“พ่อจะอยู่กับแม่ ยาย และผมต่อจากนี้ไปไหมฮะ?” คำถามใสซื่อบริสุทธิ์ออกมาจากปากของอาหยันน้อย คำถามที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเขาเห็นในการ์ตูนว่าสมาชิกในครอบครัวจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกัน!เย่ เหวินหมิงจ้องมองลูกชายของเขา เขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่โจว เชียนหยุนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ อาหยันน้อย เขา... พ่อ... มีบางอย่างที่ต้องทำและต้องไปแล้ว ทำไมเราไม่บอกลาพ่อล่ะ?”เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดคำว่า ‘พ่อ’“พ่อจะไม่อยู่ที่นี่กับเราเหรอฮะ?” เสียงของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ที่นี่เล็กมาก ถ้าพ่ออยู่กับเรา... มันจะแออัดเกินไป” โจว เชียนหยุนพูดขณะที่เธอมองเย่ เหวินหมิงด้วยสายตาอ้อนวอนเธอหวังเพียงว่าเย่ เหวินหมิงจะหยุดพูดและหยุดทำลายโลกอันแสนบริสุทธิ์ของเด็กน้อยเย่ เหวินหมิงขมวดคิ้ว คำพูดที่เขาตั้งใจจะพูดติดอยู่ในลำคอของเขาทันทีที่เขาจองมองสายตาของเธอ ‘นี่ฉันกำลังล้อเล่นกับตัวเองเหรอ? ทำไมฉันต้องสนใจแววตาของเธอด้วย?’‘ฉันไม่เคยเป็นหนี้อะไรเธอเลย เธอต่างหากที่เป็นหนี้ฉัน!’ทว่า เย่ เหวินหมิงกลับไม่ได้พูดอะไรโจว เชียนหยุนรีบโพล่งขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “อาหยันน้อยมาบอกลาพ่อกันเ
เมื่อเย่ เหวินหมิงกลับมาที่รถ เขาสัมผัสแขนของเขาที่โจว เชียนหยุนจับไว้ก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคว้าตัวเขาไว้ นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันอีกครั้งเขารู้สึกว่ามือของเธอสั่นมากเมื่อเธอแตะต้องตัวของเขาแม้ว่าเขาจะดึงมือของเธอออกจากแขน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นของปลายนิ้วเธอเรียวนิ้วของเธอเย็นเฉียบ... จนเหมือนนิ้วของคนตาย!‘เลิกคิดถึงมันซะที!’ เย่ เหวินหมิงหลับตาลงและบอกตัวเองว่าอย่าไปนึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีกไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะแสร้งทำเป็นน่าสงสารมากแค่ไหน เขาจะทำให้ลูกของเขารับรู้ถึงสายเลือดตัวเองและกลับมาหาตระกูลเย่!...หลิง อี้หรานต้องการหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์โดยเร็วที่สุด ดังนั้นเธอจึงจงใจตรวจสอบตามเส้นทางที่รถแล่นมาในคืนที่เกิดอุบัติเหตุก่อนหน้านี้เธอได้เผยแพร่โพสต์บนอินเทอร์เน็ต โดยถามว่ามีผู้ขับขี่คนไหนสามารถจับภาพจากกล้องติดรถยนต์ของพวกเขาตามเส้นทางในคืนที่เกิดอุบัติเหตุได้บ้างแต่หลังจากที่เธอโพสต์ถามคำถาม กลับไม่มีใครมาตอบคำถามของเธอเลยมาคิดดูแล้วมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แม้ว่ากล้องหน้ารถยนต์ของใครบางคนจะจับภาพได้ แต่มันก็อาจจะถูกปลอมแปล
“ได้ค่ะ” หลิง อี้หรานตอบรับด้วยรอยยิ้มดูเหมือนว่าเธอจะโชคดีกว่าที่เธอคิด เธอกำลังจะได้หลักฐานชิ้นสำคัญอาหลีจะได้รับค่าชดเชยหากพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่านักแสดงสาวซูซีเป็นผู้ร้ายตัวจริงและป้องกันไม่ให้เธอโยกย้ายทรัพย์สินของเธอได้ทันเวลา!หลิง อี้หรานรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลังจากผ่านมาสิบนาที เธอเห็นรถตู้สีขาวเรียบง่ายวิ่งมาจอดข้างหน้าเธอชายในแว่นกันแดดและหมวกแก๊ปเปิดประตูออก แต่ไม่ยอมลงจากรถ เขาถามหลิง อี้หรานว่า “คุณคงจะเป็นอี้หรานคนดีคนเดิม”หลิง อี้หรานเหลือบมองคนขับ เขาสวมหมวกและแว่นกันแดดแบบเดียวกัน แถมพวกเขายังใส่หน้ากากเธอถอยหลังหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ ครู่ต่อมา ชายคนที่ถามคำถามกับเธอก็คว้าตัวเธอเอาไว้ เขาดึงเธอเข้าไปในรถตู้และปิดประตูเสียงดัง“ออกรถ!” ชายคนนั้นพูดกับคนขับรถที่ด้านหน้าขณะที่เขาล็อกตัวหลิง อี้หรานเอาไว้คนขับเหยียบคันเร่งและแล่นรถไปข้างหน้าหลิง อี้หรานพยายามดิ้นรน เธอประเมินหัวใจมนุษย์ต่ำไป‘ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด พวกเขา...น่าจะรู้เรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขากล้าทำเช่นนี้'“ยัยบ้า ฉันจะสอนบทเรียนให้เธอประพฤติตัวดี ๆ!” คนขับแถวหน้า
“ก็ได้ บอกเธอให้เอาเบอร์โทรศัพท์มา แล้วแกก็โทรคนนั้นซะ ถ้าผู้หญิงคนนี้พูดโกหก ก็ฆ่าเธอซะ!” คนขับพูดใบหน้าของหลิง อี้หรานเต็มไปด้วยความกลัว แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ควรแสดงออกไปว่าเธอรู้สึกกลัว ถ้าเธอกลัว เธอจะไม่สามารถช่วยตัวเองได้!อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถหาทางแก้ไขได้ และสถานการณ์มันก็ไม่แย่เท่ากับตอนที่เธออยู่ในคุกแม้ว่าเธอจะพยายามทำทุกอย่างในคุก แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดคนอื่นให้เลิกทำร้ายเธอได้เธอต้องทนทุกข์ทรมานและไม่สามารถทำอะไรได้ชายคนนั้นคลำหาโทรศัพท์ของเขา ในขณะที่หลิง อี้หรานบอกหมายเลขโทรศัพท์ของอี้ จิ่นหลีให้แก่เขาเธอรู้สึกเศร้าเมื่อเธอนึกถึงมัน เธอพยายามจะรักษาระยะห่างจากอี้ จิ่นหลี โดยบอกตัวเองว่าตอนนี้เขาคืออี้ จิ่นหลี ไม่ใช่จินคนเดิมแต่เธอกลับต้องพึ่งพาอี้ จิ่นหลีในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของอี้ จิ่นหลีก็ดังขึ้นจากปลายสาย “พี่สาว?” หลิง อี้หรานควรจะเป็นคนเดียวที่รู้หมายเลขนี้ แต่ตอนนี้คนอื่นกลับรู้หมายเลขของเขา“นี่น้องชายเธอเหรอ?” ชายคนนั้นโกรธและคิดว่าหลิง อี้หรานหลอกเขา“เปล่า ฉันไม่มีน้องชาย เขาเป็นผู้อุปถัมภ์ของฉัน และเขาชอบแสดงบทบาทเป็นพ
