“คนอย่างคุณคงไม่รู้สึกแบบนั้น แต่ฉันรู้สึก เราต่างก็เป็นมนุษย์ แต่บางคนก็เหนือกว่าคนอื่นและสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างง่ายดาย บางคนเป็นคนธรรมดา พวกเขาเป็นคนที่ด้อยกว่า พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมชะตากรรมของพวกเขาได้และจะถูกคนอื่นหลอกอีก”‘ถ้า... ฉันไม่ใช่ลูกสาวที่มาจากครอบครัวธรรมดา แต่เป็นลูกสาวของคนรวยและมีอำนาจ ฉันคงไม่ถูกตำหนิจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นด้วยซ้ำ’‘คนที่ใส่ร้ายฉันคงไม่กล้าปล่อยให้ฉันต้องรับผิด’ทุกวันในคุก เธอต้องใช้ชีวิตเหมือนร่างกายที่ไร้วิญญาณ แต่ละวันในคุกมันช่างผ่านไปอย่างยากลำบาก ชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับการกำหนดความเป็นความตายจากผู้อื่น ในขณะที่คนอื่นสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าเธอจะถูกเฆี่ยนในวันนั้นหรือไม่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคำสั่งจากหัวหน้าของพวกเขาดวงตาสีเข้มมองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น?” เขากระซิบ รอยยิ้มเหยเกผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง‘เธอรู้บ้างไหมว่าที่ฉันเลิกกับเธอและที่ฉันอยากจะหยุดรักเธอเป็นเพราะฉันไม่ต้องการให้เธอควบคุมชีวิตและความตายของฉัน?’‘เพราะฉันรักเธอมากเกินไป มากจนปล่อยให้เธอควบคุมทุกสิ่งท
ริมฝีปากบางของเขากำลังให้ความอบอุ่นแก่มือของเธอ ขณะที่เขาพูด “เธอไม่อยากเป็นพี่สาวของฉันแล้วเหรอ? ไหนตอนเมาเธอบอกว่าอยากเป็นพี่สาวฉันไง ถ้าเธอต้องการ เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้ หรือถ้าเธอไม่อยากย้ายกลับไปคฤหาสน์อี้ ฉันไปอยู่กับเธอที่ห้องเช่าเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะ”หลิง อี้หรานตกตะลึง เงยหน้าขึ้นทันทีและมองที่เขาด้วยความประหลาดใจริมฝีปากบางเซ็กซี่กดลงบนฝ่ามือของเธอ ในขณะที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาคอยปลอบประโลมเธอใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้น ดวงตาที่แสนงดงามได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นความบริสุทธิ์และความทะเยอทะยานจนสุดโต่งจนใครก็มิอาจละสายตาจากใบหน้าของเขาได้‘ฉันยังอยากเป็นพี่สาวของเขาไหม? ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า?’ หลิง อี้หรานถามตัวเอง ‘แต่ว่า... นั่นเคยเป็นช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นและเป็นชั่วนิรันดร์สำหรับฉัน’‘ในตอนนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าฉันมีครอบครัว ฉันจะไม่เหงาอีกต่อไป!’‘ฉันไม่เคยคาดหวังถึงการได้รับความรักจากคนรัก ฉันเพียงต้องการความรักจากครอบครัวเท่านั้น’ครู่ต่อมา ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ ลดต่ำลง ดูสงบและไม่แยแสอีกครั้ง “อี้ จิ่นหลี เราเลิกกันแล้ว ไม่
รอยแดงบนข้อมือของเธอนั้นร้อนมากจนดูราวกับว่ามันอาจจะไหม้ได้ในอีกไม่นานทันทีที่เธอหลับตาลง เธอก็เอาแต่นึกถึงตอนที่เขาก้มจูบรอยแดงบนข้อมือของเธอ!…สามวันต่อมา โจว เชียนหยุนตื่นแต่เช้าและมองดูลูกชายของเธอที่ยังคงนอนหลับใหลด้วยสายตาที่อ่อนโยน‘การที่ได้เห็นเขาเติบโตมาเคียงข้างฉันมันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก!’เธอดีใจที่เธอไม่ได้ตัดสินใจทำแท้งลูกและอดทนให้กำเนิดเขา ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเจ็บปวดที่สุดสำหรับเธอ แต่… มันก็คุ้มค่า!คุณนายโจวเห็นลูกสาวจ้องมองหลานชายอย่างอ่อนโยน เธอจึงเดินเข้าไปในห้องและกระซิบว่า “หยุน เก็บของทุกอย่างเสร็จแล้วนะ บ่ายนี้เราจะไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงกันแล้ว ทำไมลูกไม่นอนพักผ่อนเสียหน่อยล่ะ?”“ฉันนอนไม่หลับหรอกแม่” โจว เชียนหยุนส่ายหัว “บริษัทขนย้ายจะเข้ามาขนของเร็ว ๆ นี้ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อม”"แม่กังวลเรื่องการเริ่มธุรกิจใหม่ที่เมืองจี!” คุณนายโจวพูดอย่างกังวลใจ เพราะพวกเขาต้องขายร้านอาหารแห่งนี้ทั้งที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คุณนายโจวจึงรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้“ร้านอาหารของเราไปได้ดีในเมืองเฉิน มันก็จะไปได้ดีในเมืองจีเช่นกัน ไม่
“คุณพ่ออยากให้คุณประกาศวันแต่งงานเพื่อแสดงว่าคุณจริงใจกับฉัน” คง จื่ออินพูด“ได้สิ” เย่ เหวินหมิงตอบเขาจะทำทุกอย่างที่เธอต้องการ“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาเป็นผู้นำเปิดฟลอร์เต้นรำกันนะคะ” คง จื่ออินพูดเสริม“อืม” เย่ เหวินหมิงตอบ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ผู้โทรเขา เขาจึงพูดกับคง จื่ออินว่า “ผมต้องรับสายนี้ เดี๋ยวผมมา”จากนั้น เขาจึงเดินไปที่มุมเงียบสงบของห้องจัดเลี้ยงแล้วรับโทรศัพท์เบอร์ที่โทรเข้าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของชายที่เขาส่งไปจับตาดูโจว เชียนหยุนที่เมืองเฉินที่ชายคนนั้นโทรมาในเวลานี้อาจเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโจว เชียนหยุนทันทีที่เขารับสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเย่ เหวินหมิงได้ยินเพียงเขาพูดว่า “ท่านประธานเย่ครับ โจว เชียนหยุนกำลังจะออกจากเมืองเฉิน เธอซื้อตั๋วรถไฟตอน 15.45 น. และ…”“อะไรนะ?”“แต่เธอไม่ได้อยู่คนเดียวครับ” ชายคนนั้นพูดเย่ เหวินหมิงรู้สึกสับสน ‘ไม่ได้อยู่คนเดียว? เขาหมายความว่าอะไร? ฉันจำได้ว่าเธอมีแม่ที่หายตัวไปพร้อมกับเธอทันทีที่เธอออกจากคุก’‘เธออยู่กับแม่ของเธอหรือเปล่า?’“เธอมีลูกชาย” สิ
“ฉัน... ฉันไม่รู้” คง จื่ออินรู้สึกสับสน ‘ใครโทรมาหาเขา? เหวินหมิงกำลังจะไปหยุดใคร?’‘เขา... หมายถึงใครกันแน่?’“เราจะทำยังไงดี… เหวินหมิงไม่อยากแต่งงานกับจื่ออินเหรอ? ทำไมเขาถึงหนีไปแบบนี้?” คุณนายคงพูดอย่างกังวลใจเดิมทีตระกูลคงเป็นเพียงเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ ในชนชั้นที่สาม แต่เพราะความช่วยเหลือจากตระกูลเย่ พวกเขาจึงได้เข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูงไม่มีใครไม่รู้ว่าตระกูลคงมักได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเย่หลายคนถึงกับแอบเปรียบเทียบตระกูลคงเป็นปรสิตที่คอยกัดกินผลประโยชย์จากตระกูลเย่ถ้าหากตระกูลเย่กับตระกูลคงไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวจากการแต่งงานครั้งนี้ได้ ตระกูลคงก็จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเช่นเมื่อก่อน“เป็นไปได้ยังไง? ตระกูลเย่หาฤกษ์วันแต่งงานแล้ว จะมีอะไรผิดพลาดได้ยังไง?” พ่อของจื่ออินตะคอกใส่ภรรยาและกระซิบว่า “เอาล่ะ วันนี้คนมาร่วมงานเยอะ พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปก่อน!”แม่ของจื่ออินทำได้เพียงฝืนยิ้มออกมาและเผชิญหน้ากับแขกที่อยู่รอบตัวเธอคง จื่ออินเม้มริมฝีปากสีแดงสดเข้าหากันขณะมองไปที่ทางออกของห้องจัดเลี้ยงที่เย่ เหวินหมิงหายตัวไปเธอเรียกชื่อเหวินหมิงออกมาเสียงดัง
คุณนายโจวรู้สึกขมขื่นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่คง จื่ออินได้รับ เธอพบว่าลูกสาวของของเธอนั้นน่าสงสารเกินไป“แม่ หยุด!” โจว เชียนหยุนโพล่งขึ้น เธอไม่ต้องการให้ลูกชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเกี่ยวกับความแค้นของผู้ใหญ่คุณนายโจวดึงสติของตัวเองกลับมาและนั่งเงียบในทันทีโชคดีที่อาหยันน้อยจดจ่ออยู่กับทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวเขาในแต่ละวันที่ผ่านไป โจว เชียนหยุนรู้สึกว่าความไม่สบายใจของเธอได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอทนรอให้ทั้งสามคนขึ้นไปบนรถไฟความเร็วสูงไม่ไหวในที่สุด เสียงประกาศก็ดังขึ้นให้ผู้คนเริ่มเช็กอินเพื่อขึ้นไปยังรถไฟทว่า อาหยันน้อยต้องการไปห้องน้ำ ดังนั้น โจว เชียนหยุนจึงหันไปหาคุณนายโจวและพูดว่า “แม่ ดูแลสัมภาระของเราไว้นะ ฉันจะพาอาหยันน้อยไปห้องน้ำ”“รีบไปรีบมาล่ะ พวกเขาจะต้องตรวจตั๋วก่อนขึ้นรถไฟ” คุณนายโจวบอก“ค่ะ” โจว เชียนหยุนตอบขณะจูงมือลูกชายไปห้องน้ำเธอพาลูกชายไปห้องน้ำหญิงเพราะเขาเด็กเกินไปที่จะไปห้องน้ำชายคนเดียวโชคดีที่ห้องน้ำหญิงมีประตูทุกบานซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว และไม่มีใครมีปัญหากับประตูนี้เหล่านี้หลังจากที่เด็กน้อยทำธุรระของเขาเสร็จ โจว เชี
แม้ว่าเขาจะสั่งให้คนของเขาหยุดเธอไว้ แต่เขากลับต้องการเห็นเธอด้วยตาของเขาเองและถามเธอว่าเด็กคนนี้คือใคร!ทว่า เขากลับแปลกใจที่เห็นเด็กคนนี้เป็นครั้งที่สองเขาไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นเด็กคนเดียวกันที่เขาเคยพบมาก่อนเขารู้สึกเอ็นดูและต้องการอุปถัมภ์เด็กคนนี้มาก่อน‘ฉันไม่คิดว่า... เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเธอ!’เย่ เหวินหมิงก้มลง ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปที่เด็กน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขา เขามองเข้าไปในดวงตาที่คล้ายคลึงกับของเขา“หนู... ชื่ออะไร?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ชื่อเล่นชื่ออาหยันฮะ ส่วนชื่อเต็มของผมชื่อโจว หยัน” เด็กน้อยส่งยิ้มให้เย่ เหวินหมิงทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อย เย่ เหวินหมิงก็พบเหตุผลที่เขาเอ็นดูเด็กน้อย เป็นเพราะรอยยิ้มของเด็กคนนี้ดูเหมือนกับรอยยิ้มของโจว เชียนหยุน!‘โจว หยัน?’“พ่อของหนู... อยู่ที่ไหนล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กน้อยก็เริ่มบูดบึ้งขึ้นเล็กน้อยในทันที “พ่อไม่อยู่แล้ว แม่บอกว่าพ่ออยู่บนสวรรค์”‘บนสวรรค์?’ เย่ เหวินหมิงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาและเดินไปหาโจว เชียนหยุนที่ยืนหน้าซีดอยู่“เอาลูกฉัน… คืนมา
โจว เชียนหยุนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะขึ้นรถตามเย่ เหวินหมิงไปจากนั้นโทรศัพท์ของโจว เชียนหยุนก็ดังขึ้น เธอมองดูหมายเลขผู้โทรเข้าและเห็นว่าเป็นแม่ของเธอทันทีที่เธอหยิบมันขึ้นมา เธอก็ได้ยินเสียงกังวลใจของคุณนายโจวรอดผ่านออกมาจากโทรศัพท์ “หยุน ลูกอยู่ที่ไหน? เขาเช็กอินกันจะเสร็จหมดแล้วนะ”“อาหยันน้อยกับฉันคงไปตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะแม่ แม่ไปหาโรงแรมเล็ก ๆ พักรอก่อนได้ไหม?” โจว เชียนหยุนพูด“เกิดอะไรขึ้น?” คุณนายโจวถามโจว เชียนหยุนเงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ เหวินหมิง แล้วพบว่ามีรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา ราวกับว่าเขากำลังรอดูว่าเธอจะตอบอย่างไร อาหยันน้อยที่นั่งอยู่ระหว่างพวกเขา เงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอเขามีดวงตาที่คล้ายคลึงกับพ่อ และตอนนี้พวกเขากลับดูเหมือนกันมากยิ่งขึ้น“อาหยันน้อยและฉันอยู่กับเย่ เหวินหมิง” โจว เชียนหยุนพูดด้วยท่าทีสงบเสียงตื่นตระหนกของคุณนายโจวดังขึ้น “เขา... เขาเจออาหยันน้อยแล้วเหรอ? แล้วเขา... กับลูก…”คุณนายโจวพูดติดอ่างอย่างช่วยไม่ได้“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ฉันจะจัดการเอง” จากนั้น โจว เชียนหยุนจึงวางสาย“เธอจะจัดการเหรอ? ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอจะจัดการเร
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค