‘ลี่เฉินเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?’หลิง ลั่วอินมองไปรอบ ๆ ทุกคนที่เยาะเย้ยและพูดจาเหยียดหยามเธอก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกโล่งใจ!ฮึ่ม! ถ้าเธอได้กลับไปคบกับลี่เฉินอีกครั้ง เธอจะขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกจากวงการบันเทิงทีละคนหลิง ลั่วอินเดินออกมาอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉิน เธอก็ตระหนักว่ามันอาจจะ... ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดสถานที่ที่เธอไปพบกู้ ลี่เฉินนั้นคือสถานกักกัน พ่อและแม่ของเธอก็ถูกขังอยู่ในศูนย์กักกันกู้ ลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งขณะจิบชาอย่างเกียจคร้านในทางกลับกัน พ่อแม่ของเธอตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกเขาหดตัวซุกอยู่ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะหลิง ลั่วอินกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้สึกถึงท้องไส้ที่ปั่นป่วนเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมลี่เฉินถึงมาที่นี่?เธอรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเธอถูกคุมตัว แต่พวกเขาจะถูกคุมตัวเพียงไม่กี่วัน เธอจึงไม่สนใจมากตราบใดที่ยังไม่มีการรายงานในสื่อแต่ตอนนี้...“ทำไมคุณถึงเลือกมาพบที่นี่ล่ะ ลี่เฉิน?” หลิง ลั่วอินทำให้เสียงอ่อนลงเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช “โชคดีจังที่คุณมาหาฉัน คุณช่วยฉันได้ไหมคะ? ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของฉันถูกคุมขังที่นี่เพียงเพราะเรื่องเข้าใจ
กู้ ลี่เฉินมองไปที่หลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา ยุติธรรม? โลกนี้เคยมีความยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? หากความสำเร็จมีสัดส่วนเท่ากับความพยายาม เขาคงจะได้พบเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาใช้เวลาหลายปีเพื่อตามหาเธอแล้ว!แต่... เขากลับหาไม่เจอ!ราวกับว่าบุคคลนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้แต่... คนคนนั้นมีอยู่จริง!“ถ้าเธอต้องการให้มันยุติธรรม แม่ของเธอตบหลิง อี้หราน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม ขอให้เขาตบเธอด้วยสิ” กู้ ลี่เฉินกล่าวเบา ๆหลิง ลั่วอิน, ฟาง ซุ่ยเอ๋อและหลิง กว๋อจื้อหยุดนิ่งทันทีฟาง ซุ่ยเอ๋อลุกจากเก้าอี้และกรีดร้องว่า “ทำไมฉันจะต้องตบลูกสาวของฉันด้วย? คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้แม้ว่าคุณจะรวยและมีอำนาจมากก็เถอะ!”“คุณตบลูกสาวตัวเองไม่ได้เหรอ?” กู้ ลี่เฉินหัวเราะราวกับว่าเขากำลังได้ยินเรื่องตลก “แต่คุณกลับตบลูกเลี้ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณทางสายเลือดได้ง่าย ๆ อย่างนั้น ใช่ไหม?”ฟาง ซุ่ยเอ๋อรู้สึกอับอาย แต่เธอก็ยังเถียง “ง่าย ๆ… งั้นเหรอ หลิง อี้หราน… เป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับลั่วอินอย่างไร้ยางอาย…”ก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าของกู้ ลี่เฉินก็เย็นชาขึ้น ทันใดนั้นบอดี้การ์ดของกู้ ลี่เฉินก็ตบเข้าที่
นักข่าวบางคนพบว่าหลิง ลั่วอินขายบ้านและเครื่องประดับของเธอ แม้แต่บ้านที่พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ก็ยังถูกขายทางอินเทอร์เน็ต พวกเขาสันนิษฐานว่าเธอต้องการรวบรวมเงินสำหรับค่าปรับเพื่อมาจ่ายในการทำผิดสัญญามีคนเจ้ากี้เจ้าการคนหนึ่งตรวจสอบสัญญาที่ยังไม่สิ้นสุดของหลิง ลั่วอินทั้งหมดและพบว่าจำนวนเงินชดเชยทั้งหมดคาดว่าจะมากกว่า 70 ล้านดอลลาร์สำหรับหลิง ลั่วอิน นักแสดงท้ายแถวที่มีพื้นฐานครอบครัวปกติ นี่เป็นตัวเลขจำนวนมาก การขายทรัพย์สินทั้งหมดของเธออาจไม่เพียงพอที่จะชดใช้ค่าสัญญาหลิง อี้หรานมองดูข่าวในโทรศัพท์ของเธอและหนึ่งในภาพถ่ายแสดงข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของตระกูลของเธอที่พวกเขาได้มอบให้กับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์มีภาพการตกแต่งภายในของบ้านอยู่ในข้อมูลราคาขายบ้านตระกูลหลิงทางอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 5,800,000 ดอลลาร์บ้านที่มีความทรงจำของเธอและแม่ของเธอขายได้ในราคา 5,800,000 ดอลลาร์ หลิง อี้หรานรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่จริงแล้ว หลังจากผ่านไปหลายปี บ้านหลังนี้แทบไม่มีร่องรอยของแม่เหลืออยู่ในบ้านเลย มีเพียงร่องรอยของหลิง ลั่วอินกับฟาง ซุ่ยเอ๋อ“พี่กำลังดูอะไร?” อี้ จิ่นหลีเดินมาหาหลิง อี้หราน เขามอ
อี้ จิ่นหลีกล่าวว่า “ในเมื่อพี่ถาม ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง” แม้ว่าเขาจะไม่บอกเธอในตอนนี้ เธอก็อาจจะรู้เรื่องนี้ในไม่ช้าเพราะมันมันไม่ใช่ความลับในสังคมชั้นสูงของเมืองเฉินเขาอยากจะบอกเธอเองมากกว่าให้คนอื่นมาเล่าเรื่องให้เธอฟัง“กู้ ลี่เฉินกำลังมองหาใครบางคน เขากำลังมองหาผู้หญิงที่เขารู้จักเมื่อตอนที่เขายังเด็ก แต่เขายังหาเธอไม่เจอ พูดได้เลยว่าแฟนของเขาคือคนแทนของผู้หญิงคนนั้น เพราะเขายังหาคนที่ใช่ไม่เจอ เขาเลยหาคนมาแทนที่เพื่อปลอบโยนตัวเอง” อี้ จิ่นหลีกล่าวขณะดูปฏิกิริยาของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานขมวดคิ้ว “เขากำลังมองหาตัวแทนของเด็กน้อยเหรอ?”“แฟนเก่าของเขาคงดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้น”“แต่พวกเธอไม่ใช่คนที่เขากำลังตามหา แล้วมันสนุกเหรอที่มองหาตัวสำรองต่อไป?” เธอถาม“บางทีเขาอาจจะหมกมุ่นอยู่กับมันมากเกินไป หรือบางทีเขาอาจจะสิ้นหวังแล้ว บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาจะไม่ได้พบเด็กน้อยคนนั้นอีก”ขณะที่อี้ จิ่นหลีพูด เขาก็เปลี่ยนบทสนทนาไปอีกครั้ง “ถ้าพี่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นและรู้ว่ามีคนแบบนี้กำลังตามหาพี่ พี่จะทำยังไง?”หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอไม่ได้คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้
กวาน ลี่หลี่จงใจสั่งอาหารร้านเธอตั้งแต่รู้ว่าเธอทำงานที่นี่ หลิง อี้หรานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากวาน ลี่หลี่คิดอะไรอยู่?“มีอะไรหรือเปล่า? รายการอาหารผิดเหรอ” โจว เชียนหยุนตะโกนถามจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์“ไม่มีอะไรค่ะ” หลิง อี้หรานหัวเราะคิกคัก เธอรับคำสั่งและเดินไปที่จักรยานยนต์ไฟฟ้าของเธอ จากนั้นจึงขี่มันไปที่สำนักงานกฎหมายเมื่อหลิง อี้หรานเดินเข้าไปในบริษัท กวาน ลี่หลี่ก็เข้ามาขวางหน้าเธอและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ อี้หราน ขอบใจมากนะที่มาส่งอาหารให้ฉันอีกครั้ง”“อย่าพูดอย่างนั้นเลย มันเป็นหน้าที่ของฉัน” หลิง อี้หรานพูดเบา ๆ และเอาอาหารให้เธอแทนที่กวาน ลี่หลี่จะรับอาหารไป แต่เธอกลับพาอี้หรานไปที่ห้องรับรองแขกและพูดกับเพื่อนร่วมงานของเธอที่นั่นว่า “ทุกคน นี่คือคนที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ฉันเพิ่งเล่าให้พวกคุณฟัง เธอยังเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของเรา หลิง อี้หราน”ทันใดนั้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่หลิง อี้หรานความรู้สึกไม่ดีเพิ่มขึ้นในจิตใจของหลิง อี้หรานกวาน ลี่หลี่กล่าวด้วยความจริงใจว่า “ฉันมีหน้าที่ต้องสอนทนายความมือใหม่ที่นี่และอย่างที่เธอรู้ การยกเอาคดีความในอดีตมาโต้เถียงและอภิปรายกัน
“ช่วยฉันงั้นเหรอ? คำที่ออกจากปากเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแย่!” หลิง อี้หรานกล่าวคนรอบข้างเป็นทนายความมืออาชีพ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะเดาอะไรไม่ออกหลังจากฟังบทสนทนาเหล่านี้ได้อย่างไร? สายตาที่พวกเขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ก็เปลี่ยนไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของกวาน ลี่หลี่กำลังถูกทำลายกวาน ลี่หลี่ต้องการทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกอับอายในวันนี้เพื่อที่เธอจะสามารถระบายความรู้สึกเศร้าโศกของเธอระหว่างการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้หลังจากพบกับหลิง อี้หรานใครจะคิดว่าคนที่ต้องอับอายกลับเป็นตัวเธอเอง?เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาโดยไม่ทันคิดและโยนใส่หลิง อี้หรานหลิง อี้หรานพยายามหลบหนีถ้วยชาไม่ให้โดนใบหน้าของเธอ เธอป้องกันตัวเองและโยนถ้วยชากลับไป แต่เสื้อผ้าท่อนบนของเธอกลับไม่รอดในช่วงฤดูร้อน หลิง อี้หรานสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว และตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จนมองเห็นชุดชั้นในข้างในเสื้อเชิ้ตขาวของเธอเพื่อนร่วมงานของกวาน ลี่หลี่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้น บางคนถึงกลับอุทานออกมาขณะที่หลิง อี้หรานพยายามปกปิดหน้าอกของเธอ เสื้อแจ็คเก็ตสูทบาง ๆ ก็คลุมร่างกายของเธอไว้“คลุมไว้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ
มือของเธอที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด มันกำลังอดทนถึงการถูกกดขี่บางอย่างเจ้านายได้ตรวจสอบข้อมูลของเธอก่อนหน้านี้และรู้ว่าเธอถูกคุมขังเนื่องจากการขับรถประมาทจนก่อให้เกิดแก่ความตายต่อห่าว เหมยววี่แต่เขาไม่ได้ลงลึกเกี่ยวกับคดีนี้ ตอนนี้พอมาฟังสิ่งที่คนอื่นพูด เธอ... ไม่ได้รู้สึกผิดในการพิจารณาคดี โดยการบอกว่าเธอถูกเข้าใจผิดเธอถูกเข้าใจผิดจริงหรือป่าว? การตายของห่าว เหมยยวี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยอย่างนั้นเหรอ?เพื่อนร่วมงานอธิบายเหตุการณ์สั้น ๆ โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คนที่เป็นเจ้านายของบริษัทจะไม่เข้าใจเรื่องคาว ๆ อย่างนั้นได้อย่างไร? เขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ด้วยสายตาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองหลิง อี้หราน“อี้หราน ฉันขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยนะ แล้วเรื่องนี้ ทางบริษัทจะชดเชยค่าเสียหายให้คุณ คุณมาแจ้งรายละเอียดได้ภายหลัง” เจ้านายกล่าวหลิง อี้หรานพูดเบา ๆ “ไม่ล่ะค่ะ ฉันยังต้องทำงานอยู่!”เธอหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่กู้ ลี่เฉิน ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกแล้วส่งคืนให้เขา “ขอบคุณค่ะ” เสื้อของเธอยังเปียกอยู่และอยู่ในสภาพบางเฉียบอย่างไรก็ตาม หลิง อี้หรานอยากจะออกไปจากที
กวาน ลี่หลี่พูดอะไรไม่ออกทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่มักจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกวาน ลี่หลี่ก็เย้ยหยันและกล่าวว่า “นี่ ใครบางคนตั้งใจจะทำให้อดีตเพื่อนร่วมงานอับอายแต่กลับต้องอับอายเสียเอง บางทีพรุ่งนี้เธออาจจะไม่ได้เป็นทนายแล้ว เช่นเดียวกับอดีตเพื่อนร่วมงาน นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทนายมือใหม่!” ใบหน้าของกวาน ลี่หลี่ซีดลงทันที ปากที่เคยพูดพล่อย ๆ กลับนิ่งเงียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกถ้ามันเกิดขึ้นจริง เธอคงกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกทนายคนอื่น ๆ ต่อจากนี้ไป!ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันลงมือทำมัน!...หลิง อี้หรานเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคาร แต่ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงจักรยานไฟฟ้า กู้ ลี่เฉินก็วิ่งมาคว้าแขนของเธอไว้ “ทำไมคุณถึงอยากเตร็ดเตร่ไปทั่วบนถนนในชุดเสื้อขาวบางเฉียบแบบนี้มากกว่ายอมรับน้ำใจจากผม? คุณเกลียดผมเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่อยากแตะต้องข้าวของของผมเลยงั้นเหรอ?”หลิง อี้หรานพยายามดึงแขนออกจากมือของเขา แต่มันกลับไม่เป็นผล เขาจับแขนเธอแน่นขึ้น“ฉันแค่คิดว่ามันคงจะยุ่งยากถ้าต้องคืนเสื้อสูทให้คุณ ตอนนี้อากาศร้อน อีกไม่นานเสื้อฉันก็คงจะแห้ง”