หลิงอี้หรานตกใจ เธอลุกขึ้นและเดินอย่างโซซัดโซเซ แต่แขนแกร่งกลับคว้าเอวของเธอไว้จากนั้นเสียงของอี้ จิ่นหลีก็ดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”หลิง อี้หรานหันกลับไปมองใบหน้าของเขาด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้น เธอก็มองไปที่คนแปลกหน้าสองคนที่นอนกองกับพื้น เธอหลุดออกจากภวังค์อีกครั้ง “ฉันไม่รู้จักพวกเขา”อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้ว “เธอไม่รู้จักเหรอ?”“ใช่” เธอตอบ มองไปเขาแล้วพูดว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”“ฉันมาหาเธอ” เขาพูดขณะเหลือบมองผู้ชายคนหนึ่งที่นอนกรีดร้องอยู่บนพื้น ก่อนจะมองเธออีกครั้ง “ผู้ชายคนนี้บอกว่าเขาเป็นแฟนเธอ เขาเป็นแฟนเธอหรือเปล่า?”น้ำเสียงโทนต่ำของเขาฟังดูน่ากลัวยิ่งขึ้น“ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักพวกเขา แล้วคนคนนี้เป็นแฟนฉันได้ยังไง?”อี้ จิ่นหลียิ้ม “นั่นสิเนอะ ก็แค่คำถามไร้สาระ”จิ่นหลีเดินไปหาชายที่นอนอยู่บนพื้น เอาเท้าเหยียบหน้าอกของชายคนนั้น จนเขาร้องไห้ออกมาเสียงดัง“แกไม่ควรพูดแบบนั้นออกมา แฟนของเธอเหรอ? หึ แกยังดีไม่พอด้วยซ้ำ!” น้ำเสียงเย็นชาของเขาฟังดูโหดร้ายชายคนนั้นแทบจะหมดสติไปเพราะความเจ็บปวด เขาตะโกนสุดกำลัง “ฉัน... ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ แค่ล้อเล่น ฉันไม่ใช่แฟนของเธอ!”
เธอพูดและพยายามดึงมือออกทว่า เขากลับจับมือเธอไว้แน่นแล้วพูดว่า “เรียกฉันว่าจิน”“มันไม่เหมาะสม คุณอี้ เรา...”“เรียกฉันว่าจิน” เขายังคงพยายามต่อ “หรืออยากจะยืนอยู่ต่อที่นี่ล่ะ?”หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากของเธอและมองไปรอบ ๆ เธอพบว่าหลายคนมองมาทางพวกเขาอยู่ หากพวกเขาอยู่ที่นี่ ผู้คนอาจจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายและเผยแพร่วิดีโอทางอินเทอร์เน็ต“จิน!” เธอโพล่งออกไปด้วยความยากลำบากทันใดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา ความสดใสเข้ามาแทนที่ใบหน้าที่แสนอันตรายและความโกรธในดวงตาสีพีชที่สวยงามคู่นั้น...…หลิง อี้หรานมองดูอี้ จิ่นหลีเดินเข้าไปในบ้านเช่าของเธอ เธอได้แต่สงสัยว่าเธอจะย้ายออกไปจากที่นี่หรือไม่แต่ถ้าเธอย้ายออกไป ยังไงเขายังสามารถเข้ามาในบ้านของเธอได้ตลอดเวลาอยู่ดี“คุณต้องการอะไร?” หลิง อี้หรานถามขณะจ้องมองอี้ จิ่นหลี“เธอจะทำอาหารเย็นเหรอ?” เขาถามเมื่อมองดูผักที่เธอซื้อมาจากตลาดก่อนหน้านี้“ใช่” เธอตอบ“ทำสำหรับสองที่นะ ฉันจะกินด้วย” เขาพูดเธอหยุดชะงักก่อนจะพูดว่า “ฉันซื้อผักมากินแค่ 1 อย่าง และมีอาหารเย็นไม่พอสำหรับสองคน ถ้าคุณหิว ก็ไปนั่งทานในร้านหรือสั่งกลับบ้านจะดีกว
อี้ จิ่นหลีก้มศีรษะลงและเริ่มกิน หลังจากกินไปได้สองสามคำ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วพูดว่า “อร่อยมากครับพี่สาว”ท่าทางของเธอเปลี่ยนไป “ฉันไม่ใช่พี่สาวของคุณ”“จริงหรือ?” เขายิ้ม “เป็นพี่สาวของฉันมันไม่ดีเหรอ? ฉันจะทำให้ให้ทุกคนในเมืองเฉินเคารพเธอ แล้วเธอมีอะไรก็ได้ที่เธอต้องการในเมืองเฉิน ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน ฉันก็หามาให้ได้”“แล้วถ้าฉันอยากให้คุณเลิกมาโผล่หน้าให้ฉันเห็นล่ะ?” เธอถามดวงตาของเขาดูเศร้าหมองลง “นี่เธอกำลังผลักไสฉันเหรอ?” แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาขึ้น“ใช่” เธอสบตาและให้คำตอบที่แน่วแน่แก่เขาถ้าเธอไม่ต้องเห็นหน้าเขา เธอก็อาจจะลืมเขาไปจากใจได้เสียทีใบหน้าของเขานิ่งเฉยขึ้น จนบรรยากาศในบ้านดูน่าอึดอัดหลิง อี้หรานคิดว่าอี้ จิ่นหลีอาจจะจากไปพร้อมกับความโกรธ แต่เขากลับยิ้มอีกครั้ง “แต่ผมอยากเจอพี่จริง ๆ นะ แล้วผมควรทำยังไงล่ะ?”เธอสำลักกับคำพูดได้ที่ยิน เธอไม่สามารถต่อว่าอะไรเขาได้เลย“ก็ได้ พอเถอะ ฉันไม่อยากจะเถียงกับเธอแล้ว อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้กินข้าวกับเธอ ฉันจำได้ว่าเธอเคยชอบกินข้าวกับฉัน ต่อให้ฉันจะกลับถึงบ้านดึกแค่ไหน เธอก็จะรอกินข้าวพร้อมกับฉัน” เขาพูดหลิง
เขาหรี่ตาลง “ทำไม?”เพราะนั่นเป็นเกียรติเดียวที่เธอเหลืออยู่! แม้ว่าศักดิ์ศรีของเธอจะถูกเหยียบย่ำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกลายเป็นเพียงชิ้นส่วนที่ถูกปะติดปะต่อขึ้น แต่... เธอก็ไม่ต้องการถูกเหยียบย่ำอีก “เพราะคุณไม่ใช่ครอบครัวที่ฉันต้องการ คุณจะเป็นเจ้าหนี้ คนแปลกหน้า หรือเจ้านายของฉันได้ แต่คุณไม่มีวันที่จะมาเป็นครอบครัวของฉันได้อีก!”คำว่า ‘ครอบครัว’ นั้นสำคัญมากสำหรับเธอ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอดชีวิต!ดังนั้น เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาเหยียบย่ำคำคำนั้น!เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาเขม่น ราวกับใบมีดเย็นเฉียบที่พร้อมจะตัดเธอให้ขาดเป็นชิ้นอย่างเลือดเย็นเธอไม่ได้หลบสายตาของเขา แต่กลับจ้องมองเขากลับอย่างสงบ ราวกับว่าเธอกำลังต่อกรเขาอย่างเงียบ ๆ ว่าเขาจะไม่มีวันได้เป็นครอบครัวของเธอทันใดนั้น เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ รอยยิ้มแสนสวยปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากบาง “ทำไมเราไม่ลองเดิมพันดูล่ะ? ฉันพนันได้เลยว่าวันหนึ่งเธอจะมาขอร้องให้ฉันกลับไปเป็นครอบครัวของเธอและขอให้ฉันเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ อีกครั้ง”ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน เขาพูดอย่างมั่นใจราวกับว่าจะมีวันนั้นจริง ๆ !“มันจะไม่มีวั
ไม่มีใครรู้ว่าตำรวจจะสอบสวนคดีนี้อีกครั้งหรือไม่“ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้กับทางตำรวจอีกครั้ง” ทนายกู้พูดขึ้นขณะมองดูใต้ตาดำคล้ำของหลิง อี้หราน “คุณคงทำงานหนักกับคดีนี้มากสินะ ไม่ค่อยได้นอนสิท่า วันนี้ผมจะให้คุณหยุดแล้วกัน กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”หลิง อี้หรานรู้ว่าทนายกู้เข้าใจเธอผิด แม้ว่าเธอไม่ได้นอนหลับสบาย แต่มันก็ไม่ใช่เพราะคดีนี้ เป็นเพราะอี้ จิ่นหลีต่างหากเธอโล่งใจที่การทำงานร่วมกับทนายกู้ง่ายกว่าที่คิดหลังจากได้รับวันหยุด หลิง อี้หรานจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมพี่โจวกับอาหยันน้อยก่อนที่พวกเขาจะออกจากเมืองเฉินทว่า เมื่อเธอไปถึงชั้นล่างของตึกสำนักงาน เธอกลับไม่คิดว่าจะได้เห็นรถยนต์คันหรูจอดอยู่ที่หน้าทางเข้า ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดที่ออกแบบในระดับไฮเอนด์ก้าวลงจากรถเธอคือหวา ลี่ฟาง!หลิง อี้หรานค่อนข้างแปลกใจที่ได้เจอหวา ลี่ฟาง “อี้หราน บังเอิญจัง! ฉันแค่จะแวะมาหาเธอและในที่สุดฉันก็เจอเธอ!”หวา ลี่ฟางรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอทำงานเป็นผู้ช่วยทนายความอยู่ที่นี่จากหยู ข่ายฮ่าว ผู้ชายที่เธอเจอที่คลับครั้งล่าสุด ‘เธอเคยเป็นทนายความหน้าใหม่ที่มีอนาคตสดใสแล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้เธอก็เป็นได้
จากนั้นหวา ลี่ฟางก็เริ่มบทสนทนา “เพราะลี่เฉินเคยเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนที่เขาตามหา ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะสามารถรักษาระยะห่างจากลี่เฉินได้ คนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดเรื่องไร้สาระระหว่างเรา ไหน ๆ เราก็เป็นญาติกัน”หลิง อี้หรานหัวเราะออกมาทันที “เข้าใจผิดเรื่องไร้สาระ? คนอื่นจะเข้าใจผิดเรื่องอะไร?”“คราวที่แล้วเธออยู่กับลี่เฉินในสตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ คนอื่นจะเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ” หวา ลี่ฟางพูด จากนั้นเธอก็พูดเสริมอย่างเขินอาย “ตอนนี้ฉันก็อยู่กับลี่เฉินและเรายังไม่ได้ประกาศอะไรอย่างเป็นทางการ แต่เร็ว ๆ นี้…”หวา ลี่ฟางพูดอย่างครุมเครือโดยเจตนา ปล่อยให้คนฟังจินตนาการไปต่าง ๆ นานา“ฉันกับกู้ ลี่เฉินไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องกังวล” หลิง อี้หรานพูด“ถ้าเธอหลีกเลี่ยงที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเขา มันจะดีกว่าไหม? หรือ… ฉันช่วยเหลือเธอให้พัฒนาอาชีพอื่นได้นะ เธอจะไปเปิดร้านค้าหรืออะไรก็ได้ จะได้มีชีวิตง่าย ๆ กว่านี้ไง เราเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้ฉันมีเงินมากพอ ให้ฉันเอาเงินให้เธอสักสองล้านดอลล่าร์ก่อนไหม?” หวา ลี่ฟางพูด‘สองล้านดอลลาร์’ หลิง อี้หรานรู้สึกตลก ‘สองล้านดอลลาร์นั้นน่าจะเป็นเงินของกู้ ลี่เฉิน คน
“น้องสาว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอไม่ควรพูดคำพวกนี้ออกมาต่อหน้าฉัน เพราะเธอก็เป็นหลานสาวคนหนึ่งของคุณยาย ฉันอยากจะเตือนเธอไว้ก่อนว่ากู้ ลี่เฉินไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิด ถ้าเธอโลภเกินไป เธออาจจะสูญเสียทุกอย่างได้”เมื่อหลิง อี้หรานพูดจบ เธอก็ลุกขึ้น ชำระค่ากาแฟของตัวเองและออกจากร้านกาแฟหวา ลี่ฟางยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยกาแฟ แต่ร่างกายของเธอสั่นมากจนยกแก้วกาแฟไม่ขึ้น‘ฉันควรทำยังไงดี? หลิง อี้หรานจำทุกอย่างได้แล้ว! ถ้าหลิงอี้หรานไปบอกลี่เฉิน...’‘ไม่ ไม่มีวัน! ฉันต้องหาทางออก ต่อให้หลิง อี้หรานบอกเขา ลี่เฉินก็ต้องไม่เชื่อเธอ!’‘ฉันต้อง... คิดอะไรบางอย่าง!’...หลังจากที่หลิง อี้หรานออกจากร้านกาแฟ เธอก็ขึ้นรถบัสไปยังบ้านเช่าของคุณนายโจวและอาหยันน้อย เธอพบว่าโจว เชียนหยุนอยู่ที่นั่นและพวกเขากำลังเก็บของกันทันทีที่อาหยันน้อยเห็นหลิง อี้หราน เขาก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเธออย่างมีความสุขและบอก หลิง อี้หรานว่าเขาจะได้ไปโรงเรียนอนุบาลแล้วหลังจากฤดูร้อนสิ้นสุดลง!“พี่เจอโรงเรียนอนุบาลที่เหมาะกับเขาแล้วเหรอคะ?” หลิง อี้หรานถามขณะมองไปที่โจว เชียนหยุน“ใช่ ฉันหาเจอท
“น้ากวอให้ผมขี่ไหล่แล้วก็พาผมเล่นสนุก!” เด็กน้อยเริ่มนับกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยนิ้วของเขาและส่วนใหญ่มักเป็นกีฬาโปรดที่พ่อและลูกชายมักเล่นด้วยกันเมื่อโจว เชียนหยุนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอก็ดูโศกเศร้าขึ้นไม่ว่าเธอจะพยายามสวมบทบาทพ่อมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ยังคงเป็นความจริงที่ว่าอาหยันน้อยไม่มีพ่อ เธอเห็นความอิจฉาริษยาในดวงตาของลูกชายทุกครั้งที่เห็นลูกคนอื่นอยู่กับพ่อ‘แต่... เย่ เหวินหมิงไม่ใช่พ่อที่ดี สำหรับความต้องการของเย่ เหวินหมิง… คืออาหยันน้อยไม่ควรมีตัวตนอยู่จริง’หลิง อี้หรานเห็นดวงตาโศกเศร้าของโจว เชียนหยุน เธอจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ขณะที่เธอกำลังจะจากไป เธอมองดูโจว เชียนหยุนและถามว่า “อาการบาดเจ็บของพี่เป็นยังไงบ้างคะ?”“ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วล่ะ ฉันไม่เจ็บมากแล้ว” โจว เชียนหยุนพูดพร้อมกับยกยิ้ม“เย่ เหวินหมิงได้มาหาพี่อีกหรือเปล่า?” หลิง อี้หรานถามอีกครั้งโจว เชียนหยุนส่ายหัว ตั้งแต่วันที่เธอทำร้ายตัวเองต่อหน้าเขา เขาก็ไม่เคยมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลย“ถ้ามีอะไรที่ฉันพอช่วยพี่ได้ ก็บอกฉันได้ตลอดนะคะ ตอนนี้ฉันอาจจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่... ถ้าเราช่วยกัน งานหนักจะได้กลาย
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค