มือของอี้หรานยังคงโอบรอบคอของอี้ จิ่นหลีอยู่ ขณะที่เธอมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ‘เขาคือ... จิน จินที่ฉัน... พึ่งพาได้…’“จิน รู้อะไรไหม? ฉันมีความสุขมาก… วันนี้…” เธอพึมพำเขาขมวดคิ้ว “มีความสุข?”“ใช่... มีความสุข... มันเหมือนกับว่าฉันได้เต้นรำไปพร้อมกับผู้คนบนเวที ฉันสามารถลืมปัญหาต่าง ๆ ไปได้…” เธอพูดพึมพำ เธอพยายามจะลืมอะไรกันแน่? เธอจำไม่ได้ว่าเธอต้องการลืมอะไรแต่ว่าการได้กอดจินแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าเธอได้พบเจอกับความสงบในใจที่หายไปนาน“เหลียนอี… บอกว่าผู้ชายห้าคนที่ร้องและเต้นบนเวที... เขากำลังมาแรง...”“เหลียนอีชอบคนผมสีเทาที่สุด แต่... เอ่อ... ฉันชอบคนผมสีดำมากกว่า... ฉันคิดว่าผู้ชายเอเชียดูดีที่สุดในผมสีดำ”“ฉัน... ฉันพยายามคว้าเสื้อผ้าของพวกเขาด้วย พวกเขาจะโยนเสื้อผ้าลงมาจากเวทีทีละคน… เหลียนอีบอกว่า... ถ้าฉันชอบเสื้อกั๊กที่เธอคว้าได้จริง ๆ เธอจะยกให้ฉัน…”ขณะที่หลิง อี้หรานพูดพร่ำไปมา เกา ฉงหมิงก็สัมผัสได้ถึงความกดอากาศในรถที่ลดต่ำลงเรื่อย ๆ เขากำลังกรีดร้องอยู่ในใจเพื่อให้หลิง อี้หรานหยุดพูดถ้าเธอพูดต่อไป นายน้อยอี้อาจจะอารมณ์เสียได้“จร
ย้อนกลับไปตอนที่เธอยังอาศัยอยู่กับเขา พวกเขาก็เคยพูดคุยกันแบบนี้ตอนนั้น คำตอบของเธอคือ...“แน่นอน ก็ฉันชอบนายนี่น่า!” หลิง อี้หรานยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มขี้เล่น แต่คำตอบของเธอกลับเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน‘เธอทำตัวเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันเพราะเธอเมาหรือเปล่า? ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอเป็นพี่สาวของฉัน ส่วนฉันก็เป็นจินของเธอ’“ถ้าฉันทำตัวดี เธอจะเป็นพี่สาวของฉันใช่ไหม?”‘เป็นพี่สาวของฉัน อยู่เคียงข้างฉันนะ’‘ถึงแม้ว่าฉันให้ความรักแก่เธอไม่ได้ แต่ฉันสามารถให้อย่างอื่นกับเธอได้’‘ฉันสามารถเติมเต็มความฝันและความทะเยอทะยานของเธอได้ ฉันสามารถทำให้คนที่ดูหมิ่นเธอก้มลงต่อหน้าเธอ และฉันสามารถพาเธอขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของลำดับชั้นทางสังคมได้’‘ตราบเท่าที่... เธออยู่เคียงข้างฉัน!’บางทีนี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง“แน่นอน ยังไง... ฉันก็เป็นพี่สาวของนายมาตลอด จิน ไม่ต้องกังวล ฉันจะ... ปกป้องนาย ฉันจะปกป้องนายเอง...” เธอพึมพำเปลือกตาของเธอเริ่มปิดลง ขณะที่น้ำเสียงของเธอก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ในที่สุดเธอก็เอียงศีรษะและผล็อยหลับไปเขาค่อย ๆ จัดท่าให้เธอนอนลง จากนั้นเขาก็ห่มผ้าห่ม
ขณะที่คนรับใช้ไปเตรียมซุป ไป๋ ทิงซินก็จับให้ชิน เหลียนอีนั่งบนโซฟาแล้วพูดว่า “ผมจะส่งคุณที่บ้านหลังจากที่คุณทานซุปเสร็จแล้ว”ชิน เหลียนอีพึมพำ “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันอยากดูการแสดงต่อ ไปส่ง… ส่งฉันกลับ ฉันอยากดูหุ่นล่ำ ๆ พวกนั้น…”คำพูดของชิน เหลียนอีกระตุ้นไป๋ ทิงซิน “ฮะ? ชิน เหลียนอี ผมยังไม่ได้จัดการกับคุณเลยนะ คุณบอกผมว่าคุณมีงานด่วน แต่คุณกลับไปที่บาร์นั้นแทน ผมตามใจคุณไปมากจนคุณกล้าทำอย่างนี้เลยเหรอ?ชิน เหลียนอีสะดุ้งเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะเมา แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นความผิดของเธอ“คุณ... ตามหาฉันเจอได้ยังไง ฉัน... ฉันไม่ได้บอกคุณว่าฉันอยู่ที่บาร์สักหน่อย!” เธอบ่นราวกับไม่พอใจ“เธอบอกฉัน!” เขาบ่นด้วยความรำคาญ เขาคงไม่รู้ถ้าเธอไม่ได้โพสต์รูปภาพบนวีแชตของเธอเธอคร่ำครวญ“ส่งเสื้อกั๊กนั่นมา” ไป๋ ทิงซินพูด สายตาที่เธอมองดูเสื้อกั๊กของชายคนอื่นทำให้เขารู้สึกรำคาญ“ไม่!” ชิน เหลียนอีส่ายหัวและกำเสื้อกั๊กแน่นขึ้น “ฉันพยายาม… เอ่อ… ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมาเลยนะ!”“พยายามหนักมากไหม?” ไป๋ ทิงซินหัวเราะด้วยความโกรธ “ทำไมคุณถึงคว้าเสื้อกั๊กของพวกเขาเอาไว้แบบนี้?”“เป็น... ของที
ทว่า วิธีนี้กลับได้ผลกับชิน เหลียนอี เธอคลายนิ้วที่กำเสื้อกั๊กไว้เล็กน้อย แต่เธอกลับดูไม่เต็มใจนัก “ไป๋ ทิงซิน… คุณ… คุณหมายความว่าคุณจะไม่ให้ฉันเก็บเสื้อกั๊กไว้เหรอ?” เธอพูดด้วยความยากลำบาก ดวงตาที่พร่ามัวของเธอเต็มไปด้วยความคับข้องใจ“คุณว่าผมมีเสน่ห์มากกว่าไม่ใช่เหรอ? แล้วเก็บเสื้อกั๊กของคนอื่นไว้ทำไม?” เขาตะคอกโดยลืมไปว่ากำลังโต้เถียงกับผู้หญิงขี้เมา“พวกเขา... เต้นได้ คุณเต้นไม่ได้...” เธอพึมพำไป๋ ทิงซินโกรธมากจนพูดว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเต้นไม่ได้?”“งั้นก็เต้น… อืม… เต้น… และถอดเสื้อผ้าของคุณออกด้วย…” เธอพูดเสริมในตอนท้ายเขาจ้องมองที่เธอ “ถ้าผมเต้นให้คุณดู คุณจะหยุดคิดถึงผู้ชายคนอื่นไหม?”“แน่นอน... ฉันสัญญา!” เธอพยักหน้าเล็กน้อย“ก็ได้ รักษาคำพูดของคุณด้วย ถ้าคุณกล้ากลับคำพูด...” เขาหยุดชั่วคราว “ผมจะไม่ให้โอกาสคุณได้กลับพูดเด็ดขาด”จากนั้น ไป๋ ทิงซินจึงยกมือขึ้นและปลดกระดุมเสื้อต่อหน้าชิน เหลียนอี…เขาค่อย ๆ ขยับตัวไปมา การแสดงดังกล่าวไม่เคยมีมาก่อนในต่างประเทศการเต้นมันง่ายสำหรับเขา และเขาสามารถเต้นได้ดีกว่าผู้ชายพวกนั้น ตราบใดที่เธอยังจับตาดูเขาอยู่‘เธอไม่ได้
เมื่อเห็นคนรับใช้เข้ามา ไป๋ ทิงซินก็หันไปมองเธอและตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ออกไป!”“ค่ะ ค่ะ!” คนรับใช้รีบวางถ้วยซุปและออกจากห้องนั่งเล่นไปเหลือเพียงชิน เหลียนอีและไป๋ ทิงซินอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่“เหลียนอี ลุกขึ้น!” ไป๋ ทิงซินสั่ง“ไม่” เธอเมามาก แต่เสียงตะโกนของเธอก็ยังดังก้องออกมาอย่างชัดเจน“หยุดเดี๋ยวนี้ ดื่มซุปก่อน” เขาอดทนมากจนลูกน้องของเขาคงจะตกใจถ้าพวกเขาเห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้เขาไม่เคยต้องการเปิดใจให้ใครเลย ไม่ต้องพูดถึงการเกลี้ยกล่อมผู้หญิงแบบนี้ เธอเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียวของเขา“ไป๋ ทิงซิน... ฉันจะทำยังไงดี? ดูเหมือนว่า… ฉันจะชอบคุณนะ… เอ่อ... มากขึ้นเรื่อย ๆ…” เธอพึมพำเขารู้ว่าเธอพูดแบบนั้นออกมาเพราะเธอเมา เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาปวดร้าว “ถ้าคุณชอบผมจริง ๆ ทำไมคุณถึงไปที่นั่นแล้วไปเอาเสื้อผ้าของผู้ชายคนอื่นมาล่ะ?”“ฉันช่วยอี้หราน… ให้ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ฮิฮิ… แล้ว… พวกเขาก็หล่อมาก… แต่ว่า…” เธอเรออีกครั้งก่อนที่จะเอามือไปกุมหน้าเขาไว้ “ฉัน... แค่ชอบมองพวกเขา... คุณต่างหาก... คือคนเดียวที่ฉันชอบ... ฉันชอบคุณมาก มากเหลือเกิน...”เธอพูดพร้อมกับหอมแก
เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ‘ฉันเมาแล้วฉันจำไม่ได้ว่าเราทำอะไรลงไป ฉันต้องพยายามนึกให้มากขึ้นอีกนิดและนึกถึงช่วงเวลาที่น่าจดจำกับเขา’ราวกับว่าเธอกำลังจำอะไรบางอย่างได้ เธอร้องออกมาว่า “อ๊ะ อี้หรานอยู่ที่ไหน? เมื่อวานฉันอยู่กับอีหรานไม่ใช่เหรอ?”ไป๋ ทิงซินรู้สึกรำคาญเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ “คุณจำได้ว่าคุณอยู่กับหลิง อี้หรานเหรอ? เมื่อวานคุณบอกผมว่าอะไร? คุณบอกว่าคุณมีงานที่ต้อง แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น? คุณพาหลิง อี้หรานไปสถานที่แบบนั้นเพื่อดูโชว์ของผู้ชาย”ชิน เหลียนอีสะดุ้งอย่างรู้สึกผิด “ฉันแค่อยากช่วยอี้หรานได้ปลดปล่อย ตลอดทั้งวันฉันก็นั่งทำงานในโครงการ แล้วฉัน... ฉันก็ไปอี้หรานในตอนบ่าย!”“แล้วเสื้อผ้าที่คุณเอากลับมาล่ะ? ผมไม่เคยเห็นคุณคว้าเสื้อผ้าของผมแบบนั้นบ้างเลย แต่คุณกลับไปคว้าเอาเสื้อผ้าของคนแปลกหน้ามา” เขาสะบัดตัวออก แต่การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนและระมัดระวัง“ฉัน... ฉันทำมัน... เพื่ออี้หราน!” ชิน เหลียนอีใช้หลิง อี้หรานเป็นข้ออ้างในทันที‘อืม ฉันควรบอกว่าฉันจะมอบมันให้แก่เพื่อนสนิท’“อ๋อ ใช่ แล้วเสื้ออยู่ไหนล่ะ?” เธอนึกออกในทันที“ผมโยนมันทิ้งไปแล้ว” ไป๋ ทิงซินพูดขณ
“ถ้าอย่างนั้น… พวกเขาไม่รู้หรือว่าเรา… บ้าเอ๊ย!” ชิน เหลียนอีคร่ำครวญ ‘พ่อแม่ของฉันเป็นพวกหัวโบราณสุด ๆ ถ้าพวกเขารู้ว่ามีคนมายุ่งกับฉัน… เอ่อ ไม่… ถึงฉันมีอะไรกับใคร พวกเขาก็จะลงโทษฉันด้วยการให้ฉันคุกเข่าบนกระดานหลังจากฉันกลับบ้านใช่ไหม?’“มันน่าอายมากไหมที่จะนอนกับผม?” ท่าทางของเขานิ่งขึ้น เธอดูราวกับว่าเขาเป็นความลับที่น่าสยดสยองที่เธอต้องเก็บไว้“ไม่ ไม่! ไม่มีอะไรน่าภูมิใจไปกว่าการได้นอนกับคุณแล้ว! ฉันแค่กลัวว่าพ่อแม่ของฉันจะรับไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นพวกหัวโบราณ” ชิน เหลียนอีโพล่งออกมาไป๋ ทิงซินรู้สึกว่าทุกครั้งที่เขากำลังจะโกรธ ผู้หญิงคนนี้ก็จะทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น “ทั้งหมดที่ผมบอกพ่อแม่ของคุณคือคุณดื่มแอลกอฮอล์ไปสองสามแก้วและนอนในห้องรับแขกที่ผมจัดไว้ให้”‘ว้าว!’ชิน เหลียนอีรู้สึกโล่งใจ“เอาล่ะ ไปแต่งตัวแล้วลงไปกินข้าวเช้า กินซุปแก้เมาค้าง มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” เขาสั่ง เนื่องจากเธอไม่ได้ดื่มซุปเมื่อคืนนี้ เขาจึงอยากให้เธอได้ดื่มซุปก่อน“โอเค!” ชิน เหลียนอีตอบ จากนั้นเธอก็มองดูไป๋ ทิงซินลุกจากเตียงและเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอ ก่อนที่เขาจะสวมเสื้อผ้าของตัวเอ
[ฉันไม่เป็นอะไร ไป๋ ทิงซินพาฉันไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ของเขา] ชิน เหลียนอีอายที่จะบอกว่าเธอ ‘นอน’ กับไป๋ ทิงซินอีกครั้งไป๋ ทิงซินพูดอย่างจริงจังระหว่างอาหารเช้าว่า “คุณทำแบบนั้นกับผมอีกแล้ว ครั้งนี้คุณตายแน่ถ้าคุณไม่รับผิดชอบ”เธอพูดไม่ออก ‘ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายทุกข์ทรมานเหรอ? ฉันควรจะเป็นคนพูดประโยคพวกนั้นมากกว่า’“จะรับผิดชอบไหม?” เขาถามขณะจ้องมองเธอ“เอ่อ... ค่ะ” เธอพยักหน้าภายใต้สายตาที่ดุเดือดของเขาชิน เหลียนอีรู้สึกพูดไม่ออก แต่เธอก็รู้สึกถึงความโรแมนติดเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ‘มันรู้สึกดีมากที่ไป๋ ทิงซินบังคับให้ฉันรับผิดชอบ!’หลังจากคุยกับหลิง อี้หรานได้ครู่หนึ่ง ชิน เหลียนอีก็เก็บโทรศัพท์ของเธอ เปิดคอมพิวเตอร์และพร้อมที่จะทำงานในทางกลับกัน หลิง อี้หรานเก็บโทรศัพท์แล้วก็สลัดความคิดทั้งหมดออกไป เธอหยิบแฟ้มคดีที่กระจายอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู‘ทำไมอี้ จิ่นหลีถึงมารับฉันที่บาร์? เกิดบ้าอะไรขึ้น?’‘เขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหน?’‘ทำไมเขาถึงยังอยู่ในชีวิตฉันอีก ในเมื่อตอนนั้นฉันปฏิเสธข้อเสนอการเป็นพี่สาวของเขาในวันนั้นแล้ว?’‘เราเลิกกันแล้ว แต่ผลที่ตามมากลับต่าง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค