ก่อนที่ห่าว อี้เหมิงจะก้าวออกไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีอีกครั้ง‘อี้ จิ่นหลียังคอยคุ้มครองหลิง อี้หรานอยู่อีกเหรอ? พวกเขาเลิกกันจริง ๆ หรือเปล่า?’ถ้าอี้ จิ่นหลียังคอยปกป้องหลิง อี้หราน มันก็ไม่ง่ายนักที่จะเล่นงานหลิง อี้หรานห่าว อี้เหมิงไม่พอใจที่เธอถูกบีบบังคับให้ออกจากวงการบันเทิงเพราะหลิง อี้หรานแต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าหลิง อี้หราน เธอต้องแสร้งทำเป็นคนดีและไม่สามารถตบตีอี้หรานได้ เธอทำได้เพียงแสดงความเกลียดชังในใจ‘ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างนี้... ตอนนั้นฉันก็คงจะจัดการกับหลิง อี้หราน และปล่อยให้เธอตายไปในคุก!’“พี่คะ พวกเราจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เซียว จื่ออี้รู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งรอดพ้นจากภัยพิบัติ เธอรู้สึกโชคดีที่เธอไม่ต้องขอโทษและจ่ายเงินชดเชยอะไรเซียว จื่อฉีขมวดคิ้ว เขาคิดว่าอี้ จิ่นหลีไม่ใช่คนใจอ่อน เขาจะเอาคืนอย่างรุนแรงถ้ามีคนมาทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง‘ตอนที่จื่ออี้พูดจาดูถูกหลิง อี้หรานก่อนหน้านั้น อี้ จิ่นหลีเพียงแค่ตบหน้าเธอและพูดจาวิพากษ์วิจารณ์... เหมือนกับว่า... เขาตบหัวแล้วลูบหลัง’‘เขา... จะปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ อย่างนั้
หวา ลี่ฟางมักจะเกาะติดกู้ ลี่เฉินมาเข้าร่วมงานที่มีผู้คนพลุกพล่าน ราวกับว่าเธอเป็นแฟนของเขา ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนบนอินเทอร์เน็ตเชื่อว่าหวา ลี่ฟางเป็นแฟนของกู้ ลี่เฉิน แม้ว่ากู้ ลี่เฉินจะไม่เคยประกาศว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันก็ตามกู้ ลี่เฉินให้หวา ลี่ฟางมาวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ให้เธอได้แสดงหนังและละครโทรทัศน์ และยังพาเธอไปออกงานต่าง ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังคบหากันอยู่หลิง อี้หรานรู้เรื่องนี้จากข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตข่าวซุบซิบเกี่ยวกับกู้ ลี่เฉินมักจะเป็นหัวข้อที่ข่าวมีผู้คนค้นหามากที่สุด บางครั้งหลิง อี้หรานก็ไม่สามารถละเลยการอ่านข่าวของเขาได้ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการอ่านมันก็ตามหวา ลี่ฟางถูกวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตว่าดูจืดชืด ธรรมดา ไร้การศึกษา และยังเป็นแม่หม้าย เธอแฟนสาวที่แย่ที่สุดตั้งแต่กู้ ลี่เฉินเคยคบมา!บางคนถึงกับบอกว่ากู้ ลี่เฉินอาจจะโดนของถึงได้เลือกผู้หญิงเช่นนี้ทว่า ตระกูลกู้ไม่เคยแสดงความคิดเห็นของเขาต่อหวา ลี่ฟางในพื้นที่สาธารณะต่อมาภายหลัง ผู้จัดการของหวา ลี่ฟางได้เปิดเผยข้อความบนอินเทอร์เน็ตว่าพวกเขาจะฟ้องร้องใครก็ตามที่พูดจาดูหมิ่นหวา ลี่ฟางทุกคนต่างรู้จักผู้จ
หลิง อี้หรานมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง จากนั้นเธอจึงตระหนักได้ว่ากู้ ลี่เฉินกับหวา ลี่ฟางกำเดินเข้ามา“อี้หราน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เธอ… มากับคุณอี้เหรอ?” หวา ลี่ฟางถามด้วยความสงสัย ‘เธอเลิกกับอี้ จิ่นหลีแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ด้วยกัน? เกิดอะไรขึ้น?’เธอกังวลว่าหลิง อี้หรานจะบอกความจริงทุกอย่างให้ลี่เฉินฟัง เธอจึงทำทุกอย่างให้หลิง อี้หรานดูแย่ต่อหน้าลี่เฉิน และคอยพูดตอกย้ำว่าเธอคือเด็กสาวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในวัยเด็กแต่ว่าหลิง อี้หรานก็ไม่เคยมาเจอกู้ ลี่เฉินอีกเลย จนกระทั่งเธอมาพบหลิง อี้หรานที่งานนี้!“แล้วยังไงล่ะ? เธอมาที่นี่กับฉันไม่ได้หรือไง?” อี้ จิ่นหลีโพล่งถามขึ้น“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” หวา ลี่ฟางฝืนยิ้มกู้ ลี่เฉินจ้องมองเขาขณะถามขึ้นว่า “ทำไมนายถึงมาอยู่กับเธอได้?”เขายิงคำถามออกไปตรง ๆ ไม่มีแม้แต่จะอ้อมค้อม!“ฉันบอกนายแล้วไง ว่า… ห้ามแตะต้องเธอ” อี้ จิ่นหลีไม่ตอบคำถาม เพียงแต่พูดถึงเรื่องอื่น“นายมาสั่งฉันไม่ได้หรอกนะ” กู้ ลี่เฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชากู้ ลี่เฉินจ้องมองใบหน้าของหลิง อี้หรานอีกครั้ง “ผมคิดว่าคุณบอกผมว่าคุณจะไม่รักจิ่นหลีอีกต่อไปแล้ว
หวา ลี่ฟางมองดูชุดเดรสสีม่วงอ่อนของหลิง อี้หรานด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความอิจฉาริษยาแม้ว่าเธอจะถูกใจชุดเดรสสีม่วง แต่ลี่เฉินกลับปฏิเสธที่จะมอบชุดสีม่วงให้แก่เธอ และส่งเธอไปที่ร้านเสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดอื่นแทนทันทีที่เธอเลือกชุดเดรสสีม่วง ลี่เฉินหลับพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่ามันไม่เหมาะกับสีผิวของเธอ เธอจึงต้องเปลี่ยนไปเลือกเดรสสีเบจในขณะที่หลิง อี้หรานได้สวมชุดสีม่วง และนี่มันเหมือนกับเธอถูกตบหน้า!“อี้หราน ลี่เฉินแค่สงสัยว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่กับคุณอี้ได้ คุณสองคนเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือพวกเราเข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่า? หรือว่าชีวิตของเธอแย่ลงหลังจากเธอจากคุณอี้ไป เธอเลยทำอะไรไม่ได้และกลับไปเขา ใช่ไหม?” หวา ลี่ฟางแสร้งทำเป็นกังวลหวา ลี่ฟางจงใจทำให้คนอื่นคิดว่าหลิง อี้หรานกลับมาอยู่กับอี้ จิ่นหลีเพราะเธอคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบเศรษฐีแล้ว หลังจากเลิกรากับอี้ จิ่นหลี เธอจึงรู้สึกไม่พอใจในสถานะการเงินและความสะดวกสบายทางวัตถุ ดังนั้นเธอจึงกลับมาหาอี้ จิ่นหลีอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ลี่ฟางคิดและพูดพาดพิงเธอแบบนั้น ในสายตาของอีกสามคนที่เหลือต่างจ้องมองดูเธอด้วยความสงสาร
เธอตัดสินใจเองว่าเธอจะไม่บอกความจริงแก่เขา ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรต้องเสียใจ“ฉันว่าเรากลับกันเถอะ” หลิง อี้หรานหันไปพูดกับอี้ จิ่นหลี“อืม” อี้ จิ่นหลียิ้มอย่างอ่อนโยน อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้บรรลุความต้องการของเขาแล้วเหตุผลที่เขาพาเธอมาที่นี่ในวันนี้เพราะเขาต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเธออยู่เคียงข้างเขา เพื่อให้คนในชนชั้นสูงรู้ว่าเธอยังเป็นผู้หญิงของเขา จากนั้นจะไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!นอกจากนี้… เขายังต้องการให้กู้ ลี่เฉินรู้ว่าเธอกลับมาหาเขาแล้วและหยุดลี่เฉินให้นึกถึงเธอ!อี้ จิ่นหลีกำลังเดินไปทางออกพร้อมกับหลิง อี้หรานทันทีที่พวกเขาก้าวไปได้สองสามก้าว กู้ ลี่เฉินกลับคว้าข้อมือและหยุดหลิง อี้หรานไว้“คุณจะกลับมาหาเขาทำไมในเมื่อคุณไม่ได้รักเขาแล้ว?” กู้ ลี่เฉินถามขณะจ้องไปที่หลิง อี้หราน ราวกับว่าเขาต้องการคำตอบจากเธอให้ได้“นั่นเป็นเรื่องของฉัน! คุณไม่มีสิทธิ์มาถามแบบนี้ คุณกู้” หลิง อี้หรานพูดและพยายามดึงมือของเธอกลับมาทว่า กู้ ลี่เฉินกลับไม่ปล่อยมือเธอ ดวงตาฟีนิกซ์ยังคงจ้องมองเธออย่างจริงจังอี้ จิ่นหลีหันกลับไปมองกู้ ลี่เฉินพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาเอื้อมมือไปโอบเอวของหลิง อ
‘จิ่นหลีกับหลิง อี้หรานกลับมาคบกัน... แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อนึกถึงเรื่องนี้’ตอนที่จิ่นหลีกอดหลิง อี้หรานไว้ในอ้อมแขน เขารู้สึกอิจฉาและอยากจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้น ๆ…“อะไรหอบนายมาที่นี่?” เสียงหนึ่งดังขึ้นกู้ ลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง มันเป็นเสียงของเย่ ฉงเว่ย เพื่อนที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก“นายก็มาร่วมงานเหมือนกันสินะ” กู้ ลี่เฉินพูด“ใช่ ฉันอยากจะมาทักทายตอนที่ฉันเห็นนายกับจิ่นหลีอยู่ด้วยกัน แต่ฉันรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น” เย่ ฉงเว่ยพูดเขาจึงชะงักครู่หนึ่งเพราะกลัวว่าการปรากฏตัวของเขาจะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลง เขายืนอยู่ข้าง ๆ และเฝ้าดูให้สถานการณ์คลี่คลายเขากำลังจะพุ่งเข้าไปเมื่อเห็นลี่เฉินคว้าแขนของหลิง อี้หรานเอาไว้ เขากลัวว่าผู้ชายทั้งสองคนจะต่อสู้กัน โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเพิ่งเดินเข้ามาหาลี่เฉิน“นายรู้ไหม จิ่นหลีห่วงใยหลิง อี้หรานมากแค่ไหน การแสดงออกของเขาดูเหมือนว่าเขากำลังจะฆ่าใครสักคน ทำไมนายถึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก? นายก็หาผู้หญิงในวงการบันเทิงได้มากมายไม่ใช่เหรอ?” เย่ ฉงเว่ยพูดผู้หญิงแสนสวยในวงการบันเทิงหลายคนอยากจะเข้ามาพัวพ
เธอหลอกล่อหยู ข่ายฮ่าวและทำให้เขาเปลี่ยนใจพาเธอเข้ามาร่วมงานเลี้ยงนี้แทนแฟนสาวที่เป็นดาราหน้าใหม่ของเขาได้เธอต้องการเข้าร่วมงานนี้เพราะทำความรู้จักกับแวดวงสังคมชั้นสูงทว่า หยู ข่ายฮ่าวกลับไม่มีอารมณ์ให้ความสนใจกับความเจ้ามารยาของหญิงสาว ทั้งหมดที่เขาคิดได้คือ... เขาควรทำอย่างไร!…อี้ จิ่นหลีมาส่งหลิง อี้หรานที่บ้านเช่า“ฉันเหนื่อยนิดหน่อยและอยากจะเข้านอนแล้ว” หลิง อี้หรานพูดราวกับต้องการสั่งให้อี้ จิ่นหลีออกไป แต่เขากลับไม่มีความคิดที่จะจากไปเขาปัดปอยผมที่ติดอยู่กับแก้มของเธอแล้วหมุนวนด้วยนิ้วของเขาอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดก่อนหน้า “เธอบอกกู้ ลี่เฉินจริง ๆ เหรอว่าเธอจะไม่รักฉันแล้ว?”หลิงอี้หรานเม้มปาก มองใบหน้าที่อยู่ใกล้ ก่อนจะตอบว่า “ใช่”ท่าทางของอี้ จิ่นหลีดูเปลี่ยนไป“คุณคิดว่าฉันควรจะรักคุณต่อไปหลังจากที่เราเลิกกันไหมล่ะ?” เธอถามอย่างหยอกล้อ“แล้วเธอจะรักใคร?” อี้ จิ่นหลีถามขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง"มันไม่จำเป็นหรอกว่าต่อจากนี้ไปฉันจะรักใคร แต่ฉันก็จะไม่รักคุณอีกแล้ว ฉันเป็นพี่สาวของคุณ และคุณก็เป็นน้องชายของฉัน ใช่ไหม?” จู่ ๆ เธอก็ยิ้มให้เขารอยยิ้มของเธอดูเจิดจ้า
หลิง อี้หรานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยพูดอย่างนั้นเมื่อตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรก ตอนนั้นเขาเป็นคนอ่อนโยน ใส่ใจผู้อื่น และไม่สนใจว่าเธอจะเคยอยู่ในคุกมาก่อน เธอคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้ว… เขามีด้านที่เจ้าเล่ห์และเย็นชา มือของเขาเปื้อนเลือด… เขาไม่มีทางเป็นคนดีได้“บอกฉันสิว่าเธอจะทำยังไงถ้าฉันเข้าไปพัวพันกับกวอ ซิ่นหลี่?” เขาถามเพื่อต้องการทดสอบเธอดวงตารูปอัลมอนด์จ้องมาที่เขาด้วยความตั้งใจแน่วแน่ “อย่าแตะต้องกวอ ซิ่นหลี่ ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่ให้อภัยคุณอีกเลย!”เธอทำได้แค่พูดขู่เขาเท่านั้น!ใบหน้าของเขาดูโกรธมากขึ้น “เธอดูจริงจังกับเรื่องของกวอ ซิ่นหลี่ แล้วแบบนี้เธอยังจะปฏิเสธไหมว่าเธอไม่ได้แคร์เขา?”‘เป็นห่วงเขาหรือเปล่า?’ หลิง อี้หรานถามตัวเอง เธอไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อกวอ ซิ่นหลี่หรืออาจมีบางสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดาเกี่ยวกับตัวเขาที่ทำให้เธอรู้สึกว่าอยากให้เขาอยู่รอดปลอดภัยยิ่งคนเราได้สัมผัสกับความมืดหม่นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกว่าความเรียบง่ายและความธรรมดานั้นเป็นคุณสมบัติที่มีค่าที่สุด!“ฉันแค่ไม่ต้องการให้ใครต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะฉัน และฉันไม่อยากรู้สึกผิดอีก”
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค