ดวงตาฟีนิกซ์จ้องมองชุดที่อยู่ในมือของหวา ลี่ฟาง ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “เธอกำลังทำอะไร? วางชุดนั้นลงซะ!”น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนหวา ลี่ฟางตกใจ“คุณ… คุณไม่ได้จะให้ชุดนี้กับฉันเหรอ?”ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น สีหน้าของกู้ ลี่เฉินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ‘ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ให้’เขาคิดที่จะมอบชุดเดรสนี้ให้กับเด็กหญิงตัวเล็กที่ชีวิตช่วยเขา เพราะเขาเคยสัญญากับเธอว่าเขาจะมอบชุดเดรสสีม่วงที่ประดับด้วยดอกไม้เล็ก ๆ ให้เธอทว่า เมื่อเขาได้พบเธอ เขาไม่สามารถมองเห็นลี่ฟางเป็นเด็กหญิงคนนั้นได้เด็กหญิงที่เขาเคยวาดฝันไว้กลับดูแตกต่างออกไปเมื่อเธอมาอยู่ตรงหน้าเขา“ถ้าเธออยากได้ชุดแบบนี้ ฉันจะหาอีกชุดหนึ่งมาให้ทีหลัง” เขาพูดขึ้นขณะคว้าชุดนั้นกลับจากมือของเธอสีหน้าของหวา ลี่ฟางนิ่งเรียบในทันที แต่แล้วเธอก็พูดแสร้งทำเป็นไม่สนใจว่า “ไม่เป็นไร ขอบคุณนะลี่เฉิน วันนี้ฉันใช้เงินในบัตรที่คุณให้มาแล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”“ฉันให้เธอแล้ว เธอจะใช้มันยังไงก็ได้” กู้ ลี่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ฉันไม่ได้ใช้มันเองหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะเอาเงินให้อี้หราน เพราะเธอเลิกกับอี้ จิ่นหลีแล้ว เธออาจจะไม่มีเงินใช้อย่างเห
“มันเป็นสถานที่แบบไหน?” คำพูดของเธอกระตุ้นต่อมความอยากรู้ของหลิง อี้หราน“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง” ชิน เหลียนอีปิดปากและยิ้มหลิง อี้หรานรู้สึกได้ทันทีว่ารอยยิ้มของเพื่อนสนิทดูเหมือนกับตัวละครตัวร้ายในละครโทรทัศน์หลิง อี้หรานพูดไม่ออกเมื่อเธอเห็น ‘สถานที่ดี ๆ’ ของชิน เหลียนอี มันเป็นบาร์ใต้ดิน ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่เป็นนักเรียนมัธยมปลายอายุ 17 หรือ 18 ปี บางคนอายุแค่ 20 ต้น ๆ ด้วยซ้ำเนื่องจากอายุต่างกัน พวกเขาดูแปลกไปเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น“มีอะไรดีขนาดนั้นเหรอ?” หลิง อี้หรานสงสัย“เดี๋ยวก็รู้เอง!” ชิน เหลียนอีขยิบตาเมื่อเป็นเวลาสองทุ่ม จู่ ๆ บรรยากาศในบาร์ก็ดังขึ้นและชายห้าคนก็ขึ้นมาบนเวทีหลิง อี้หรานเห็นเพียงวงดนตรีที่มีผู้ชายห้าคน เธอไม่เห็นมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ทว่า ดวงตาของชิน เหลียนอีกลับเป็นประกาย “นี่ นี่ พวกเขาอยู่นี่แล้ว!”“วันนี้เธอพาฉันมาที่นี่เพื่อดูพวกเขางั้นเหรอ?” หลิง อี้หรานถาม“ใช่ พวกเขากำลังมาแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพราะทั้งห้าคนหน้าตาดีและมีรูปร่างดี แถมยังเต้นเก่งด้วย!” ชิน เหลียนอีรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเธอพูดถึงพวกเขา เธออยากจะแนะนำเพื่อนสนิท
“เกิดอะไรขึ้น?” อี้ จิ่นหลีถามเสียงเรียบ “มัน... เกี่ยวกับคุณหลิง”“อี้หราน?” ท่าทางของอี้ จิ่นหลีเปลี่ยนไป “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”“เอ่อ… วันนี้ชิน เหลียนอี เพื่อนของคุณหลิงพาเธอที่บาร์ใต้ดินเพื่อดูการแสดง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อี้ จิ่นหลีจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีคนหาเรื่องพวกเขาเหรอ?” เขาไม่ได้กังวลว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเขาได้ส่งคนไปปกป้องเธอหากคนของเขาไม่สามารถคุ้มครองเธอได้ พวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าขยะ“ไม่ได้มีใครมาหาเรื่องพวกเธอครับ แต่วันนี้คิงกำลังแสดงที่บาร์ใต้ดิน”“คิง?” อี้ จิ่นหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เป็นวงดนตรีที่กำลังร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ การแสดงของพวกเขา… เอ่อ... พวกเขาเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้หญิง” น้ำเสียงของเกา ฉงหมิงแผ่วเบาขึ้นเรื่อย ๆอี้ จิ่นหลีหรี่ตาลง “พูดต่อ!”“การแสดงของคิง… รวมถึงท่าเต้นต่าง ๆ และท่าเต้นบางส่วน… ทำให้ผู้หญิงคลั่งไคล้ เช่น... ถอด... เสื้อผ้าของพวกเขา…”ยิ่งเกา ฉงหมิงพูดต่อมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเจ้านายก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น ทันทีที่เขาพูดว่า ‘ถอดเสื้อผ้า’ ใบหน้าของเจ้านายก็เขม่นขึ้น เขารู้ได้ในทันทีว่าปัญหากำลังจะมาเกิดขึ้
อี้ จิ่นหลีลงจากรถ เขาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงดังสนั่นและเสียงกรีดร้องออกมาจากด้านใน เกา ฉงหมิงมองใบหน้าของเจ้านายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะพูดว่า “นายน้อยอี้ ในนั้นมีคนอยู่มากมาย ทำไมไม่ให้ผม... เข้าไปและพาคุณหลิงออกมาดีกว่าครับ?”“ไม่ ฉันจะเข้าไปเอง” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันใดนั้น ปอร์เช่สีเงินอีกคันก็ขับเข้ามาและมาหยุดอยู่ที่หน้าบาร์ ในเวลาต่อมา ร่างผอมบางของใครบางคนออกมาจากรถปอร์เช่เขาตกใจที่เห็นอี้ จิ่นหลีอี้ จิ่นหลีก็ตกใจที่เห็นชายคนนั้นอยู่ที่นี่เช่นกันชายสองคนมองหน้ากัน จ้องเขม็งด้วยสายตาน่ากลัวเกา ฉงหมิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า น้อยครั้งที่จะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้!“นายมาที่นี่เพราะชิน เหลียนอีใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลีพูดทำลายความเงียบดวงตาของไป๋ ทิงซินเป็นประกาย “คุณมาที่นี่เพราะ... หลิง อี้หรานเหรอ?”“ไปพาผู้หญิงของเรากลับบ้านกันเถอะ” อี้ จิ่นหลีพูด‘ดูเหมือนว่าอี้ จิ่นหลีกำลังตามหาหลิง อี้หรานจริง ๆ’ ไป๋ ทิงซินคิดกับตัวเองเขารีบมาที่นี่เพราะชิน เหลียนอีตื่นเต้นมาก เธอถ่ายรูปเวทีและเผลอโพสต์ลงในวีแชตของเธอทันทีที่เขาเห็นรูปภาพนั้
ไป๋ ทิงซินเห็นชิน เหลียนอีที่อยู่บนโต๊ะกำลังโบกไม้โบกมือให้ผู้ชายทั้งห้าคนบนเวทีอย่างเมามัน มือของเธอ... เอ่อ... กำลังแกว่งเสื้อกั๊กไปมา มันดูเหมือนเครื่องแต่งกายของผู้ชายบนเวที!‘หลิง อี้หรานยังดูปกติกว่าชิน เหลียนอี’ ไป๋ ทิงซินคิดแต่พวกเธอก็ไม่ได้ดูดีกว่ากันไปสักเท่าไหร่หลิง อี้หรานยืนอยู่บนเก้าอี้ โบกมือทั้งสองข้างและเอามือป้องปากของเธอเป็นครั้งคราว ขณะที่เธอตะโกนใส่ชายเปลือยท่อนบนทั้งห้าคนบนเวที “ถอดเลย! ถอดเลย! ฉันอยู่นี่แล้ว!”ไป๋ ทิงซินถึงกลับพูดไม่ออก หลิง อี้หรานดูแตกต่างออกไปจากที่เขาเคยจำได้!ไป๋ ทิงซินมองดูท่าทางของอี้ จิ่นหลี แสงในบาร์มืดลง ดังนั้นผู้คนรอบข้างจึงไม่รู้ว่าใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเยือกเย็นขนาดไหนในตอนนี้ ทว่า เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเขานั้น... ไป๋ ทิงซินก็รู้สึกเห็นใจหลิง อี้หรานเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าหลิง อี้หรานจะจัดการเรื่องนี้กับคนอย่างอี้ จิ่นหลีได้อย่างไรพวกเขาเลิกกันแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางของอี้ จิ่นหลีในตอนนี้ ดูเหมือนว่า... กำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอี้ จิ่นหลีก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปแล้วอุ้มหลิง อี้หรานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาเธอเอาแขน
แม้ว่าใบหน้าของอี้ จิ่นหลีจะดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่ไป๋ ทิงซินก็ไม่รู้สึกย่อท้อดูเหมือนว่าเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวจะถูกตัดออกจากในโลกของพวกเขาเกา ฉงหมิงที่ยืนอยู่ข้างหลังอี้ จิ่นหลี รู้สึกถึงเหงื่อบนหลังของเขา หากนายน้อยอี้ต่อสู้กับไป๋ ทิงซิน มันอาจจะไม่จบลงด้วยดีแม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่ได้อยู่ในเมืองเฉิน แต่ถ้าเขาอยากจะต่อสู้กับตระกูลอี้จริง ๆ ก็อาจจะต้องมีใครบางคนที่ต้องแพ้ยิ่งกว่านั้น ไป๋ ทิงซินที่ดูสง่างามและมีเสน่ห์ แต่จริง ๆ เขากลับโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กเหลือขอจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลไป๋ได้อย่างไร?!ทันใดนั้น หลิง อี้หรานที่อยู่ในอ้อมแขนของอี้ จิ่นหลีก็พูดกับชิน เหลียนอีว่า “เหลียนอี... จินมารับฉันแล้ว... ไว้เรามาดูกันใหม่... ครั้งหน้า...”“ได้... เราจะ... เราจะกลับมาดูอีก!” ชิน เหลียนอีตอบสองสาวขี้เมาทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น อี้ จิ่นหลีเดินออกจากบาร์อย่างรวดเร็วโดยมีหลิง อี้หรานอยู่ในอ้อมแขนของเขา เกา ฉงหมิงรีบตามเจ้านายออกไปในทันทีไป๋ ทิงซินต้องการพาชิน เหลียนอีออกไป แต่เธอกลับไม่เต็มใจ “ทำไมเราไม่ดูด้วยกันล่ะ?”‘อะไรนะ? เธอยังอยากจะดูต่ออีกเหรอ?