‘เป็นเพราะอี้ จิ่นหลีหรือเปล่า? เพราะฉันเชื่อว่าเขาจะช่วยฉันใช่ไหม?’หลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาขณะที่เธอคิดเธอตั้งใจที่จะเป็นอิสระ แต่ตอนนี้กลับเธอต้องพึ่งพาเขารถแล่นไปทางใต้ของเมือง ไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขากำลังจะออกจากเมืองในไม่ช้านี้!หลิง อี้หรานไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีวางแผนจะทำอะไร แต่รถกลับหยุดกะทันหันเมื่อกำลังจะถึงทางออกทางหลวง“หยุดทำไม?” คนที่เฝ้าดูหลิง อี้หรานที่ด้านหลังถามทว่า คนขับรถกลับไม่ตอบดังนั้นชายคนนั้นจึงจ้องไปที่หลิง อี้หราน “ทำตัวดี ๆ ล่ะ!” จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและโผล่หัวออกมาระหว่างที่นั่งเพื่อมองผ่านกระจกหน้ารถจากนั้นชายคนนั้นก็ตัวแข็งทื่อ ใบหน้าของเขาดูตกตะลึง ในขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทา‘เกิดอะไรขึ้น?’หลิง อี้หรานที่กำลังนอนอยู่ในรถ เธอไม่สามารถขยับตัวไปไหนเพราะข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ เธอจึงไม่สามารถมองดูเหตุการณ์ด้านหน้าได้ทันใดนั้น ลำโพงด้านนอกก็ดังขึ้น “คนในรถ พวกคุณถูกล้อมไว้แล้ว ยอมแพ้แล้วอย่าทำร้ายตัวประกัน ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเรา พวกคุณจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเท่านั้น!”หลิง อี้หรานตกตะลึง ‘
‘ชายคนนี้... เป็นผู้อุปถัมภ์... ที่ผู้ช่วยทนายความพูดถึงหรือไม่?’ทำไมผู้อุปถัมภ์ถึงมีอิทธิพลขนาดนี้?อี้ จิ่นหลีเหลือบมองชายผู้ไม่สวมหน้ากากด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเขาก็สั่งลูกน้องที่ติดตามเขา “จัดการผู้ชายคนนี้และบอกให้เขารู้ว่าการถูกตบนั้นรู้สึกยังไง”“ครับ” ลูกน้องตอบ ‘นายน้อยอี้อาจจะทุกข์ทรมานจนถึงขนาดสั่งให้ฉันจัดการชายคนนั้น’ เขาคิดกับตัวเองผู้ชายคนที่ไม่มีหน้ากากถึงกับตัวสั่น ทันทีที่เขาเห็นอี้ จิ่นหลีอุ้มหลิง อี้หรานเข้าไปในรถยนต์เบนท์ลีย์สีดำคันหรูที่อยู่ใกล้ ๆ ชายคนนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “คุณเป็นใครกันแน่? คือ... เธอเป็นแค่ผู้ช่วยทนายความจริง ๆ เหรอ?”‘ใครกันที่กล้าสร้างความโกลาหลเช่นนี้เพื่อช่วยผู้ช่วยทนายสาวธรรมดาที่ดูธรรมดา?’ชายคนนั้นรู้สึกเหมือนทุกอย่างนั้นเกินจะรับมือไหวเขาคิดว่าเขาแค่ยอมรับข้อเสนอบางอย่าง แต่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่!ไม่มีเสียงตอบรับกับคำถามของเขา อี้ จิ่นหลีขึ้นรถไปโดยมีหลิง อี้หรานอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้น รถก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากที่เกิดเหตุหลิง อี้หรันพูดกับอี้ จิ่นหลีว่า “ขอบคุณนะ”ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธออาจจะต้องทุกข์ทรมานในวันนี้“เธอฉล
‘เขาเคยรู้บ้างไหมว่าฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดที่ร่างกาย แต่ที่หัวใจต่างหาก’‘ฉันได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่ความเจ็บปวดนี้จะหายไปเสียที’…ทันทีที่รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดที่ทางข้างของโรงพยาบาล อี้ จิ่นก็อุ้มหลิง อี้หรานเข้าไปข้างในเมื่อหลิง อี้หรานมาถึงโรงพยาบาล เธอก็พบว่ามีหมอรออยู่ที่ห้องวีไอพีเรียบร้อยแล้ว จากนั้นหมอก็เริ่มทำการตรวจร่างกายของเธอโชคดีที่มันเป็นอาการบาดเจ็บภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ไม่มีอะไรต้องกังวล และอาการบวมช้ำบนใบหน้าของเธอจะหายเป็นปกติภายในไม่กี่วันทันทีที่เธอตรวจร่างกายเสร็จ เธอก็พบว่าชุดใหม่เอี่ยมถูกเตรียมไว้ให้เธออย่างเรียบร้อย“เปลี่ยนเสื้อผ้าสิ” เขาพูด“อืม” เธอตอบ เสื้อผ้าตัวเก่าของเธอถูกกระชากจนขาดตั้งแต่ไหล่ลงมา ทำให้เธอไม่สามารถใส่ชุดตัวเก่าได้เธอเอื้อมมือไปหยิบชุด แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากจะส่งมันให้กับเธอเธอจ้องมองเขาด้วยความสงสัยเขาเอ่ยขึ้นว่า “เธอยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเองจะลำบากเปล่า ๆ”‘เขาหมายความว่า…’ ใบหน้าของหลิง อี้หรานแดงก่ำ ใบหน้าที่บวมเป่งของเธอกลับดู ‘แดงยิ่งขึ้น’ ไปอีก“เอ่อ… คุณขอให้พยาบาลมาช่วยฉันก็ได้หนิ” หลิง
ทันทีที่เขาเห็นแก้มที่บวมแดงของเธอ เขาก็รู้สึกหายใจลำบาก ราวกับมีบางอย่างมาปิดกั้นการหายใจของเขาตอนที่เขาเปิดประตูรถเข้าไป และเห็นว่าเธอถูกมัดด้วยเชือกพร้อมกับแก้มสองข้างที่บวมแดง เขาอยากจะฆ่าเจ้าพวกนั้นจนแทบบ้าคนที่เขาหวงแหนและอยากปกป้องกลับได้รับอันตราย!หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากแน่น และไม่เผยเสียงร้องออกมา เธอเคยชินกับความอดทน เพราะแม้ว่าเธอจะร้องไห้ แต่มันก็ไม่เคยช่วยอะไรให้ดีขึ้น!อี้ จิ่นหลีไม่พูดอะไรต่อ เพียงทายาที่เตรียมมาลงบนลำคอของเธอนอกจากบาดแผลบนใบหน้าแล้ว เธอยังเจ็บช้ำจากบาดแผลที่ถูกเตะอีกหลายครั้ง“ฉันทำเองได้” เธอพูด“เธอทายาบนหลังตัวเองได้เหรอ?” เขาบอก“แต่…”“ถ้าเธอรู้สึกอึดอัด งั้นฉันจะหลับตาทายาให้เธอ เพราะยังไงหมอก็เขียนตำแหน่งอาการบาดเจ็บของเธอคร่าว ๆ มาแล้ว” อี้ จิ่นหลีบอกหลิง อี้หรานตกใจกับคำพูดของเขา แต่กว่าเธอจะรู้ตัว เขาก็เดินไปด้านของเธอแล้วหลับตาลง และเอื้อมมือไปทายาให้เธอ“อ๊ะ!” เธอส่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาจึงพูดว่า “อย่าขยับ ถ้าเธอขยับ ฉันจะหาตำแหน่งบาดแผลไม่เจอ”เธอจึงชะงักในทันทีเพียงเสี้ยววินาที เธอก็สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วบนหลั