“ คุณอาการเป็นอย่างไงบ้าง นี่ก็ค่ำแล้ว ทานอะไรรึยัง ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย
“ ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณจริงๆ ” รอยยิ้มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนมนต์สะกด ก่อนที่เขาจะเสียศูนย์ไปมากกว่านี้เขาต้องเปลี่ยนสถานการณ์ด่วน “ ป้าแก้วคงเตรียมกับข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ” เขาพูดเสียงขรึมคิ้วขมวดทำให้ร่างบางไม่เข้าใจเท่าไหร่กับอารมณ์แปรปรวนของชายร่างสง่างามตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินนำหล่อนไป แต่เมื่อก้าวพ้นประตูชายหนุ่มเอามือข้างขวาจับหัวใจด้านซ้ายที่มันเต้นแรงเมื่อเดินนำห่างจากหล่อนจนคิดว่าหล่อนไม่เห็นแล้ว “ เฮ้อ ” เขาถอนหายใจหนักๆกับตนเองก่อนจะทิ้งระยะห่างจากสาวเจ้า ร่างบางที่ก้าวออกจากห้องครั้งแรกมองรอบๆตัว บันไดสีน้ำตาลลายไม้ศักดิ์ที่เป็นเกลียวตั้งอยู่กลางตัวบ้าน....บันไดขนาดที่ยาวไม่มากแต่มีสองฝั่งและสองชั้นคือถ้าเดินขึ้นมาชั้นแรกประตูที่เห็นคือห้องทำงานแต่ถ้าอีกชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิดที่มีบันไดเพียงห้าขั้นซึ่งสถานที่นั้นคือที่ส่วนตัวของภวิช นั่นคือห้องนอนนั่นเองมันเป็นการออกแบบของเขาในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว ป้าแก้วคือผู้หญิงคนแรกที่เขาให้เข้าได้เพราะต้องทำความสะอาด ส่วนบุคคลอื่นเป็นผู้ต้องห้าม คนสนิททั้งสามเองก็ไม่เคยย่างกายไปยังห้องนอนเขาสักคนจะมีอีกคนก็คือ มินตราเท่านั้นที่ต่อไปห้องเขาคือห้องเธอ ร่างบางเดินลงมาถึงชั้นล่าง โคมไฟที่ติดบนเพดานดูหรูหรา โซฟาที่อยู่ที่ห้องรับแขกไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงแพงยิบ.....ร่างสูงที่เดินพาไปที่โต๊ะอาหารเงียบๆ ทำให้ร่างบางถามขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อภวิชเดินถึงหัวโต๊ะ “ คุณภวิชค่ะ ” ร่างบางที่ทักเขาเสียงอ่อนโยนทำให้เขาที่กำลังจะเลื่อนเก้าอี้เงยหน้ามองพร้อมถัดมาที่เขาก็หย่อนตัวนั่ง “ ว่าไง ” “ คุณอยู่ที่นี่กับครอบครัวรึเปล่าค่ะ ทำไมดูเงียบจัง ” ถึงรู้ว่าไม่ควรถามแต่ก็อยากรู้นี่นาดีกว่าเงียบกันแบบนี้ “ คุณเห็นคนอื่นรึไง นอกจากป้าแก้ว แล้ว ก็ เราสองคน ” เขาลากเสียงยาวพร้อมหน้านิ่งขรึม "ขอโทษค่ะ คุณมีครอบครัวไหมค่ะ ” หล่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆเขา ภวิชสั่งเด็กรับใช้ให้ทำหน้าที่ตักข้าวใส่จานเขาและเธอร่างบางหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพทำเอาสาวรับใช้แทบวางตัวไม่ถูกที่มีคนขอบคุณแถมยิ้มให้อีกภวิชมองสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตาแล้วก็ต้องตักอาหารเข้าปากเมื่อจู่ๆหล่อนก็หันมาหาเขา “ คุณภวิชค่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้นะคะ ” หญิงสาวบอกเขาที่ตักอาหารเข้าปากหันมองเธออีกครั้งนี่จะไม่กินข้าวรึไงนะเขาคิดในใจ “ ผมว่าคุณกินข้าวก่อนไหมเดี๋ยวจะเย็นหมดเปล่าๆ ” เขาบอกพร้อมตาคมที่ส่งมาทำให้ร่างบางเริ่มตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว เขามองทุกอิริยาบถที่เธอทำ พร้อมกระตุกยิ้มนิดๆที่ดูท่าหล่อนหิวถึงขั้นขอข้าวอีกจานในขณะที่เขาก็ตักอาหารเข้าปากเรื่อยๆจริงๆไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอกเพราะเขาเพิ่งกินตอนเย็นแต่เพราะกลัวว่าถ้าให้หล่อนกินคนเดียวคงไม่กินแน่ จะให้เขาอิ่มก่อนแล้วมองหล่อนหล่อนก็คงหยุดกินเหมือนกัน ฉะนั้นจำต้องให้หล่อนอิ่มแปร้ก่อนแล้วเขาถึงรวบช้อนตาม “ อาหารถูกปากไหม ” “ อร่อยมากๆเลยค่ะ ” ร่างบางยิ้มให้อย่างอ่อนหวานจนใจเขากระตุกอีกครั้ง.ไม่อยากรอเวลาจริงๆ ตอนนี้เขาอยากจะรักเธอจะแย่อยู่แล้ว “ คุณจะไปเดินเล่นหน่อยไหม ” “ เอ่อ ก็ได้ค่ะ ” “ มิน คุณจะทำอะไร ” เขาเรียกชื่อเล่นเธออย่างสั้นๆแล้วมองมือเธอที่หยิบจานเขาไปรวมกับของหล่อน “ ฉันจะไปล้างจานค่ะ ” เธอตอบอย่างใสซื่อ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ “ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมีคนทำเอง ส่วนคุณอยู่เฉยๆก็พอ ” เขาเดินมาจับมือหล่อนออกจากจานชามพร้อมส่งยื่นให้คนรับใช้ที่หน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นร่างบางจัดเก็บจานทำหน้าที่แทนตัวเอง จากนั้นภวิชก็ฉวยมือคนที่กำลังยืนงงให้เดินตามเขาออกไปหน้าบ้าน....ลมทะเลในยามนี้มันทำให้คนที่เพิ่งหายไข้ รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายกว่าเดิมเธอมองร่างสูงที่จับมือเธอลากจูงไปยังซุ้มที่ทำจากไม้ชั้นดีมุงด้วยใบจากที่อยู่กลางสนามหญ้าสีเขียวอ่อนๆที่มีไฟประดับอย่างสวยงามรอบๆตัวบ้านพักที่เพิ่งเดินออกมานั้น มีบ้านเล็กๆที่ดูอบอุ่นอีกสามหลัง และมีบ้านไม้หลังใหญ่พอสมควรอีกที่ มีสวนดอกไม้ตามริมทาง สวยมากจริงๆ “ คุณภวิชจะพาฉันไปไหนค่ะ ปล่อยก็ได้ค่ะฉันเดินเองได้ ” หญิงสาวรั้งมือให้เข้าหาตัว ภวิชยอมปล่อยทั้งที่ขัดใจเขา “ ก็เห็นว่าคุณไม่สบายเลยอยากให้มาสูดอากาศเท่านั้น ” เขายักไหล่ให้เธอ คนอุตส่าห์เอาใจ ดันมาทำท่าไม่ไว้ใจเขาซะงั้น เขาเดินนำหล่อนไปนั่งที่ซุ้ม “ ขอบ คุณนะ คะ และก็ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ” เธอเอ่ยพร้อมสบตาเขาที่ก็มองเธอเช่นกัน “ อย่าคิดมากเลย เป็นใครก็ต้องช่วยทั้งนั้นแหละถ้าเจอคนไม่สบายคุณต้องการอะไรเพิ่มก็บอกป้าแก้วได้เขาจะหาให้คุณ ” “ ไม่แล้วค่ะขอบคุณมาก เอ่อ ฉันมีเรื่องจะขอรบกวนคุณได้ไหมคะ ” เขาพยักหน้าจนหล่อนยิ้มกว้างให้เขาอีกที จิตใจเขาสั่นอีกแล้ว “ พรุ่งนี้คุณพาฉันขึ้นฝั่งได้ไหมค่ะ ” ความตื่นเต้นที่ได้รับที่หล่อนยิ้มให้แทบหายไปทันที คิ้วเรียวหนาขมวดอีกครั้ง “ ทำไม? อยู่ที่นี่ไม่สบายหรอ อยากได้อะไรเพิ่มอีกฉันจะให้คนหาให้ ” เขาพูดกึ่งประชดประชันและเอาแต่ใจ ดูแลอย่างดีจะมาหนีเขาไปเนี่ยนะไม่มีทางซะหรอก “ ปะเปล่านะคะฉันรบกวนคุณมามากเกินไปแล้วไม่อยากให้คุณลำบากอีกค่ะ ” เธอรีบตอบเพราะไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องทำเสียงขุ่นใส่เธอด้วย “ อ้อ นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ลำบากอะไรหรอกอยู่ไปเถอะ ”เขายังคงพูดเอาแต่ใจ “ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ” ทำไมไม่เข้าใจบ้างเลยนะ หญิงสาวเริ่มขุ่นในใจ “ หรือเธอมีใครที่รออยู่ที่บ้านหรือมีคนที่รักหรอถึงต้องรีบกลับ ” เรียวตาคมที่สบมาอย่างค้นหาความจริง ว่าเธอมีคนที่รักอยู่หรือเปล่า “ ค่ะ ฉันมีคนที่ฉันรักรออยู่ที่บ้านแล้ว ” คำตอบนี้ทำให้ภวิชเผลอกำมือแน่นใจเต้นรัว ไม่ใช่เพราะดีใจแต่กำลังรู้สึกเหมือนจะเสียของรักไปซึ่งเขาไม่มีวันยอมเธอไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเขาเหมือนผู้หญิงอื่นๆเลยรึไง ถึงจะไปจากเขาทั้งๆที่ผู้หญิงคนอื่นมีแต่จะจับเขาทั้งนั้นแต่ความรู้สึกเหมือนจะเสียของมีค่าก็ชะงักและเรียกความชุ่มชื้นในหัวใจให้เขาอีกครั้งเมื่อหล่อนพูดต่อ “ ฉันห่วงพ่อ กับน้องค่ะ อีกอย่างฉันต้องทำงานด้วย ” เขาแอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อหล่อนพูดถึงพ่อแต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีคนเจ้าเล่ห์จึงถามอีกครั้ง “ ไอ้ที่ว่าคนที่รักเนี่ย พ่อกับน้องหรอ? ” เขาถามตีหน้าขรึม “ ใช่ค่ะ ” คำตอบเธอทำให้เขาดี๊ด๊าอยู่ในใจ “ เออ จริงสิคะ ” หล่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ ค่ารักษาพยาบาลของฉันเท่าไหร่ค่ะ ” ร่างสูงเกือบลืมคิดไปเลยเพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเธอแต่ก็เท่านั้นคนชอบวางแผนมีหรอจะรับมือไม่ทัน “ ประมาณ 30000 ” “ หะ 30000 คุณพาฉันไปโรงพยาบาลที่ไหนเนี่ย? ” ใบหน้าหล่อนที่ตกใจและเสียงที่ร้องขึ้นสูงทำให้เขากลั้นหัวเราะจนหน้าแดง “ นี่คุณ ผมพาคุณไปรพ. จ่ายห้องพิเศษไหนจะค่าหมอที่เป็นคนดูแลครอบครัวผมอีก นี่ถือว่าผมลดให้คุณเยอะแล้วนะ ” เขาทำเสียงดุแต่ไม่จริงจัง เขายังไม่รวมตั๋วเครื่องบินที่ต้องยกเลิกตั้งสามที่เพราะเขาให้สายชลเดินทางล่วงหน้ามาจัดการบางอย่างให้เขาก่อนแล้วนี่ยังไม่รวม ค่าที่หล่อนนอนตักเขา ค่าจูบและค่ากอดนะ หึๆ เขาหัวเราะในใจ จริงๆราคาก็ประมาณนั้นจริงๆ ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าโน่นค่านี่ที่อำนวยความสะดวกให้เธอ “ นี่ลดแล้วหรอค่ะ......เฮ้อ....ฉันจะรีบหามาคืนนะคะ รับรองไม่หนี ” หญิงสาวถอนหายใจ นอกจากหนี้ยังไม่หมด งานก็ยังไม่มีที่ทำ ยังมาเป็นหนี้อีก โชคดีจริงๆที่เจอคนรวยให้ที่พักและจ่ายค่ารักษา แต่ก็นะ โชคร้ายที่เขารวยและจ่ายให้เธอมากไปร่างบางนั่งห่อไหล่ ถอนหายใจอย่างคิดหนัก จะหางานจากไหนหล่ะทีนี้ ร่างสูงเปลี่ยนท่านั่งที่ใช้มือยันกับที่นั่งไว้ก่อนจะเปลี่ยนมันมาเป็นกอดอกแทน เห็นหล่อนเศร้าแล้วเขาก็ไม่อยากแกล้งเลย “ เอาหล่ะ เรื่องเงินมันเรื่องเล็กสำหรับผม คุณมีเมื่อไหร่ค่อยให้ผมคืน ผมไม่รีบ ส่วนวันพรุ่งนี้ ตกลง ผมจะไปส่งคุณแต่มีข้อแม้คือ ผมต้องไปที่บ้านคุณด้วยและห้ามปฎิเสธ เด็ดขาด!! ” เขายื่นคำขาด ร่างบางมองหน้ายิ้มรับที่เขาจะให้เธอกลับแถมยังให้เธอติดเงินอีกต่างหาก “ ก็ได้ค่ะ ” แต่คำขอสุดท้ายนี่สิถึงจะลำบากใจแต่ก็ตอบไปแล้ว ชายหนุ่มที่ตีหน้าขรึมแอบยิ้มในใจ หึๆ ต่อให้เธอหนีเขาเขาก็จะลากเธอกลับมาให้ได้ “ ติ๊ดๆ ” เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ภวิชต้องล้วงไปหยิบในกระเป๋ากางเกง เขามองที่นาฬิกาข้อมือ เพิ่งรู้ว่าสนทนากับหญิงสาวตรงหน้ามันจะใช้เวลาเร็วและนานขนาดเป็นชั่วโมง ชื่อหน้าจอนั่นคือสายชลนั่นเอง....ภวิชหันมองหญิงสาวที่นั่งมองหน้าเขาอยู่พลางอยากจะอัดลูกน้องนัก จะรีบโทรมาทำไมว่ะ ขัดจังหวะความสุขจริงๆ เขาคาดโทษในใจ นี่เขามีความสุขกับคนตรงหน้าจริงหรอเนี่ย ทั้งที่เพิ่งเจอมันเป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก่อนจะขอตัวเพื่อไปคุยธุระ ร่างบางมองตามร่างสูงที่เดินลับหายไปแล้วเขาพูดทิ้งท้ายแค่ว่าดึกแล้วรีบกลับเข้าบ้านเพราะอากาศเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวไข้จะกลับอีก “ มินตราเอ้ยมินตรา เธอจะเอาไงกับชีวิตเธอเนี่ย ” ร่างบางพูดกับตัวเอง วันพรุ่งนี้กลับบ้านหายมาหลายวันแบบนี้ พ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เฮ้อ ร่างบางนั่งอยู่ตรงนั้นอีกสักพักมองดาวมองจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบพื้นน้ำทะเลที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลเท่าไหร่นัก ธรรมชาติที่ใดจะสวยงามได้เท่านี้นะ “ ฟึ่บ นายทำทุกอย่างที่ฉันให้จัดการรึยัง ” เขาที่เดินถือโทรศัพท์คุยมาจนถึงห้องแต่เมื่อเข้าห้องเขาก็ตรงไปที่บานกระจกใสที่ผ้าม่านปิดอยู่เขาดึงมันออกแล้วมองไปยังซุ้มที่เขาเพิ่งเดินจากมา มองร่างที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วคุยโทรศัพท์ไปด้วย (เรียบร้อยแล้วครับ) ปลายสายตอบกลับ “ ดีมาก แล้วนี่จะจัดการมันตอนไหน ” เขาถามเสียงเหี้ยมแต่หากสายตายังคงมองที่เดิม (คืนนี้ครับ) “ ก็ดี ฉันขี้เกียจเก็บพวกมันไว้นานๆ ถ้าจัดการเสร็จแล้วนายก็มาพักที่บ้านนภา ได้เลยนะ ” (ครับเจ้านายขอบคุณครับ งั้นผมคงต้องวางแล้วเชิญเจ้านายพักผ่อนเถอะครับ) “ อืม ขอบใจ ” พูดจบสัญญาณก็ถูกตัดไป บ้านนภาคือชื่อบ้านที่เขาตั้งขึ้น เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่พักได้สบายอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ที่เขาพักไปสักนิดมันเป็นบ้านพักพิเศษที่เขาทำขึ้นเองจะว่าไปบนเกาะนี้เขาก็ออกแบบทั้งหมด จริงๆสายชลก็นอนที่บ้านไม้หลังใหญ่อีกที่ที่อยู่ใกล้ๆกันรวมถึงกฤษและทัชด้วยก็พักที่นั่นแต่ด้วยงานที่เขาให้สายชลและกฤษไปจัดการนั้นมันใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะกลับก็คงเกือบเช้าของพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงให้บ้านพักนั้นเป็นที่พักของบอดี้การ์ดทั้งสองแทน เมื่อวางโทรศัพท์ลงและเห็นว่าร่างบางยังคงนั่งอยู่เขาจึงไปจัดการอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นเสียหน่อยอยากรู้นักว่าถ้าเขาบอกเรื่องห้องนอนกับเธอ เธอจะทำยังไง........ เอาไงดีว่ะเรา ร่างบางคิดหากำลังใจให้ตัวเองเมื่อมาหยุดยืนที่หน้าห้องนอนของร่างสูง จะมาถามเขาว่าคืนนี้เธอจะนอนที่ไหนในเมื่อเจ้าของห้องเขามาแล้ว “ เฮ้อ ” ถอนหายใจอย่างคิดวิธีที่จะคุยกับเขา จนต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องนอนเปิดออก ผ้าที่เขาเช็ดผมเปียกหมาดๆยังคงพาดอยู่ที่บ่า เสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงเลย์ที่เหมือนของเธอทำให้เขาดูเด็กกว่าตอนใส่สูทไปเยอะ “ อ้าว มายืนทำไมตรงนี้ ” เขาถามเมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ยอมเปิดประตูเข้ามาสักที เขาได้ยินตั้งแต่ฝีเท้าที่มาหยุดอยู่ห้องเขาตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว แต่อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะทำอะไรเลยรอดูก่อนแต่เมื่อความเงียบที่ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดทำให้เขาต้องเดินไปเปิดมันเสียเอง “ คุณวิชค่ะ คือ มิน.....” “ เข้ามาสิ ” เขาสะบัดหน้าเข้ามาในห้องเชิงบอกให้หล่อนเข้ามาข้างใน แล้วเขาก็ถอยตัวให้แต่หล่อนก็ยังยืนที่เดิม “ ฉันบอกให้เข้ามาก่อน เธอจะพูดเรื่องที่นอนใช่ไหม ” เขาถามอย่างรู้ดีว่าหล่อนกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ “ คะ ค่ะ ” เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยเขาก็รู้เรื่องที่เธอจะพูดเธอจึงเดินเข้ามาในห้องเขาโดยไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนั่น ภวิชปิดประตูล็อคห้องทันที “ คือว่า..” หล่อนก้มหน้าจะหาคำพูดแต่เขาก็พูดขึ้นเสียก่อน “ เธอนอนบนเตียงฉันเนี่ยแหล่ะ ” “ หะ ได้ยังไงคะ ไม่เอาหรอก คุณก็นอนสิ ฉันไปนอนที่อื่นก็ได้ ” หล่อนปฎิเสธพัลวัน จนเขาเผลอยิ้มออกมารอยยิ้มนั้นทำให้หล่อนใจเต้นแรงมันดูมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆเขากอดอกมองเธอแล้วส่ายหัว “ มินตรา ถ้าคุณไม่นอนที่นี่ห้องนี้ คุณจะไปนอนที่ไหนครับ ” เขาถามน้ำเสียงยียวน กวนๆแต่น่ารัก “ ก็ บ้านหลังอื่นๆของคุณไงค่ะมีตั้งหลายบ้านนี่นา ” หล่อนลองเสนอให้ เพิ่งรู้ว่าหล่อนนี่หัวธุรกิจมาต่อรองกับเขา “ ไม่ได้หรอก คุณคิดว่าเกาะนี่ปลอดภัยนักหรือไง!อันตรายรอบตัวไปหมด แถมบ้านพักนั้นก็มีคนนอนแล้ว ลูกน้องผมไง ผู้ชายทั้งนั้น ถ้าคุณไม่กลัวก็ไปก็ได้นะ พวกนี้มันห่างเมียมานาน ถ้ามันทำอะไรคุณนิดๆหน่อยๆอย่าร้องให้ผมช่วยแล้วกัน ผมไม่เกี่ยวนะ ” เขายักไหล่แล้วแถมขู่อีก ลูกน้องที่นอนหน่ะใช่ ก็เขาไงหล่ะที่วางแผนทำให้บ้านพักที่ปกติว่างวันนี้ต้องทำให้เต็มไม่มีที่ว่างเพราะรู้ว่าเธอคงต้องไม่นอนห้องเขาแน่เมื่อรู้สึกตัว ร่างบางหน้าซีดทันทีเมื่อเขาข่มขู่อย่างนั้นและก็ทำท่าจะคัดค้านเขาอีกแต่เขาก็ชิงพูดก่อน “ คุณนอนเตียงนี่แหล่ะ ส่วนผมจะนอนโซฟาตรงนั้น ” เขาชี้ไปอีกมุมห้องที่มีโซฟาปรับให้เป็นที่นอนอีกทีตัวยาวพร้อมผ้าห่มและหมอน ร่างบางมองหน้าเขาอย่างขอบคุณ “ ตะแต่ว่าคุณเป็นผู้ชายนะ ” “ เฮ้อ ให้ได้ยังงี้สิ คุณจะเอายังไง งั้นผมไปนอนห้องทำงานก็ได้ ” เขาทำเสียงหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องทำงานที่ประตูเชื่อมกับห้องนอน ร่างบางที่จะพูดก็ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง นิสัยแย่จริงๆ บ้านก็บ้านเขา ที่นอนก็ที่นอนเขา ยังมาแย่งเขาอีก.... หล่อนเดินไปนั่งตรงโซฟาที่ที่เขาเตรียมไว้สำหรับนอน ก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังห้องที่ชายหนุ่มเพิ่งหายเข้าไป “ ก็อกๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่ภวิชกำลังพิมพ์งานอยู่หน้าคอมเขาเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นการโผล่หัวเข้ามาของมินตราทำให้เขาละสายตาจากหน้าจอมองหน้าเธอ “ อะไรอีก ผมบอกแล้วไงว่านอนนี่ก็ได้คุณจะได้สบายใจ ” ร่างบางค่อยๆก้าวผ่านประตูเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ปิดไว้ “ ฉันจะบอกคุณว่า คุณนอนที่เตียงก็ได้นะคะ ฉันจะนอนที่โซฟาเอง ถึงยังไงมันก็เป็นห้องของคุณ ฉันไม่อึดอัดหรอกค่ะ ” หล่อนโกหกออกไปว่าไม่อึดอัดอย่างน้อยก็เกรงใจผู้ให้ที่อยู่แถมช่วยชีวิตไว้อีกต่างหาก ภวิชเอนกายพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจ “ มินตรา คุณนี่มัน...จิ๊ ...จริงๆเลยนะ คุณนั่นแหล่ะนอนที่เตียงผม แล้วอย่ามีปัญหาอีกไม่งั้นผมจะจับคุณโยนออกนอกห้องแล้วส่งให้ลูกน้องผมซะ เข้าใจไหม แล้วก็ไปนอนได้แล้ว ” เขาพูดทำเสียงจิ๊จ้ะขัดใจ เสียงไม่ดุมากแต่ก็จริงจังจนคนที่ฟังหน้าง้ำงอก่อนจะพยักหน้าโดยไม่มีข้อโต้แย้งแล้วปลีกวิเวกตัวเองไปยังเตียงนอนอย่างเสียไม่ได้ หยิบผ้าห่มขึ้นคลุมกาย การพยายามเพื่อข่มตาให้หลับดำเนินไปเกือบเที่ยงคืน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่นอนตรงโซฟาจะเดินไปนอนตรงนั้นสักที หล่อนก็ยิ่งนอนไม่หลับ เสียงประตูที่เชื่อมต่อห้องทำงานและห้องนอนถูกบิดออกอย่างแผ่วเบาร่างบางหลับตาลงทันที...ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมบิดกายเล็กน้อยนวดคอนิดๆ ถอนหายใจออกมา เขาเพิ่งคุยงานกับผู้จัดการที่อยู่ต่างประเทศโดยผ่านวิดีโอคอลก่อนที่สายชลจะโทรมารายงานผลให้ทราบ ว่าได้ส่งสี่คนนั้นไปนรกเรียบร้อยแล้วโดยการซ้อมก่อนจะจับยัดใส่ถุงกระสอบโดยมัดมือและเท้าก่อนจะโยนลงทะเล ให้ตายอย่างทรมาน เขาไม่ได้อยากฆ่าใครจริงๆแต่พวกมันคิดจะฆ่าเขาก่อนนี่ยังคิดไม่ตกเรื่องพ่อของมินตรา เขามีส่วนจะกำจัดเขาด้วยหรือเปล่า ชายหนุ่มคิดอย่างกลุ้มก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาซึ่งวันนี้มันกลายเป็นที่นอนที่เขาไม่เต็มใจสักนิด อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองร่างบางที่หลับตาพริ้ม เขากระชับผ้าห่มให้คลุมตัวหล่อนอย่างเบามือ คนใต้ผ้าห่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของชายหนุ่มตรงหน้าใจก็เต้นแรงทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนี้บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่นอนคือหล่อนรู้สึกดี ดีมากๆ จากนั้นภวิชก็นวดๆ ไหล่ให้ตัวเองก่อนจะค่อยๆเอนกายลงด้วยความอ่อนล้า เขายังคงลืมตากว้างร่างบางคอยแอบลืมตามองเป็นพักๆก็เห็นเขายังคงนวดขรึงที่ไหล่อยู่จนในที่สุด ก็ทนพยายามหลับไม่ได้แล้วจึงค่อยๆลุกจากที่นอนทำให้ร่างสูงหันมามอง “ มีอะไรหรือเปล่า? ” เขาถามเมื่อเห็นว่าอยู่ๆหล่อนก็ลุกขึ้น แล้วเดินตรงมาหาเขา จนภวิชค่อยๆยัดตัวขึ้นนั่งเมื่อหล่อนมาหยุดตรงหน้าเขา “ เมื่อยมากไหมค่ะ ” คิ้วเขาขมวดเมื่อหล่อนตื่นขึ้นมาเพื่อตั้งคำถามกับเขางั้นหรอ “ คุณไปนอนเถอะ นิดหน่อยเท่านั้น ” เขายังคงใช้มือซ้ายมากดที่ไหล่ขวาให้ตัวเอง แล้วก็ต้องหันมองร่างบางเมื่อมือนิ่มๆจับมือของเขาออกแล้วแทนด้วยมือของหล่อนที่นวดไหล่ให้เขาแทน ใจสั่นไหวเหลือเกินสัมผัสอ่อนโยนแค่นี้มันทำให้เขาทำอะไรแทบไม่ถูกอุตส่าห์พาตัวเองให้อยู่ไกลๆจากเธอแล้วเชียวแต่ดูเธอสิ มาใกล้เขาแบบนี้ ถ้าเขาต้องการ....เธอจะทำยังไง “ น้ำหนักแค่นี้พอไหมค่ะ ” “ อืม ” เขาไม่ตอบอะไรนอกจากนั้นนั่งนิ่งๆให้หล่อนขยับนิ้วบีบนวดไปมา ใจเขานั้นหล่อร้อนรุ่มจนลืมความปวดเมื่อยเสียแล้ว "พอแล้วหล่ะ ขอบใจมาก นอนเถอะดึกแล้ว " เขาจับมือนุ่มของหล่อนให้หยุดนวดแล้วหันไปอมยิ้มให้หญิงสาวจนหล่อนยิ้มตอบ “ ขอบคุณนะค่ะคุณภวิช ” “ วันนี้คุณขอบคุณผมกี่ครั้งแล้ว ขอเป็นอย่างอื่นบ้างได้ไหม ” เขาส่ายหัว ที่วันนี้ทั้งวันได้ฝังคำขอบคุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน “ แล้วคุณอยากได้อะไรค่ะ? ” หล่อนทำหน้าสงสัยจนเขาส่ายหัวซื่อจริงๆ ถ้าเขาบอกอยากได้เธอ เธอจะให้เขาไหมหล่ะ เขาคิดต่อในใจ “ คุณคงให้ไม่ได้หรอก ” “ ก็แล้วมันอะไรหล่ะค่ะ ฉันอาจให้คุณได้นะ ” หล่อนยิ้ม และไม่นานร่างบางก็ถูกกระชากลงมานั่งที่ตักเขาพร้อมฝ่ามือที่ประครองข้างแก้มทั้งสองของหล่อนตามด้วยริมฝีปากหน้าที่บดเร่าร้อน “ อะ อืม อือ ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขาแต่ก็รู้สึกเหมือนโลกเบาหวิว เมื่อความรุนแรงตอนแรกเริ่มแผ่วบางและเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขาขบริมฝีปากให้หล่อนรู้สึกนิดๆและยอมเปิดปากให้เขาได้ชิมความหอมหวาน ลิ้นอุ่นชำนาญกวาดหาเรียวลิ้นที่พยายามหนีให้พร้อมใจร่วมมือไปกับจูบของเขา หญิงสาวเริ่มหวามไหวและหมดแรงดิ้นรนต้องยอมให้เขาขโมยจูบ ตัวเธอเองหมดเรี่ยวแรงเหมือนถูกเขาสูบเอาวิญญาณออกจากร่าง ภวิชต้องรีบถอนตัวออกมาก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้ เขาต้องอดทน เพื่อให้เธอเต็มใจเพราะรักเขาจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายแทบแหลกสลายเพราะอารมณ์ที่ก่อตัว ยิ่งตาหวานเยิ้มเขายิ่งแทบขาดใจ “ คุณ ขโมยจูบฉันอีกแล้วนะ ” หญิงสาวพยายามจะลุกหนีแต่ด้วยความที่ไม่มีแรงบวกกับมือแกร่งที่โอบหล่อนทำให้ขยับไม่ได้ “ แค่จูบยังไม่ได้ปล้ำซักหน่อย ” เขาพูดหน้าตายพร้อมช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วตรงมาที่เตียง ร่างบางเริ่มมีสติกลับมา นี่เขาจะทำอะไรคงไม่ได้จะปล้ำหล่อนหรอกนะอาการหวาดกลัวทำเอาภวิชยิ้มในหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมแขน “ ผมไม่ได้ทำอะไรแค่จะส่งคุณถึงที่ เท่านั้นเอง ” เขาวางร่างบางลงบนเตียงแต่แทนที่เขาจะลุกเขากลับโน้นตัวล็อคหล่อนไว้อีกครั้ง หญิงสาวพลิกหน้าหันซ้ายและขวาให้หนีจากใบหน้าเขา “ นอนได้แล้วค่ะฉันง่วงแล้ว ” เธอคว้าผ้าห่มขึ้นหมายจะคลุมโปรงแต่โดนมือหนาคว้าไว้ก่อน “ งั้นผมนอนนี่ ” เขาทำท่าจะขึ้นเตียง “ ไม่ได้นะคะไหนคุณบอกจะนอนนั่นไง ไปนอนที่คุณสิ ” “ ฮ่าๆๆ ” เขาหัวเราะอีกครั้งรอยยิ้มนี้ ทำให้เธอใจสั่นแรงทุกทีสิน่า “ นึกว่าจะไม่พูดกับผมซะแล้ว ” ใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบพูดเสียงอ่อนโยนและน่าฟัง ตามด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนที่เขาจูบตรงหน้าผาก และเมื่อเธอเผลอเขาก็จูบปากเธอบางเบาอีกครั้งก่อนจะพูดเบาๆแล้วลุกจากไปด้วยคำว่า “ ฝันดีนะครับ มิน ”เช้ามืดวันต่อมาที่หล่อนค่อยๆปรือตารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อทำท่าจะลุกจากที่นอนก็รู้สึกถึงมีบางอย่างทับอยู่ที่หน้าท้องของเธอพร้อมเสียงลมหายใจเธอจึงค่อยๆหันมามอง “ เปี้ยะ นี่คุณ! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ” มินตราลุกขึ้นเขย่าตัวเขาแรงๆ เจ้าเล่ห์จริงๆมานอนกอดหล่อนได้ยังไง “ อะอืม เช้ามืดอยู่นะคุณจะปลุกผมทำไมเนี่ย ” เขาทำน้ำเสียงหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาพลางควานหานาฬิกาแล้วหลี่ตาขึ้นมอง ตีห้า โอ้ย แม่คุณจะรีบรู้สึกตัวทำไมเนี่ย เขาเข่นเขี้ยวในใจ มือเขาถูกเจ้าหล่อนผลักออกจากตัว “ ทำไมคุณทำแบบนี้ไหนบอกจะนอนที่โซฟาแล้วมานอนที่เตียงได้ยังไง ” หล่อนโวยวายพร้อมดึงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งสัปหงกตามแรงดึงที่ทำให้เขาลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ลืมตา ผมที่ตั้งๆชี้โด่วชี้เด่ เพราะนอนพลิกตัวตั้งนานไม่หลับสักทีเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสี่ซึ่งเขาเพิ่งจะได้นอนเองก็เพราะแอบชำเลืองมองร่างบางจนเห็นว่าหล่อนหลับสนิทนั่นแหล่ะเขาถึงย่องมา ซุกหัวที่เตียงอย่างเคยเพราะเมื่อยตัวที่ต้องนอนบนโซฟามันจะสู้นอนเตียงได้อย่างไร “ ผมก็นอนแล้วไง! แต่มันปวดตัวนี่ อีกอย่างเตียงออกจะกว้างอย่า งกนักเลยน่า พอๆเลย ไม่ต้องบ่นแล
รถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านของมินตรา ตลอดการเดินทางมินตรารู้สึกตัวตื่นและหลับไปหลายต่อหลายครั้ง เขาพาเธอแวะพักทานข้าวโดยที่ตอนแรกเธอไม่ยอมเพราะอยากกลับบ้าน แต่ภวิชก็พะเน้าพะนอลากเธอให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งมันคือข้าวกลางวันของเขาและเธอในเวลา 2 ทุ่ม “ นี่คุณ! ฉันจะรีบกลับบ้านนะ ฉันไม่หิว คุณอยากกินก็กินคนเดียวสิคะลากฉันมาทำไม ” “ มินตรา คุณไม่หิวแต่ผมหิว ให้ผมกินคนเดียว ผมกินไม่ลงหรอกแค่กินข้าวเป็นเพื่อนผมมันคงไม่ลำบากคุณมากเกินไปหรอกมั้ง ” เขาไม่สนใจอาการฟึดฟัดของคนตรงหน้าสักนิดแถมยังตักอาหารใส่จานหล่อนจนในที่สุดคนหน้างอก็ต้องตักเข้าปากตามใจเขาอีกจนได้ “ ก็แค่นั้น ” เขาพูดอย่างพอใจ เมื่อทานข้าวกันเสร็จก็เดินทางอีกครั้งและมินตราก็หลับอีกครั้งโดยมีหมอนหนุนเป็นแบบพิเศษนั่นคือตักของภวิช ภวิชหยุดห้วงความคิดที่เพิ่งไปทานข้าวกับเธอพร้อมมองปัจจุบันคือเวลานี้ที่รถจอดสนิทหน้าบ้านมินตรา เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้ ทัชมองเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่มองออกนอกกระจกไปยังตัวบ้านของคนที่เขามาส่ง ไม่มีทีท่าว่าจะปลุกหล่อนขึ้นมา ภวิชถอนหายใจอย่างหนัก ที่มาถึงบ้านหล่อนแล้ว เขาไม่อยากป
“ นี่คุณทำอะไรของคุณ มาดึงมือฉันทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องฉันกำเริบขนาดไหน ” หญิงสาวสาดเสียงใส่ชายหนุ่มผู้ที่เธอเสียจูบแรกให้เขาและยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุม “ เห็นสิมิน ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโมโหใครเขาจะฟัง เรื่องของน้องกับพ่อของคุณพักไว้ก่อนดีกว่าส่วนคุณมากับผมเลย ” ภวิชฉวยโอกาสฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามเขาถึงแม้จะขัดขืนแต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ได้ “ นี่!!คุณภวิชค่ะ คุณจะพาฉันไปไหน ” “ ถามมากจริง จิ๊ เดี๋ยวถึงที่ก็รู้เองไม่ต้องห่วงตอนนี้ผมยังไม่......อยาก ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายหงุดหงิดแต่เปล่าหรอกแค่วางฟอร์มเท่านั้นก่อนจะใช้สายตามองหล่อนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ยิ้มนิดๆที่มุมปากซึ่งหล่อนเห็นว่ามันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ และจบท้ายด้วยการเน้นเสียงที่ปลายประโยค คำว่า. ' อยาก ' เธอไม่ได้ซื่อถึงขนาดที่ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ กรี้สสสสส หื่น.. นี่คุณโรคจิตหรือไงห๊า ” “ ฮ่าๆๆ ผมเป็นผู้ชายนี่ เจอสาวๆ ก็ต้องมีบ้างแต่วางใจได้ผมไม่ทำแน่นอนถ้าผู้หญิงไม่สมยอม รับประกัน!! ได้เลย บ่นมากเดี๋ยวจับปล้ำตรงนี้ซะนี่ ” เขาหัวเราะเสียงดังในขณะดันหญิงสาวให้เข้าไปนั่งประจำที่พร
“ กรี๊ด คุณภวิช นี่คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย อร้ายยยยฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกคุณหรอกนะ ” มินตรากรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่อง เมื่อคืนหล่อนเผลอหลับไปที่คอนโดของเขาที่ลากเธอไปพอสายๆของวัน เขาก็ลากเธอมา เล่นเกมส์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ชื่อเกมส์ IDPA คือเกมส์ยิงปืนเพื่อฝึกการป้องกันตัว เหมือนสถานการณ์จริงแต่ลูกกระสุนไม่ใช่ของจริง แต่ไหงกลายเป็นเธอที่ต้องโดดเดี่ยวด้วย “ ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง ก็แค่เกมส์เองหน่ะมิน คุณจะซีเรียสทำไม ” ภวิช สวมถุงมือหนังสีดำ ชุดกันกระสุนกางเกงขายาว การแต่งกายเหมือนตำรวจชุดสืบสวนเหมือนที่เธอชอบดูหนังฝรั่ง เขาเก็บโทรศัพท์ยัดเข้าล็อคเกอร์พร้อมล็อคกุญแจแล้วโยนให้ทัชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ กฤษ นายบอกให้เขาจัดทีมให้แข่งกับเราพร้อมแล้วใช่ไหม ” “ ใช่ครับ ” “ แล้วไหนคุณบอกเล่นเกมส์ เล่นเกมส์บ้าอะไรหน้าที่ฉันเป็นตัวประกันนี่อ่ะนะ ต้องใส่หมวกอะไรด้วยก็ไม่รู้ แล้วมันใส่ยังไงเนี่ย ” เธอบ่นอย่างหัวเสียเกมส์อะไรจับมาเธอมามัดให้ยืนอยู่กลางแจ้งเนี่ยนะ บ้าชัดๆ ได้ยิงบ้างคงดีนี่ไม่มีสิทธิ์ได้สู้เลย หน้าง้ำงอของหญิงสาวทำให้ภวิชยิ้มกว้างหล่อนพยายามจะสวมเสื้อกันกร
“ เจ้านายครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” ทัชบอกเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมสนามพร้อมหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง “ อืม รู้แล้ว ” “ คุณมินตราครับ เชิญตามผมมาทางนี้ครับ ” มินตราจู่ๆขาก็แข็งก้าวไม่ออกซะงั้นเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ถูกสร้างจำลองเหตุการณ์แต่กลับเป็นเหมือนสถานการณ์จริงแถมรอบๆที่ดูน่ากลัววังเวง เริ่มตกเย็นแล้วด้วยเพราะก่อนลงสนามนี่เขาก็บอกกติกาและวิธีการเล่นก็เสียเวลาไปนานพอสมควร “ คุณเป็นอะไรรึเปล่ามิน ” เขาถามเมื่อเห็นเธอหน้าซีดเล็กน้อย “ ปะเปล่าค่ะ ” “ คุณไปเตรียมตัวตัวสิ ผมจะไปส่ง ” ภวิชกล่าวขึ้น “ มาสิมิน ” เขาเร่งเมื่อเธอไม่ยอมเดินตามมา “ คะ ” ระหว่างทางที่เดินไม่มีการพูดคุยกันภวิชลอบมองสีหน้ากังวลของเธออยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอจะเอ่ยปากอะไรกับเขาเมื่อถึงแท่นแสตนที่มีเสาอยู่ต้นนึง แสตนสูงที่ทำจากเหล็กมินตราพยายามทำใจให้กล้าอย่าไปกลัวมันก็แค่เกมส์ “ ถ้างั้นผมไปประจำที่ก่อนนะ ” “ ดะเดี๋ยวค่ะ มันเป็นแค่เกมส์ใช่ไหมไม่อันตรายใช่ไหมคุณจะมาช่วยฉันได้แน่ๆใช่ไหม ” เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันทีที่เขาหันหลังจะก้าวกลับไปทางเดิมภวิชมองมือบางเล็กที่จับแขนเขาไว้พร้อมพ
มินตราถูกตรึงมือเข้ากับเสาปูนต้นนึง ผ้าปิดปาก......บ้า เกมส์บ้าอะไรพาเธอมาทารุณชัดๆ ' คุณวิช.. คุณหายไปไหนเนี่ยนานไปแล้วนะ.....' มินตราเกิดใจหวั่นเล็กน้อยในใจยอมรับเลยว่ากลัว เหตุการณ์ในอดีตนั้นเธอจำได้ไม่ลืม เหตุการณ์วันนั้นวันที่เธอถูกคนของเสี่ย ชัย จับไป แต่โชคดีที่วันนั้นเธอเอาตัวรอดกลับมาได้ต้องหลบหัวซุกหัวซุนไปหลายที่เลย “ ปังๆๆๆๆ ” เสียงปืนดังขึ้นบ่อยและหลายต่อหลายครั้งทำให้ความคิดในอดีตต้องหยุดลง มินตรารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มอาจกำลังมาช่วยเธอ ฟ้าเริ่มมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วเธอถูกมัดอยู่ในโกดังที่มีเพียงแสงไฟสีส้มจางๆ สาดส่องเข้ามาก็เท่านั้น ฝั่งภวิช ชายหนุ่มมีเหงื่อท่วมตัว ให้ตายสิคราวนี้ลำบากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าเลย มีทั้งระเบิดทั้งเอฟเฟคนี่มันพอๆกับทำสงครามมากกว่าป้องกันตัวละมั้ง “ กฤตฉันบอกให้นายโทรมาบอกเขาแล้วไม่ใช่หรอแล้วใครเลือกระดับบ้าบอนี่ห๊ะ.....” ภวิชสบถอย่างหัวเสีย ถ้าวันปกติเขาคงไม่เท่าไหร่แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้วะวันนี้มินตราอยู่กับเขาลูกน้องก็ได้ใจจริงจริ้งจัดด่านยากให้เขาถึงตัวมินตราได้ช้าขึ้น ฉันควรตบรางวัลให้นา
“ มิก เห้ยมึงช่วยกูหน่อยไม่ได้ไงว่ะ วันนี้ไอ้ซันไม่มาจริงๆนะเว้ย ” เพื่อนของรณภพที่เป็นนักดนตรีขอร้องให้รณภพช่วยเล่นกีต้าร์ให้เพราะเพื่อนเกิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันถ้าไม่มีการเล่นโฟคซองวันนี้เขาต้องโดนผู้จัดการเล่นงานแน่ๆ “ ไม่เอาเว้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ กูเป็นแค่บาร์เทนเดอร์ พอ! ” “ โห่ว กูก็แค่ขอให้มึงมาเล่นโฟคซองแทนกูแค่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวกูหาเพื่อนมากู ขอแค่ชั่วโมงให้มึงมาแทนแค่นี้ไม่ได้ใช่ไหมไอ้มิก ” “ ไอ้เปรี้ยว มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปทำตัวให้ใครเห็นหน้ากู ” “ ก็กูรู้ไงไอ้มิก กูถึงขอมึงแค่ชั่วโมงเนี่ยถ่วงเวลาเล่นให้กูก่อนเดี๋ยวกูหาคนมาเล่นแทนไอ้ซันเอง มึงช่วยกูไม่ได้หรอ ” รณภพกำลังเจรจากับเพื่อน จะเรียกว่าเจรจาก็คงไม่ใช่เรียกว่าพยายามปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนตัวเอง มากกว่า “ แล้วถ้ากูไม่ช่วยมึงหล่ะมึงจะทำไง ” “ ก็ไม่ทำไง มึงก็รู้พี่เอ้ดุจะตายกูก็แค่โดนไล่ออก ” ชายหนุ่มอีกคนสบถเบาๆ พี่เอ้คือผู้จัดการที่ใครๆก็รู้ว่าไนท์คลับนี้พี่เอ้เป็นคนเข้มงวดขนาดไหน วงดนตรีของเปรี้ยว ถูกจ้างให้มาเล่นด้วยบทเพลงที่ทั้งร็อคและอ่อนหวานทำให้คนสนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไ
“ ฮิ้ว อิจฉาว่ะแก มีคนหล่อๆมาร้องเพลงให้ด้วย ” เพื่อนสาวเอ่ยปากแซวภัสสร เมื่อได้ยินศิลปินหนุ่มที่ร้องเพลง เรียกชื่อเพื่อนของเธอ “ บ้าน่าแก ” ภัสสรตีมือเพื่อนแต่ยิ้มเขินอาย ก็จะไม่เขิลได้ไง คนบ้าอะไรโครตเท่ห์เลยตอนแรกแค่ปลื้มเท่านั้นที่ช่วยไว้แต่คราวนี้ชอบเลยบอกตรงๆ....หญิงสาวคิดในใจ.....เมื่อเพลงจบทั้งเสียงกรี๊ดเสียงแซวกระหน่ำไม่ขาดสายรณภพส่ายหัวเบาๆ ก้าวลงเวที พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ นาย! ” เสียงใสๆที่ดังเข้าโซนประสาททำให้รณภพหันไปมอง “ ฟึ่บ โครตเท่ห์เลยอะ น่ารักจัง ! ” เธอวิ่งมากระโดดโอบกอดเขาทำเอารณภพนิ่งเลยทีเดียว... “ นี่เธอ อะไรของเธอ อีกแล้วนะ เธอทำแบบนี้กับฉันอีกแล้วนะ ” เขาปลดมือที่โอบรอบคอของเขาออก แต่ให้ทิ้งข้างลำตัว ตอนที่ร้องเพลงเขามองลงไปตรงโต๊ะเจ้าของวันเกิดพบดวงหน้ามนพลางคิดว่าโลกคงไม่กลมขนาดที่จะเจอผู้หญิงที่ปั่นป่วนไปของคุณเขาถึงที่ห้องหรอกนะ “ แบบไหนหรอ? ” เธอเอียงหน้าถามอย่างน่าหมั่นเขี้ยวนัก “ ก็แบบ! ” เขาพูดเสียงห้วนคิ้วขมวดเข้าหากัน อะไรที่ควรเข้าใจไม่เข้าใจ.....ให้มันได้อย่างนี้ดิ! มันน่านัก “
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์