แม้ว่าเขาจะสั่งให้คนของเขาหยุดเธอไว้ แต่เขากลับต้องการเห็นเธอด้วยตาของเขาเองและถามเธอว่าเด็กคนนี้คือใคร!ทว่า เขากลับแปลกใจที่เห็นเด็กคนนี้เป็นครั้งที่สองเขาไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นเด็กคนเดียวกันที่เขาเคยพบมาก่อนเขารู้สึกเอ็นดูและต้องการอุปถัมภ์เด็กคนนี้มาก่อน‘ฉันไม่คิดว่า... เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเธอ!’เย่ เหวินหมิงก้มลง ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปที่เด็กน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขา เขามองเข้าไปในดวงตาที่คล้ายคลึงกับของเขา“หนู... ชื่ออะไร?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ชื่อเล่นชื่ออาหยันฮะ ส่วนชื่อเต็มของผมชื่อโจว หยัน” เด็กน้อยส่งยิ้มให้เย่ เหวินหมิงทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อย เย่ เหวินหมิงก็พบเหตุผลที่เขาเอ็นดูเด็กน้อย เป็นเพราะรอยยิ้มของเด็กคนนี้ดูเหมือนกับรอยยิ้มของโจว เชียนหยุน!‘โจว หยัน?’“พ่อของหนู... อยู่ที่ไหนล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กน้อยก็เริ่มบูดบึ้งขึ้นเล็กน้อยในทันที “พ่อไม่อยู่แล้ว แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์”‘บนสวรรค์?’ เย่ เหวินหมิงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาและเดินไปหาโจว เชียนหยุนที่ยืนหน้าซีดอยู่“เอาลูกฉัน… คืนมา
โจว เชียนหยุนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะขึ้นรถตามเย่ เหวินหมิงไปจากนั้นโทรศัพท์ของโจว เชียนหยุนก็ดังขึ้น เธอมองดูหมายเลขผู้โทรเข้าและเห็นว่าเป็นแม่ของเธอทันทีที่เธอหยิบมันขึ้นมา เธอก็ได้ยินเสียงกังวลใจของคุณนายโจวรอดผ่านออกมาจากโทรศัพท์ “หยุน ลูกอยู่ที่ไหน? เขาเช็กอินกันจะเสร็จหมดแล้วนะ”“อาหยันน้อยกับฉันคงไปตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะแม่ แม่ไปหาโรงแรมเล็ก ๆ พักรอก่อนได้ไหม?” โจว เชียนหยุนพูด“เกิดอะไรขึ้น?” คุณนายโจวถามโจว เชียนหยุนเงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ เหวินหมิง แล้วพบว่ามีรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา ราวกับว่าเขากำลังรอดูว่าเธอจะตอบอย่างไร อาหยันน้อยที่นั่งอยู่ระหว่างพวกเขา เงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอเขามีดวงตาที่คล้ายคลึงกับพ่อ และตอนนี้พวกเขากลับดูเหมือนกันมากยิ่งขึ้น“อาหยันน้อยและฉันอยู่กับเย่ เหวินหมิง” โจว เชียนหยุนพูดด้วยท่าทีสงบเสียงตื่นตระหนกของคุณนายโจวดังขึ้น “เขา... เขาเจออาหยันน้อยแล้วเหรอ? แล้วเขา... กับลูก…”คุณนายโจวพูดติดอ่างอย่างช่วยไม่ได้“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ฉันจะจัดการเอง” จากนั้น โจว เชียนหยุนจึงวางสาย“เธอจะจัดการเหรอ? ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอจะจัดการเร
เขารู้สึกจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก!ทันใดนั้น รถยนต์ก็แล่นมาจอดอยู่หน้าโรงแรม เย่ เหวินหมิงออกไปก่อน และโจว เชียนหยุนก็เดินจับมืออาหยันน้อยตามชายชุดสูทเข้าไปห้องที่เย่ เหวินหมิงพักอยู่นั้นเป็นห้องชุดสุดหรูของโรงแรมนี่เป็นครั้งแรกที่อาหยันได้เข้ามาในห้องสุดหรูแบบนี้ เขารู้สึกประหลาดใจกับทุกอย่างที่นี่ แม้แต่จอโทรศัพท์แอลซีดี ขนาด 70 นิ้ว ก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างทว่า หลังจากได้ผจญภัยมาทั้งวัน เด็กน้อยก็เริ่มง่วงนอนเขาควรจะได้งีบหลับหลังอาหารกลางวัน แต่ก่อนหน้านั้นเขาตื่นเต้นกับรถไฟความเร็วสูงจนนอนไม่หลับ ทันทีที่พวกเขาเข้ามาถึงโรงแรม เด็กชายก็ผล็อยหลับไปทันทีโจว เชียนหยุนมองดูลูกชายที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนและพูดกับเย่ เหวินหมิงว่า “อาหยันน้อยนอนในห้องนี้ได้ไหม? ถ้าคุณอยากจะคุยอะไรกับฉัน เราก็ย้ายไปคุยกันในห้องอื่น ฉันไม่อยากให้เขาได้ยินในเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน”ดวงตาของเย่ เหวินหมิงเขม็งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้น เขาจึงออกจากห้องไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรโจว เชียนหยุนเดินไปข้างเตียงและวางเด็กน้อยลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะห่มผ้าห่มให้เขา เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของ
เขาสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครจากตระกูลโจวมาทำร้ายเขา! แต่เธอกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ“เราจะได้รู้กันจากผลตรวจดีเอ็นเอ” เย่ เหวินหมิงระงับความเจ็บปวดในหัวใจของเขาไว้อย่างไร้ร่องรอย“ไม่ เขาไม่ใช่ลูกของคุณ!” โจว เชียนหยุนรีบโพล่งขึ้น“การตรวจดีเอ็นเอนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ถ้าเขาเป็นลูกชายของฉัน เขาก็ควรได้รับการยอมรับจากตระกูลทางสายเลือดและกลับไปหาตระกูลเย่!” เย่ เหวินหมิงพูดอย่างเย็นชาใบหน้าของโจว เชียนหยุนซีดเผือด พร้อมกับเสียงโหยหวน “ไม่!” ที่เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอเสียงของเธอเว้าวอนมากจนเย่ เหวินหมิงตกตะลึง“เขาเป็นเด็กที่คุณไม่ต้องการ ทำไมคุณถึงอยากให้เขากลับไปหาตระกูลเย่? ไม่มีใครในตระกูลเย่ต้องการเขาทั้งนั้น!” โจว เชียนหยุนอย่างโกรธเคือง อาหยันเป็นทุกอย่างของเธอ!“เลือดของฉันอยู่ในตัวเขา และฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกของฉันพลัดพรากจากกัน” เขาพูดเธอเงียบลงพร้อมกับร่างที่สั่นเทาของเธอ ใบหน้าซีดเซียวที่ดูสิ้นหวังกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของเขากลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม!“คุณอยากให้เขาไปเป็นลูกของคง จื่ออินเหรอ? คุณจะพรากเขาไปจากฉันใช่ไหม?
หลิง อี้หรานรับโทรศัพท์จากคุณนายโจว แล้วได้ยินกับเสียงผิดหวังของเธอ “อี้หราน เอ่อ… หยุนกับอาหยันน้อยถูกเย่ เหวินหมิงพาตัวไป ตอนนี้… เราจะทำยังไงดี? เธอบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยิ่ง… ยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เธอ... ไม่รับโทรศัพท์เลย!”หลิง อี้หรานตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เกิดอะไรขึ้นคะ? พวกคุณยังอยู่ในเมืองเฉินหรือเปล่า?”“ใช่ เรากำลังจะเช็กอิน แต่หยุนพาอาหยันไปห้องน้ำ ฉันนั่งรอพวกเขา แต่พวกเขาไม่กลับมาเสียที ฉันเลยโทรไปและหยุน เลยรู้ว่าเธออยู่กับเย่ เหวินหมิง...”คุณนายโจวหายใจหอบขณะพูดอธิบายหลิง อี้หรานปลอบคุณนายโจว โดยพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณป้า ฉันจะช่วยหาทางออกและติดต่อคุณป้าไปอีกที”หลิง อี้หรานขมวดคิ้วหลังจากวางสาย เธอคิดว่าถ้าพี่โจวย้ายไปเมืองจีแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นแต่เย่ เหวินหมิงกลับพาพี่โจวและอาหยันน้อยไปก่อน!‘เขาจะพาพี่โจวและอาหยันน้อยไปที่ไหน? พวกเขาอยู่นอกเมืองหรือเปล่า? หรือพวกเขายังอยู่ในเมืองเฉิน?’‘ฉันต้องตามหาพี่โจวและอาหยันน้อยยังไงดี? ฉันควรจะโทรหาตำรวจดีไหม?’‘แต่ว่าพี่โจวก็อยู่กับอาหยัน และพวกเขายังหายไปไม่ถึง 24 ชั่วโม
ผู้บริหารระดับสูงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพูดปิดการนำเสนอข้อมูล ก่อนที่จะเหลือบมองดูอี้ จิ่นหลีอย่างระมัดระวัง โดยกลัวว่าการนำเสนอของเขาจะไม่ได้มาตรฐานบรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียดมากขึ้นทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทุกคนในห้องประชุมต่างมองไปที่โทรศัพท์สองเครื่องที่วางอยู่ตรงหน้าอี้ จิ่นหลีผู้บริหารระดับสูงของอี้ กรุ๊ปรู้ว่านายน้อยอี้มีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องแรกคือโทรศัพท์รุ่นลิมิเต็ดระดับไฮเอนด์ที่มีราคามากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ในขณะที่อีกรุ่นหนึ่งเป็นโทรศัพท์ราคาถูกที่ผู้คนสามารถหาได้ทุกที่ในเมืองนายน้อยอี้มักจะทะนุถนอมโทรศัพท์ราคาถูกเครื่องนั้น แม้ว่ามันจะไม่เคยส่งเสียงดังเลยก็ตามทว่า ตอนนี้กลับมีสายเรียกเข้าในโทรศัพท์เครื่องราคาถูกพวกเขาเห็นท่าทางการแสดงออกของนายน้อยอี้ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตอบรับต่อหน้าทุกคน ครู่ต่อมา พวกเขาได้ยินนายน้อยอี้พูดว่า “เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ... ได้ ส่งรูปถ่ายของพวกเขาและตำแหน่งที่อยู่ล่าสุดของพวกเขามาให้ฉัน ฉันจะให้คนตรวจสอบให้”ทุกคนในห้องประชุมรู้สึกประหลาดใจ‘ขอร้อง? นายน้อยอี้เคยสนใจใครที่ไหน? อย่
หลิง อี้หรานเม้มปาก ถอนหายใจและถามขึ้นว่า “เขาอยู่ไหนคะ?”“ถ้าคุณต้องการพบนายน้อยอี้ เชิญคุณหลิงลงมาที่ชั้นล่างได้เลยครับ ผมจะพาคุณไปหานายน้อยอี้เอง” เกา ฉงหมิงบอกหลิง อี้หรานตกใจและไม่คิดว่าเกา ฉงหมิงจะรออยู่ชั้นล่าง ‘อี้ จิ่นหลี… ต้องการให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม?’‘เขารู้อยู่แก่ใจว่าเธอจะขอร้องเขาให้พาพี่โจวกับอาหยันออกมา ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เกา ฉงหมิงมารออยู่ที่ชั้นล่างใช่ไหม?’ทันใดนั้น หลิง อี้หรานก็รู้สึกถึงตาข่ายบางอย่างที่ครอบงำตัวเธอไว้ จนเธอไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้!“เข้าใจแล้วค่ะ” หลิง อี้หรานพูดก่อนจะวางโทรศัพท์เมื่อเธอกลับมาที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานของเธอก็เริ่มทยอยออกจากสำนักงานเพราะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว หลิง อี้หรานเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วและออกจากบริษัทไป เมื่อเธอลงมาที่ชั้นล่าง เธอเหลือบเห็นรถสีเทาจอดอยู่ตรงข้ามกับตึก ทันใดนั้น เกา ฉงหมิงก็ก้าวออกมาหลิง อี้หรานเดินเข้าไปหาเขา เกา ฉงหมิงจึงเปิดประตูเบาะหลังให้เธอ “คุณหลิง เชิญครับ”เธอขึ้นรถไปกับเกา ฉงหมิง จากนั้นรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆไม่ไกลนัก หลายคนที่แอบซุ่มดูเริ่มทยอยออกมาจากตัวอาคาร หลังจากเห็นฉา
หลิง อี้หรานตกใจกับคำว่า ‘จองทั้งร้าน’ แม้ว่าตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจตระกูลอื่นในเมืองเฉินจะต้องการจองร้านอาหารทั้งร้านเช่นนี้ แต่ร้านอาหารก็ไม่เคยยินยอมมีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ จิ่นหลีถึงต้องลงทุนจองร้านอาหารทั้งร้านแบบนี้ด้วยเธอเดินตามเกา ฉงหมิงไปที่ชั้นสามและเห็นอี้ จิ่นหลีกำลังมองดูเมนูในมือ เขานั่งอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ มันเป็นเพียงโต๊ะตัวเดียวในห้องโถงใหญ่ ทันทีที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอดวงตาสีเข้มเป็นประกายในขณะที่ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างสดใส ท่าทางของเขาในตอนนี้อาจทำให้ใครหลายคนอาจประทับใจได้ เป็นรอยยิ้มที่ยากจะลืมเลือน‘นี่คือสิ่งที่พวกเขาเคยพูดกันว่าแค่สบตาเพียงครั้งเดียวก็จดจำไปชั่วนิรันดร์ใช่ไหม?’หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าและเดินไปหาอี้ จิ่นหลี “ฉันมาแล้ว ฉันต้องการให้คุณช่วยพี่โจวกับอาหยันน้อยจากเย่ เหวินหมิง ได้ไหม?”อี้ จิ่นหลียิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่งลงก่อน”หลิง อี้หรานเม้มปาก ขณะที่เกา ฉงหมิงดึงเก้าอี้ของเธอออกมาเธอลังเลก่อนจะนั่งลง จากนั้น อี้ จิ่นหลีก็ยื่นเมนูให้เธอและพูดว่า