ชิน เหลียนอีอยากจะพูดจาถากถางพวกเขามากขึ้น แต่บางอย่างด้านหลังโจว เจียเหวินทางด้านทางเข้าบริษัท กลับดึงดูดความสนใจของเธอไป เธอเห็นเจ้านายของเธอเดินเข้ามาที่บริษัท แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา... ไป๋ ทิงซิน?!ชิน เหลียนอีกระพริบตาและตั้งใจมองอีกครั้ง โอเค ดวงตาของเธอไม่ได้ฝาด นั่นคือไป๋ ทิงซิน จริง ๆไป๋ ทิงซินเห็นเธอเช่นกันแต่เขากลับไม่ได้ทักทายเธอ เขาเพียงแค่ส่งยิ้มให้เธอและพูดคุยกับเจ้านายของเธอต่อไปจากมุมมองของชิน เหลียนอี เจ้านายของเธอให้ความเคารพและถ่อมตนต่อไป๋ ทิงซินมากเมื่อพวกเขาคุยกัน พวกเขาเดินและพูดคุยกัน เจ้านายของเธอได้ให้เลขาของเขาชงชาเพื่อไปเสิร์ฟในห้องทำงานของเขาชิน เหลียนอีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเข้าใจว่าทำไม บริษัทออกแบบของพวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงในเมืองเฉินมากนั้น แต่บริษัทแม่ของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นเล็กน้อย สำหรับบริษัทของพวกเขา นี่เป็นบันไดก้าวไปสู่ความประสบความสำเร็จไป๋ ทิงซินเป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเจ้านายของเธอจะให้ความเคารพกับเขาเป็นพิเศษ หากพวกเขาสามารถร่วมมือกับ ไป๋ เฟ
ชิน เหลียนอีแอบมองไป๋ ทิงซิน ‘หืม เขาดูดีในชุดสูทเหมือนกันแฮะ ดูค่อนข้างหล่อ! เขาดูดีมากจริง ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นฉันจะรีบทำแบบนั้นกับเขาตอนฉันเมา’‘ในบันทึกนั้น เขามีหุ่นที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะผอมไปหน่อย แต่กล้ามเนื้อเขาก็แข็งแรงดี…’ ชิน เหลียนอีหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเห็นไป๋ ทิงซินเปลือยเปล่าขณะที่เธอมองไปที่เขา...ใบหน้าของเธอแดงทันที และเธอก็มองต่ำลงไปที่พื้นเพื่อบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไป๋ ทิงซินมองเห็นชิน เหลียนที่อยู่ในมุมหนึ่งโดยกำลังก้มศีรษะลง เขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจของเธอเมื่อมองไปที่เธอ ริมฝีปากของไป๋ ทิงซินก็โค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจเจ้านายกล่าวกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไป๋ เริ่มได้เลยครับ”“ครับ”เจ้านายจึงเริ่มประชุม เขาเริ่มต้นด้วยการแนะนำไป๋ ทิงซิน จากนั้นเขาก็แนะนำโครงการที่ผ่านมาบางโครงของบริษัทเขาไม่ลืมพูดถึงโจว เจียเหวิน “นี่คือนักออกแบบที่อายุน้อยที่สุดของเรา อย่าคิดว่าอายุของเธอจะเด็กเกินไป เพราะพ่อของเธอก็เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในวงการนี้ เธอเองก็ได้รับรางวัลระดับนานาชาติเช่นกัน การออกแบบบางส่วนของเธอมีความ
ทุกคนในบริษัทออกแบบคิดว่ามันเป็นความจริง ที่ว่าชิน เหลียนอีให้ท่าเฉิน จื่อยวี่ เพียงเพราะเธอไม่มีตัวตนในบริษัทออกแบบมากนัก เธอมาจากครอบครัวธรรมดาและหน้าตาธรรมดาเช่นกัน เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่จะสนใจผู้ชายอย่างเฉิน จื่อยวี่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อนร่วมงานหลายคนต่างก็เข้าข้างโจว เจียเหวินหลายคนรู้สึกว่า ถึงแม้โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่จะเก็บความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เป็นความลับโดยไม่มีใครรู้ แต่ชิน เหลียนอีก็ไม่ควรพยายามเข้าไปแทรกกลางแต่ใครจะคิดว่าแฟนของชิน เหลียนอีจะเป็นไป๋ ทิงซิน ท่านประธานแห่ง ไป๋ เฟิง กรุ๊ป!หากพวกเขาเปรียบเทียบไป๋ ทิงซินกับเฉิน จื่อยวี่ ผลลัพธ์คงจะชัดเจน? ไป๋ ทิงซิน ชนะทุกวิถีทาง!ถ้าชิน เหลียนอีมีแฟนเป็นไป๋ ทิงซิน และยังคงหลงเสน่ห์ของเฉิน จื่อยวี่... นั่นคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?ทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานหลายคนที่เคยเข้าข้างกับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ ก็ได้เปลี่ยนวิธีคิดและเริ่มสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ ที่โจว เจียเหวินได้กล่าวไว้จิตใจของโจว เจียเหวินเต็มไปด้วยว่างเปล่า เธอคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็
