เย่ ฉงเว่ยกลืนน้ำลายในปากของเขา เห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หรานที่เขาเพิ่งพบจะได้แต่งงานเข้าตระกูลอี้และกลายเป็นนายหญิงของพวกเขา“อืม เธอโชคดีจริง ๆ” เย่ ฉงเว่ยพึมพำ“ฉันต่างหากที่โชคดี” อี้ จิ่นหลีกระซิบเสียงแผ่ว บางทีถ้าจะบอกว่าความโชคร้ายของเธอทำให้เขาโชคดีนั่นน่าจะถูกต้องกว่าถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ เธออาจจะแต่งงานกับเซียว จื่อฉีและคลอดลูกของเขาในตอนนี้ เธอคงไม่ได้พบกับเขาเหมือนที่ตอนนี้พวกเขาเจอกัน และเขาจะไม่รู้ว่าการได้อยู่เคียงข้างเธอเป็นเรื่องโชคดีขนาดไหนเย่ ฉงเว่ยตกใจเมื่อได้ยินประโยคที่เพื่อนพูดสิ่งเดียวที่เขาคิดในขณะนี้คือจิ่นหลีตกหลุมรักหลิง อี้หรานจริง ๆ !...หลิง อี้หรานหยิบแชมเปญหนึ่งแก้วจากพนังงานเสิร์ฟแล้วดื่ม แชมเปญมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำและมีรสผลไม้ มันรสชาติดีทีเดียวเธอไม่สามารถดื่มมันได้เยอะ เพราะเธอเป็นคนดื่มไม่เก่ง เธอจะเมาได้ง่ายถ้าเธอดื่มมากเกินไปเธอมองไปรอบ ๆ ขณะจิบแชมเปญ เธอได้ยินเสียงคนดื่มอวยพรผู้คนที่ประสบความสำเร็จ เธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้ เธอเคยได้พูดคุยกับคนชั้นสูงเหล่านี้และหวังว่าจะได้พบปะกันมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่ออาชีพการงานของเธอ
“ยังไงก็เถอะ ฉันสงสัยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับอี้ จิ่นหลีคืออะไร? ทำไมเธอไม่บอกเราและสนองความอยากรู้ของเราล่ะ?” ลู่ เจินเออร์ถามหลิง อี้หรานยิ้มและกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกคุณ”ทันทีที่เธอตอบออกไป ผู้หญิงทั้งสามก็แสดงท่าทางที่น่าสยดสยอง หวัง อวี่เฉียน ลูกสาวของประธานร้านสะดวกซื้อกล่าวทันทีว่า “พูดแบบนั้นไม่ดีเลยนะ มีเรื่องที่น่าละอายที่เธอไม่กล้าบอกพวกเราใช่ไหมล่ะ?”ใบหน้าของหลิง อี้หรานมัวหมองลงเล็กน้อย นั่นคือ… แม้ว่าเธอจะต้องการหลีกเลี่ยง แต่เธอก็ทำไม่ได้จ้าว หยิงอี่ หลานสาวของเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาวจ้องไปที่ใบหน้าของหลิง อี้หราน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หวัง อวี่เฉียนยังคงเค้นเอาความจริง “เป็นไปได้ไหมที่เธอใช้มายาบางอย่างเพื่อเข้าไปพัวพันกับอี้ จิ่นหลี?”หลิง อี้หรานเม้มปากเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ ฉันมีเรื่องต้องทำ ฉันต้องไปแล้ว” เธอกล่าวแล้วพยายามเดินจากไปเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสามคนมาที่นี่เพื่อจับผิดเธอ เธอจะถูกหาเรื่องมากกว่านี้ถ้าเธอยังยืนอยู่ที่นี่ต่อไป วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงพวกเขาเธอต้องการหลีกเลี่ยงพวกเขา
หวัง อวี่เฉียนกับลู่ เจินเออร์รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้หวัง อวี่เฉียนก็หัวเราะออกมาทันที “ฉันคิดว่าเธอเป็นคนสำคัญ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นฆาตกรสินะ อี้ จิ่นหลีรู้ไหมว่าเธอเป็นคนที่ฆ่าห่าว เหมยหยี่?”หวัง อวี่เฉียนแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของหลิง อี้หราน เมื่ออี้ จิ่นหลีรู้ว่าอี้หรานเป็นฆาตกรในอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นในความคิดของเธอ อี้ จิ่นหลีต้องไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้หลิง อี้หรานปรากฏตัวอย่างมีเสน่ห์เหมือนคู่เดทของเขาในงานเลี้ยงได้อย่างไร?ลู่ เจินเออร์กดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “วันนี้เซียว จื่อฉีก็มาร่วมงานด้วย ฉันเพิ่งเห็นเขากับห่าว อี้เหมิง เราจะให้อดีตคู่รักมาพบกันดีไหมนะ?”หวัง อวี่เฉียนรู้สึกตื่นเต้น เธอมองไปรอบ ๆ สถานที่จัดงานเลี้ยงนั้น แล้วเห็นเซียว จื่อฉี่กับห่าว อี้เหมิงอยู่ไม่ไกลหวัง อวี่เฉียนตะโกนไปทางพวกเขา “แฟนเก่าของคุณอยู่นี่ เซียว จื่อฉี คุณจะไม่มาพบเธอหน่อยเหรอ?”เสียงตะโกนของ หวัง อวี่เฉียนไม่ได้ทำให้แค่เซียว จื่อฉีได้ยิน แต่แม้กระทั่งคนรอบข้างก็ได้ยินเสียงของเธอเช่นกัน แขกคนอื่นต่างมองไปทางพวกเขาทันทีหวัง อว
“ใช่” จ้าว หยิงอี่กล่าวเสริมว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความละอายเลย ฉันไม่รู้ว่าเธอหลอกลวงอะไรอี้ จิ่นหลี อี้ จิ่นหลีอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เคยติดคุกมาแล้ว”เมื่อห่าว อี้เหมิงกับเซียว จื่อฉีได้ยินแบบนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เซียว จื่อฉีพยายามที่จะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ห่าว อี้เหมิงกลับสะกิดเซียว จื่อฉีเอาไว้ ซึ่งหมายความว่าไม่ให้เขากล่าวอะไรหลิง อี้หรานรู้สึกว่ามีคนมองเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลายคนก็ได้ยินสิ่งที่ หวัง อวี่เฉียนและคนอื่น ๆ กล่าวก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขามองเธอด้วยความประหลาดใจ, ดูถูก และเสียดสี ราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องดูการแสดงหลิง อี้หรานถอนหายใจกับตัวเอง เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้เธอไม่อยากถูกหัวเราะเยาะอีก หลิง อี้หรานจึงหันกลับและพยายามจะจากไปอีกครั้งหลังจากที่เธอก้าวไปได้สองก้าว ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านเมื่อเธอได้ยินเสียงฉีกขาดหลิง อี้หรานหันกลับมาและเห็นว่าชายกระโปรงของเธอถูกรองเท้าส้นสูงของหวัง อวี่เฉียนเหยียบอยู่ ชายเสื้อคลุมอีกด้านหนึ่งขาด เธอหยุดไม่ทัน เสื้อคลุมก็คงจะถูกดึงลงอย่างแรงด้วยรองเท้าของ หวัง อว
“พวกเขาติเตียนฉันเล็กน้อยและเหยียบย่ำชุดของฉัน” หลิง อี้หรานกล่าว เธอไม่ต้องการระบายความหงุดหงิดของเธอออกมา “ขอโทษนะ วันนี้คุณพาฉันมาที่นี่ ฉันเกรงว่าฉัน...” “มีอะไรต้องขอโทษ? ผมเองที่ละเลยพี่ และปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพี่” อี้ จิ่นหลีขัดจังหวะเธอ ขณะที่เขากล่าว เขาก้มลงและผูกชายเสื้อคลุมที่ฉีกของเธอให้เป็นปมเข้าด้วยกันอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้มันลากลงบนพื้น และทำให้เธอต้องสะดุดล้ม เมื่ออี้ จิ่นหลีก้มลง ทุกคนรอบ ๆ ต่างอ้าปากค้าง พวกเขาไม่คาดคิดว่านายน้อยอี้ผู้มีชื่อเสียงของเมืองเฉิน จะคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงแบบนั้น หลังจากช่วยหลิง อี้หรานเก็บชายกระโปรงแล้ว อี้ จิ่นหลีก็เงยคางของเขาขึ้นเล็กน้อยอีกครั้ง มองขึ้นไปที่หลิง อี้หรานและถามว่า “พี่บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ตอนนี้อี้ จิ่นหลีกำลังย่อตัวอยู่ที่พื้นและเขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอ ในทางกลับกันหลิง อี้หรานกำลังยืนก้มหน้าลง ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าอี้ จิ่นหลีกำลังสยบแทบเท่าของเธอ พระเจ้า เธอคิดอะไรอยู่? หลิง อี้หรานคิดกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่” เธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น เพรา
หลิง อี้หรานกลายเป็นคนต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุของห่าว เหมยยวี่ และตอนนี้อี้ จิ่นหลีกำลังคบกับเธอ คนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสองคนกลับกลายมาเป็นคู่รักกัน ใครจะคิดล่ะ?ตึง!เสียงของบางอย่างตกกระทบกับพื้นอย่างดึงจากด้านหลังของเย่ ฉงเว่ย เขาหันกลับมาและเห็นว่า หวัง อวี่เฉียนล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้งเย่ ฉงเว่ยรู้สึกเห็นอกเห็นใจ หวัง อวี่เฉียนที่กำลังนำพาความโชคร้ายไปสู่ตระกูลหวัง หวัง อวี่เฉียนน่าจะถูกไล่ออกจากแวดวงสังคมในไม่ช้าอี้ จิ่นหลีไม่ใช่คนใจกว้างลู่ เจินเออร์กับจ้าว หยิงอี่รู้สึกกลัวในใจ เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องจริง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับมัน แต่สายตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกลัวหวาดกลัวการกระทำของอี้ จิ่นหลีก่อนหน้านี้หมายความว่าเขารู้ดีเกี่ยวกับการติดคุกของหลิง อี้หราน ดังนั้นสิ่งที่หวัง อวี่เฉียนเพิ่งทำลงไปคือการรนหาที่ตายไม่ต้องพูดถึง... อี้ จิ่นหลีถึงกับคุกเข่าต่อหน้าหลิง อี้หรานแบบนั้น จะมีผู้หญิงคนไหนอีกที่เคยได้รับการปฏิบัติดูแลแบบนี้? แม้แต่ห่าว เหมยยวี่ก็ไม่เคยได้รับการดูแลแบบนี้มาก่อน!ลู่ เจินเออร์ไม่สามารถซ่อนความหึงหวงต่อเหตุการณ์ที่เธอได้เ
“ที่นี่ค่อนข้างจะอบอ้าว จื่อฉี พาฉันไปสูดอากาศที่สวนหลังบ้านหน่อยสิ” ห่าว อี้เหมิงกล่าว“ได้สิ” เซียว จื่อฉีรู้สึกสับสนขณะที่เขามองไปที่คู่หมั้นของเขา “คุณห้ามผมไม่ให้พูดเพราะคุณต้องการทำอย่างนั้นเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ให้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน“ใช่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเตือนคนที่รนหาที่ตาย” ห่าว อี้เหมิงยิ้มกล่าวว่า “นอกจากพวกเรา ยังมีคนที่รุกรานอี้ จิ่นหลีและทำอะไรอีกมากมาย”เซียว จื่อฉีมองรอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของคู่หมั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความสูญเสียที่ยากจะอธิบายได้ ราวกับว่าเขาได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่สามารถเอากลับมาได้ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้คือการผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างแน่นหนาเพื่อตระกูลของพวกเขา!ไม่ไกลจากเหตุการณ์นัก มีใครบางคนกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาขณะที่เหตุการณ์นั้นกำลังคลี่คลายกู้ ลี่เฉินมองมาด้วยสายตาที่เย็นชาขณะที่ผู้หญิงทั้งสามคนยังคงกล่าวหากัน เขาโยกศรีษะกลับและดื่มไวน์ในแก้วจนหมดก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นหลิง อี้หรานถูกหัวเราะเยาะในที่สาธารณะ เขาพยายามจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดการกระทำของผู้หญิงทั้ง
อี้ จิ่นหลีรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังถูกทิ่มแทงอีกครั้ง“น่าเสียดายชุดนั้น ฉันใส่แค่ครั้งเดียวเองและตอนนี้มันก็ขาดแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวด้วยความเสียใจ แม้ว่าจะซ่อมชุดได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานในการซ่อมแซมเพราะมันมีคุณภาพสูงและมีรอยฉีกขาดขนาดใหญ่“ผมจะซื้อให้พี่ใหม่ ตราบใดที่พี่ไม่เป็นอะไร” อี้ จิ่นหลีกล่าวหลิง อี้หรานส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไม่ได้บอบบางอย่างที่นายคิดนะ”รอยยิ้มของหลิง อี้หรานไม่ได้ทำให้อี้ จิ่นหลีรู้สึกสบายใจขึ้นมาเลย ใช่ ถึงแม้ว่าเธอจะดูผอมบางและอ่อนแอ แต่เธอก็มีความเข้มแข็งอยู่เสมออี้ จิ่นหลีอยู่กับเธอมานาน เขาสามารถเข้าใจความดื้อรั้นของเธอได้มากกว่าใคร ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นความคิดของเขาผุดขึ้นมาชั่วขณะ ร่างกายที่แสนบอบบางของเธอไม่จำทำเป็นแข็งแกร่งอยู่เสมอ“ขอโทษ...” อี้ จิ่นหลีกล่าวออกมาหลิง อี้หรานรู้สึกสับสน “คุณขอโทษเรื่องอะไร?”“ผมน่าจะรีบช่วยพี่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับคดีของพี่เพื่อลบประวัติที่ไม่ดี” อี้ จิ่นหลีกล่าว“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณจะขอโทษเรื่องอะไร? ฉันดีใจที่คุณมาช่วยฉันด้วยซ้ำ” หลิง อี้หราน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค