ทันทีที่เขาเห็นแก้มที่บวมแดงของเธอ เขาก็รู้สึกหายใจลำบาก ราวกับมีบางอย่างมาปิดกั้นการหายใจของเขาตอนที่เขาเปิดประตูรถเข้าไป และเห็นว่าเธอถูกมัดด้วยเชือกพร้อมกับแก้มสองข้างที่บวมแดง เขาอยากจะฆ่าเจ้าพวกนั้นจนแทบบ้าคนที่เขาหวงแหนและอยากปกป้องกลับได้รับอันตราย!หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากแน่น และไม่เผยเสียงร้องออกมา เธอเคยชินกับความอดทน เพราะแม้ว่าเธอจะร้องไห้ แต่มันก็ไม่เคยช่วยอะไรให้ดีขึ้น!อี้ จิ่นหลีไม่พูดอะไรต่อ เพียงทายาที่เตรียมมาลงบนลำคอของเธอนอกจากบาดแผลบนใบหน้าแล้ว เธอยังเจ็บช้ำจากบาดแผลที่ถูกเตะอีกหลายครั้ง“ฉันทำเองได้” เธอพูด“เธอทายาบนหลังตัวเองได้เหรอ?” เขาบอก“แต่…”“ถ้าเธอรู้สึกอึดอัด งั้นฉันจะหลับตาทายาให้เธอ เพราะยังไงหมอก็เขียนตำแหน่งอาการบาดเจ็บของเธอคร่าว ๆ มาแล้ว” อี้ จิ่นหลีบอกหลิง อี้หรานตกใจกับคำพูดของเขา แต่กว่าเธอจะรู้ตัว เขาก็เดินไปด้านของเธอแล้วหลับตาลง และเอื้อมมือไปทายาให้เธอ“อ๊ะ!” เธอส่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาจึงพูดว่า “อย่าขยับ ถ้าเธอขยับ ฉันจะหาตำแหน่งบาดแผลไม่เจอ”เธอจึงชะงักในทันทีเพียงเสี้ยววินาที เธอก็สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วบนหลั
‘เขาเป็นคนสั่งปิดบริษัท... เพื่อให้ฉันได้พักอยู่บ้านอย่างนั้นเหรอ?’‘เป็นไปได้ยังไง? เขาจะจัดการเรื่องพวกนี้เพียงเพื่อให้ฉันพักผ่อนจริง ๆ เหรอ?’‘แต่ทำไมบริษัทถึงปิดทำการเป็นเวลาสามวันโดยไร้เหตุผลล่ะ?’หลิง อี้หรานนอนลงบนเตียงหลังจากอาบน้ำเสร็จ หลังจากทายาบนแผล อาการบาดเจ็บของเธอก็บรรเทาลงเล็กน้อย เธอหลับตาและนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอรู้สึกว่า... นอกจากเหลียนอีแล้ว ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่คอยปกป้องเธอเสมอแต่ว่าผู้ชายที่คอยปกป้องเธอกลับไม่ได้รักเธอแล้วเกมรักของเขากับเธอจบลงแล้ว แล้วเกมพี่น้องนี้ล่ะจะจบลงเมื่อไหร่?ไม่มีใครบอกเธอได้ว่าเกมนี้มันจะจบลงเมื่อไหร่!…อี้ จิ่นหลีนั่งอยู่ในห้องขนาดใหญ่ สายตาเย็นชาของเขากำลังมองดูบอดี้การ์ดทั้งสองที่ก้มหน้าลง ทั้งสองคนต่างมีสีหน้างุนงง แม้แต่เกา ฉงหมิงก็ดูทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน“พวกแกปกป้องเธอกันยังไง?” น้ำเสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงเย็นชา เกา ฉงหมิงตัวสั่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา‘นายน้อยอี้กำลัง... โกรธ!’‘ครั้งนี้นายน้อยอี้กำลังโกรธจัดจริง ๆ!’บอดี้การ์ดทั้งสองต่างนิ่งเงียบเม
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอได้รับบาดเจ็บล่ะ?” ชิน เหลียนอีแวะมาเยี่ยมหลิง อี้หรานที่ห้องเช่า แต่กลับต้องตกใจเมื่อเห็นแก้มแดงและบวมของเธอ“มันก็แค่ยังดูช้ำอยู่ แต่ไม่เจ็บมากแล้ว” หลิง อี้หรานพูด เธออายที่จะบอกเพื่อนสนิทว่าเธอดูน่ากลัวมากแค่ไหนในสองวันแรก“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หน้าเธอไปโดนอะไรมา? ใครทำร้ายเธอ?” ชิน เหลียนอีถามหลิง อี้หรานเล่าเรื่องการถูกลักพาตัวให้เพื่อนสนิทฟังคร่าว ๆ แม้ว่าเธอจะพยายามเล่าให้ฟังดูขบขัน แต่ชิน เหลียนอีกลับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากชิน เหลียนอีพูดขึ้นทันทีว่า “เดี๋ยวนะ ทางหลวงถูกตำรวจขวางไว้เหรอ? นั่นใช่รถตู้ที่เธออยู่หรือเปล่า... คันที่ตำรวจขวางทางด่วนในวันนั้น?”“ฮะ?” หลิง อี้หรานตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?”ชิน เหลียนอีหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาข่าวบนอินเทอร์เน็ต ก่อนจะส่งต่อให้เพื่อนสนิทหลิง อี้หรานพบว่ามีคนโพสต์รูปถ่ายบนทางหลวงในวันนั้นทางอินเทอร์เน็ตภาพถ่ายถูกถ่ายจากระยะไกล ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนตั้งแถวและรถตำรวจเท่านั้น ตำรวจติดอาวุธอันตรายหลายอย่างโดยเล็งปืนไปที่รถตู้คันดังกล่าวภาพถ่ายนี้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุก
ถ้าเธอพูดชื่นชมดาราชาย เขาจะมองเธอด้วยสายตาเขม็ง และสุดท้ายเธอก็จะต้องเกลี้ยกล่อมเขาถ้าเธอไม่ทำเช่นนั้น เขาจะบอกพ่อแม่ของเธอเกี่ยวกับการไปเที่ยวบาร์ใต้ดินดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตีหน้าเศร้าเป็นครั้งคราวแต่ถ้าเธอมองข้ามความหึงหวงของไป๋ ทิงซินไป เธอก็พบว่าเขายังมีข้อดีอีกมากมาย เช่น ตอนที่เธอนั่งดูโทรศัพท์ เขาก็จะป้อนขนมใส่ปากเธอโดยอัตโนมัติ เมื่อเธอบ่นปวดหลัง เขาก็จะนวดให้เธอ และแม้แต่เธออยากได้ลายเซ็นของคนดัง เขาก็จะหามาให้ แน่นอนว่าเฉพาะของดาราหญิงเท่านั้นเมื่อเธอมองดูใบหน้าอมยิ้มของเพื่อนสนิท เธอก็ได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ของเหลียนอีกับทิงซินจะราบรื่นไปด้วยดีทว่า... เมื่อเธอนึกถึงภูมิหลังของไป๋ ทิงซินกับตระกูลไป๋ เธออดรู้สึกกังวลไม่ได้‘เรื่องราวของตระกูลไป๋นั้นซับซ้อน ไป๋ ทิงซินกลายมาเป็นผู้นำตระกูลไป๋ทั้งที่เขาเป็นลูกนอกสมรส แล้วแบบนี้มันจะอันตรายแค่ไหนกันนะ? คุณนายไป๋มีลูกชายถึงสองคนและทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะยินยอมให้ไป๋ ทิงซินปกครองไป๋ เฟิง กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ เหรอ?’‘หรือว่าพวกเขาคิดจะทำอย่างอื่นแทน? อย่างไรเสีย ลูกหลานที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจมักจะต
“ถ้าฉันอยากเจอคุณ ฉันก็ไม่สนใจเวลาหรอก ทิงซิน ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีที่เรามีกันและกัน” เธอพูด น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนหวานเธอโชคดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับอี้หราน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเสียใจกับอี้หรานเป็นอย่างมาก“ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ไป๋ ทิงซินมองไปที่คนตรงหน้า เขาดีใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเธอ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้ ราวกับว่าเธอไปเจอเรื่องอะไรมา“วันนี้ฉันไปหาอี้หรานมา เธอบอกว่าเธอกับอี้ จิ่นหลีกลับมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้งเพราะเหตุผลบางอย่าง ฉันรู้ว่าอี้หรานอยากจะเอาชนะอี้ จิ่นหลี แต่สถานการณ์กลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง” ชิน เหลียนอีพูดชิน เหลียนอีพูดต่ออย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าเขายังสนใจอี้หรานมาก แต่เขาเป็นคนที่อยากเลิกกับอี้หรานเอง คนเราต่างพูดกับว่าผู้หญิงเป็นเพศที่คาดเดาได้ยาก แต่ฉันคิดว่าเขาต่างหากที่เป็นคนคาดเดาได้ยาก”“อี้ จิ่นหลียังรักหลิง อี้หรานอยู่” ไป๋ ทิงซินโพล่งขึ้นมา“อะไรนะ?” ชิน เหลียนอีตกตะลึง “เขายังรักเธออยู่เหรอ?”“ใช่” เขาเห็นสายตาที่อี้ จิ่นหลีมองดูหลิง อี้หรานหลังจากเลิกกัน ในฐานะผู้ชาย เขาส
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ?” เธอสับสน “ฉันชอบคุณ แล้วคุณก็ชอบฉัน ก็ปกติไม่ใช่เหรอ?” แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่หัวโบราณรับรู้ได้นอกจากนี้... มันจะช่วยให้เธอจำได้ว่าพวกเขามีอะไรกันอย่างไร เธอจำการเผชิญหน้าครั้งก่อนไม่ได้!เขาหัวเราะกะทันหันเธอถามด้วยความงุนงงว่า “คุณหัวเราะอะไร? คุณคิดว่าฉันลุกแรงเกินไปหรือเปล่า?” ‘อืม... แต่ที่จริงฉันก็ไม่ใช่คนสงวนตัวเท่าไหร่’อันที่จริง ฉันไม่เคยสงวนตัวกับเขาเลยต่างหากล่ะ“ไม่แปลกใจเลยที่คุณเป็นผู้หญิงที่ผมหลงรัก!” เขาดึงเรียวนิ้วกลับมาและริเริ่มจูบเธอจูบที่เอ้อระเหยเริ่มรุนแรงขี้นเหลียนอีของเขาดูมีความปรารถนาแรงกล้าและแสดงออกอย่างจริงใจ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกล่อเธอ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองจากความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอ เขาสามารถเป็นตัวเองและเผยธาตุแท้ของเขาได้!เขาโชคดีที่ได้พบเธอและตกหลุมรักเธอ! เธอเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตของเขาเขาคิด ‘ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรักผู้หญิงคนนี้’…หลังจากหลิง อี้หรานกลับมาทำงาน รอยแดงบวมบนใบหน้าของเธอบรรเทาลงมากแล้ว เธอสามารถปกปิดรอยช้ำบนใบหน้าของเธอด้วยการทาครีม ดังนั้นคนอื่นจะไม่สังเกตเ
การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลิง อี้หรานรู้สึกว่าตัวเองไร้อำนาจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทันทีที่เธอดึงสติตัวเองกลับมา เธอก็พบว่ารถยนต์แล่นมาจอดอยู่ข้างหน้าร้านเสริมความงามที่อี้ จิ่นหลีเคยพาเธอมาทำผมก่อนหน้านี้หลิง อี้หรานตกใจและถามคนขับว่า “เรามาที่นี่กันทำไมคะ?”คนขับตอบอย่างเรียบง่ายว่า “คุณอี้รออยู่ข้างในครับ”หลิง อี้หรานไม่พูดอะไรและลงจากรถทันทีที่เธอเข้าไปในร้าน ผู้จัดการร้านก็ทักทายเธอและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหลิงใช่ไหมคะ? โปรดตามฉันมาข้างในนะคะ”หลิง อี้หรานเดินตามผู้จัดการร้านไปบนชั้นสอง อี้ จิ่นหลีนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมชุดสีม่วงอ่อนที่แขวนอยู่บนไม้แขวนข้าง ๆ เขาชุดราตรีที่ถูกประดับไปด้วยคริสตัลสีม่วงเข้มและสีขาวอย่างงดงาม ดูสง่างามและคลาสสิก“คืนนี้ไปงานเลี้ยงกับฉันนะ ลองสวมชุดดู” อี้ จิ่นหลีพูด“งานเลี้ยง?” หลิง อี้หรานตกตะลึง“ก็แค่งานเลี้ยงธรรมดา ๆ ไม่ต้องกังวลมากนัก” อี้ จิ่นหลีพูดหลิง อี้หรานเคยไปร่วมงานเลี้ยงกับเขามาก่อน แต่มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนักเธอสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันนี้หรือไม่หลิง อี้หรานเข้าไปในห้องลองเสื
“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะชอบมันไหม” เธอพูด“ทำไมล่ะ? ถ้าเธอไม่ชอบชุดนี้ เราเปลี่ยนชุดใหม่ก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่เขาหวงแหน‘เขาทำอย่างกับว่าฉันมีความสำคัญมากสำหรับเขา!’หลิง อี้หรานตกอยู่ในภวังค์ เขามักจะทำให้เธอเข้าใจผิดว่าพวกเขาไม่ได้เลิกกัน“แล้วถ้าฉันไม่ชอบเกมพี่น้องนี่ คุณยินดีที่จะหยุดความสัมพันธ์นี้ไหม?” เธอโพล่งออกมาดวงตาของเขาดูเขม็งขึ้น ทว่า รอยยิ้มจาง ๆ กลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา “อย่าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้! ไม่มีวัน!”เขาอยากให้เธออยู่กับเขาตลอดไปและเป็นพี่สาวของเขา!เขาให้เธอได้ทุกอย่าง เขาสามารถหาทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ ยกเว้น… ปล่อยเธอไปและ…. รักเธอ!…แม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบอกว่ามันเป็นแค่งานเลี้ยงธรรมดา แต่มันก็เป็นงานเลี้ยงอลังการสำหรับหลิง อี้หรานชนชั้นสูงและบุคคลสาธารณะของเมืองเฉินหลายคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ หลิง อี้หรานเคยเห็นพวกเขาบางคนจากในข่าวเท่านั้นหลิง อี้หรานเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยการควงแขนอี้ จิ่นหลี ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในงาน เธอก็ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างมากเธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางเธอบางคนที