กวอ ซิ่นหลี่ลังเลและจับมือหลิง อี้หรานไว้ “ทำไมไม่ให้ผมไปกับคุณล่ะ? ถ้า...”“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มให้เขาและตบหลังมือของเขาเบา ๆ “ฉันรู้จักเขา”กวอ ซิ่นหลี่ปล่อยมือของเธออย่างไม่เต็มใจหลิง อี้หรานลงจากรถและตามคนขับไปที่เบนท์ลีย์คันสีดำคนขับเปิดประตูเบาะหลัง จากนั้นหลิง อี้หรานก็เข้าไปข้างใน กวอ ซิ่นหลี่มองเห็นเพียงชายชุดสูทนั่งอยู่ที่นั่งเบาะหลังแต่มองไม่เห็นใบหน้าของเขาปึง!ประตูรถยนต์ปิดลงและเบนท์ลีย์ก็เร่งเครื่องออกไปกวอ ซิ่นหลี่นั่งอยู่ในรถคนเดียวและคาดคิดสิ่งต่าง ๆ มากมายในใจ‘ใครกัน... ผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังนั่น? เขาเกี่ยวข้องกับหลิง อี้หรานยังไง?’...หลิง อี้หรานมองดูอี้ จิ่นหลีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา แต่ดวงตาของเขากลับดูเย็นชา“เป็นอะไร? เธอชอบผู้ชายที่ชื่อกวอคนนี้เหรอ? อยู่กับเขาแล้วสนุกมากหรือไง?” เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ คำพูดเหล่านั้นเป็นราวกับค้อนทุบที่หัวใจของเธอ“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” หลิง อี้หรานพูด“จริงเหรอ? กวอเป็นหัวหน้าตัวแทนบริษัทจำหน่ายรถยนต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แบบนี้ กิจการคงไปไม่ได้ไกลนักห
“คนอย่างคุณคงไม่รู้สึกแบบนั้น แต่ฉันรู้สึก เราต่างก็เป็นมนุษย์ แต่บางคนก็เหนือกว่าคนอื่นและสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างง่ายดาย บางคนเป็นคนธรรมดา พวกเขาเป็นคนที่ด้อยกว่า พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมชะตากรรมของพวกเขาได้และจะถูกคนอื่นหลอกอีก”‘ถ้า... ฉันไม่ใช่ลูกสาวที่มาจากครอบครัวธรรมดา แต่เป็นลูกสาวของคนรวยและมีอำนาจ ฉันคงไม่ถูกตำหนิจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นด้วยซ้ำ’‘คนที่ใส่ร้ายฉันคงไม่กล้าปล่อยให้ฉันต้องรับผิด’ทุกวันในคุก เธอต้องใช้ชีวิตเหมือนร่างกายที่ไร้วิญญาณ แต่ละวันในคุกมันช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก ชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับการกำหนดความเป็นความตายจากผู้อื่น ในขณะที่คนอื่นสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าเธอจะถูกเฆี่ยนในวันนั้นหรือไม่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคำสั่งจากหัวหน้าของพวกเขาดวงตาสีเข้มมองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น?” เขากระซิบ รอยยิ้มเหยเกผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง‘เธอรู้บ้างไหมว่าที่ฉันเลิกกับเธอและที่ฉันอยากจะหยุดรักเธอเป็นเพราะฉันไม่ต้องการให้เธอควบคุมชีวิตและความตายของฉัน?’‘เพราะฉันรักเธอมากเกินไป มากจนปล่อยให้เธอควบคุมทุกสิ่งท
ริมฝีปากบางของเขากำลังให้ความอบอุ่นแก่มือของเธอ ขณะที่เขาพูด “เธอไม่อยากเป็นพี่สาวของฉันแล้วเหรอ? ไหนตอนเมาเธอบอกว่าอยากเป็นพี่สาวฉันไง ถ้าเธอต้องการ เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้ หรือถ้าเธอไม่อยากย้ายกลับไปคฤหาสน์อี้ ฉันไปอยู่กับเธอที่ห้องเช่าเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะ”หลิง อี้หรานตกตะลึง เงยหน้าขึ้นทันทีและมองที่เขาด้วยความประหลาดใจริมฝีปากบางเซ็กซี่กดลงบนฝ่ามือของเธอ ในขณะที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาคอยปลอบประโลมเธอใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้น ดวงตาที่แสนงดงามได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นความบริสุทธิ์และความทะเยอทะยานจนสุดโต่งจนใครก็มิอาจละสายตาจากใบหน้าของเขาได้‘ฉันยังอยากเป็นพี่สาวของเขาไหม? ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า?’ หลิง อี้หรานถามตัวเอง ‘แต่ว่า... นั่นเคยเป็นช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นและเป็นชั่วนิรันดร์สำหรับฉัน’‘ในตอนนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าฉันมีครอบครัว ฉันจะไม่เหงาอีกต่อไป!’‘ฉันไม่เคยคาดหวังถึงการได้รับความรักจากคนรัก ฉันเพียงต้องการความรักจากครอบครัวเท่านั้น’ครู่ต่อมา ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ ลดต่ำลง ดูสงบและไม่แยแสอีกครั้ง “อี้ จิ่นหลี เราเลิกกันแล้ว ไม่
รอยแดงบนข้อมือของเธอนั้นร้อนมากจนดูราวกับว่ามันอาจจะไหม้ได้ในอีกไม่นานทันทีที่เธอหลับตาลง เธอก็เอาแต่นึกถึงตอนที่เขาก้มจูบรอยแดงบนข้อมือของเธอ!…สามวันต่อมา โจว เชียนหยุนตื่นแต่เช้าและมองดูลูกชายของเธอที่ยังคงนอนหลับใหลด้วยสายตาที่อ่อนโยน‘การที่ได้เห็นเขาเติบโตมาเคียงข้างฉันมันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก!’เธอดีใจที่เธอไม่ได้ตัดสินใจทำแท้งลูกและอดทนให้กำเนิดเขา ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเจ็บปวดที่สุดสำหรับเธอ แต่… มันก็คุ้มค่า!คุณนายโจวเห็นลูกสาวจ้องมองหลานชายอย่างอ่อนโยน เธอจึงเดินเข้าไปในห้องและกระซิบว่า “หยุน เก็บของทุกอย่างเสร็จแล้วนะ บ่ายนี้เราจะไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงกันแล้ว ทำไมลูกไม่นอนพักผ่อนเสียหน่อยล่ะ?”“ฉันนอนไม่หลับหรอกแม่” โจว เชียนหยุนส่ายหัว “บริษัทขนย้ายจะเข้ามาขนของเร็ว ๆ นี้ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อม”"แม่กังวลเรื่องการเริ่มธุรกิจใหม่ที่เมืองจี!” คุณนายโจวพูดอย่างกังวลใจ เพราะพวกเขาต้องขายร้านอาหารแห่งนี้ทั้งที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คุณนายโจวจึงรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้“ร้านอาหารของเราไปได้ดีในเมืองเฉิน มันก็จะไปได้ดีในเมืองจีเช่นกัน ไม่
“คุณพ่ออยากให้คุณประกาศวันแต่งงานเพื่อแสดงว่าคุณจริงใจกับฉัน” คง จื่ออินพูด“ได้สิ” เย่ เหวินหมิงตอบเขาจะทำทุกอย่างที่เธอต้องการ“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาเป็นผู้นำเปิดฟลอร์เต้นรำกันนะคะ” คง จื่ออินพูดเสริม“อืม” เย่ เหวินหมิงตอบ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ผู้โทรเขา เขาจึงพูดกับคง จื่ออินว่า “ผมต้องรับสายนี้ เดี๋ยวผมมา”จากนั้น เขาจึงเดินไปที่มุมเงียบสงบของห้องจัดเลี้ยงแล้วรับโทรศัพท์เบอร์ที่โทรเข้าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของชายที่เขาส่งไปจับตาดูโจว เชียนหยุนที่เมืองเฉินที่ชายคนนั้นโทรมาในเวลานี้อาจเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโจว เชียนหยุนทันทีที่เขารับสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเย่ เหวินหมิงได้ยินเพียงเขาพูดว่า “ท่านประธานเย่ครับ โจว เชียนหยุนกำลังจะออกจากเมืองเฉิน เธอซื้อตั๋วรถไฟตอน 15.45 น. และ…”“อะไรนะ?”“แต่เธอไม่ได้อยู่คนเดียวครับ” ชายคนนั้นพูดเย่ เหวินหมิงรู้สึกสับสน ‘ไม่ได้อยู่คนเดียว? เขาหมายความว่าอะไร? ฉันจำได้ว่าเธอมีแม่ที่หายตัวไปพร้อมกับเธอทันทีที่เธอออกจากคุก’‘เธออยู่กับแม่ของเธอหรือเปล่า?’“เธอมีลูกชาย” สิ
“ฉัน... ฉันไม่รู้” คง จื่ออินรู้สึกสับสน ‘ใครโทรมาหาเขา? เหวินหมิงกำลังจะไปหยุดใคร?’‘เขา... หมายถึงใครกันแน่?’“เราจะทำยังไงดี… เหวินหมิงไม่อยากแต่งงานกับจื่ออินเหรอ? ทำไมเขาถึงหนีไปแบบนี้?” คุณนายคงพูดอย่างกังวลใจเดิมทีตระกูลคงเป็นเพียงเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ ในชนชั้นที่สาม แต่เพราะความช่วยเหลือจากตระกูลเย่ พวกเขาจึงได้เข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูงไม่มีใครไม่รู้ว่าตระกูลคงมักได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเย่หลายคนถึงกับแอบเปรียบเทียบตระกูลคงเป็นปรสิตที่คอยกัดกินผลประโยชย์จากตระกูลเย่ถ้าหากตระกูลเย่กับตระกูลคงไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจากการแต่งงานครั้งนี้ได้ ตระกูลคงก็จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเช่นเมื่อก่อน“เป็นไปได้ยังไง? ตระกูลเย่หาฤกษ์วันแต่งงานแล้ว จะมีอะไรผิดพลาดได้ยังไง?” พ่อของจื่ออินตะคอกใส่ภรรยาและกระซิบว่า “เอาล่ะ วันนี้คนมาร่วมงานเยอะ พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปก่อน!”แม่ของจื่ออินทำได้เพียงฝืนยิ้มออกมาและเผชิญหน้ากับแขกที่อยู่รอบตัวเธอคง จื่ออินเม้มริมฝีปากสีแดงสดเข้าหากันขณะมองไปที่ทางออกของห้องจัดเลี้ยงที่เย่ เหวินหมิงหายตัวไปเธอเรียกชื่อเหวินหมิงออกมาเสียงดัง
คุณนายโจวรู้สึกขมขื่นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่คง จื่ออินได้รับ เธอพบว่าลูกสาวของของเธอนั้นน่าสงสารเกินไป“แม่ หยุด!” โจว เชียนหยุนโพล่งขึ้น เธอไม่ต้องการให้ลูกชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเกี่ยวกับความแค้นของผู้ใหญ่คุณนายโจวดึงสติของตัวเองกลับมาและนั่งเงียบในทันทีโชคดีที่อาหยันน้อยจดจ่ออยู่กับทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวเขาในแต่ละวันที่ผ่านไป โจว เชียนหยุนรู้สึกว่าความไม่สบายใจของเธอได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอทนรอให้ทั้งสามคนขึ้นไปบนรถไฟความเร็วสูงไม่ไหวในที่สุด เสียงประกาศก็ดังขึ้นให้ผู้คนเริ่มเช็กอินเพื่อขึ้นไปยังรถไฟทว่า อาหยันน้อยต้องการไปห้องน้ำ ดังนั้น โจว เชียนหยุนจึงหันไปหาคุณนายโจวและพูดว่า “แม่ ดูแลสัมภาระของเราไว้นะ ฉันจะพาอาหยันน้อยไปห้องน้ำ”“รีบไปรีบมาล่ะ พวกเขาจะต้องตรวจตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ” คุณนายโจวบอก“ค่ะ” โจว เชียนหยุนตอบขณะจูงมือลูกชายไปห้องน้ำเธอพาลูกชายไปห้องน้ำหญิงเพราะเขาเด็กเกินไปที่จะไปห้องน้ำชายคนเดียวโชคดีที่ห้องน้ำหญิงมีประตูทุกบานซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว และไม่มีใครมีปัญหากับประตูนี้เหล่านี้หลังจากที่เด็กน้อยทำธุรระของเขาเสร็จ โจว เชี
แม้ว่าเขาจะสั่งให้คนของเขาหยุดเธอไว้ แต่เขากลับต้องการเห็นเธอด้วยตาของเขาเองและถามเธอว่าเด็กคนนี้คือใคร!ทว่า เขากลับแปลกใจที่เห็นเด็กคนนี้เป็นครั้งที่สองเขาไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นเด็กคนเดียวกันที่เขาเคยพบมาก่อนเขารู้สึกเอ็นดูและต้องการอุปถัมภ์เด็กคนนี้มาก่อน‘ฉันไม่คิดว่า... เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเธอ!’เย่ เหวินหมิงก้มลง ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปที่เด็กน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขา เขามองเข้าไปในดวงตาที่คล้ายคลึงกับของเขา“หนู... ชื่ออะไร?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ชื่อเล่นชื่ออาหยันฮะ ส่วนชื่อเต็มของผมชื่อโจว หยัน” เด็กน้อยส่งยิ้มให้เย่ เหวินหมิงทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อย เย่ เหวินหมิงก็พบเหตุผลที่เขาเอ็นดูเด็กน้อย เป็นเพราะรอยยิ้มของเด็กคนนี้ดูเหมือนกับรอยยิ้มของโจว เชียนหยุน!‘โจว หยัน?’“พ่อของหนู... อยู่ที่ไหนล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กน้อยก็เริ่มบูดบึ้งขึ้นเล็กน้อยในทันที “พ่อไม่อยู่แล้ว แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์”‘บนสวรรค์?’ เย่ เหวินหมิงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาและเดินไปหาโจว เชียนหยุนที่ยืนหน้าซีดอยู่“เอาลูกฉัน… คืนมา