แววตาของอี้ จิ่นหลีดูมืดหม่นลงทันที‘ขัดแย้งกัน... ใช่ มันขัดแย้งกัน!’ เขากลัวว่าเขาจะรักเธอมากเกินไปจนวันหนึ่งเขาจะซ้ำรอยพ่อที่สูญเสียศักดิ์ศรีและจบชีวิตลงเพื่อความรัก เขาปล่อยให้เธอควบคุมอารมณ์ของเขาไม่ได้!แต่หลังจากที่เลิกกับเธอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากเจอเธอและจบลงด้วยการบังคับให้เธออยู่เคียงข้างเขา“แล้วเธอรู้อะไรไหม? คนเดียวในโลกที่ทำให้ฉันขัดแย้งก็คือเธอ!” ริมฝีปากบางของเขาแยกจากกันขณะที่เขาจ้องมองเธอหลิง อี้หรานตกตะลึงขณะที่เธอจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยความสับสน ‘เขาหมายความว่ายังไง?’สายตาเขาที่มองมาที่เธอสื่อให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความยับยั้งชั่งใจ มันขัดแย้งกันอย่างมาก!...วันรุ่งขึ้น หลังจากที่หลิง อีห้รานเลิกงานแล้วและกำลังเดินออกจากตัวอาคาร คนขับรถของตระกูลอี้ก็รีบเดินเข้ามาหาเธอ “คุณอี้ต้องการพบคุณครับ คุณหลิง”หลิง อี้หรานเม้มปากเข้าหากันก่อนจะเดินตามคนขับเข้าไปในรถโดยไม่พูดอะไรกวาน ลี่หลี่แอบมองดูเหตุการณ์นี้อีกครั้ง‘เป็นรถมายบัคคันเดิม’ กวาน ลี่หลี่คิดในใจ‘ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหลิง อี้หรานกับหยู ข่
อี้ จิ่นหลีเพียงนุ่งผ้าเช็ดตัวปิดบังท่อนล่าง ในขณะที่เปลือยท่อนจนเห็นกล้ามเนื้อแกร่ง ผมของเขาเปียกโชกและมีน้ำหยดลงมาประปรายเมื่อเขาเห็นหลิงอี้หรานอยู่ในห้อง เขาก็ส่งยิ้มให้เธอ “มาแล้วเหรอ”“อืม” เธอมองออกไปอย่างไม่สบายใจ“เป็นอะไรไป? เขินเหรอ” เขาเดินเข้ามาหาเธอ “พี่จะไม่ช่วยเช็ดผมให้แห้งหน่อยหรือไง? ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่พี่พาผมไปห้องเช่า พี่ยังเช็ดผมให้ผมเลย พี่สาว”“คุณอยู่สูงเกินไปที่ฉันจะเช็ดผมให้คุณได้ ทำไมคุณไม่...”ก่อนที่เธอจะพูดจบ เขาก็โน้มตัวลง “แล้วตอนนี้จะเช็ดผมได้หรือยัง?”การโน้มตัวเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้เธอตกใจ และเมื่อเธอเอียงหน้าเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับดวงตาคู่สวยของเขาดวงตาของเขาเหมือนมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถหยุดจ้องมองได้จากนั้นเขาก็เอาผ้าขนหนูมายัดใส่มือของเธอ “ผมชอบเวลาที่พี่ช่วยเช็ดผม”หลิง อี้หรานถือผ้าเช็ดตัวไว้ในมือ เธอวางมันไว้เหนือศีรษะของเขาและเริ่มเช็ดผมเปียกปอนของเขาให้แห้งเมื่อเธอเห็นว่าผ้าเช็ดตัวบังตาของเขาเอาไว้ เธอก็รู้สึกโล่งใจเธอไม่ได้ช่วยเช็ดผมให้แห้งแค่ตอนที่พวกเขาอยู่ในบ้านเช่าเท่านั้น แต่เธอก็ยังทำแบบเดียว
“จริงเหรอ?” อี้ จิ่นหลีพึมพำ ในชั่วพริบตา กรรไกรก็ตกมาอยู่ในมือของเขาเขาก้มมองกรรไกรในมือพร้อมกับท่าทีเย็นชา ครั้งนี้เขากลับรู้สึกอยากจะมอบชีวิตของเขาให้กับเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการมันก็ตาม!‘มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?’‘ฉันไม่เคยคิดจะมอบชีวิตของฉันให้กับผู้หญิงคนไหน มีเพียงฉันเท่านั้นที่เป็นคนตัดสินใจว่าฉันจะอยู่หรือตาย ใช่ไหม? นั่นคือสิ่งที่ฉันกลัวตอนที่เลิกกับเธอไม่ใช่เหรอ?’‘แต่เราเลิกกันไปแล้ว แล้วทำไมฉันถึงยังมีความคิดแบบนี้อยู่อีก?’“อี้ จิ่นหลี ฉันไม่เคยคิดที่จะฆ่าคุณ” ความเงียบของเขาทำให้เธอเข้าใจผิด “ถึงเราจะเลิกกัน ตอนแรกฉันก็เศร้าและเจ็บปวด แต่ตอนนี้มันจบแล้ว ฉันจะไม่ฆ่าใครเพียงเพราะต้องเลิกกับเขา”เขาขมวดคิ้ว เธอแค่อธิบายตัวเอง แต่ทำไมเขาถึงเจ็บปวดเมื่อเขาได้ยินเธอพูดว่ามันจบแล้ว?“เธอไม่เคยคิดที่จะฆ่าฉันเหรอ?” เขาหันไปมองเธอ“ใช่” เธอตอบ“เธอไม่อยากให้ฉันตายใช่ไหม?” เขาถาม ดวงตาสีเข้มมองตรงไปที่เธอ ราวกับว่าเขาพยายามจะมองทะลุผ่านเข้าไปในความคิดของเธอ‘ไม่อยาก... การใช้คำแบบนั้นมันทำให้รู้สึกเหมือนมีบางอะไรอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา’“ฉัน... ไม่อยากให้คุณตาย” เธอตอบ ‘
หลิง อี้หรานพูดไม่ออก ‘หมายความว่าอย่างไร? ฉันเป็นตัวนำโชคหรืออะไร?’ หลิง อี้หรานสลัดความคิดที่สับสนออกจากหัวของเธอและจดจ่อกับแฟ้มคดีในมือของเธอการพิจารณาคดีของอาหลีกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน ตามทัศนคติของจำเลย เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการเลื่อนเวลาออกไปและไม่ต้องการจ่ายค่าชดเชยอะไรให้พวกเขาเพียงติดคุกหนึ่งปีก็สามารถล้างค่าเสียหายหลายล้านที่จำเลยต่อรองมาได้แม้ว่าเธอจะมั่นใจถึง 70 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ว่า ผู้กระทำผิดที่แท้จริงคือนักแสดงสาวซูซี แต่หลักฐานที่เธอมีก็ยังไม่แข็งแรงพอ!‘บางที... การทบทวนเส้นทางการรถใช้หรือสถานที่เกิดเหตุก็อาจจะทำให้เธอพบว่ามีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์’ หลิง อี้หรานคิดกับตัวเอง นี่คือทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้และต่อให้พวกเขาจะชนะคดี อาหลีและครอบครัวของเขาก็จะไม่ได้รับค่าชดเชยอะไร“มองหาอะไรอยู่? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?” เสียงของอี้ จิ่นหลีดังขึ้นในหูของเธอหลิง อี้หรานตระหนักได้ว่าการประชุมทางวิดีโอของอี้ จิ่นหลีสิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เธอเขาโน้มตัวลงและใช้มือข้างหนึ่งยันบนโต๊ะขณะมองดูแฟ้มในมือของเธอ“ไม่มีอะไร มันเป็นแค่คดีความที
เธอร้องเรียกชื่อเขาออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเอาแต่บอกตัวเองซ้ำๆ ในใจว่า ‘เขาคืออี้ จิ่นหลี เขาคืออี้ จิ่นหลีเท่านั้น’“ฉันคือจินสำหรับเธอ” เขาพูดขณะเหยียดแขนออกไปโอบรอบตัวเธอกลิ่นของเขาอบอวลอยู่รอบ ๆ เธอ ดวงตารูปอัลมอนด์ฉายให้ถึงแววของความเศร้าโศกเขาไม่มีวันเป็นจินสำหรับเธอ จินของเธอจากไปแล้วตั้งแต่ที่เขาบอกเลิกเธอ!...ในห้องพักของโรงแรม เย่ เหวินหมิงพูดกับคง จื่ออินที่อยู่ปลายสายว่า “ได้ พรุ่งนี้ผมจะกลับไป ผมจะจัดการข่าวลือทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตเอง”“เหวินหมิง ทำไหมคุณถึงออกไปโดยไม่ได้บอกอะไรฉันเลยล่ะคะ? ฉัน... ฉันไม่ได้โกรธคุณ แต่ฉันแค่อยากรู้เหตุผล” เสียงของคง จื่ออินฟังดูน่าสงสาร “รอจนกว่าผมจะกลับไป” เย่ เหวินหมิงพูดขณะลูบหน้าผากของตัวเองเขาแทบจะไม่ได้นอนในช่วงสองวันที่ผ่านมา เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหลับตา ภาพในอดีตของเขากับ โจว เชียนหยุนก็โผล่เข้ามาในใจของเขาเสมอเขานึกถึงเสียงหัวเราะ น้ำตา ใบหน้าที่ร้องไห้ออกมาด้วยความยินดีเมื่อเธอตั้งท้องลูกของเขา และวิธีการที่เขาปฏิบัติต่อเธอในตอนนั้นเขานึกถึงตอนที่เธอปฏิเสธที่จะให้กำเนิดลูกของเขาด้วยการเอาเศษแก้วแทงเข้าที่ท้องของเธอ
“คุณลุง!” อาหยันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเย่ เหวินหมิงก้าวไปข้างหน้าและลูบหัวเด็กน้อยคุณนายโจวเดินออกมาหลังจากได้ยินเสียงดัง ทันทีที่เธอเห็นเย่ เหวินหมิง ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธออยากจะรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อคว้าหลานชายของเธอเอาไว้ แต่เธอไม่สามารถหยุดตัวสั่นจากการจ้องมองสายตาของเย่ เหวินหมิงได้ชายผู้นี้ได้สร้างความเสียหายต่อตระกูลโจวมากเกินไปตอนที่ลูกสาวของเธอถูกจองจำอยู่ในคุก เธอไปขอร้องไม่ให้เขาไปขึ้นศาลเพื่อไปเป็นพยานต่อต้านหยุน แต่ความพยายามของเธอไม่เป็นผล ชายคนนั้นเพิ่งมองดูเธออย่างเย็นชาและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ตระกูลโจวต้องชดใช้ให้แก่ตระกูลเย่ และเธอต้องใช้ให้กับจื่ออิน! การจำคุกเพียงไม่กี่ปีนั้นยังน้อยเกินไปสำหรับเธอ”โจว เชียนหยุนรู้ว่าแม่ของเธอกลัว เธอจึงกระโดดไปข้างหน้าและคว้ามือของคุณนายโจวไว้คุณนายโจวสงบลงเล็กน้อย“เย่ เหวินหมิง ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ” โจว เชียนหยุนพูดเย่ เหวินหมิงเพียงยิ้มบาง ๆ “วันนี้ฉันไม่มาที่นี่เพราะเธอ” เขาพูดขณะนั่งลง และมองดูเด็กน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขา “นามสกุลของเธอไม่ใช่โจว แต่เป็นเย่”โจว เชียนหยุนตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อเข
“พ่อจะอยู่กับแม่ ยาย และผมต่อจากนี้ไปไหมฮะ?” คำถามใสซื่อบริสุทธิ์ออกมาจากปากของอาหยันน้อย คำถามที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเขาเห็นในการ์ตูนว่าสมาชิกในครอบครัวจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกัน!เย่ เหวินหมิงจ้องมองลูกชายของเขา เขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่โจว เชียนหยุนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ อาหยันน้อย เขา... พ่อ... มีบางอย่างที่ต้องทำและต้องไปแล้ว ทำไมเราไม่บอกลาพ่อล่ะ?”เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดคำว่า ‘พ่อ’“พ่อจะไม่อยู่ที่นี่กับเราเหรอฮะ?” เสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ที่นี่เล็กมาก ถ้าพ่ออยู่กับเรา... มันจะแออัดเกินไป” โจว เชียนหยุนพูดขณะที่เธอมองเย่ เหวินหมิงด้วยสายตาอ้อนวอนเธอหวังเพียงว่าเย่ เหวินหมิงจะหยุดพูดและหยุดทำลายโลกอันแสนบริสุทธิ์ของเด็กน้อยเย่ เหวินหมิงขมวดคิ้ว คำพูดที่เขาตั้งใจจะพูดติดอยู่ในลำคอของเขาทันทีที่เขาจองมองสายตาของเธอ ‘นี่ฉันกำลังล้อเล่นกับตัวเองเหรอ? ทำไมฉันต้องสนใจแววตาของเธอด้วย?’‘ฉันไม่เคยเป็นหนี้อะไรเธอเลย เธอต่างหากที่เป็นหนี้ฉัน!’ทว่า เย่ เหวินหมิงกลับไม่ได้พูดอะไรโจว เชียนหยุนรีบโพล่งขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “อาหยันน้อยมาบอกลาพ่อกันเ
เมื่อเย่ เหวินหมิงกลับมาที่รถ เขาสัมผัสแขนของเขาที่โจว เชียนหยุนจับไว้ก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคว้าตัวเขาไว้ นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันอีกครั้งเขารู้สึกว่ามือของเธอสั่นมากเมื่อเธอแตะต้องตัวของเขาแม้ว่าเขาจะดึงมือของเธอออกจากแขน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นของปลายนิ้วเธอเรียวนิ้วของเธอเย็นเฉียบ... จนเหมือนนิ้วของคนตาย!‘เลิกคิดถึงมันซะที!’ เย่ เหวินหมิงหลับตาลงและบอกตัวเองว่าอย่าไปนึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีกไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะแสร้งทำเป็นน่าสงสารมากแค่ไหน เขาจะทำให้ลูกของเขารับรู้ถึงสายเลือดตัวเองและกลับมาหาตระกูลเย่!...หลิง อี้หรานต้องการหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์โดยเร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงจงใจตรวจสอบตามเส้นทางที่รถแล่นมาในคืนที่เกิดอุบัติเหตุก่อนหน้านี้เธอได้เผยแพร่โพสต์บนอินเทอร์เน็ต โดยถามว่ามีผู้ขับขี่คนไหนสามารถจับภาพจากกล้องติดรถยนต์ของพวกเขาตามเส้นทางในคืนที่เกิดอุบัติเหตุได้บ้างแต่หลังจากที่เธอโพสต์ถามคำถาม กลับไม่มีใครมาตอบคำถามของเธอเลยมาคิดดูแล้วมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แม้ว่ากล้องหน้ารถยนต์ของใครบางคนจะจับภาพได้ แต่มันก็อาจจะถูกปลอมแปล