ผู้บริหารระดับสูงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพูดปิดการนำเสนอข้อมูล ก่อนที่จะเหลือบมองดูอี้ จิ่นหลีอย่างระมัดระวัง โดยกลัวว่าการนำเสนอของเขาจะไม่ได้มาตรฐานบรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียดมากขึ้นทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทุกคนในห้องประชุมต่างมองไปที่โทรศัพท์สองเครื่องที่วางอยู่ตรงหน้าอี้ จิ่นหลีผู้บริหารระดับสูงของอี้ กรุ๊ปรู้ว่านายน้อยอี้มีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องแรกคือโทรศัพท์รุ่นลิมิเต็ดระดับไฮเอนด์ที่มีราคามากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ในขณะที่อีกรุ่นหนึ่งเป็นโทรศัพท์ราคาถูกที่ผู้คนสามารถหาได้ทุกที่ในเมืองนายน้อยอี้มักจะทะนุถนอมโทรศัพท์ราคาถูกเครื่องนั้น แม้ว่ามันจะไม่เคยส่งเสียงดังเลยก็ตามทว่า ตอนนี้กลับมีสายเรียกเข้าในโทรศัพท์เครื่องราคาถูกพวกเขาเห็นท่าทางการแสดงออกของนายน้อยอี้ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตอบรับต่อหน้าทุกคน ครู่ต่อมา พวกเขาได้ยินนายน้อยอี้พูดว่า “เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ... ได้ ส่งรูปถ่ายของพวกเขาและตำแหน่งที่อยู่ล่าสุดของพวกเขามาให้ฉัน ฉันจะให้คนตรวจสอบให้”ทุกคนในห้องประชุมรู้สึกประหลาดใจ‘ขอร้อง? นายน้อยอี้เคยสนใจใครที่ไหน? อย่
หลิง อี้หรานเม้มปาก ถอนหายใจและถามขึ้นว่า “เขาอยู่ไหนคะ?”“ถ้าคุณต้องการพบนายน้อยอี้ เชิญคุณหลิงลงมาที่ชั้นล่างได้เลยครับ ผมจะพาคุณไปหานายน้อยอี้เอง” เกา ฉงหมิงบอกหลิง อี้หรานตกใจและไม่คิดว่าเกา ฉงหมิงจะรออยู่ชั้นล่าง ‘อี้ จิ่นหลี… ต้องการให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม?’‘เขารู้อยู่แก่ใจว่าเธอจะขอร้องเขาให้พาพี่โจวกับอาหยันออกมา ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เกา ฉงหมิงมารออยู่ที่ชั้นล่างใช่ไหม?’ทันใดนั้น หลิง อี้หรานก็รู้สึกถึงตาข่ายบางอย่างที่ครอบงำตัวเธอไว้ จนเธอไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้!“เข้าใจแล้วค่ะ” หลิง อี้หรานพูดก่อนจะวางโทรศัพท์เมื่อเธอกลับมาที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานของเธอก็เริ่มทยอยออกจากสำนักงานเพราะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว หลิง อี้หรานเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วและออกจากบริษัทไป เมื่อเธอลงมาที่ชั้นล่าง เธอเหลือบเห็นรถสีเทาจอดอยู่ตรงข้ามกับตึก ทันใดนั้น เกา ฉงหมิงก็ก้าวออกมาหลิง อี้หรานเดินเข้าไปหาเขา เกา ฉงหมิงจึงเปิดประตูเบาะหลังให้เธอ “คุณหลิง เชิญครับ”เธอขึ้นรถไปกับเกา ฉงหมิง จากนั้นรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆไม่ไกลนัก หลายคนที่แอบซุ่มดูเริ่มทยอยออกมาจากตัวอาคาร หลังจากเห็นฉา
หลิง อี้หรานตกใจกับคำว่า ‘จองทั้งร้าน’ แม้ว่าตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจตระกูลอื่นในเมืองเฉินจะต้องการจองร้านอาหารทั้งร้านเช่นนี้ แต่ร้านอาหารก็ไม่เคยยินยอมมีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ จิ่นหลีถึงต้องลงทุนจองร้านอาหารทั้งร้านแบบนี้ด้วยเธอเดินตามเกา ฉงหมิงไปที่ชั้นสามและเห็นอี้ จิ่นหลีกำลังมองดูเมนูในมือ เขานั่งอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ มันเป็นเพียงโต๊ะตัวเดียวในห้องโถงใหญ่ ทันทีที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอดวงตาสีเข้มเป็นประกายในขณะที่ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างสดใส ท่าทางของเขาในตอนนี้อาจทำให้ใครหลายคนอาจประทับใจได้ เป็นรอยยิ้มที่ยากจะลืมเลือน‘นี่คือสิ่งที่พวกเขาเคยพูดกันว่าแค่สบตาเพียงครั้งเดียวก็จดจำไปชั่วนิรันดร์ใช่ไหม?’หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าและเดินไปหาอี้ จิ่นหลี “ฉันมาแล้ว ฉันต้องการให้คุณช่วยพี่โจวกับอาหยันน้อยจากเย่ เหวินหมิง ได้ไหม?”อี้ จิ่นหลียิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่งลงก่อน”หลิง อี้หรานเม้มปาก ขณะที่เกา ฉงหมิงดึงเก้าอี้ของเธอออกมาเธอลังเลก่อนจะนั่งลง จากนั้น อี้ จิ่นหลีก็ยื่นเมนูให้เธอและพูดว่า
‘แล้วฉันได้ครอบครองพื้นที่ในหัวใจของเธอบ้างไหม?’‘ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้มันคือความรู้สึกหึงหวงใช่ไหม?’“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เธอจะมาหาฉันไหม?” เขาถามขณะจ้องมองเธอเธอเงียบและไม่พูดอะไร แต่การเงียบของเธอนั้นคือคำถามแล้วบรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นโชคดีที่พนักงานเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหาร ราวกับภาพถ่ายในนิตยสารอาหารทว่า หลิง อี้หรานไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิด ทั้งหมดที่เธอนึกถึงมีเพียงพี่โจวและอาหยันน้อยเท่านั้น‘ถ้าเย่ เหวินหมิงต้องการพรากอาหยันน้อยไป...’ หลิง อี้หรานนึกถึงครั้งล่าสุดที่โจว เชียนหยุนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บ‘เย่ เหวินหมิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหยันน้อยมีตัวตนอยู่ พี่โจวไม่อยากเกี่ยวข้องกับเย่ เหวินหมิงจนทำร้ายตัวเอง แล้วครั้งนี้...’หลิง อี้หรานไม่อยากจะจินตนาการต่อไป“กินสิ” เสียงเย็นชาของอี้ จิ่นหลีดังขึ้น นิ้วยาวหยิบตะเกียบที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะคีบอาหารไปใส่ในชามของหลิง อี้หราน “ลองดูสิ อร่อยมาก”หลิง อี้หรานพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณช่วยพาพี่โจวกับอาหยันน้อยออกไปก่อนได้ไหม? อี้ จิ่นหลี ฉันขอร้องล่ะ ได้ไหม? ฉันก
เขาเคยพูดว่าสักวันหนึ่งเธอจะขอร้องเพื่อเป็นพี่สาวของเขาอีกครั้งแน่นอนว่าทุกสิ่งที่เขาพูดย่อมเป็นจริง!เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ฉัน… ฉันจะเป็นพี่สาวของคุณ เพราะงั้นคุณช่วยพี่โจวกับอาหยันน้อยจากเย่ เหวินหมิงได้ไหม? จากนั้นส่งคนมาปกป้องพวกเขา อย่างน้อย... เย่ เหวินหมิงก็ไม่สามารถแตะต้องตัวพวกเขาได้!”มันเป็นการตัดสินใจของเธอ หนทางเดียวที่เธอจะสามารถปกป้องพี่โจวกับอาหยันน้อยได้ คือการตกลงยินยอมเป็นพี่สาวของอี้ จิ่นหลี่ ถ้าเธอปกป้องพวกเขาได้ เธอก็เต็มใจที่จะทำมันพี่โจวยื่นมือมาช่วยเธอทุกครั้งที่เธอมีปัญหา ในขณะที่อาหยันน้อย... บริสุทธิ์มากจนเธอรู้สึกอยากปกป้องเขา!“แน่นอน” เขาพูดพร้อมกับยกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา กดหมายเลขของเกา ฉงหมิงและสั่งงานเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิง อี้หราน “พอใจหรือยัง?”“จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าพี่โจวกับอาหยันน้อยออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว?” เธอถาม“คงไม่นานมาก พอแล้ว มากินข้าวกันเถอะพี่สาว” เขาพูดอย่างอ่อนโยนและยิ้มให้เธอเหมือนเคยหลิง อี้หรานตัวสั่นและหยิบตะเกียบของเธอขึ้นมาอย่างแข็งทื่ออาหารเหล่านี้อร่อยแต่เธอกลับพบว่ามันจืดชืด เพราะเธอ
เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณจะย้ายมาที่นี่เหรอ?”“มีอะไรหรือเปล่า? เราก็เคยอยู่ด้วยกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ?” เขาถามกึ่งขบขัน‘แต่มันจะเหมือนเดิมได้ยังไง?’ หลิง อี้หรานเม้มริมฝีปากบางเข้าด้วยกัน เธอไม่รู้จะตอบอะไรจนเวลาผ่านไปสักพัก “หรือว่าพี่ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ พี่สาว?” เขาถามขณะก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ แก้มขอเธอลมหายใจของเขารดโรยรินอยู่บนใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเขาเป็นเหมือนกันผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า ตอนนี้เธออยู่ใกล้เขามากจนสามารถมองเห็นขนตาของเขาได้เธอต้องการเบือนหน้าหนีเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของเขาทว่า เรียวนิ้วยาวกลับจับคางของเธอเอาไว้เพื่อบังคับให้เธอมองมาที่เขา“เป็นอะไรไป? ตอบยากนักเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชา ดวงตาสีดำนิลจ้องมาที่เธอ ราวกับต้องการมองทะลุผ่านเข้ามาในตัวเธอ “เธอเสียใจเหรอ? เสียใจที่ต้องตอบตกลงเพราะโจว เชียนหยุนใช่ไหม?”“ฉัน… จะไม่เสียใจ ฉันแค่ไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง… รวดเร็วแบบคุณ อี้ จิ่นหลี ฉันแค่อยากให้คุณให้เวลาฉันทำความคุ้นเคยอีกครั้ง ได้ไหม?” หลิง อี้หรานพูดอย่างขมขื่นน้ำเสียงของเธอแทบจะอ้อนวอน ในขณะที่แววตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ “ถ้านี่เป็นคำขอของเธอ
โจว เชียนหยุนจำได้ว่าหลิง อี้หรานเคยเล่าให้เธอฟังว่าเธอพบอี้ จิ่นหลีได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องนี้มาบ้างย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอคร่ำครวญว่าโชคชะตานำพาคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาอยู่ด้วยกันได้อย่างปาฏิหาริย์แต่ว่าตอนนี้เธอกลับเริ่มสงสัยว่าชะตากรรมดังกล่าวอาจเป็นความหายนะหรือไม่“เธอไม่จำเป็นต้องทนทรมานเพื่อฉันแบบนี้!” โจว เชียนหยุนพูดด้วยความรู้สึกผิด“มันไม่ใช่เกี่ยวกับพี่ พี่โจว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิด อี้ จิ่นหลีพยายามทำให้ฉันกลายเป็นพี่สาวของเขาอีกครั้ง ต่อให้ไม่ใช่เพราะพี่ แต่ก็คงเป็นเพราะเรื่องอื่นอยู่ดี” หลิง อี้หรานพูดตราบใดที่อี้ จิ่นหลีตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้ว เขามักจะทำมันให้สำเร็จต่อให้เธอปฏิเสธเขาได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่เธอจะหนีจากเขาไปได้สักกี่หน? บางทีการปฏิเสธของเธออาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกมเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกท้าทายมากยิ่งขึ้น“แต่ว่า...” โจว เชียนหยุนอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้“พี่โจว อย่างน้อยพี่กับอาหยันน้อยก็สามารถอยู่ในเมืองเฉินได้ต่อไปโดยไม่ต้องกังวลอะไร ฉันเป็นอดีตนักโทษที่ได้รับการล้างมลทินให้ชื่อของตัวเองแล้วก็จริง แต่ฉันเป็นเพียงผู้ช่วยทนายตั
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะช่วยพี่เอง แค่เตรียมตัวให้พร้อม และอย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป” หลิง อี้หรานพูด“ขอบใจนะ อี้หราน” โจว เชียนหยุนพูดถ้าไม่ใช่เพราะอี้หราน เธอก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปและเธอคงไม่สามารถหนีมาจากเย่ เหวินหมิงได้!หลิง อี้หรานเดินจากโจว เชียนหยุนมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเธอไม่ได้บอกโจว เชียนหยุนว่าถ้าเย่ เหวินหมิงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิ์เลี้ยงดู เขาก็มีโอกาสที่จะชนะคดีเพราะโจว เชียนหยุนมีชีวิตที่ไม่มั่นคงและเป็นอดีตนักโทษ ในขณะที่เย่ เหวินหมิงเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในเมืองเอส และดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีประวัติที่เสื่อมเสียหรือเสียชื่อเสียงมาก่อน เขาสามารถทำให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ตอนนี้ยังมีข่าวลือว่าเย่ เหวินหมิงและคง จื่ออินกำลังจะแต่งงานกันครอบครัวปกติมีข้อได้เปรียบมากกว่าครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว สิ่งเหล่านี้จะทำให้โจว เชียนหยุนเสียเปรียบ‘ฉันจะช่วยพี่โจวแก้ปัญหาปัจจุบันของเธอได้ยังไง?’หลิง อี้หรานรู้สึกกังวล และก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เธอก็เดินมาถึงประตูบ้านเช่าของเธอแล้วทันทีที่เธอเปิดประตูออก เธอก็เห็นอี้ จิ่นหลีนั่งอยู่ในบ้านอี