ถ้าเธอพูดชื่นชมดาราชาย เขาจะมองเธอด้วยสายตาเขม็ง และสุดท้ายเธอก็จะต้องเกลี้ยกล่อมเขาถ้าเธอไม่ทำเช่นนั้น เขาจะบอกพ่อแม่ของเธอเกี่ยวกับการไปเที่ยวบาร์ใต้ดินดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตีหน้าเศร้าเป็นครั้งคราวแต่ถ้าเธอมองข้ามความหึงหวงของไป๋ ทิงซินไป เธอก็พบว่าเขายังมีข้อดีอีกมากมาย เช่น ตอนที่เธอนั่งดูโทรศัพท์ เขาก็จะป้อนขนมใส่ปากเธอโดยอัตโนมัติ เมื่อเธอบ่นปวดหลัง เขาก็จะนวดให้เธอ และแม้แต่เธออยากได้ลายเซ็นของคนดัง เขาก็จะหามาให้ แน่นอนว่าเฉพาะของดาราหญิงเท่านั้นเมื่อเธอมองดูใบหน้าอมยิ้มของเพื่อนสนิท เธอก็ได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ของเหลียนอีกับทิงซินจะราบรื่นไปด้วยดีทว่า... เมื่อเธอนึกถึงภูมิหลังของไป๋ ทิงซินกับตระกูลไป๋ เธออดรู้สึกกังวลไม่ได้‘เรื่องราวของตระกูลไป๋นั้นซับซ้อน ไป๋ ทิงซินกลายมาเป็นผู้นำตระกูลไป๋ทั้งที่เขาเป็นลูกนอกสมรส แล้วแบบนี้มันจะอันตรายแค่ไหนกันนะ? คุณนายไป๋มีลูกชายถึงสองคนและทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะยินยอมให้ไป๋ ทิงซินปกครองไป๋ เฟิง กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ เหรอ?’‘หรือว่าพวกเขาคิดจะทำอย่างอื่นแทน? อย่างไรเสีย ลูกหลานที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจมักจะต
“ถ้าฉันอยากเจอคุณ ฉันก็ไม่สนใจเวลาหรอก ทิงซิน ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีที่เรามีกันและกัน” เธอพูด น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนหวานเธอโชคดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับอี้หราน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเสียใจกับอี้หรานเป็นอย่างมาก“ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ไป๋ ทิงซินมองไปที่คนตรงหน้า เขาดีใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเธอ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้ ราวกับว่าเธอไปเจอเรื่องอะไรมา“วันนี้ฉันไปหาอี้หรานมา เธอบอกว่าเธอกับอี้ จิ่นหลีกลับมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้งเพราะเหตุผลบางอย่าง ฉันรู้ว่าอี้หรานอยากจะเอาชนะอี้ จิ่นหลี แต่สถานการณ์กลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง” ชิน เหลียนอีพูดชิน เหลียนอีพูดต่ออย่างโกรธเคือง “ฉันไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าเขายังสนใจอี้หรานมาก แต่เขาเป็นคนที่อยากเลิกกับอี้หรานเอง คนเราต่างพูดกับว่าผู้หญิงเป็นเพศที่คาดเดาได้ยาก แต่ฉันคิดว่าเขาต่างหากที่เป็นคนคาดเดาได้ยาก”“อี้ จิ่นหลียังรักหลิง อี้หรานอยู่” ไป๋ ทิงซินโพล่งขึ้นมา“อะไรนะ?” ชิน เหลียนอีตกตะลึง “เขายังรักเธออยู่เหรอ?”“ใช่” เขาเห็นสายตาที่อี้ จิ่นหลีมองดูหลิง อี้หรานหลังจากเลิกกัน ในฐานะผู้ชาย เขาส
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ?” เธอสับสน “ฉันชอบคุณ แล้วคุณก็ชอบฉัน ก็ปกติไม่ใช่เหรอ?” แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่หัวโบราณรับรู้ได้นอกจากนี้... มันจะช่วยให้เธอจำได้ว่าพวกเขามีอะไรกันอย่างไร เธอจำการเผชิญหน้าครั้งก่อนไม่ได้!เขาหัวเราะกะทันหันเธอถามด้วยความงุนงงว่า “คุณหัวเราะอะไร? คุณคิดว่าฉันลุกแรงเกินไปหรือเปล่า?” ‘อืม... แต่ที่จริงฉันก็ไม่ใช่คนสงวนตัวเท่าไหร่’อันที่จริง ฉันไม่เคยสงวนตัวกับเขาเลยต่างหากล่ะ“ไม่แปลกใจเลยที่คุณเป็นผู้หญิงที่ผมหลงรัก!” เขาดึงเรียวนิ้วกลับมาและริเริ่มจูบเธอจูบที่เอ้อระเหยเริ่มรุนแรงขี้นเหลียนอีของเขาดูมีความปรารถนาแรงกล้าและแสดงออกอย่างจริงใจ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกล่อเธอ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเองจากความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอ เขาสามารถเป็นตัวเองและเผยธาตุแท้ของเขาได้!เขาโชคดีที่ได้พบเธอและตกหลุมรักเธอ! เธอเป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตของเขาเขาคิด ‘ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรักผู้หญิงคนนี้’…หลังจากหลิง อี้หรานกลับมาทำงาน รอยแดงบวมบนใบหน้าของเธอบรรเทาลงมากแล้ว เธอสามารถปกปิดรอยช้ำบนใบหน้าของเธอด้วยการทาครีม ดังนั้นคนอื่นจะไม่สังเกตเ
การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลิง อี้หรานรู้สึกว่าตัวเองไร้อำนาจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทันทีที่เธอดึงสติตัวเองกลับมา เธอก็พบว่ารถยนต์แล่นมาจอดอยู่ข้างหน้าร้านเสริมความงามที่อี้ จิ่นหลีเคยพาเธอมาทำผมก่อนหน้านี้หลิง อี้หรานตกใจและถามคนขับว่า “เรามาที่นี่กันทำไมคะ?”คนขับตอบอย่างเรียบง่ายว่า “คุณอี้รออยู่ข้างในครับ”หลิง อี้หรานไม่พูดอะไรและลงจากรถทันทีที่เธอเข้าไปในร้าน ผู้จัดการร้านก็ทักทายเธอและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหลิงใช่ไหมคะ? โปรดตามฉันมาข้างในนะคะ”หลิง อี้หรานเดินตามผู้จัดการร้านไปบนชั้นสอง อี้ จิ่นหลีนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมชุดสีม่วงอ่อนที่แขวนอยู่บนไม้แขวนข้าง ๆ เขาชุดราตรีที่ถูกประดับไปด้วยคริสตัลสีม่วงเข้มและสีขาวอย่างงดงาม ดูสง่างามและคลาสสิก“คืนนี้ไปงานเลี้ยงกับฉันนะ ลองสวมชุดดู” อี้ จิ่นหลีพูด“งานเลี้ยง?” หลิง อี้หรานตกตะลึง“ก็แค่งานเลี้ยงธรรมดา ๆ ไม่ต้องกังวลมากนัก” อี้ จิ่นหลีพูดหลิง อี้หรานเคยไปร่วมงานเลี้ยงกับเขามาก่อน แต่มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนักเธอสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันนี้หรือไม่หลิง อี้หรานเข้าไปในห้องลองเสื
“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะชอบมันไหม” เธอพูด“ทำไมล่ะ? ถ้าเธอไม่ชอบชุดนี้ เราเปลี่ยนชุดใหม่ก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่เขาหวงแหน‘เขาทำอย่างกับว่าฉันมีความสำคัญมากสำหรับเขา!’หลิง อี้หรานตกอยู่ในภวังค์ เขามักจะทำให้เธอเข้าใจผิดว่าพวกเขาไม่ได้เลิกกัน“แล้วถ้าฉันไม่ชอบเกมพี่น้องนี่ คุณยินดีที่จะหยุดความสัมพันธ์นี้ไหม?” เธอโพล่งออกมาดวงตาของเขาดูเขม็งขึ้น ทว่า รอยยิ้มจาง ๆ กลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา “อย่าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้! ไม่มีวัน!”เขาอยากให้เธออยู่กับเขาตลอดไปและเป็นพี่สาวของเขา!เขาให้เธอได้ทุกอย่าง เขาสามารถหาทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ ยกเว้น… ปล่อยเธอไปและ…. รักเธอ!…แม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบอกว่ามันเป็นแค่งานเลี้ยงธรรมดา แต่มันก็เป็นงานเลี้ยงอลังการสำหรับหลิง อี้หรานชนชั้นสูงและบุคคลสาธารณะของเมืองเฉินหลายคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ หลิง อี้หรานเคยเห็นพวกเขาบางคนจากในข่าวเท่านั้นหลิง อี้หรานเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยการควงแขนอี้ จิ่นหลี ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในงาน เธอก็ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างมากเธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางเธอบางคนที
เธอได้รู้ข่าวมาจากพี่ชายของเธอว่าหลิง อี้หรานมีอี้ จิ่นหลีคอยคุ้มครองอยู่ และเธอต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เพราะอี้ จิ่นหลีครอบครัวของเธอถึงกับส่งเธอไปต่างประเทศ เพราะกลัวว่าอี้ จิ่นหลีจะมาแก้แค้นเธออีกแม้ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศ แต่เธอก็ยังจับตาดูข่าวสารของหลิง อี้หรานเธอได้ข่าวมาว่าหลิง อี้หรานย้ายออกจากคฤหาสน์อี้แล้ว และปัจจุบันอี้หรานก็อาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก เธอทำงานเป็นเพียงผู้ช่วยทนายในสำนักงานกฎหมายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสรุปว่าอี้ จิ่นหลีได้ทิ้งหลิง อี้หรานไปแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เธอรีบกลับมาในทันทีเธอวางแผนที่จะเอาคืนหลิง อี้หรานในอีกสองสามวันถัดไป และทำให้อี้หรานต้องเดินไม่ได้เหมือนเธอ เพื่อที่เธอจะได้กำจัดความเกลียดชังในใจทิ้งไป แต่เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เห็นหลิง อี้หรานในงานเลี้ยงเสียก่อน“คราวนี้เธอมากับใครล่ะ? เธอคงมาที่นี่เพราะอยากให้อี้ จิ่นหลีเข้ามาใกล้เธออีกครั้งล่ะสิ! อี้ จิ่นหลีก็แค่สนใจเธอชั่วขณะ ตอนนี้ไม่มีอี้ จิ่นหลีแล้ว เธอก็ไม่มีค่าอะไร คนอย่างเธอมีสิทธิ์มายืนตรงนี้ด้วยเหรอ?”เซียว จื่ออี้ตะคอกหลิง อี้หรานไม่สนใจเซียว จื่ออี้ เธอเพีย
‘แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก!’‘นอกจากนี้การแต่งงานของฉันกับอี้เหมิงจะดีที่สุดสำหรับตระกูลเซียว!’“ไปเถอะ ไปที่ทักทายท่านประธานหวางและคนอื่น ๆ กัน” เซียว จื่อฉีพยายามหยุดการทะเลาะวิวาททว่า เซียว จื่ออี้กลับไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลง “พี่คะ พี่หมายความว่ายังไง? พี่จะให้หลิง อี้หรานดูถูกตระกูลห่าวอย่างนั้นเหรอ? พี่ช่วยยืนหยัดเพื่อพี่อี้เหมิงหน่อยไม่ได้เหรอ?”“เธอลืมเรื่องในอดีตของเธอไปแล้วหรือไง?” เซียว จื่อฉีตะคอก“นั่นเป็นเพราะตอนนั้นอี้ จิ่นหลีคอยคุ้มครองเธอ แต่ตอนนี้เธอเลิกกับเขาแล้ว จะว่าไปตอนนี้เธอก็เป็นแค่ยัยบ้าเท่านั้นแหละ” เซียว จื่ออี้พูดเสียงดัง เธอต้องการให้ทุกคนรอบตัวได้ยินเรื่องนี้ทุกคนต่างหันไปมองที่เกิดเหตุ ผู้คนบางส่วนเห็นอกเห็นใจและบางส่วนอยากรู้อยากเห็น แต่เซียว จื่ออี้ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคิดว่าผู้คนกำลังรู้สึกเห็นใจหลิง อี้หรานเซียว จื่ออี้เริ่มพูดลำเส้นมากยิ่งขึ้น "อี้ จิ่นหลีก็แปลกคน เขาดันมาสนใจผู้หญิงที่พี่เขี่ยทิ้ง น่าแปลกใจเป็นบ้า แต่เขาก็หมดความสนใจกับยัยบ้านี่แล้ว หลิง อี้หราน ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธออยู่คุก เธอต้องคุกเข่าตลอดเวลา เลีย
เซียว จื่อฉีตื่นตระหนกและรีบพูดขึ้นว่า “นายน้อยอี้ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด จื่ออี้ยังเด็กและยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้โปรดยกโทษให้เธอด้วยเถอะครับ” จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่เซียว จื่ออี้ที่ยังอยู่บนพื้น “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”เซียว จื่ออี้รู้สึกโมโห! ‘ฉันเป็นคนถูกตบ แต่กลับต้องพูดขอโทษ!’‘แต่ฉันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ เพราะฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับอี้ จิ่นหลีได้ ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเซียวไม่มีอะไรเทียบอี้ จิ่นหลีได้เลย!’‘ฉันได้ข่าวมาว่าหลิง อี้หรานย้ายออกจากคฤหาสน์อี้และอาศัยอยู่ในบ้านเช่าขนาดเล็ก อี้ จิ่นหลีต้องทิ้งเธอไปแล้วสิ แต่ทำไม... อี้ จิ่นหลีถึงปกป้องหลิง อี้หราน?’‘อี้ จิ่นหลี... เป็นคนพาหลิง อี้หรานมางานเลี้ยงในวันนี้หรือเปล่า?’เซียว จื่ออี้รู้สึกสงสัย แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่เธอได้เธอลุกขึ้นอย่างงุ่มง่ามและกำลังจะพูดขอโทษ แต่หลิง อี้หรานกลับพูดว่า “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ แต่ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากเธอ”เซียว จื่ออี้ตกตะลึง ‘หมายความว่ายังไง? ฉันกำลังจะขอโทษ แต่เธอ...’“จริงสิ พี่ไม่ต้องการคำขอโทษ” อี้ จิ่นหลีพูด‘พี่?’ เซียว จื่อฉีรู้สึกประหลาดใจ เขาเคยได้ยินอี้ จิ่นหลีพูดกับอี้หร
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค