หลิง อี้หรานตกใจกับคำว่า ‘จองทั้งร้าน’ แม้ว่าตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจตระกูลอื่นในเมืองเฉินจะต้องการจองร้านอาหารทั้งร้านเช่นนี้ แต่ร้านอาหารก็ไม่เคยยินยอมมีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ จิ่นหลีถึงต้องลงทุนจองร้านอาหารทั้งร้านแบบนี้ด้วยเธอเดินตามเกา ฉงหมิงไปที่ชั้นสามและเห็นอี้ จิ่นหลีกำลังมองดูเมนูในมือ เขานั่งอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ มันเป็นเพียงโต๊ะตัวเดียวในห้องโถงใหญ่ ทันทีที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอดวงตาสีเข้มเป็นประกายในขณะที่ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างสดใส ท่าทางของเขาในตอนนี้อาจทำให้ใครหลายคนอาจประทับใจได้ เป็นรอยยิ้มที่ยากจะลืมเลือน‘นี่คือสิ่งที่พวกเขาเคยพูดกันว่าแค่สบตาเพียงครั้งเดียวก็จดจำไปชั่วนิรันดร์ใช่ไหม?’หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าและเดินไปหาอี้ จิ่นหลี “ฉันมาแล้ว ฉันต้องการให้คุณช่วยพี่โจวกับอาหยันน้อยจากเย่ เหวินหมิง ได้ไหม?”อี้ จิ่นหลียิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่งลงก่อน”หลิง อี้หรานเม้มปาก ขณะที่เกา ฉงหมิงดึงเก้าอี้ของเธอออกมาเธอลังเลก่อนจะนั่งลง จากนั้น อี้ จิ่นหลีก็ยื่นเมนูให้เธอและพูดว่า
‘แล้วฉันได้ครอบครองพื้นที่ในหัวใจของเธอบ้างไหม?’‘ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้มันคือความรู้สึกหึงหวงใช่ไหม?’“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เธอจะมาหาฉันไหม?” เขาถามขณะจ้องมองเธอเธอเงียบและไม่พูดอะไร แต่การเงียบของเธอนั้นคือคำถามแล้วบรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นโชคดีที่พนักงานเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหาร ราวกับภาพถ่ายในนิตยสารอาหารทว่า หลิง อี้หรานไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิด ทั้งหมดที่เธอนึกถึงมีเพียงพี่โจวและอาหยันน้อยเท่านั้น‘ถ้าเย่ เหวินหมิงต้องการพรากอาหยันน้อยไป...’ หลิง อี้หรานนึกถึงครั้งล่าสุดที่โจว เชียนหยุนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บ‘เย่ เหวินหมิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหยันน้อยมีตัวตนอยู่ พี่โจวไม่อยากเกี่ยวข้องกับเย่ เหวินหมิงจนทำร้ายตัวเอง แล้วครั้งนี้...’หลิง อี้หรานไม่อยากจะจินตนาการต่อไป“กินสิ” เสียงเย็นชาของอี้ จิ่นหลีดังขึ้น นิ้วยาวหยิบตะเกียบที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะคีบอาหารไปใส่ในชามของหลิง อี้หราน “ลองดูสิ อร่อยมาก”หลิง อี้หรานพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณช่วยพาพี่โจวกับอาหยันน้อยออกไปก่อนได้ไหม? อี้ จิ่นหลี ฉันขอร้องล่ะ ได้ไหม? ฉันก
เขาเคยพูดว่าสักวันหนึ่งเธอจะขอร้องเพื่อเป็นพี่สาวของเขาอีกครั้งแน่นอนว่าทุกสิ่งที่เขาพูดย่อมเป็นจริง!เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ฉัน… ฉันจะเป็นพี่สาวของคุณ เพราะงั้นคุณช่วยพี่โจวกับอาหยันน้อยจากเย่ เหวินหมิงได้ไหม? จากนั้นส่งคนมาปกป้องพวกเขา อย่างน้อย... เย่ เหวินหมิงก็ไม่สามารถแตะต้องตัวพวกเขาได้!”มันเป็นการตัดสินใจของเธอ หนทางเดียวที่เธอจะสามารถปกป้องพี่โจวกับอาหยันน้อยได้ คือการตกลงยินยอมเป็นพี่สาวของอี้ จิ่นหลี่ ถ้าเธอปกป้องพวกเขาได้ เธอก็เต็มใจที่จะทำมันพี่โจวยื่นมือมาช่วยเธอทุกครั้งที่เธอมีปัญหา ในขณะที่อาหยันน้อย... บริสุทธิ์มากจนเธอรู้สึกอยากปกป้องเขา!“แน่นอน” เขาพูดพร้อมกับยกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา กดหมายเลขของเกา ฉงหมิงและสั่งงานเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิง อี้หราน “พอใจหรือยัง?”“จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าพี่โจวกับอาหยันน้อยออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว?” เธอถาม“คงไม่นานมาก พอแล้ว มากินข้าวกันเถอะพี่สาว” เขาพูดอย่างอ่อนโยนและยิ้มให้เธอเหมือนเคยหลิง อี้หรานตัวสั่นและหยิบตะเกียบของเธอขึ้นมาอย่างแข็งทื่ออาหารเหล่านี้อร่อยแต่เธอกลับพบว่ามันจืดชืด เพราะเธอ
เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณจะย้ายมาที่นี่เหรอ?”“มีอะไรหรือเปล่า? เราก็เคยอยู่ด้วยกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ?” เขาถามกึ่งขบขัน‘แต่มันจะเหมือนเดิมได้ยังไง?’ หลิง อี้หรานเม้มริมฝีปากบางเข้าด้วยกัน เธอไม่รู้จะตอบอะไรจนเวลาผ่านไปสักพัก “หรือว่าพี่ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ พี่สาว?” เขาถามขณะก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ แก้มขอเธอลมหายใจของเขารดโรยรินอยู่บนใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเขาเป็นเหมือนกันผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า ตอนนี้เธออยู่ใกล้เขามากจนสามารถมองเห็นขนตาของเขาได้เธอต้องการเบือนหน้าหนีเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของเขาทว่า เรียวนิ้วยาวกลับจับคางของเธอเอาไว้เพื่อบังคับให้เธอมองมาที่เขา“เป็นอะไรไป? ตอบยากนักเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเย็นชา ดวงตาสีดำนิลจ้องมาที่เธอ ราวกับต้องการมองทะลุผ่านเข้ามาในตัวเธอ “เธอเสียใจเหรอ? เสียใจที่ต้องตอบตกลงเพราะโจว เชียนหยุนใช่ไหม?”“ฉัน… จะไม่เสียใจ ฉันแค่ไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง… รวดเร็วแบบคุณ อี้ จิ่นหลี ฉันแค่อยากให้คุณให้เวลาฉันทำความคุ้นเคยอีกครั้ง ได้ไหม?” หลิง อี้หรานพูดอย่างขมขื่นน้ำเสียงของเธอแทบจะอ้อนวอน ในขณะที่แววตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ “ถ้านี่เป็นคำขอของเธอ
โจว เชียนหยุนจำได้ว่าหลิง อี้หรานเคยเล่าให้เธอฟังว่าเธอพบอี้ จิ่นหลีได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องนี้มาบ้างย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอคร่ำครวญว่าโชคชะตานำพาคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาอยู่ด้วยกันได้อย่างปาฏิหาริย์แต่ว่าตอนนี้เธอกลับเริ่มสงสัยว่าชะตากรรมดังกล่าวอาจเป็นความหายนะหรือไม่“เธอไม่จำเป็นต้องทนทรมานเพื่อฉันแบบนี้!” โจว เชียนหยุนพูดด้วยความรู้สึกผิด“มันไม่ใช่เกี่ยวกับพี่ พี่โจว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิด อี้ จิ่นหลีพยายามทำให้ฉันกลายเป็นพี่สาวของเขาอีกครั้ง ต่อให้ไม่ใช่เพราะพี่ แต่ก็คงเป็นเพราะเรื่องอื่นอยู่ดี” หลิง อี้หรานพูดตราบใดที่อี้ จิ่นหลีตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้ว เขามักจะทำมันให้สำเร็จต่อให้เธอปฏิเสธเขาได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่เธอจะหนีจากเขาไปได้สักกี่หน? บางทีการปฏิเสธของเธออาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกมเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกท้าทายมากยิ่งขึ้น“แต่ว่า...” โจว เชียนหยุนอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้“พี่โจว อย่างน้อยพี่กับอาหยันน้อยก็สามารถอยู่ในเมืองเฉินได้ต่อไปโดยไม่ต้องกังวลอะไร ฉันเป็นอดีตนักโทษที่ได้รับการล้างมลทินให้ชื่อของตัวเองแล้วก็จริง แต่ฉันเป็นเพียงผู้ช่วยทนายตั
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะช่วยพี่เอง แค่เตรียมตัวให้พร้อม และอย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป” หลิง อี้หรานพูด“ขอบใจนะ อี้หราน” โจว เชียนหยุนพูดถ้าไม่ใช่เพราะอี้หราน เธอก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปและเธอคงไม่สามารถหนีมาจากเย่ เหวินหมิงได้!หลิง อี้หรานเดินจากโจว เชียนหยุนมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเธอไม่ได้บอกโจว เชียนหยุนว่าถ้าเย่ เหวินหมิงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิ์เลี้ยงดู เขาก็มีโอกาสที่จะชนะคดีเพราะโจว เชียนหยุนมีชีวิตที่ไม่มั่นคงและเป็นอดีตนักโทษ ในขณะที่เย่ เหวินหมิงเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในเมืองเอส และดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีประวัติที่เสื่อมเสียหรือเสียชื่อเสียงมาก่อน เขาสามารถทำให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ตอนนี้ยังมีข่าวลือว่าเย่ เหวินหมิงและคง จื่ออินกำลังจะแต่งงานกันครอบครัวปกติมีข้อได้เปรียบมากกว่าครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว สิ่งเหล่านี้จะทำให้โจว เชียนหยุนเสียเปรียบ‘ฉันจะช่วยพี่โจวแก้ปัญหาปัจจุบันของเธอได้ยังไง?’หลิง อี้หรานรู้สึกกังวล และก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เธอก็เดินมาถึงประตูบ้านเช่าของเธอแล้วทันทีที่เธอเปิดประตูออก เธอก็เห็นอี้ จิ่นหลีนั่งอยู่ในบ้านอี
แววตาของอี้ จิ่นหลีดูมืดหม่นลงทันที‘ขัดแย้งกัน... ใช่ มันขัดแย้งกัน!’ เขากลัวว่าเขาจะรักเธอมากเกินไปจนวันหนึ่งเขาจะซ้ำรอยพ่อที่สูญเสียศักดิ์ศรีและจบชีวิตลงเพื่อความรัก เขาปล่อยให้เธอควบคุมอารมณ์ของเขาไม่ได้!แต่หลังจากที่เลิกกับเธอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากเจอเธอและจบลงด้วยการบังคับให้เธออยู่เคียงข้างเขา“แล้วเธอรู้อะไรไหม? คนเดียวในโลกที่ทำให้ฉันขัดแย้งก็คือเธอ!” ริมฝีปากบางของเขาแยกจากกันขณะที่เขาจ้องมองเธอหลิง อี้หรานตกตะลึงขณะที่เธอจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยความสับสน ‘เขาหมายความว่ายังไง?’สายตาเขาที่มองมาที่เธอสื่อให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความยับยั้งชั่งใจ มันขัดแย้งกันอย่างมาก!...วันรุ่งขึ้น หลังจากที่หลิง อีห้รานเลิกงานแล้วและกำลังเดินออกจากตัวอาคาร คนขับรถของตระกูลอี้ก็รีบเดินเข้ามาหาเธอ “คุณอี้ต้องการพบคุณครับ คุณหลิง”หลิง อี้หรานเม้มปากเข้าหากันก่อนจะเดินตามคนขับเข้าไปในรถโดยไม่พูดอะไรกวาน ลี่หลี่แอบมองดูเหตุการณ์นี้อีกครั้ง‘เป็นรถมายบัคคันเดิม’ กวาน ลี่หลี่คิดในใจ‘ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหลิง อี้หรานกับหยู ข่
อี้ จิ่นหลีเพียงนุ่งผ้าเช็ดตัวปิดบังท่อนล่าง ในขณะที่เปลือยท่อนจนเห็นกล้ามเนื้อแกร่ง ผมของเขาเปียกโชกและมีน้ำหยดลงมาประปรายเมื่อเขาเห็นหลิงอี้หรานอยู่ในห้อง เขาก็ส่งยิ้มให้เธอ “มาแล้วเหรอ”“อืม” เธอมองออกไปอย่างไม่สบายใจ“เป็นอะไรไป? เขินเหรอ” เขาเดินเข้ามาหาเธอ “พี่จะไม่ช่วยเช็ดผมให้แห้งหน่อยหรือไง? ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่พี่พาผมไปห้องเช่า พี่ยังเช็ดผมให้ผมเลย พี่สาว”“คุณอยู่สูงเกินไปที่ฉันจะเช็ดผมให้คุณได้ ทำไมคุณไม่...”ก่อนที่เธอจะพูดจบ เขาก็โน้มตัวลง “แล้วตอนนี้จะเช็ดผมได้หรือยัง?”การโน้มตัวเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้เธอตกใจ และเมื่อเธอเอียงหน้าเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับดวงตาคู่สวยของเขาดวงตาของเขาเหมือนมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถหยุดจ้องมองได้จากนั้นเขาก็เอาผ้าขนหนูมายัดใส่มือของเธอ “ผมชอบเวลาที่พี่ช่วยเช็ดผม”หลิง อี้หรานถือผ้าเช็ดตัวไว้ในมือ เธอวางมันไว้เหนือศีรษะของเขาและเริ่มเช็ดผมเปียกปอนของเขาให้แห้งเมื่อเธอเห็นว่าผ้าเช็ดตัวบังตาของเขาเอาไว้ เธอก็รู้สึกโล่งใจเธอไม่ได้ช่วยเช็ดผมให้แห้งแค่ตอนที่พวกเขาอยู่ในบ้านเช่าเท่านั้น แต่เธอก็ยังทำแบบเดียว
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค