“ถ้าฉันอยากเจอคุณ ฉันก็ไม่สนใจเวลาหรอก ทิงซิน ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีที่เรามีกันและกัน” เธอพูด น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนหวานเธอโชคดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับอี้หราน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเสียใจกับอี้หรานเป็นอย่างมาก“ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ไป๋ ทิงซินมองไปที่คนตรงหน้า เขาดีใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเธอ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้ ราวกับว่าเธอไปเจอเรื่องอะไรมา“วันนี้ฉันไปหาอี้หรานมา เธอบอกว่าเธอกับอี้ จิ่นหลีกลับมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้งเพราะเหตุผลบางอย่าง ฉันรู้ว่าอี้หรานอยากจะเอาชนะอี้ จิ่นหลี แต่สถานการณ์กลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง” ชิน เหลียนอีพูดชิน เหลียนอีพูดต่ออย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าเขายังสนใจอี้หรานมาก แต่เขาเป็นคนที่อยากเลิกกับอี้หรานเอง คนเราต่างพูดกับว่าผู้หญิงเป็นเพศที่คาดเดาได้ยาก แต่ฉันคิดว่าเขาต่างหากที่เป็นคนคาดเดาได้ยาก”“อี้ จิ่นหลียังรักหลิง อี้หรานอยู่” ไป๋ ทิงซินโพล่งขึ้นมา“อะไรนะ?” ชิน เหลียนอีตกตะลึง “เขายังรักเธออยู่เหรอ?”“ใช่” เขาเห็นสายตาที่อี้ จิ่นหลีมองดูหลิง อี้หรานหลังจากเลิกกัน ในฐานะผู้ชาย เขาส
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ?” เธอสับสน “ฉันชอบคุณ แล้วคุณก็ชอบฉัน ก็ปกติไม่ใช่เหรอ?” แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่หัวโบราณรับรู้ได้นอกจากนี้... มันจะช่วยให้เธอจำได้ว่าพวกเขามีอะไรกันอย่างไร เธอจำการเผชิญหน้าครั้งก่อนไม่ได้!เขาหัวเราะกะทันหันเธอถามด้วยความงุนงงว่า “คุณหัวเราะอะไร? คุณคิดว่าฉันลุกแรงเกินไปหรือเปล่า?” ‘อืม... แต่ที่จริงฉันก็ไม่ใช่คนสงวนตัวเท่าไหร่’อันที่จริง ฉันไม่เคยสงวนตัวกับเขาเลยต่างหากล่ะ“ไม่แปลกใจเลยที่คุณเป็นผู้หญิงที่ผมหลงรัก!” เขาดึงเรียวนิ้วกลับมาและริเริ่มจูบเธอจูบที่เอ้อระเหยเริ่มรุนแรงขี้นเหลียนอีของเขาดูมีความปรารถนาแรงกล้าและแสดงออกอย่างจริงใจ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกล่อเธอ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองจากความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอ เขาสามารถเป็นตัวเองและเผยธาตุแท้ของเขาได้!เขาโชคดีที่ได้พบเธอและตกหลุมรักเธอ! เธอเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตของเขาเขาคิด ‘ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรักผู้หญิงคนนี้’…หลังจากหลิง อี้หรานกลับมาทำงาน รอยแดงบวมบนใบหน้าของเธอบรรเทาลงมากแล้ว เธอสามารถปกปิดรอยช้ำบนใบหน้าของเธอด้วยการทาครีม ดังนั้นคนอื่นจะไม่สังเกตเ
การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลิง อี้หรานรู้สึกว่าตัวเองไร้อำนาจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทันทีที่เธอดึงสติตัวเองกลับมา เธอก็พบว่ารถยนต์แล่นมาจอดอยู่ข้างหน้าร้านเสริมความงามที่อี้ จิ่นหลีเคยพาเธอมาทำผมก่อนหน้านี้หลิง อี้หรานตกใจและถามคนขับว่า “เรามาที่นี่กันทำไมคะ?”คนขับตอบอย่างเรียบง่ายว่า “คุณอี้รออยู่ข้างในครับ”หลิง อี้หรานไม่พูดอะไรและลงจากรถทันทีที่เธอเข้าไปในร้าน ผู้จัดการร้านก็ทักทายเธอและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหลิงใช่ไหมคะ? โปรดตามฉันมาข้างในนะคะ”หลิง อี้หรานเดินตามผู้จัดการร้านไปบนชั้นสอง อี้ จิ่นหลีนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมชุดสีม่วงอ่อนที่แขวนอยู่บนไม้แขวนข้าง ๆ เขาชุดราตรีที่ถูกประดับไปด้วยคริสตัลสีม่วงเข้มและสีขาวอย่างงดงาม ดูสง่างามและคลาสสิก“คืนนี้ไปงานเลี้ยงกับฉันนะ ลองสวมชุดดู” อี้ จิ่นหลีพูด“งานเลี้ยง?” หลิง อี้หรานตกตะลึง“ก็แค่งานเลี้ยงธรรมดา ๆ ไม่ต้องกังวลมากนัก” อี้ จิ่นหลีพูดหลิง อี้หรานเคยไปร่วมงานเลี้ยงกับเขามาก่อน แต่มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนักเธอสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันนี้หรือไม่หลิง อี้หรานเข้าไปในห้องลองเสื
