อี้ จิ่นหลีลงจากรถ เขาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงดังสนั่นและเสียงกรีดร้องออกมาจากด้านใน เกา ฉงหมิงมองใบหน้าของเจ้านายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะพูดว่า “นายน้อยอี้ ในนั้นมีคนอยู่มากมาย ทำไมไม่ให้ผม... เข้าไปและพาคุณหลิงออกมาดีกว่าครับ?”“ไม่ ฉันจะเข้าไปเอง” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันใดนั้น ปอร์เช่สีเงินอีกคันก็ขับเข้ามาและมาหยุดอยู่ที่หน้าบาร์ ในเวลาต่อมา ร่างผอมบางของใครบางคนออกมาจากรถปอร์เช่เขาตกใจที่เห็นอี้ จิ่นหลีอี้ จิ่นหลีก็ตกใจที่เห็นชายคนนั้นอยู่ที่นี่เช่นกันชายสองคนมองหน้ากัน จ้องเขม็งด้วยสายตาน่ากลัวเกา ฉงหมิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า น้อยครั้งที่จะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้!“นายมาที่นี่เพราะชิน เหลียนอีใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลีพูดทำลายความเงียบดวงตาของไป๋ ทิงซินเป็นประกาย “คุณมาที่นี่เพราะ... หลิง อี้หรานเหรอ?”“ไปพาผู้หญิงของเรากลับบ้านกันเถอะ” อี้ จิ่นหลีพูด‘ดูเหมือนว่าอี้ จิ่นหลีกำลังตามหาหลิง อี้หรานจริง ๆ’ ไป๋ ทิงซินคิดกับตัวเองเขารีบมาที่นี่เพราะชิน เหลียนอีตื่นเต้นมาก เธอถ่ายรูปเวทีและเผลอโพสต์ลงในวีแชตของเธอทันทีที่เขาเห็นรูปภาพนั้
ไป๋ ทิงซินเห็นชิน เหลียนอีที่อยู่บนโต๊ะกำลังโบกไม้โบกมือให้ผู้ชายทั้งห้าคนบนเวทีอย่างเมามัน มือของเธอ... เอ่อ... กำลังแกว่งเสื้อกั๊กไปมา มันดูเหมือนเครื่องแต่งกายของผู้ชายบนเวที!‘หลิง อี้หรานยังดูปกติกว่าชิน เหลียนอี’ ไป๋ ทิงซินคิดแต่พวกเธอก็ไม่ได้ดูดีกว่ากันไปสักเท่าไหร่หลิง อี้หรานยืนอยู่บนเก้าอี้ โบกมือทั้งสองข้างและเอามือป้องปากของเธอเป็นครั้งคราว ขณะที่เธอตะโกนใส่ชายเปลือยท่อนบนทั้งห้าคนบนเวที “ถอดเลย! ถอดเลย! ฉันอยู่นี่แล้ว!”ไป๋ ทิงซินถึงกลับพูดไม่ออก หลิง อี้หรานดูแตกต่างออกไปจากที่เขาเคยจำได้!ไป๋ ทิงซินมองดูท่าทางของอี้ จิ่นหลี แสงในบาร์มืดลง ดังนั้นผู้คนรอบข้างจึงไม่รู้ว่าใบหน้าของอี้ จิ่นหลีเยือกเย็นขนาดไหนในตอนนี้ ทว่า เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเขานั้น... ไป๋ ทิงซินก็รู้สึกเห็นใจหลิง อี้หรานเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าหลิง อี้หรานจะจัดการเรื่องนี้กับคนอย่างอี้ จิ่นหลีได้อย่างไรพวกเขาเลิกกันแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางของอี้ จิ่นหลีในตอนนี้ ดูเหมือนว่า... กำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอี้ จิ่นหลีก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปแล้วอุ้มหลิง อี้หรานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาเธอเอาแขน
แม้ว่าใบหน้าของอี้ จิ่นหลีจะดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่ไป๋ ทิงซินก็ไม่รู้สึกย่อท้อดูเหมือนว่าเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวจะถูกตัดออกจากในโลกของพวกเขาเกา ฉงหมิงที่ยืนอยู่ข้างหลังอี้ จิ่นหลี รู้สึกถึงเหงื่อบนหลังของเขา หากนายน้อยอี้ต่อสู้กับไป๋ ทิงซิน มันอาจจะไม่จบลงด้วยดีแม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่ได้อยู่ในเมืองเฉิน แต่ถ้าเขาอยากจะต่อสู้กับตระกูลอี้จริง ๆ ก็อาจจะต้องมีใครบางคนที่ต้องแพ้ยิ่งกว่านั้น ไป๋ ทิงซินที่ดูสง่างามและมีเสน่ห์ แต่จริง ๆ เขากลับโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กเหลือขอจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลไป๋ได้อย่างไร?!ทันใดนั้น หลิง อี้หรานที่อยู่ในอ้อมแขนของอี้ จิ่นหลีก็พูดกับชิน เหลียนอีว่า “เหลียนอี... จินมารับฉันแล้ว... ไว้เรามาดูกันใหม่... ครั้งหน้า...”“ได้... เราจะ... เราจะกลับมาดูอีก!” ชิน เหลียนอีตอบสองสาวขี้เมาทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น อี้ จิ่นหลีเดินออกจากบาร์อย่างรวดเร็วโดยมีหลิง อี้หรานอยู่ในอ้อมแขนของเขา เกา ฉงหมิงรีบตามเจ้านายออกไปในทันทีไป๋ ทิงซินต้องการพาชิน เหลียนอีออกไป แต่เธอกลับไม่เต็มใจ “ทำไมเราไม่ดูด้วยกันล่ะ?”‘อะไรนะ? เธอยังอยากจะดูต่ออีกเหรอ?
มือของอี้หรานยังคงโอบรอบคอของอี้ จิ่นหลีอยู่ ขณะที่เธอมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ‘เขาคือ... จิน จินที่ฉัน... พึ่งพาได้…’“จิน รู้อะไรไหม? ฉันมีความสุขมาก… วันนี้…” เธอพึมพำเขาขมวดคิ้ว “มีความสุข?”“ใช่... มีความสุข... มันเหมือนกับว่าฉันได้เต้นรำไปพร้อมกับผู้คนบนเวที ฉันสามารถลืมปัญหาต่าง ๆ ไปได้…” เธอพูดพึมพำ เธอพยายามจะลืมอะไรกันแน่? เธอจำไม่ได้ว่าเธอต้องการลืมอะไรแต่ว่าการได้กอดจินแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าเธอได้พบเจอกับความสงบในใจที่หายไปนาน“เหลียนอี… บอกว่าผู้ชายห้าคนที่ร้องและเต้นบนเวที... เขากำลังมาแรง...”“เหลียนอีชอบคนผมสีเทาที่สุด แต่... เอ่อ... ฉันชอบคนผมสีดำมากกว่า... ฉันคิดว่าผู้ชายเอเชียดูดีที่สุดในผมสีดำ”“ฉัน... ฉันพยายามคว้าเสื้อผ้าของพวกเขาด้วย พวกเขาจะโยนเสื้อผ้าลงมาจากเวทีทีละคน… เหลียนอีบอกว่า... ถ้าฉันชอบเสื้อกั๊กที่เธอคว้าได้จริง ๆ เธอจะยกให้ฉัน…”ขณะที่หลิง อี้หรานพูดพร่ำไปมา เกา ฉงหมิงก็สัมผัสได้ถึงความกดอากาศในรถที่ลดต่ำลงเรื่อย ๆ เขากำลังกรีดร้องอยู่ในใจเพื่อให้หลิง อี้หรานหยุดพูดถ้าเธอพูดต่อไป นายน้อยอี้อาจจะอารมณ์เสียได้“จร