ไป๋ ทิงซินหันกลับมามองเฉิน จื่อยวี่ ครู่ต่อมาเขาหัวเราะและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดจริง ๆ สินะ”เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจด้วยท่าทางที่ดูถูก ใบหน้าของเฉิน จื่อยวี่แดงก่ำด้วยความโกรธไป๋ ทิงซินกำลังบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่คนที่ชิน เหลียนอี ต้องการ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะไป๋ ทิงซินได้ แต่เฉิน จื่อยวี่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ไป๋ ทิงซินหันไปหาชิน เหลียนอีอีกครั้งและกล่าวว่า “บอกผมที หากมีการเข้าใจผิดอีกในครั้งต่อไป อย่าให้คนอื่นมาคิดว่าคุณไม่มีแฟนได้ล่ะ”จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะของชิน เหลียนอีด้วยความรัก ชิน เหลียนอีรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเป็นที่น่าสนใจและกำลังดึงดูดสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาปัญหาคือ... เธอกำลังจะเลิกกับไป๋ ทิงซิน! ยิ่งตอนนี้มีคนอิจฉาเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจะถูกเยาะเย้ยมากขึ้นเท่านั้นในอนาคตชิน เหลียนอีดูน่าเวทนา เธอกำลังทุกข์ทรมานแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้...การประชุมจบลงด้วยความอิจฉาและอับอายสำหรับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ พวกเขาออกจากห้องในทันที เพื่อนร่วมงานของพวกเขาที่เคยเยาะเย้ยชิน เหลียนอีก่อนหน้านี้ ก็หน้าบูดเช่นกันผู้อำนวยการมองไปที่ชิน เหลียนอีด้วยความโล่ง
ตอนนี้เธอกำลังคบกับเขาอยู่ ดังนั้น ถ้าเธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวกับผู้ชายคนอื่น มันจะเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขาแต่เขากลับไม่ได้นึกถึงปัญหาที่เขาสร้างให้เธอด้วยการเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต่อสาธารณะชนในวันนี้เลย เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลิกกัน สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือการเปลี่ยนงานชิน เหลียนอีหัวเราะเยาะตัวเองทันที ในตอนสุดท้าย เขาก็ยัง ‘แก้แค้น’ เธอ ยิ่งเธอทุกข์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น“ตกลง ฉันเข้าใจ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครคิดว่าฉันตามอ่อยแฟนของพวกเขาอีกต่อไปแล้วแหละ” ชิน เหลียนอีกล่าวไป๋ ทิงซินขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าเธอกำลังปลดปล่อยความรู้สึกแปลกแยกที่มองไม่เห็นออกจากร่างกายของเธอ และขยายระยะห่างระหว่างพวกเขา“ไม่ชอบเหรอ?” ไป๋ ทิงซินถามพลางหรี่ตาลง“ไม่ใช่ นายเป็นแฟนของฉัน และมันเป็นสิ่งที่ควรทำนี่เนอะ” ชิน เหลียนยีตอบด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่นายทำในวันนี้ทำให้โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่อับอายต่อหน้าทุกคน มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ เป็นเรื่องที่ดีมาก”แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าเธอไม่ได้หมายความอย่างที่พูด? เธอรู้หรื
เธอคาดเดาอยู่ในใจ แต่มันบ้ามากจนเธอไม่เชื่อตัวเองทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิง อี้หรานมองไปที่หมายเลขผู้โทร มันเป็นเบอร์ของโจว เชียนหยุน ดังนั้นเธอจึงรับสาย“พรุ่งนี้อาหยันน้อยจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว อี้หราน พรุ่งนี้เธอมาทำงานได้ไหม? ฉันอยากจะจัดระเบียบร้านอาหารและเปิดร้านอีกครั้งในวันถัดไป” โจว เชียนหยุนกล่าว“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” หลิง อี้หรานตอบ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอหลังจากที่เธอออกจากคุก“ดีเลย เอ่อ อาหยันน้อยอยากคุยกับเธอด้วย ทำไมเธอไม่ลองพูดอะไรกับอาหยันน้อยดูล่ะ?” โจว เชียนหยุนกล่าวหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อยครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดทางโทรศัพท์ว่า “อาหยันน้อย นี่น้าอี้หรานเองนะ หนูได้ยินน้าไหม? น้าจะไปหาหนูวันมะรืนนี้นะ อาหยันน้อย ถ้าหนูเข้าใจและพูดได้ น้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้หนูฟัง ดีไหม?”แม้เธอจะรู้ว่าเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่เธอก็ยังคงหวังขณะที่เธอกล่าว เสียงที่อ่อนหวานแต่แหบแห้งมาจากปลายสายอีกข้างหนึ่ง “น้า… อี้หราน…”หลิง อี้หรานแทบไม่เชื่อหูของเธอ เธอเพิ่งได้ยินเสียงอะไร? นั่นคือเสียงของหยันน้อยที่เรียกหาเธอเหรอ? แ
หลิง อี้หรานจ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ อิทธิพลของอี้ จิ่นหลีในเมืองเฉินเป็นเพียงข่าวลือในความคิดของเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้นในขณะนี้การรื้อถอนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขาคงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และเขาคงจะทำอะไรมากมายเพื่อทำลายมัน ไม่อย่างนั้นตระกูลห่าวจะเต็มใจรื้อถอนห้างได้อย่างไร?เขาทำทั้งหมดนี้เพียงเพราะเธอถูกตระกูลห่าวทำให้ขายหน้าในห้างสรรพสินค้าในวันนั้นเธอคิดว่าเขาปกป้องเธอจากการที่เธอโดนหลิว จื่อเฉวีย ตบหน้าตอนที่ตระกูลห่าวมาขอโทษ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำมากกว่านี้“ทำไมล่ะ?” เธอถามพร้อมกับหายใจ รู้สึกแสบที่จมูกเล็กน้อย“เพราะพี่” เขาตอบง่าย ๆ สองคำนั้นดูเหมือนล้านความหมายเธอคือเหตุผลที่เขาทำมันเพราะเป็นเธอคนที่เขาดูแลเป็นอย่างดี เขาทนไม่ได้ที่จะทำร้ายเธอ แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นทำร้ายเธอได้อย่างไร?“นอกจากนี้ ตระกูลห่าวจะได้เห็นดีแน่ ถ้าเขาทำให้พี่ขุ่นเคืองอีกครั้ง” อี้ จิ่นหลี กล่าวหลิง อี้หรานยิ้มเหยเก “บางทีพวกเขาจะเชื่อว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ใช่ความผิดของฉัน ว่าเป็นคนอื่นที่ทำร้ายลูกสาวของพวกเขาก็ต่อเมื่อฉันย้อนรอยคดีได้”ใช่ เธอสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่เบื
เธอผ่านการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แม้ว่าเธอจะยอมรับได้กับมัน แต่เขาล่ะ? หลิง อี้หรานค่อนข้างไม่แน่ใจ “เป็นอะไรไป? ไม่อยากไปเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฉันเหมาะที่จะไปงานเลี้ยงเหรอ?” หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้าขึ้นและถามว่า “จิน ถ้าฉันไปงานเลี้ยงกับคุณ หลายคนอาจจำฉันได้ ฉันเคยเจอผู้คนมากมายตอนที่ฉันคบกับเซียว จื่อฉี... นอกจากนี้ ฉันยังเคยติดคุกมาแล้ว...”“แล้วยังไง?” อี้ จิ่นหลีกล่าวพร้อมกับยักไหล่ “พี่คือที่หนึ่งสำหรับผม ถ้าพี่เคยอยู่ในคุกแล้วยังไง? ถ้าพวกเขาจำพี่ได้แล้วยังไงล่ะ?”ขณะที่เขากล่าว เขาจับมือเธอและทาบมันกับที่ริมฝีปากของเขา เขาบรรจงจูบมันเบา ๆ “พี่ยังพาผมกลับบ้านตอนที่ผมเหมือนคนเร่ร่อนอยู่กลางถนนไม่ใช่เหรอพี่สาว? พี่เคยคิดบ้างไหมว่าผมจะเป็นคนที่เหมาะให้พี่พากลับบ้าน? ไม่ว่าพี่จะเป็นเจ้าหญิงหรือขอทาน ผมก็อยากให้พี่ยืนอยู่เคียงข้างผม”เขาจูบลงบนมือของเธอ ปลายนิ้วของเธอรู้สึกเสียวซ่าที่ไปถึงขั้วหัวใจเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มที่มีความหมาย “พี่จะยืนเคียงข้างผมไปตลอดชีวิต ถ้าตอนนี้พี่ยังกังวล แล้วในอนาคตล่ะ? เมื่อไหร่พี่จะสามา