มือของอี้หรานยังคงโอบรอบคอของอี้ จิ่นหลีอยู่ ขณะที่เธอมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ‘เขาคือ... จิน จินที่ฉัน... พึ่งพาได้…’“จิน รู้อะไรไหม? ฉันมีความสุขมาก… วันนี้…” เธอพึมพำเขาขมวดคิ้ว “มีความสุข?”“ใช่... มีความสุข... มันเหมือนกับว่าฉันได้เต้นรำไปพร้อมกับผู้คนบนเวที ฉันสามารถลืมปัญหาต่าง ๆ ไปได้…” เธอพูดพึมพำ เธอพยายามจะลืมอะไรกันแน่? เธอจำไม่ได้ว่าเธอต้องการลืมอะไรแต่ว่าการได้กอดจินแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าเธอได้พบเจอกับความสงบในใจที่หายไปนาน“เหลียนอี… บอกว่าผู้ชายห้าคนที่ร้องและเต้นบนเวที... เขากำลังมาแรง...”“เหลียนอีชอบคนผมสีเทาที่สุด แต่... เอ่อ... ฉันชอบคนผมสีดำมากกว่า... ฉันคิดว่าผู้ชายเอเชียดูดีที่สุดในผมสีดำ”“ฉัน... ฉันพยายามคว้าเสื้อผ้าของพวกเขาด้วย พวกเขาจะโยนเสื้อผ้าลงมาจากเวทีทีละคน… เหลียนอีบอกว่า... ถ้าฉันชอบเสื้อกั๊กที่เธอคว้าได้จริง ๆ เธอจะยกให้ฉัน…”ขณะที่หลิง อี้หรานพูดพร่ำไปมา เกา ฉงหมิงก็สัมผัสได้ถึงความกดอากาศในรถที่ลดต่ำลงเรื่อย ๆ เขากำลังกรีดร้องอยู่ในใจเพื่อให้หลิง อี้หรานหยุดพูดถ้าเธอพูดต่อไป นายน้อยอี้อาจจะอารมณ์เสียได้“จร
ย้อนกลับไปตอนที่เธอยังอาศัยอยู่กับเขา พวกเขาก็เคยพูดคุยกันแบบนี้ตอนนั้น คำตอบของเธอคือ...“แน่นอน ก็ฉันชอบนายนี่น่า!” หลิง อี้หรานยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มขี้เล่น แต่คำตอบของเธอกลับเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน‘เธอทำตัวเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันเพราะเธอเมาหรือเปล่า? ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอเป็นพี่สาวของฉัน ส่วนฉันก็เป็นจินของเธอ’“ถ้าฉันทำตัวดี เธอจะเป็นพี่สาวของฉันใช่ไหม?”‘เป็นพี่สาวของฉัน อยู่เคียงข้างฉันนะ’‘ถึงแม้ว่าฉันให้ความรักแก่เธอไม่ได้ แต่ฉันสามารถให้อย่างอื่นกับเธอได้’‘ฉันสามารถเติมเต็มความฝันและความทะเยอทะยานของเธอได้ ฉันสามารถทำให้คนที่ดูหมิ่นเธอก้มลงต่อหน้าเธอ และฉันสามารถพาเธอขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของลำดับชั้นทางสังคมได้’‘ตราบเท่าที่... เธออยู่เคียงข้างฉัน!’บางทีนี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง“แน่นอน ยังไง... ฉันก็เป็นพี่สาวของนายมาตลอด จิน ไม่ต้องกังวล ฉันจะ... ปกป้องนาย ฉันจะปกป้องนายเอง...” เธอพึมพำเปลือกตาของเธอเริ่มปิดลง ขณะที่น้ำเสียงของเธอก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ในที่สุดเธอก็เอียงศีรษะและผล็อยหลับไปเขาค่อย ๆ จัดท่าให้เธอนอนลง จากนั้นเขาก็ห่มผ้าห่ม