“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะชอบมันไหม” เธอพูด“ทำไมล่ะ? ถ้าเธอไม่ชอบชุดนี้ เราเปลี่ยนชุดใหม่ก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่เขาหวงแหน‘เขาทำอย่างกับว่าฉันมีความสำคัญมากสำหรับเขา!’หลิง อี้หรานตกอยู่ในภวังค์ เขามักจะทำให้เธอเข้าใจผิดว่าพวกเขาไม่ได้เลิกกัน“แล้วถ้าฉันไม่ชอบเกมพี่น้องนี่ คุณยินดีที่จะหยุดความสัมพันธ์นี้ไหม?” เธอโพล่งออกมาดวงตาของเขาดูเขม็งขึ้น ทว่า รอยยิ้มจาง ๆ กลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา “อย่าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้! ไม่มีวัน!”เขาอยากให้เธออยู่กับเขาตลอดไปและเป็นพี่สาวของเขา!เขาให้เธอได้ทุกอย่าง เขาสามารถหาทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ ยกเว้น… ปล่อยเธอไปและ…. รักเธอ!…แม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบอกว่ามันเป็นแค่งานเลี้ยงธรรมดา แต่มันก็เป็นงานเลี้ยงอลังการสำหรับหลิง อี้หรานชนชั้นสูงและบุคคลสาธารณะของเมืองเฉินหลายคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ หลิง อี้หรานเคยเห็นพวกเขาบางคนจากในข่าวเท่านั้นหลิง อี้หรานเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยการควงแขนอี้ จิ่นหลี ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในงาน เธอก็ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างมากเธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางเธอบางคนที
เธอได้รู้ข่าวมาจากพี่ชายของเธอว่าหลิง อี้หรานมีอี้ จิ่นหลีคอยคุ้มครองอยู่ และเธอต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เพราะอี้ จิ่นหลีครอบครัวของเธอถึงกับส่งเธอไปต่างประเทศ เพราะกลัวว่าอี้ จิ่นหลีจะมาแก้แค้นเธออีกแม้ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศ แต่เธอก็ยังจับตาดูข่าวสารของหลิง อี้หรานเธอได้ข่าวมาว่าหลิง อี้หรานย้ายออกจากคฤหาสน์อี้แล้ว และปัจจุบันอี้หรานก็อาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก เธอทำงานเป็นเพียงผู้ช่วยทนายในสำนักงานกฎหมายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสรุปว่าอี้ จิ่นหลีได้ทิ้งหลิง อี้หรานไปแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เธอรีบกลับมาในทันทีเธอวางแผนที่จะเอาคืนหลิง อี้หรานในอีกสองสามวันถัดไป และทำให้อี้หรานต้องเดินไม่ได้เหมือนเธอ เพื่อที่เธอจะได้กำจัดความเกลียดชังในใจทิ้งไป แต่เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เห็นหลิง อี้หรานในงานเลี้ยงเสียก่อน“คราวนี้เธอมากับใครล่ะ? เธอคงมาที่นี่เพราะอยากให้อี้ จิ่นหลีเข้ามาใกล้เธออีกครั้งล่ะสิ! อี้ จิ่นหลีก็แค่สนใจเธอชั่วขณะ ตอนนี้ไม่มีอี้ จิ่นหลีแล้ว เธอก็ไม่มีค่าอะไร คนอย่างเธอมีสิทธิ์มายืนตรงนี้ด้วยเหรอ?”เซียว จื่ออี้ตะคอกหลิง อี้หรานไม่สนใจเซียว จื่ออี้ เธอเพีย
‘แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก!’‘นอกจากนี้การแต่งงานของฉันกับอี้เหมิงจะดีที่สุดสำหรับตระกูลเซียว!’“ไปเถอะ ไปที่ทักทายท่านประธานหวางและคนอื่น ๆ กัน” เซียว จื่อฉีพยายามหยุดการทะเลาะวิวาททว่า เซียว จื่ออี้กลับไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลง “พี่คะ พี่หมายความว่ายังไง? พี่จะให้หลิง อี้หรานดูถูกตระกูลห่าวอย่างนั้นเหรอ? พี่ช่วยยืนหยัดเพื่อพี่อี้เหมิงหน่อยไม่ได้เหรอ?”“เธอลืมเรื่องในอดีตของเธอไปแล้วหรือไง?” เซียว จื่อฉีตะคอก“นั่นเป็นเพราะตอนนั้นอี้ จิ่นหลีคอยคุ้มครองเธอ แต่ตอนนี้เธอเลิกกับเขาแล้ว จะว่าไปตอนนี้เธอก็เป็นแค่ยัยบ้าเท่านั้นแหละ” เซียว จื่ออี้พูดเสียงดัง เธอต้องการให้ทุกคนรอบตัวได้ยินเรื่องนี้ทุกคนต่างหันไปมองที่เกิดเหตุ ผู้คนบางส่วนเห็นอกเห็นใจและบางส่วนอยากรู้อยากเห็น แต่เซียว จื่ออี้ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคิดว่าผู้คนกำลังรู้สึกเห็นใจหลิง อี้หรานเซียว จื่ออี้เริ่มพูดลำเส้นมากยิ่งขึ้น "อี้ จิ่นหลีก็แปลกคน เขาดันมาสนใจผู้หญิงที่พี่เขี่ยทิ้ง น่าแปลกใจเป็นบ้า แต่เขาก็หมดความสนใจกับยัยบ้านี่แล้ว หลิง อี้หราน ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธออยู่คุก เธอต้องคุกเข่าตลอดเวลา เลีย
เซียว จื่อฉีตื่นตระหนกและรีบพูดขึ้นว่า “นายน้อยอี้ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด จื่ออี้ยังเด็กและยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้โปรดยกโทษให้เธอด้วยเถอะครับ” จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่เซียว จื่ออี้ที่ยังอยู่บนพื้น “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”เซียว จื่ออี้รู้สึกโมโห! ‘ฉันเป็นคนถูกตบ แต่กลับต้องพูดขอโทษ!’‘แต่ฉันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ เพราะฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับอี้ จิ่นหลีได้ ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเซียวไม่มีอะไรเทียบอี้ จิ่นหลีได้เลย!’‘ฉันได้ข่าวมาว่าหลิง อี้หรานย้ายออกจากคฤหาสน์อี้และอาศัยอยู่ในบ้านเช่าขนาดเล็ก อี้ จิ่นหลีต้องทิ้งเธอไปแล้วสิ แต่ทำไม... อี้ จิ่นหลีถึงปกป้องหลิง อี้หราน?’‘อี้ จิ่นหลี... เป็นคนพาหลิง อี้หรานมางานเลี้ยงในวันนี้หรือเปล่า?’เซียว จื่ออี้รู้สึกสงสัย แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่เธอได้เธอลุกขึ้นอย่างงุ่มง่ามและกำลังจะพูดขอโทษ แต่หลิง อี้หรานกลับพูดว่า “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ แต่ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากเธอ”เซียว จื่ออี้ตกตะลึง ‘หมายความว่ายังไง? ฉันกำลังจะขอโทษ แต่เธอ...’“จริงสิ พี่ไม่ต้องการคำขอโทษ” อี้ จิ่นหลีพูด‘พี่?’ เซียว จื่อฉีรู้สึกประหลาดใจ เขาเคยได้ยินอี้ จิ่นหลีพูดกับอี้หร
ก่อนที่ห่าว อี้เหมิงจะก้าวออกไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีอีกครั้ง‘อี้ จิ่นหลียังคอยคุ้มครองหลิง อี้หรานอยู่อีกเหรอ? พวกเขาเลิกกันจริง ๆ หรือเปล่า?’ถ้าอี้ จิ่นหลียังคอยปกป้องหลิง อี้หราน มันก็ไม่ง่ายนักที่จะเล่นงานหลิง อี้หรานห่าว อี้เหมิงไม่พอใจที่เธอถูกบีบบังคับให้ออกจากวงการบันเทิงเพราะหลิง อี้หรานแต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าหลิง อี้หราน เธอต้องแสร้งทำเป็นคนดีและไม่สามารถตบตีอี้หรานได้ เธอทำได้เพียงแสดงความเกลียดชังในใจ‘ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างนี้... ตอนนั้นฉันก็คงจะจัดการกับหลิง อี้หราน และปล่อยให้เธอตายไปในคุก!’“พี่คะ พวกเราจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เซียว จื่ออี้รู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งรอดพ้นจากภัยพิบัติ เธอรู้สึกโชคดีที่เธอไม่ต้องขอโทษและจ่ายเงินชดเชยอะไรเซียว จื่อฉีขมวดคิ้ว เขาคิดว่าอี้ จิ่นหลีไม่ใช่คนใจอ่อน เขาจะเอาคืนอย่างรุนแรงถ้ามีคนมาทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง‘ตอนที่จื่ออี้พูดจาดูถูกหลิง อี้หรานก่อนหน้านั้น อี้ จิ่นหลีเพียงแค่ตบหน้าเธอและพูดจาวิพากษ์วิจารณ์... เหมือนกับว่า... เขาตบหัวแล้วลูบหลัง’‘เขา... จะปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ อย่างนั้