามาก่อน ว่าคุณจะไม่ทิ้งฉันห้ามผิดคำพูดด้วย!! ” เธอชูนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นมายื่นไปหาภวิชเขายิ้มบางๆส่ายหัวแววตาที่จริงจังของเธอท่าทางที่เหมือนเด็กทำเอาเขาอยากเก็บไปไว้ที่บ้านไม่อยากเห็นเธอทำแบบนี้กับใคร “ ไม่เอาน่ามินทำเหมือนเด็กไปได้คุณอย่ากังวลนักเลยมันก็แค่เกมส์เอง ” มินตราเองถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเกมส์แต่เหตุการณ์ที่เคยผ่านมากับครอบครัวเธอมันก็หวั่นไม่น้อย เธอแค่อยากมั่นใจว่าเธอจะปลอดภัยขอแค่เขายืนยันให้ได้ความมั่นใจเท่านั้นมันรู้สึกแปลกที่เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขาเหมือนเขาเป็นที่พักพิงให้กับเธอได้ การเป็นพี่สาวคนโตต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบมากมายในบางครั้งมันก็เหนื่อยนะ ทุกคนอาจจะมองว่าเธอเก่งและดูแลตัวเองได้แต่คนเหล่านั้นอาจจะลืมไปว่าเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนนึงที่อยากอ่อนแออยู่ในอ้อมแขนของใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ เธอคิดว่าภวิชคือคนที่ทำให้เธอรู้สึกได้แบบนั้นแต่เมื่อคิดได้ว่า การขอคำสัญญาแบบนั้น ใครเขาจะกล้าทำหล่ะเกี่ยวก้อยกันเป็นเด็กเธอบ้า หล่ะมั้งไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อยนี่นาคิดได้อย่างนั้นมือน้อยก็ค่อยๆลดลงเธอก้มหน้าลงมองพื้นหายใจเข้าออกลึกๆอีกครั้งแล้วหันหลัง “ เดี๋ยว!! ” ภวิชพูดเสียงยาวเล็กน้อย พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของมินตราดึงเธอให้หันมามองหน้าเขาพร้อมเปลี่ยนบทบาทที่จับมือนั้นค่อยแปรเปลี่ยนเลื่อนลงเป็นเกี่ยวก้อยทันเวลาที่เธอหันมาพอดีนิ้วหัวแม่มือเขาแปะโป้งไปที่หัวนิ้วโป้งของเธอ นั่นหมายถึงการมั่นคงและเชื่อใจนิ้วก้อยเกี่ยวกับเธอไว้ “ ผมสัญญา ” ภวิชกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงยืนยันให้เธอมั่นใจ “ ไว้ใจผมไหม? ” เขาถาม มินตราพยักหน้า “ ค่ะ ” “ อืม ไม่ต้องกลัวนะ ” เขาปลอบเธออีกครั้ง ภวิชค่อยๆปล่อยมือที่ให้สัญญากับเธอเสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำการเล่นก็ดังขึ้น “ คุณภวิชครับฝ่ายตรงข้ามพร้อมแล้วครับอีกห้านาทีเราจะเริ่มเกมส์แล้วนะครับ ” “ ครับผมจะรีบไป ” ภวิชหันมาอมยิ้มให้เธออีกครั้งพร้อมจะผละออกไป “ ฉันจะรอคุณนะคะ ” “ คุณมินตราครับเชิญทางนี้ครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” เจ้าหน้าที่อีกคนบริเวณพื้นที่นั้นกล่าวขึ้น “ ค่ะ ” ภวิชงงงวยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วใจเต้นดังโครมครามเมื่อสัมผัสได้กับมือบางเล็กที่โอบกอดเขาจากด้านหลังเมื่อเขาจะก้าวเดินคำพูดว่าจะรอเขาดังก้องในหูถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ใกล้กับเขาแล้วเวลานี้ก็ตาม ภวิชยกมือด้านขวาที่ให้สัญญากับหล่อนไปแล้วลูบที่ยิ้วก้อยก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเพื่อไปยังจุดที่เขาต้องเตรียมตัวแปลกใจตัวเองที่ทำท่าเหมือนรักแรกรุ่น “ โอ้โหวสายชลนายเห็นอะไรป่าวว่ะ ” กฤษส่งเสียงถามสายชลที่กำลังยัดปืนลงเหน็บตรงกางเกงสายชลยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่ากฤษกำลังแซวเจ้านายหนุ่มที่กำลังวิ่งมาใกล้พวกเขารอยยิ้มกว้างที่เห็นมาแต่ไกล “ อะไรล่ะ? ” สายชลยิ้มแล้วต่อประโยคคำถามให้เพื่อนรับมุขต่อ “ ดูท่าฟ้าฝนจะตั้งเคล้ากระหน่ำตกไม่น้อย เจ้านายเรายิ้มกว้างขนาดนี้เห็นทีคงมีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติกระมัง ” เสียงทัชรับช่วงต่อจากคำถามสายชลเรียกเสียงหัวเราะอีกครั้งซึ่งเจ้านายหนุ่มแน่นอนว่าได้ยินมันทุกประโยคเพราะกฤษตั้งใจพูดให้เจ้านายหนุ่มรู้ “ ปากดีกันนักนะ ฉันจะยิ้มจะหัวเราะไม่ได้บ้างเลยรึไงเดี๋ยวจะตัดเงินเดือนให้หมด ” “ ฮ่าๆๆป่าวคร้าฟเจ้านายย นี่ผมเพิ่งรู้นะครับว่าเดี๋ยวนี้เจ้านายเขินแล้วงก ฮ่าๆๆ ” “ ไอ้กฤษ! ” เขาเรียกเสียงดังทั้งวาดเท้าจะเต๊ะลูกน้องสักป้าปแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม โชคเข้าข้างไปที่กฤษหลบทันแม้จะรู้เจ้านายจะเต๊ะเล่นแต่ถ้าหากโดนเข้าไปมันคงเจ็บไม่ใช่เล่นเหมือนกันมินตราถูกตรึงมือเข้ากับเสาปูนต้นนึง ผ้าปิดปาก......บ้า เกมส์บ้าอะไรพาเธอมาทารุณชัดๆ ' คุณวิช.. คุณหายไปไหนเนี่ยนานไปแล้วนะ.....' มินตราเกิดใจหวั่นเล็กน้อยในใจยอมรับเลยว่ากลัว เหตุการณ์ในอดีตนั้นเธอจำได้ไม่ลืม เหตุการณ์วันนั้นวันที่เธอถูกคนของเสี่ย ชัย จับไป แต่โชคดีที่วันนั้นเธอเอาตัวรอดกลับมาได้ต้องหลบหัวซุกหัวซุนไปหลายที่เลย “ ปังๆๆๆๆ ” เสียงปืนดังขึ้นบ่อยและหลายต่อหลายครั้งทำให้ความคิดในอดีตต้องหยุดลง มินตรารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มอาจกำลังมาช่วยเธอ ฟ้าเริ่มมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วเธอถูกมัดอยู่ในโกดังที่มีเพียงแสงไฟสีส้มจางๆ สาดส่องเข้ามาก็เท่านั้น ฝั่งภวิช ชายหนุ่มมีเหงื่อท่วมตัว ให้ตายสิคราวนี้ลำบากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าเลย มีทั้งระเบิดทั้งเอฟเฟคนี่มันพอๆกับทำสงครามมากกว่าป้องกันตัวละมั้ง “ กฤตฉันบอกให้นายโทรมาบอกเขาแล้วไม่ใช่หรอแล้วใครเลือกระดับบ้าบอนี่ห๊ะ.....” ภวิชสบถอย่างหัวเสีย ถ้าวันปกติเขาคงไม่เท่าไหร่แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้วะวันนี้มินตราอยู่กับเขาลูกน้องก็ได้ใจจริงจริ้งจัดด่านยากให้เขาถึงตัวมินตราได้ช้าขึ้น ฉันควรตบรางวัลให้นา
“ มิก เห้ยมึงช่วยกูหน่อยไม่ได้ไงว่ะ วันนี้ไอ้ซันไม่มาจริงๆนะเว้ย ” เพื่อนของรณภพที่เป็นนักดนตรีขอร้องให้รณภพช่วยเล่นกีต้าร์ให้เพราะเพื่อนเกิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันถ้าไม่มีการเล่นโฟคซองวันนี้เขาต้องโดนผู้จัดการเล่นงานแน่ๆ “ ไม่เอาเว้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ กูเป็นแค่บาร์เทนเดอร์ พอ! ” “ โห่ว กูก็แค่ขอให้มึงมาเล่นโฟคซองแทนกูแค่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวกูหาเพื่อนมากู ขอแค่ชั่วโมงให้มึงมาแทนแค่นี้ไม่ได้ใช่ไหมไอ้มิก ” “ ไอ้เปรี้ยว มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปทำตัวให้ใครเห็นหน้ากู ” “ ก็กูรู้ไงไอ้มิก กูถึงขอมึงแค่ชั่วโมงเนี่ยถ่วงเวลาเล่นให้กูก่อนเดี๋ยวกูหาคนมาเล่นแทนไอ้ซันเอง มึงช่วยกูไม่ได้หรอ ” รณภพกำลังเจรจากับเพื่อน จะเรียกว่าเจรจาก็คงไม่ใช่เรียกว่าพยายามปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนตัวเอง มากกว่า “ แล้วถ้ากูไม่ช่วยมึงหล่ะมึงจะทำไง ” “ ก็ไม่ทำไง มึงก็รู้พี่เอ้ดุจะตายกูก็แค่โดนไล่ออก ” ชายหนุ่มอีกคนสบถเบาๆ พี่เอ้คือผู้จัดการที่ใครๆก็รู้ว่าไนท์คลับนี้พี่เอ้เป็นคนเข้มงวดขนาดไหน วงดนตรีของเปรี้ยว ถูกจ้างให้มาเล่นด้วยบทเพลงที่ทั้งร็อคและอ่อนหวานทำให้คนสนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไ
“ ฮิ้ว อิจฉาว่ะแก มีคนหล่อๆมาร้องเพลงให้ด้วย ” เพื่อนสาวเอ่ยปากแซวภัสสร เมื่อได้ยินศิลปินหนุ่มที่ร้องเพลง เรียกชื่อเพื่อนของเธอ “ บ้าน่าแก ” ภัสสรตีมือเพื่อนแต่ยิ้มเขินอาย ก็จะไม่เขิลได้ไง คนบ้าอะไรโครตเท่ห์เลยตอนแรกแค่ปลื้มเท่านั้นที่ช่วยไว้แต่คราวนี้ชอบเลยบอกตรงๆ....หญิงสาวคิดในใจ.....เมื่อเพลงจบทั้งเสียงกรี๊ดเสียงแซวกระหน่ำไม่ขาดสายรณภพส่ายหัวเบาๆ ก้าวลงเวที พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ นาย! ” เสียงใสๆที่ดังเข้าโซนประสาททำให้รณภพหันไปมอง “ ฟึ่บ โครตเท่ห์เลยอะ น่ารักจัง ! ” เธอวิ่งมากระโดดโอบกอดเขาทำเอารณภพนิ่งเลยทีเดียว... “ นี่เธอ อะไรของเธอ อีกแล้วนะ เธอทำแบบนี้กับฉันอีกแล้วนะ ” เขาปลดมือที่โอบรอบคอของเขาออก แต่ให้ทิ้งข้างลำตัว ตอนที่ร้องเพลงเขามองลงไปตรงโต๊ะเจ้าของวันเกิดพบดวงหน้ามนพลางคิดว่าโลกคงไม่กลมขนาดที่จะเจอผู้หญิงที่ปั่นป่วนไปของคุณเขาถึงที่ห้องหรอกนะ “ แบบไหนหรอ? ” เธอเอียงหน้าถามอย่างน่าหมั่นเขี้ยวนัก “ ก็แบบ! ” เขาพูดเสียงห้วนคิ้วขมวดเข้าหากัน อะไรที่ควรเข้าใจไม่เข้าใจ.....ให้มันได้อย่างนี้ดิ! มันน่านัก “
“ ฮือๆๆ ” เสียงหญิงสาวผวากลางดึกทำให้ภวิชไม่สามารถหลับลงได้เขาคว้าคนที่นอนหลับขึ้นมากอดปลอบประโลมมือลูบตามไหล่บางเบาๆ “ มินครับไม่เป็นอะไรแล้ว พี่วิชทำตามสัญญาแล้วไงครับมิน นิ่งซะนะคนดีของผม ” เขากระซิบหวังให้หล่อนได้ยินสงสารเธอจับใจ ร่างบางกระชับเข้าหาอ้อมอกมากขึ้นเธอเหลือทิ้งไว้แค่เสียงสะอื้นเบาๆภวิชมองนาฬิกาตรงหัวเตียง ตีสองแล้วมินตราเพิ่งหลับไปตอนห้าทุ่มกว่าจะได้ข้อมูลภวิชก็ใช้เวลาหาพอสมควร ภาพที่เขาเห็นคือ มินตราถูกมัดมือตรึงกับหัวเตียงผ้าปิดปากตรงข้อเท้ามีผู้ชายสองคนรุมจับ และที่ทำให้ขาดสติขาดสะบั้นกว่านั้นคือ คนที่นั่งคร่อมอยู่บนร่างบาง เขาไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปจัดการคนแก่ตัณหากัปเวรตะไลกล้าดียังไงมายุ่งกับผู้หญิงของเขาถ้าเลือดปากไม่ออกไม่ได้มีการเอาคืนความเจ็บที่บาดลึกลงไปในหัวใจอย่ามาเรียกเขาว่าภวิชเลย กระบอกปืนของภวิชถูกชักขึ้นมาร่างสูงจ่อเข้าที่ปากของเสี่ยคน กลัวตายตกใจยกมือขึ้นไหว้เหงื่อไหล่พลั่กๆเหมือนความตายมาเยือนก่อนที่เขาจะได้ฆ่าคนบัดซบสมใจเสียงใสๆที่ดิ้นจนผ้าปิดปากหลุดลงทำให้ภวิชผลักหัวเสี่ยชัยออกอย่างไม่ใยดีนักเขาตรงไปหาคนที่ถูกกักตัวด้วยผืนผ้า
มินตรารู้สึกตัวในเวลาใกล้รุ่งสางตีห้ากว่าๆเห็นจะได้เธอรู้สึกอบอุ่นบนอก กว้างที่เปลือยเปล่า เธอคงคิดว่าหมดความสาวเสียแล้วเธอเก็บความบริสุทธิ์ไว้เพื่ออะไร ไม่ทันได้มองคนที่นอนหลับด้วยซ้ำว่าใครกันที่นอนกอดเธอร่างบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำเปิดน้ำในอ่างน้ำที่ราคาแพงใช่เล่น เปิดฝักบัวหวังให้น้ำลบสิ่งที่เธอถูกกระทำ ถูคอขาวๆจนเกิดรอยแดงช้ำ ร่องรอยที่เสียชัยสร้างบนร่างกายเธอ ตอบไม่ได้เลยว่ารู้สึกขยะแขยงรังเกียจสัมผัสแบบนั้นขนาดไหน น่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไรดี เธอกอดคอซบหน้าลงกอดเข่าน้ำตาหลั่งไหลดั่งสายฝน นึกถึงภวิช “ ไหนคุณสัญญากับฉันแล้วยังไงว่าฉันจะปลอดภัย ฮือๆ คุณวิชผิดสัญญา...ฮือๆ พ่อจ๋า พ่ออยู่ที่ไหนฮือๆ มินจะหาพ่อจากที่ไหนฮือ....... ” ซบหน้าร้องไห้ท่ามกลางน้ำจากฝักบัวพ่อป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงจะติดต่ออะไรยังไงได้มินตราเอื้อมมือปิดฝักบัวเอนหัวพิงขอบอ่างหลับตาลงอย่างอ่อนแรงเธอจะทำยังไงดีภวิชจะตามหาเธอไหม แต่เขาจะตามหาเธอทำไมกัน....ในเมื่อเธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาทั้งนั้นนี่นาคิดได้ทีไรน้ำตาพาลจะไหลทุกทีแต่ก็ไม่หลุดพ้นที่จะซึมลงที่หางตาก่อนที่เธอจะ
“ คุณได้แผลมาได้ยังไงค่ะ ” มินตราเอามือลูบที่แผลนั่นเบาๆแล้วเอ่ยเสียงหวานขอโทษเขาภวิชไม่รอช้าที่จะก้มลงจูบปากเธออย่างอ่อนโยน อ่อนหวาน โหยหาและเรียกร้องในคราวเดียวกันเวลานี้ไม่ใช่เวลาตอบคำถาม เขาต้องสร้างอารมณ์ให้หญิงสาวอีกครั้งเมื่อเธอกำลังจะลืมความแปรปรวนในความต้องการที่เขาเพิ่งสร้างไปเวลานี้เขาต้องการลบมันให้หมด.......ร่องรอยที่ไอ้แก่นั่นสร้างไว้บนร่างกายของเธอ ภวิชไม่ตอบอะไรเขายอมถอนจูบเมื่อเห็นหญิงสาวที่แค่จูบยังไม่ประสาเลยแล้วเธอจะรับความต้องการของเขาได้ไหม “ อืม อ่า อา ” เสียงหอบหายใจแรงทั้งเขาและเธอ ภวิชจูบซอกคอขาวขบเม้นตรงร่องรอยที่เขาไม่ต้องการเห็นมันอีก จะไม่มีใครหน้าไหนมีสิทธิ์บนตัวเธอนอกจากเขา ที่ร่องรอยบนร่างกายของมินตราที่เธอไม่ต้องการเห็นตอนนี้ภวิชจะลบทุกอย่างให้เธอเอง “ อ๊ะ พะ พอเถอะคะคุณภวิช ” เธอพยามยามดึงมือที่กำลังสร้างความเสียวซ่านบนยอดปทุมถันทั้งสองข้างของเธอ แต่เหมือนภวิชจะไม่ฟังเขาละริมฝีปากที่กำลังดูดดึงดอกบัวตูมงามข้างขวาริมฝีปากเขามาจูบที่ปากปิดเสียงของเธอมือซ้ายซุกซนบนปทุมถันอีกครั้งอย่างไม่น้อยหน้า “ พี่วิช....เรียกชื่อผมแค่นี้ ฮ่า ” เขาพูดเสียงกร
“ บ้าจริง!! ” ภวิชที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองเขาหงุดหงิดและเครียดเกร็งจากการไม่ได้รับการปลดปล่อยแถมเธอยังทำท่าปฏิเสธความต้องการเขาอีก ยิ่งหงุดหงิด อยากถนอมอยากกอดอยากสัมผัสแต่ดูแม่นางสิ ปิดกั้นทุกทางไม่ว่า แต่ใครมันจะอดได้ สัมผัสไปขนาดนั้นแล้วให้หยุดกลางคันผลักตัวเองลงเหวชัดๆ....ภวิชเอ้ยมาเป็นคนดีอะไรกันตอนนี้วะ จับปล้ำเลยก็จบแล้ว เขาหึกเหิมจะทำตามความต้องการของตัวเองอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหยุดอยู่หน้าประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องทำงาน เสือร้ายกลายเป็นแมวหงอยทันทีถอดลายจนไม่เหลือเขี้ยวเล็บ แค่เพียงเขานึกเห็นหยาดน้ำตาของเธอ ใจแกร่งก็อ่อนยวบลงเธอมีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้เชียวหรือนี่ขนาดยังไม่ได้ครอบครองนะ ถ้าได้ครอบครองเธอแล้วหล่ะ ภวิชไม่อยากนึกเลยว่าสภาพตัวเองจะเป็นแบบไหน.... เขาเอาหัวแนบกำแพงภวิชอ่อนใจจริงๆเพียงเพราะอยากให้เธอยอมเขาด้วยความเต็มใจจำต้องยอมอดกลั้น “ มิน ผมต้องการคุณ ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางตรงไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาอีกครั้งแขนก่ายหน้าผากเขาเปลี่ยนกางเกงที่ก่อนหน้านี้มันเปียกน้ำจากร่างกายของเธอ ให้มันได้อย่างนี้สิ ภาพหญิงส
“ ไม่ได้!! ” เสียงภวิชตะคอกออกมาเมื่อรู้สิ่งที่น้องสาวของเขาต้องการทำเอาภัสสรถึงกับสะดุ้งเวลาพี่ชายเธอโมโหเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอถึงกับสยบและเป็นเด็กดีเลยทีเดียว “ คราวก่อนน้องโดนทำร้าย พี่วิชไปอยู่ไหน ” เธอถามอย่างงอนๆ “ หยุดเลยไม่ต้องมาย้อนพี่เลยนะ...ใยวาว ” ภวิชเตือนน้องสาวที่กำลังจะเอาแต่ใจในเรื่องไม่ควร ขอบ้าอะไรไม่ขอดันขอพนักงานในร้านให้มาเป็นบอดีการ์ดของตัวเอง “ งั้นวาวขอเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้ ” “ นั่นดิวิชทำไมนายไม่ให้น้อง ” ภวัตต์ล้วงกระเป๋ากาเกงยีนส์สีดำพิงขอบโต๊ะใกล้กับโซฟาที่ภัสสรนั่งอยู่ “ เราไม่ไว้ใจผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นแหล่ะ เออไหนๆก็พูดแล้วพี่ยังไม่ได้เคลียร์ คดีความเก่าของเราเลยนะวาว ” “ คดีความอะไรวาวยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย” “ แน่ใจ? ” ภวิชถาม ภวัตต์เริ่มคิ้วขมวด อะไรกันหน่ะไม่อยู่แค่ไม่กี่เดือนเรื่องเยอะขนาดนี้เลยหรอ? “ แน่ใจ ” น้องสาวจอมดื้อเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ภวิชล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์รา
มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง
“ แกร๊ก ฟึ่บ!! ” ก้าวแรกที่มินตราเหยียบสัมผัสกับพื้นเรือไฟทุกอย่างบนเรือก็ติดขึ้น สว่างไสวทำให้มินตราได้เห็นความสวยงามของเรือสำราญลำนี้อย่างชัดเจน “ นี่มันอะไรกันค่ะ ” “ ก็ดินเนอร์มื้อพิเศษไง เข้าไปข้างในกันนะครับ ” “ ค่ะ ” ภวิชกางแขนให้มินตราควงแต่มินตราไม่จับสักทีเขาเลยถือโอกาสดึงมือเธอคล้องเขาเองแล้วยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ..... “ ทำไมมันดูโล่งๆจัง ” ภวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ้อมตัวมาขยับเก้าอี้ให้กับมินตราเขากระซิบตอบข้างๆหูเธอเบาๆเมื่อเธอนั่งลงกับเก้าอี้ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอว่า “ มินไม่รู้หรอว่าพี่รวยพอจะเหมาเรือทั้งลำเพื่อคนพิเศษ ” ถึงมันจะเป็นคำพูดเบาๆแต่ก็ทำให้มินตราร้อนไปถึงใบหูได้เลย “ คนบ้า ฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่อง ” “ เอ้า เงินก็เงินพี่ พี่พอใจจะทำ ใครจะทำไม ” “ ค่ะพ่อเศรษฐี ” มินตราเบ๊ะปากใส่เขาที่ทำหน้าทะเล้นพูดจาไม่สนใจใครอย่างหมั่นไส้ แต่ภวิชกลับยิ้มกว้างเมื่อเจอคนสวยเขาตอกหน้าเข้าให้
ภวิชนั่งรอมินตราแต่งตัวเขาไม่บ่นไม่ว่าและไม่ต้องการให้มินตรารู้สึกแย่อะไรไปกว่านี้ทางที่ดี ควรจะหุบปากตัวเขาไว้น่าจะดีกว่าสินะ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภวิชเรียกสติกลับมา “ ว่าไงวัตต์ ฉันกำลังรอมินตราอยู่วันนี้ว่าจะพาเขาไปทานข้าวข้างนอก ” เขามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มินตรากำลังแต่งตัวอยู่ “ เอ่อ คือนายจะรอหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าวันนี้ฉันงดทำงาน ” ภวิชโวยวายใส่ปลายสายที่มาเร่งเอางาน นึกคึกบ้าอะไรวันนี้ด้วย เขาหันไปมองมินตราที่ส่งค้อนวงงามให้เขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ส่งค้อนวงงามมาให้เขาก็ไม่กล้า จะขัดใจแล้ว ช่วงนี้ทำไมมินตราอารมณ์แปรปรวนนัก เขาแอบสำรวจชุดเดรสที่เธอใส่ เล็กน้อย คนตัวเล็กสวยเกินจนเขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริงๆ อยากขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้แหล่ะ “ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ” ภวิชบอกเสียงเรียบตอบปลายสาย สายตาแอบมองคนสวยของเขาจนไม่อยากคุยกับพี่ชายตัวเองแล้ว “ นี่เสร็จหรือยังเนี่ย? เอ่อ แค่ถามหน่ะ ” คนชอบวางอำนาจเผลอลืมตัวขึ้นเสียงนี่มันติดเป็นนิสัยแก้
มินตราเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเธอรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นเลย วันก่อนสายชลคุยกับเธอเรื่องของมิกที่ได้รับทุนไปเรียนต่อจากมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุนที่รณภพได้นั้นเป็นทุนที่มาจากภวิช แล้วเธอยังคิดจะฆ่าตัวตายแบบนี้ได้ยังไง มือถือก็ใช้ไม่ได้ โดนยึดไปอีก มินตราไม่ต่างจากนกน้อยใจกรงเลยสักนิด แต่เธอจะรู้ไหมที่ภวิชให้เธอหลบอยู่แต่ในบ้านนั้นเพราะมีคนคิดที่จะทำร้ายเธอ “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูทำให้มินตราหันไปมอง และเมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นหน้าของน้องชายตัวเองที่ยิ้มจางๆส่งมาให้ “ ว่าไงมิน ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะหาวิธีฆ่าตัวตายอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะไม่นับถือว่าเธอเป็นพี่ฉันอีกต่อไป ” มินตรามองหน้าน้องชายที่มานั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของเธอ ตั้งแต่รณภพมาอยู่ที่นี่ความคิดเขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบอะไรกับชีวิตมากขึ้นแววตาความห่วงใยของมินตราและความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองคิดทำร้ายตัวเองได้ “ มิกพี่ขอโทษนะที่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้น พี่แค่รู้สึกท้อ มิกรู้เรื่องของพ่อรึยัง ”