เป็นเรื่องยากที่หลิง อี้หรานจะได้ยินอี้ จิ่นหลีเรียกใครว่าพื่อน ดังนั้นเย่ ฉงเว่ยน่าจะสนิทกับเขา “สวัสดีค่ะ ฉันหลิง อี้หราน”หลิง อี้หรานแนะนำตัวเองอย่างสง่างาม“สวัสดีครับ ผมอยากพบคุณมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสสักที” เย่ ฉงเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเคยสงสัยมาตลอดเกี่ยวกับผู้หญิงที่สามารถเอาชนะใจเพื่อนรักของเขาได้ในวันตรุษจีน เย่ ฉงเว่ยรู้สึกตกใจและรู้สึกทึ่งกับความจริงที่ว่าเพื่อนสนิทของเขาพาเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งไปที่เมืองที่อยู่ถัดจากเมืองเฉินเพื่อไปหาเธอ เขายังทิ้งนายท่านอี้ ไว้ข้างหลังเพื่อเธออีกด้วยตอนนี้ หลังจากที่ได้พบกับหลิง อี้หราน เย่ ฉงเว่ยคิดว่าแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยงามอย่างน่าทึ่ง แต่สายตาของเธอกลับทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจ สายตาของเธอช่างอ่อนโยนและทำให้รู้สึกไม่ต้องกังวลอะไรเมื่อยืนเคียงข้างหลิง อี้หราน จิ่นหลีเองก็ดูผ่อนคลายกว่าปกติเย่ ฉงเว่ยเข้าใจทันทีว่าทำไมเพื่อนสนิทของเขาถึงตกหลุมรักหลิง อี้หราน คนอย่างพวกเขามักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนทรยศ คนรอบข้างมีแต่คนหน้าซื่อใจคดมากกว่าคนจริงใจ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่สูงในลำดับชั้นทางสังคม แต่ความผิดพลาดเพียงเล็
เย่ ฉงเว่ยกลืนน้ำลายในปากของเขา เห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หรานที่เขาเพิ่งพบจะได้แต่งงานเข้าตระกูลอี้และกลายเป็นนายหญิงของพวกเขา“อืม เธอโชคดีจริง ๆ” เย่ ฉงเว่ยพึมพำ“ฉันต่างหากที่โชคดี” อี้ จิ่นหลีกระซิบเสียงแผ่ว บางทีถ้าจะบอกว่าความโชคร้ายของเธอทำให้เขาโชคดีนั่นน่าจะถูกต้องกว่าถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ เธออาจจะแต่งงานกับเซียว จื่อฉีและคลอดลูกของเขาในตอนนี้ เธอคงไม่ได้พบกับเขาเหมือนที่ตอนนี้พวกเขาเจอกัน และเขาจะไม่รู้ว่าการได้อยู่เคียงข้างเธอเป็นเรื่องโชคดีขนาดไหนเย่ ฉงเว่ยตกใจเมื่อได้ยินประโยคที่เพื่อนพูดสิ่งเดียวที่เขาคิดในขณะนี้คือจิ่นหลีตกหลุมรักหลิง อี้หรานจริง ๆ !...หลิง อี้หรานหยิบแชมเปญหนึ่งแก้วจากพนังงานเสิร์ฟแล้วดื่ม แชมเปญมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำและมีรสผลไม้ มันรสชาติดีทีเดียวเธอไม่สามารถดื่มมันได้เยอะ เพราะเธอเป็นคนดื่มไม่เก่ง เธอจะเมาได้ง่ายถ้าเธอดื่มมากเกินไปเธอมองไปรอบ ๆ ขณะจิบแชมเปญ เธอได้ยินเสียงคนดื่มอวยพรผู้คนที่ประสบความสำเร็จ เธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้ เธอเคยได้พูดคุยกับคนชั้นสูงเหล่านี้และหวังว่าจะได้พบปะกันมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่ออาชีพการงานของเธอ
“ยังไงก็เถอะ ฉันสงสัยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับอี้ จิ่นหลีคืออะไร? ทำไมเธอไม่บอกเราและสนองความอยากรู้ของเราล่ะ?” ลู่ เจินเออร์ถามหลิง อี้หรานยิ้มและกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกคุณ”ทันทีที่เธอตอบออกไป ผู้หญิงทั้งสามก็แสดงท่าทางที่น่าสยดสยอง หวัง อวี่เฉียน ลูกสาวของประธานร้านสะดวกซื้อกล่าวทันทีว่า “พูดแบบนั้นไม่ดีเลยนะ มีเรื่องที่น่าละอายที่เธอไม่กล้าบอกพวกเราใช่ไหมล่ะ?”ใบหน้าของหลิง อี้หรานมัวหมองลงเล็กน้อย นั่นคือ… แม้ว่าเธอจะต้องการหลีกเลี่ยง แต่เธอก็ทำไม่ได้จ้าว หยิงอี่ หลานสาวของเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวจ้องไปที่ใบหน้าของหลิง อี้หราน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หวัง อวี่เฉียนยังคงเค้นเอาความจริง “เป็นไปได้ไหมที่เธอใช้มายาบางอย่างเพื่อเข้าไปพัวพันกับอี้ จิ่นหลี?”หลิง อี้หรานเม้มปากเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ ฉันมีเรื่องต้องทำ ฉันต้องไปแล้ว” เธอกล่าวแล้วพยายามเดินจากไปเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสามคนมาที่นี่เพื่อจับผิดเธอ เธอจะถูกหาเรื่องมากกว่านี้ถ้าเธอยังยืนอยู่ที่นี่ต่อไป วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงพวกเขาเธอต้องการหลีกเลี่ยงพวกเขา
หวัง อวี่เฉียนกับลู่ เจินเออร์รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้หวัง อวี่เฉียนก็หัวเราะออกมาทันที “ฉันคิดว่าเธอเป็นคนสำคัญ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นฆาตกรสินะ อี้ จิ่นหลีรู้ไหมว่าเธอเป็นคนที่ฆ่าห่าว เหมยหยี่?”หวัง อวี่เฉียนแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของหลิง อี้หราน เมื่ออี้ จิ่นหลีรู้ว่าอี้หรานเป็นฆาตกรในอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นในความคิดของเธอ อี้ จิ่นหลีต้องไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้หลิง อี้หรานปรากฏตัวอย่างมีเสน่ห์เหมือนคู่เดทของเขาในงานเลี้ยงได้อย่างไร?ลู่ เจินเออร์กดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “วันนี้เซียว จื่อฉีก็มาร่วมงานด้วย ฉันเพิ่งเห็นเขากับห่าว อี้เหมิง เราจะให้อดีตคู่รักมาพบกันดีไหมนะ?”หวัง อวี่เฉียนรู้สึกตื่นเต้น เธอมองไปรอบ ๆ สถานที่จัดงานเลี้ยงนั้น แล้วเห็นเซียว จื่อฉี่กับห่าว อี้เหมิงอยู่ไม่ไกลหวัง อวี่เฉียนตะโกนไปทางพวกเขา “แฟนเก่าของคุณอยู่นี่ เซียว จื่อฉี คุณจะไม่มาพบเธอหน่อยเหรอ?”เสียงตะโกนของ หวัง อวี่เฉียนไม่ได้ทำให้แค่เซียว จื่อฉีได้ยิน แต่แม้กระทั่งคนรอบข้างก็ได้ยินเสียงของเธอเช่นกัน แขกคนอื่นต่างมองไปทางพวกเขาทันทีหวัง อว
“ใช่” จ้าว หยิงอี่กล่าวเสริมว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความละอายเลย ฉันไม่รู้ว่าเธอหลอกลวงอะไรอี้ จิ่นหลี อี้ จิ่นหลีอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เคยติดคุกมาแล้ว”เมื่อห่าว อี้เหมิงกับเซียว จื่อฉีได้ยินแบบนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เซียว จื่อฉีพยายามที่จะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ห่าว อี้เหมิงกลับสะกิดเซียว จื่อฉีเอาไว้ ซึ่งหมายความว่าไม่ให้เขากล่าวอะไรหลิง อี้หรานรู้สึกว่ามีคนมองเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลายคนก็ได้ยินสิ่งที่ หวัง อวี่เฉียนและคนอื่น ๆ กล่าวก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขามองเธอด้วยความประหลาดใจ, ดูถูก และเสียดสี ราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องดูการแสดงหลิง อี้หรานถอนหายใจกับตัวเอง เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้เธอไม่อยากถูกหัวเราะเยาะอีก หลิง อี้หรานจึงหันกลับและพยายามจะจากไปอีกครั้งหลังจากที่เธอก้าวไปได้สองก้าว ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านเมื่อเธอได้ยินเสียงฉีกขาดหลิง อี้หรานหันกลับมาและเห็นว่าชายกระโปรงของเธอถูกรองเท้าส้นสูงของหวัง อวี่เฉียนเหยียบอยู่ ชายเสื้อคลุมอีกด้านหนึ่งขาด เธอหยุดไม่ทัน เสื้อคลุมก็คงจะถูกดึงลงอย่างแรงด้วยรองเท้าของ หวัง อว
“พวกเขาติเตียนฉันเล็กน้อยและเหยียบย่ำชุดของฉัน” หลิง อี้หรานกล่าว เธอไม่ต้องการระบายความหงุดหงิดของเธอออกมา “ขอโทษนะ วันนี้คุณพาฉันมาที่นี่ ฉันเกรงว่าฉัน...” “มีอะไรต้องขอโทษ? ผมเองที่ละเลยพี่ และปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพี่” อี้ จิ่นหลีขัดจังหวะเธอ ขณะที่เขากล่าว เขาก้มลงและผูกชายเสื้อคลุมที่ฉีกของเธอให้เป็นปมเข้าด้วยกันอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้มันลากลงบนพื้น และทำให้เธอต้องสะดุดล้ม เมื่ออี้ จิ่นหลีก้มลง ทุกคนรอบ ๆ ต่างอ้าปากค้าง พวกเขาไม่คาดคิดว่านายน้อยอี้ผู้มีชื่อเสียงของเมืองเฉิน จะคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงแบบนั้น หลังจากช่วยหลิง อี้หรานเก็บชายกระโปรงแล้ว อี้ จิ่นหลีก็เงยคางของเขาขึ้นเล็กน้อยอีกครั้ง มองขึ้นไปที่หลิง อี้หรานและถามว่า “พี่บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ตอนนี้อี้ จิ่นหลีกำลังย่อตัวอยู่ที่พื้นและเขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอ ในทางกลับกันหลิง อี้หรานกำลังยืนก้มหน้าลง ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าอี้ จิ่นหลีกำลังสยบแทบเท่าของเธอ พระเจ้า เธอคิดอะไรอยู่? หลิง อี้หรานคิดกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่” เธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น เพรา
หลิง อี้หรานกลายเป็นคนต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุของห่าว เหมยยวี่ และตอนนี้อี้ จิ่นหลีกำลังคบกับเธอ คนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสองคนกลับกลายมาเป็นคู่รักกัน ใครจะคิดล่ะ?ตึง!เสียงของบางอย่างตกกระทบกับพื้นอย่างดึงจากด้านหลังของเย่ ฉงเว่ย เขาหันกลับมาและเห็นว่า หวัง อวี่เฉียนล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้งเย่ ฉงเว่ยรู้สึกเห็นอกเห็นใจ หวัง อวี่เฉียนที่กำลังนำพาความโชคร้ายไปสู่ตระกูลหวัง หวัง อวี่เฉียนน่าจะถูกไล่ออกจากแวดวงสังคมในไม่ช้าอี้ จิ่นหลีไม่ใช่คนใจกว้างลู่ เจินเออร์กับจ้าว หยิงอี่รู้สึกกลัวในใจ เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องจริง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับมัน แต่สายตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกลัวหวาดกลัวการกระทำของอี้ จิ่นหลีก่อนหน้านี้หมายความว่าเขารู้ดีเกี่ยวกับการติดคุกของหลิง อี้หราน ดังนั้นสิ่งที่หวัง อวี่เฉียนเพิ่งทำลงไปคือการรนหาที่ตายไม่ต้องพูดถึง... อี้ จิ่นหลีถึงกับคุกเข่าต่อหน้าหลิง อี้หรานแบบนั้น จะมีผู้หญิงคนไหนอีกที่เคยได้รับการปฏิบัติดูแลแบบนี้? แม้แต่ห่าว เหมยยวี่ก็ไม่เคยได้รับการดูแลแบบนี้มาก่อน!ลู่ เจินเออร์ไม่สามารถซ่อนความหึงหวงต่อเหตุการณ์ที่เธอได้เ
“ที่นี่ค่อนข้างจะอบอ้าว จื่อฉี พาฉันไปสูดอากาศที่สวนหลังบ้านหน่อยสิ” ห่าว อี้เหมิงกล่าว“ได้สิ” เซียว จื่อฉีรู้สึกสับสนขณะที่เขามองไปที่คู่หมั้นของเขา “คุณห้ามผมไม่ให้พูดเพราะคุณต้องการทำอย่างนั้นเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ให้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน“ใช่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเตือนคนที่รนหาที่ตาย” ห่าว อี้เหมิงยิ้มกล่าวว่า “นอกจากพวกเรา ยังมีคนที่รุกรานอี้ จิ่นหลีและทำอะไรอีกมากมาย”เซียว จื่อฉีมองรอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของคู่หมั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความสูญเสียที่ยากจะอธิบายได้ ราวกับว่าเขาได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่สามารถเอากลับมาได้ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้คือการผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างแน่นหนาเพื่อตระกูลของพวกเขา!ไม่ไกลจากเหตุการณ์นัก มีใครบางคนกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาขณะที่เหตุการณ์นั้นกำลังคลี่คลายกู้ ลี่เฉินมองมาด้วยสายตาที่เย็นชาขณะที่ผู้หญิงทั้งสามคนยังคงกล่าวหากัน เขาโยกศรีษะกลับและดื่มไวน์ในแก้วจนหมดก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นหลิง อี้หรานถูกหัวเราะเยาะในที่สาธารณะ เขาพยายามจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดการกระทำของผู้หญิงทั้ง