เมื่อมองผ่านออกไปในกระจก ด้านนอกกลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกจากห้องโถงขนาดใหญ่ รวมถึงการร้องเล่นเต้นรำของนักร้องประจำคลับเมื่อเทียบกับเสียงรบกวนภายนอกแล้ว ห้องส่วนตัวกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาดกู้ ลี่เฉินรินน้ำชาให้ตัวเอง เขาจิบชาและจ้องมองความโกลาหลทางด้านนอกประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันศีรษะกลับไปมองผู้มาเยี่ยม “มาแล้วสินะ รับชาสักถ้วยไหม?”“ไม่เป็นไร ขอบใจ” อี้ จิ่นหลีเดินไปที่เก้าอี้ตรงข้ามกู้ ลี่เฉิน และนั่งลง “ฉันมาเพื่อบอกอะไรนายสองสามอย่าง เสร็จแล้วฉันจะรีบกลับ”กู้ ลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถามจริง? นายต้องการบอกอะไรฉัน?”“มันเป็นเรื่องของนายที่จะเลิกกับหลิง ลั่วอิน แต่อย่ามายุ่งกับอี้หราน ความอดทนของฉันมีจำกัดและฉันจะไม่ยอมให้อี้หรานตกเป็นเป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า” อี้ จิ่นหลีเตือนดวงตาของกู้ ลี่เฉินเป็นประกาย “หมายความว่าไง?”“วันนี้พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินไปหาอี้หรานและบอกว่านายเลิกกับหลิง ลั่วอินเพราะอี้หราน พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินคิดอย่างนั้นเพราะหลิง ลั่วอินหรือเพราะนาย?” อี้ จิ่นหลีกล่าวกู้ ลี่เฉินค่อย ๆ หมุนถ้วยน้ำชาในมือของเ
อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน เขาจะไม่มีวันให้ลี่เฉินรู้ความจริงเด็ดขาด!ในขณะเดียวกัน กู้ ลี่เฉินเอื้อมจับสร้อยคอทองคำขาวที่คอของเขาที่มีสร้อยข้อมือเงินขนาดเล็กห้อยอยู่เรียวนิ้วยาวลูบไล้เบา ๆ กับสร้อยข้อมือที่เขาพยายามขัดมันมาตลอดหลายปีสร้อยข้อมือนี้เป็นเหมือนโลกทั้งใบสำหรับเขาแต่โลกของเขากลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าความเจ็บปวดได้ตกตะกอนลงไปในกระดูกและเลือดของเขา...“คัท!” ผู้กำกับหยุดถ่ายทำอีกครั้ง เขามองหลิง ลั่วอินอย่างขุ่นเคืองก่อนจะพูดว่า “คุณเป็นอะไร? ผมอยากให้คุณดูเศร้ากว่านี้หลังจากที่คุณต้องเสียแม่ไป การแสดงง่าย ๆ แบบนี้ยากนักเหรอ? คุณไม่ได้เพิ่งมาเป็นนักแสดงแค่ปีสองปีนะ...”เมื่อฟังคำวิจารณ์ของผู้กำกับ หลิง ลั่วอินทำได้เพียงพยักหน้าตอบ เธอเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจผู้กำกับเคยเข้าข้างเธอมาตลอด ฉากทั้งหมดที่เธอเคยแสดงถ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่ขอถ่ายใหม่ ผู้กำกับก็ไม่กล้าพูดอะไรแย่ ๆ กับเธอแต่ตอนนี้ผู้กำกับเอาแต่ชี้นิ้วสั่งเธอขณะที่กล่าวด่าทอนักแสดงคนอื่น ๆ รอบตัวพวกเขามองมาที่หลิง ลั่วอินด้วยท่าทางดูถูกและเหยียดหยามขณะที่หลิง ลั่วอินเริ่ม
‘ลี่เฉินเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?’หลิง ลั่วอินมองไปรอบ ๆ ทุกคนที่เยาะเย้ยและพูดจาเหยียดหยามเธอก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกโล่งใจ!ฮึ่ม! ถ้าเธอได้กลับไปคบกับลี่เฉินอีกครั้ง เธอจะขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกจากวงการบันเทิงทีละคนหลิง ลั่วอินเดินออกมาอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉิน เธอก็ตระหนักว่ามันอาจจะ... ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดสถานที่ที่เธอไปพบกู้ ลี่เฉินนั้นคือสถานกักกัน พ่อและแม่ของเธอก็ถูกขังอยู่ในศูนย์กักกันกู้ ลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งขณะจิบชาอย่างเกียจคร้านในทางกลับกัน พ่อแม่ของเธอตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกเขาหดตัวซุกอยู่ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะหลิง ลั่วอินกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้สึกถึงท้องไส้ที่ปั่นป่วนเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมลี่เฉินถึงมาที่นี่?เธอรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเธอถูกคุมตัว แต่พวกเขาจะถูกคุมตัวเพียงไม่กี่วัน เธอจึงไม่สนใจมากตราบใดที่ยังไม่มีการรายงานในสื่อแต่ตอนนี้...“ทำไมคุณถึงเลือกมาพบที่นี่ล่ะ ลี่เฉิน?” หลิง ลั่วอินทำให้เสียงอ่อนลงเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช “โชคดีจังที่คุณมาหาฉัน คุณช่วยฉันได้ไหมคะ? ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของฉันถูกคุมขังที่นี่เพียงเพราะเรื่องเข้าใจ