ย้อนกลับไปตอนที่เธอยังอาศัยอยู่กับเขา พวกเขาก็เคยพูดคุยกันแบบนี้ตอนนั้น คำตอบของเธอคือ...“แน่นอน ก็ฉันชอบนายนี่น่า!” หลิง อี้หรานยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มขี้เล่น แต่คำตอบของเธอกลับเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน‘เธอทำตัวเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันเพราะเธอเมาหรือเปล่า? ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอเป็นพี่สาวของฉัน ส่วนฉันก็เป็นจินของเธอ’“ถ้าฉันทำตัวดี เธอจะเป็นพี่สาวของฉันใช่ไหม?”‘เป็นพี่สาวของฉัน อยู่เคียงข้างฉันนะ’‘ถึงแม้ว่าฉันให้ความรักแก่เธอไม่ได้ แต่ฉันสามารถให้อย่างอื่นกับเธอได้’‘ฉันสามารถเติมเต็มความฝันและความทะเยอทะยานของเธอได้ ฉันสามารถทำให้คนที่ดูหมิ่นเธอก้มลงต่อหน้าเธอ และฉันสามารถพาเธอขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของลำดับชั้นทางสังคมได้’‘ตราบเท่าที่... เธออยู่เคียงข้างฉัน!’บางทีนี่อาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง“แน่นอน ยังไง... ฉันก็เป็นพี่สาวของนายมาตลอด จิน ไม่ต้องกังวล ฉันจะ... ปกป้องนาย ฉันจะปกป้องนายเอง...” เธอพึมพำเปลือกตาของเธอเริ่มปิดลง ขณะที่น้ำเสียงของเธอก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ในที่สุดเธอก็เอียงศีรษะและผล็อยหลับไปเขาค่อย ๆ จัดท่าให้เธอนอนลง จากนั้นเขาก็ห่มผ้าห่ม
ขณะที่คนรับใช้ไปเตรียมซุป ไป๋ ทิงซินก็จับให้ชิน เหลียนอีนั่งบนโซฟาแล้วพูดว่า “ผมจะส่งคุณที่บ้านหลังจากที่คุณทานซุปเสร็จแล้ว”ชิน เหลียนอีพึมพำ “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันอยากดูการแสดงต่อ ไปส่ง… ส่งฉันกลับ ฉันอยากดูหุ่นล่ำ ๆ พวกนั้น…”คำพูดของชิน เหลียนอีกระตุ้นไป๋ ทิงซิน “ฮะ? ชิน เหลียนอี ผมยังไม่ได้จัดการกับคุณเลยนะ คุณบอกผมว่าคุณมีงานด่วน แต่คุณกลับไปที่บาร์นั้นแทน ผมตามใจคุณไปมากจนคุณกล้าทำอย่างนี้เลยเหรอ?ชิน เหลียนอีสะดุ้งเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะเมา แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นความผิดของเธอ“คุณ... ตามหาฉันเจอได้ยังไง ฉัน... ฉันไม่ได้บอกคุณว่าฉันอยู่ที่บาร์สักหน่อย!” เธอบ่นราวกับไม่พอใจ“เธอบอกฉัน!” เขาบ่นด้วยความรำคาญ เขาคงไม่รู้ถ้าเธอไม่ได้โพสต์รูปภาพบนวีแชตของเธอเธอคร่ำครวญ“ส่งเสื้อกั๊กนั่นมา” ไป๋ ทิงซินพูด สายตาที่เธอมองดูเสื้อกั๊กของชายคนอื่นทำให้เขารู้สึกรำคาญ“ไม่!” ชิน เหลียนอีส่ายหัวและกำเสื้อกั๊กแน่นขึ้น “ฉันพยายาม… เอ่อ… ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมาเลยนะ!”“พยายามหนักมากไหม?” ไป๋ ทิงซินหัวเราะด้วยความโกรธ “ทำไมคุณถึงคว้าเสื้อกั๊กของพวกเขาเอาไว้แบบนี้?”“เป็น... ของที
ทว่า วิธีนี้กลับได้ผลกับชิน เหลียนอี เธอคลายนิ้วที่กำเสื้อกั๊กไว้เล็กน้อย แต่เธอกลับดูไม่เต็มใจนัก “ไป๋ ทิงซิน… คุณ… คุณหมายความว่าคุณจะไม่ให้ฉันเก็บเสื้อกั๊กไว้เหรอ?” เธอพูดด้วยความยากลำบาก ดวงตาที่พร่ามัวของเธอเต็มไปด้วยความคับข้องใจ“คุณว่าผมมีเสน่ห์มากกว่าไม่ใช่เหรอ? แล้วเก็บเสื้อกั๊กของคนอื่นไว้ทำไม?” เขาตะคอกโดยลืมไปว่ากำลังโต้เถียงกับผู้หญิงขี้เมา“พวกเขา... เต้นได้ คุณเต้นไม่ได้...” เธอพึมพำไป๋ ทิงซินโกรธมากจนพูดว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเต้นไม่ได้?”“งั้นก็เต้น… อืม… เต้น… และถอดเสื้อผ้าของคุณออกด้วย…” เธอพูดเสริมในตอนท้ายเขาจ้องมองที่เธอ “ถ้าผมเต้นให้คุณดู คุณจะหยุดคิดถึงผู้ชายคนอื่นไหม?”“แน่นอน... ฉันสัญญา!” เธอพยักหน้าเล็กน้อย“ก็ได้ รักษาคำพูดของคุณด้วย ถ้าคุณกล้ากลับคำพูด...” เขาหยุดชั่วคราว “ผมจะไม่ให้โอกาสคุณได้กลับพูดเด็ดขาด”จากนั้น ไป๋ ทิงซินจึงยกมือขึ้นและปลดกระดุมเสื้อต่อหน้าชิน เหลียนอี…เขาค่อย ๆ ขยับตัวไปมา การแสดงดังกล่าวไม่เคยมีมาก่อนในต่างประเทศการเต้นมันง่ายสำหรับเขา และเขาสามารถเต้นได้ดีกว่าผู้ชายพวกนั้น ตราบใดที่เธอยังจับตาดูเขาอยู่‘เธอไม่ได้
เมื่อเห็นคนรับใช้เข้ามา ไป๋ ทิงซินก็หันไปมองเธอและตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ออกไป!”“ค่ะ ค่ะ!” คนรับใช้รีบวางถ้วยซุปและออกจากห้องนั่งเล่นไปเหลือเพียงชิน เหลียนอีและไป๋ ทิงซินอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่“เหลียนอี ลุกขึ้น!” ไป๋ ทิงซินสั่ง“ไม่” เธอเมามาก แต่เสียงตะโกนของเธอก็ยังดังก้องออกมาอย่างชัดเจน“หยุดเดี๋ยวนี้ ดื่มซุปก่อน” เขาอดทนมากจนลูกน้องของเขาคงจะตกใจถ้าพวกเขาเห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้เขาไม่เคยต้องการเปิดใจให้ใครเลย ไม่ต้องพูดถึงการเกลี้ยกล่อมผู้หญิงแบบนี้ เธอเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียวของเขา“ไป๋ ทิงซิน... ฉันจะทำยังไงดี? ดูเหมือนว่า… ฉันจะชอบคุณนะ… เอ่อ... มากขึ้นเรื่อย ๆ…” เธอพึมพำเขารู้ว่าเธอพูดแบบนั้นออกมาเพราะเธอเมา เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาปวดร้าว “ถ้าคุณชอบผมจริง ๆ ทำไมคุณถึงไปที่นั่นแล้วไปเอาเสื้อผ้าของผู้ชายคนอื่นมาล่ะ?”“ฉันช่วยอี้หราน… ให้ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ฮิฮิ… แล้ว… พวกเขาก็หล่อมาก… แต่ว่า…” เธอเรออีกครั้งก่อนที่จะเอามือไปกุมหน้าเขาไว้ “ฉัน... แค่ชอบมองพวกเขา... คุณต่างหาก... คือคนเดียวที่ฉันชอบ... ฉันชอบคุณมาก มากเหลือเกิน...”เธอพูดพร้อมกับหอมแก