กู้ ลี่เฉินมองไปที่หลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา ยุติธรรม? โลกนี้เคยมีความยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? หากความสำเร็จมีสัดส่วนเท่ากับความพยายาม เขาคงจะได้พบเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาใช้เวลาหลายปีเพื่อตามหาเธอแล้ว!แต่... เขากลับหาไม่เจอ!ราวกับว่าบุคคลนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้แต่... คนคนนั้นมีอยู่จริง!“ถ้าเธอต้องการให้มันยุติธรรม แม่ของเธอตบหลิง อี้หราน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม ขอให้เขาตบเธอด้วยสิ” กู้ ลี่เฉินกล่าวเบา ๆหลิง ลั่วอิน, ฟาง ซุ่ยเอ๋อและหลิง กว๋อจื้อหยุดนิ่งทันทีฟาง ซุ่ยเอ๋อลุกจากเก้าอี้และกรีดร้องว่า “ทำไมฉันจะต้องตบลูกสาวของฉันด้วย? คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้แม้ว่าคุณจะรวยและมีอำนาจมากก็เถอะ!”“คุณตบลูกสาวตัวเองไม่ได้เหรอ?” กู้ ลี่เฉินหัวเราะราวกับว่าเขากำลังได้ยินเรื่องตลก “แต่คุณกลับตบลูกเลี้ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณทางสายเลือดได้ง่าย ๆ อย่างนั้น ใช่ไหม?”ฟาง ซุ่ยเอ๋อรู้สึกอับอาย แต่เธอก็ยังเถียง “ง่าย ๆ… งั้นเหรอ หลิง อี้หราน… เป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับลั่วอินอย่างไร้ยางอาย…”ก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าของกู้ ลี่เฉินก็เย็นชาขึ้น ทันใดนั้นบอดี้การ์ดของกู้ ลี่เฉินก็ตบเข้าที่
นักข่าวบางคนพบว่าหลิง ลั่วอินขายบ้านและเครื่องประดับของเธอ แม้แต่บ้านที่พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ก็ยังถูกขายทางอินเทอร์เน็ต พวกเขาสันนิษฐานว่าเธอต้องการรวบรวมเงินสำหรับค่าปรับเพื่อมาจ่ายในการทำผิดสัญญามีคนเจ้ากี้เจ้าการคนหนึ่งตรวจสอบสัญญาที่ยังไม่สิ้นสุดของหลิง ลั่วอินทั้งหมดและพบว่าจำนวนเงินชดเชยทั้งหมดคาดว่าจะมากกว่า 70 ล้านดอลลาร์สำหรับหลิง ลั่วอิน นักแสดงท้ายแถวที่มีพื้นฐานครอบครัวปกติ นี่เป็นตัวเลขจำนวนมาก การขายทรัพย์สินทั้งหมดของเธออาจไม่เพียงพอที่จะชดใช้ค่าสัญญาหลิง อี้หรานมองดูข่าวในโทรศัพท์ของเธอและหนึ่งในภาพถ่ายแสดงข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของตระกูลของเธอที่พวกเขาได้มอบให้กับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์มีภาพการตกแต่งภายในของบ้านอยู่ในข้อมูลราคาขายบ้านตระกูลหลิงทางอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 5,800,000 ดอลลาร์บ้านที่มีความทรงจำของเธอและแม่ของเธอขายได้ในราคา 5,800,000 ดอลลาร์ หลิง อี้หรานรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่จริงแล้ว หลังจากผ่านไปหลายปี บ้านหลังนี้แทบไม่มีร่องรอยของแม่เหลืออยู่ในบ้านเลย มีเพียงร่องรอยของหลิง ลั่วอินกับฟาง ซุ่ยเอ๋อ“พี่กำลังดูอะไร?” อี้ จิ่นหลีเดินมาหาหลิง อี้หราน เขามอ
อี้ จิ่นหลีกล่าวว่า “ในเมื่อพี่ถาม ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง” แม้ว่าเขาจะไม่บอกเธอในตอนนี้ เธอก็อาจจะรู้เรื่องนี้ในไม่ช้าเพราะมันมันไม่ใช่ความลับในสังคมชั้นสูงของเมืองเฉินเขาอยากจะบอกเธอเองมากกว่าให้คนอื่นมาเล่าเรื่องให้เธอฟัง“กู้ ลี่เฉินกำลังมองหาใครบางคน เขากำลังมองหาผู้หญิงที่เขารู้จักเมื่อตอนที่เขายังเด็ก แต่เขายังหาเธอไม่เจอ พูดได้เลยว่าแฟนของเขาคือคนแทนของผู้หญิงคนนั้น เพราะเขายังหาคนที่ใช่ไม่เจอ เขาเลยหาคนมาแทนที่เพื่อปลอบโยนตัวเอง” อี้ จิ่นหลีกล่าวขณะดูปฏิกิริยาของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานขมวดคิ้ว “เขากำลังมองหาตัวแทนของเด็กน้อยเหรอ?”“แฟนเก่าของเขาคงดูเหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้น”“แต่พวกเธอไม่ใช่คนที่เขากำลังตามหา แล้วมันสนุกเหรอที่มองหาตัวสำรองต่อไป?” เธอถาม“บางทีเขาอาจจะหมกมุ่นอยู่กับมันมากเกินไป หรือบางทีเขาอาจจะสิ้นหวังแล้ว บางทีเขาอาจจะคิดว่าเขาจะไม่ได้พบเด็กน้อยคนนั้นอีก”ขณะที่อี้ จิ่นหลีพูด เขาก็เปลี่ยนบทสนทนาไปอีกครั้ง “ถ้าพี่เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นและรู้ว่ามีคนแบบนี้กำลังตามหาพี่ พี่จะทำยังไง?”หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอไม่ได้คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้
กวาน ลี่หลี่จงใจสั่งอาหารร้านเธอตั้งแต่รู้ว่าเธอทำงานที่นี่ หลิง อี้หรานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากวาน ลี่หลี่คิดอะไรอยู่?“มีอะไรหรือเปล่า? รายการอาหารผิดเหรอ” โจว เชียนหยุนตะโกนถามจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์“ไม่มีอะไรค่ะ” หลิง อี้หรานหัวเราะคิกคัก เธอรับคำสั่งและเดินไปที่จักรยานยนต์ไฟฟ้าของเธอ จากนั้นจึงขี่มันไปที่สำนักงานกฎหมายเมื่อหลิง อี้หรานเดินเข้าไปในบริษัท กวาน ลี่หลี่ก็เข้ามาขวางหน้าเธอและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ อี้หราน ขอบใจมากนะที่มาส่งอาหารให้ฉันอีกครั้ง”“อย่าพูดอย่างนั้นเลย มันเป็นหน้าที่ของฉัน” หลิง อี้หรานพูดเบา ๆ และเอาอาหารให้เธอแทนที่กวาน ลี่หลี่จะรับอาหารไป แต่เธอกลับพาอี้หรานไปที่ห้องรับรองแขกและพูดกับเพื่อนร่วมงานของเธอที่นั่นว่า “ทุกคน นี่คือคนที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ฉันเพิ่งเล่าให้พวกคุณฟัง เธอยังเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของเรา หลิง อี้หราน”ทันใดนั้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่หลิง อี้หรานความรู้สึกไม่ดีเพิ่มขึ้นในจิตใจของหลิง อี้หรานกวาน ลี่หลี่กล่าวด้วยความจริงใจว่า “ฉันมีหน้าที่ต้องสอนทนายความมือใหม่ที่นี่และอย่างที่เธอรู้ การยกเอาคดีความในอดีตมาโต้เถียงและอภิปรายกัน
“ช่วยฉันงั้นเหรอ? คำที่ออกจากปากเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแย่!” หลิง อี้หรานกล่าวคนรอบข้างเป็นทนายความมืออาชีพ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะเดาอะไรไม่ออกหลังจากฟังบทสนทนาเหล่านี้ได้อย่างไร? สายตาที่พวกเขามองไปที่กวาน ลี่หลี่ก็เปลี่ยนไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของกวาน ลี่หลี่กำลังถูกทำลายกวาน ลี่หลี่ต้องการทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกอับอายในวันนี้เพื่อที่เธอจะสามารถระบายความรู้สึกเศร้าโศกของเธอระหว่างการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้หลังจากพบกับหลิง อี้หรานใครจะคิดว่าคนที่ต้องอับอายกลับเป็นตัวเธอเอง?เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาโดยไม่ทันคิดและโยนใส่หลิง อี้หรานหลิง อี้หรานพยายามหลบหนีถ้วยชาไม่ให้โดนใบหน้าของเธอ เธอป้องกันตัวเองและโยนถ้วยชากลับไป แต่เสื้อผ้าท่อนบนของเธอกลับไม่รอดในช่วงฤดูร้อน หลิง อี้หรานสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว และตอนนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา จนมองเห็นชุดชั้นในข้างในเสื้อเชิ้ตขาวของเธอเพื่อนร่วมงานของกวาน ลี่หลี่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนั้น บางคนถึงกลับอุทานออกมาขณะที่หลิง อี้หรานพยายามปกปิดหน้าอกของเธอ เสื้อแจ็คเก็ตสูทบาง ๆ ก็คลุมร่างกายของเธอไว้“คลุมไว้!” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค