เธอคาดเดาอยู่ในใจ แต่มันบ้ามากจนเธอไม่เชื่อตัวเองทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิง อี้หรานมองไปที่หมายเลขผู้โทร มันเป็นเบอร์ของโจว เชียนหยุน ดังนั้นเธอจึงรับสาย“พรุ่งนี้อาหยันน้อยจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว อี้หราน พรุ่งนี้เธอมาทำงานได้ไหม? ฉันอยากจะจัดระเบียบร้านอาหารและเปิดร้านอีกครั้งในวันถัดไป” โจว เชียนหยุนกล่าว“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” หลิง อี้หรานตอบ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอหลังจากที่เธอออกจากคุก“ดีเลย เอ่อ อาหยันน้อยอยากคุยกับเธอด้วย ทำไมเธอไม่ลองพูดอะไรกับอาหยันน้อยดูล่ะ?” โจว เชียนหยุนกล่าวหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อยครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดทางโทรศัพท์ว่า “อาหยันน้อย นี่น้าอี้หรานเองนะ หนูได้ยินน้าไหม? น้าจะไปหาหนูวันมะรืนนี้นะ อาหยันน้อย ถ้าหนูเข้าใจและพูดได้ น้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้หนูฟัง ดีไหม?”แม้เธอจะรู้ว่าเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่เธอก็ยังคงหวังขณะที่เธอกล่าว เสียงที่อ่อนหวานแต่แหบแห้งมาจากปลายสายอีกข้างหนึ่ง “น้า… อี้หราน…”หลิง อี้หรานแทบไม่เชื่อหูของเธอ เธอเพิ่งได้ยินเสียงอะไร? นั่นคือเสียงของหยันน้อยที่เรียกหาเธอเหรอ? แ
หลิง อี้หรานจ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ อิทธิพลของอี้ จิ่นหลีในเมืองเฉินเป็นเพียงข่าวลือในความคิดของเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้นในขณะนี้การรื้อถอนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขาคงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และเขาคงจะทำอะไรมากมายเพื่อทำลายมัน ไม่อย่างนั้นตระกูลห่าวจะเต็มใจรื้อถอนห้างได้อย่างไร?เขาทำทั้งหมดนี้เพียงเพราะเธอถูกตระกูลห่าวทำให้ขายหน้าในห้างสรรพสินค้าในวันนั้นเธอคิดว่าเขาปกป้องเธอจากการที่เธอโดนหลิว จื่อเฉวีย ตบหน้าตอนที่ตระกูลห่าวมาขอโทษ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำมากกว่านี้“ทำไมล่ะ?” เธอถามพร้อมกับหายใจ รู้สึกแสบที่จมูกเล็กน้อย“เพราะพี่” เขาตอบง่าย ๆ สองคำนั้นดูเหมือนล้านความหมายเธอคือเหตุผลที่เขาทำมันเพราะเป็นเธอคนที่เขาดูแลเป็นอย่างดี เขาทนไม่ได้ที่จะทำร้ายเธอ แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นทำร้ายเธอได้อย่างไร?“นอกจากนี้ ตระกูลห่าวจะได้เห็นดีแน่ ถ้าเขาทำให้พี่ขุ่นเคืองอีกครั้ง” อี้ จิ่นหลี กล่าวหลิง อี้หรานยิ้มเหยเก “บางทีพวกเขาจะเชื่อว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ใช่ความผิดของฉัน ว่าเป็นคนอื่นที่ทำร้ายลูกสาวของพวกเขาก็ต่อเมื่อฉันย้อนรอยคดีได้”ใช่ เธอสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่เบื
เธอผ่านการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แม้ว่าเธอจะยอมรับได้กับมัน แต่เขาล่ะ? หลิง อี้หรานค่อนข้างไม่แน่ใจ “เป็นอะไรไป? ไม่อยากไปเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฉันเหมาะที่จะไปงานเลี้ยงเหรอ?” หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้าขึ้นและถามว่า “จิน ถ้าฉันไปงานเลี้ยงกับคุณ หลายคนอาจจำฉันได้ ฉันเคยเจอผู้คนมากมายตอนที่ฉันคบกับเซียว จื่อฉี... นอกจากนี้ ฉันยังเคยติดคุกมาแล้ว...”“แล้วยังไง?” อี้ จิ่นหลีกล่าวพร้อมกับยักไหล่ “พี่คือที่หนึ่งสำหรับผม ถ้าพี่เคยอยู่ในคุกแล้วยังไง? ถ้าพวกเขาจำพี่ได้แล้วยังไงล่ะ?”ขณะที่เขากล่าว เขาจับมือเธอและทาบมันกับที่ริมฝีปากของเขา เขาบรรจงจูบมันเบา ๆ “พี่ยังพาผมกลับบ้านตอนที่ผมเหมือนคนเร่ร่อนอยู่กลางถนนไม่ใช่เหรอพี่สาว? พี่เคยคิดบ้างไหมว่าผมจะเป็นคนที่เหมาะให้พี่พากลับบ้าน? ไม่ว่าพี่จะเป็นเจ้าหญิงหรือขอทาน ผมก็อยากให้พี่ยืนอยู่เคียงข้างผม”เขาจูบลงบนมือของเธอ ปลายนิ้วของเธอรู้สึกเสียวซ่าที่ไปถึงขั้วหัวใจเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มที่มีความหมาย “พี่จะยืนเคียงข้างผมไปตลอดชีวิต ถ้าตอนนี้พี่ยังกังวล แล้วในอนาคตล่ะ? เมื่อไหร่พี่จะสามา
“ทั้งหมดต้องขอบคุณอดีตแฟนสาวของคุณ” ห่าว อี้เหมิงกล่าวอย่างประชดประชัน“หลิง อี้หราน?” เซียว จื่อฉีตกตะลึง เขานึกถึงช่วงเวลาที่ตระกูลเซียวเกือบจะโชคไม่ดีเพราะหลิง อี้หราน แถมขาของน้องสาวเขาก็พิการเพราะหลิง อี้หราน ตามที่แพทย์บอก มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะฟื้นตัวถ้าเธอไม่ทำการผ่าตัดการผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เธอพิการไปตลอดชีวิตส่งผลให้บุคลิกภาพของจื่ออี้เปลี่ยนไปมาก เธอหวั่นไหวง่ายไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอเคยเป็นคนเย่อหยิ่งแต่ก็ร่าเริง ตอนนี้จื่ออี้ใช้เวลาอยู่ในห้องของเธอทั้งวันและไม่ค่อยพบปะกับเพื่อนเก่าของเธอซึ่งทำให้เซียว จื่อฉีกังวลเล็กน้อย“เธอคือคนเดียวที่ อี้ จิ่นหลีหนุนหลังให้ แล้วใครจะแตะต้องเธอได้ล่ะ?” น้ำเสียงของห่าว อี้เหมิงร้อนรนอี้หรานเป็นผู้หญิงที่เธอคิดจะเหยียบย่ำไปตลอดและจะไม่มีวันได้เจอเธออีก แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากลับอยู่คนละโลกกันเธอไม่ได้คาดหวังว่าอี้หรานจะปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเธอในลักษณะที่ทำให้เธอกลัวที่จะทำอะไรกับหลิง อี้หรานเมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียว จื่อฉีก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “ตระกูลของคุณทำอะไรให้กับห
ไม่มีใครคาดคิดว่าความมั่นใจในตัวเองของเขาจะพังลงอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเขาตื่นตระหนกและตกใจ พ่อแม่ของเขาบอกให้เขาเลิกกับอี้หรานทันที และเขาก็ทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยในขณะนั้นเองที่เขาตระหนักว่าความรักที่เขาคาดหวังนั้นไม่คุ้มกับอนาคตของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะเสียสละอนาคตของเขาเพื่ออี้หรานเขารักอี้หราน และเพราะเขาสามารถเป็นนายน้อยที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล เซียว ได้ แต่เมื่อสิ่งนี้ได้หายไป สิ่งที่เรียกว่าความรักก็หายไปเช่นกันหลายปีที่ผ่านมา เขารู้สึกผิดในบางครั้ง แต่เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกผิด เขาจะบอกตัวเองว่าเป็นความผิดของอี้หรานทั้งหมดสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นแบบนี้ถ้าเธอไม่เมาแล้วขับรถชนห่าว เหมยยวี่ ดังนั้นจึงเป็นความผิดของอี้หรานทั้งหมดดูเหมือนว่าการคิดแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นอีกครั้งเขาคิดว่านี่คือจุดจบสำหรับเขากับอี้หราน เช่นเดียวกับขอบฟ้าสองแห่ง พวกมันจะไม่บรรจบกันอีกต่อไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะค่อย ๆ เต็มไปด้วยอิทธิพลของเธอเช่นเดียวกับขาของจื่ออี้ และตอนนี้เป็นห้างสรรพสินค้าของตระกูลภรรยาของเขาทั้งหมดเป็นเพราะอี้ จิ่นหลี คนที่อยู่เบื้อ
ตอนนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแล้วถ้าอี้ จิ่นหลีปฏิบัติต่อหลิง อี้หรานราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าในตอนนี้ล่ะ? หลิง อี้หรานอาจไม่สามารถอยู่เคียงข้างอี้ จิ่นหลี ได้ในอนาคต สุดท้ายแล้วมีสิ่งมากมายที่จะสามารถทำลายหลิง อี้หรานได้...หลิง อี้หรานไม่ใช่คนแปลกหน้าในงานเลี้ยง ก่อนหน้านี้เธอเคยไปงานเลี้ยงกับเซียว จื่อฉีสองสามครั้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อยหลังจากใช้เวลามากกว่าสามปีในคุก เธอไม่ได้ดูแลผิวของเธอมากนัก ผิวของเธอหยาบกร้านมากกว่าแต่ก่อน และมือของเธอซูบจนเห็นกระดูก ผมของเธอไม่สวยเงางามเหมือนเมื่อก่อนราวกับจะขจัดความกังวลในตัวเธอ สไตลิสต์มืออาชีพและช่างแต่งหน้ามาที่คฤหาสน์อี้ ในตอนบ่ายเพื่อปรับเปลี่ยนโฉมสำหรับงานเลี้ยงให้แก่หลิง อี้หราน ชุดราตรีสีม่วงดูสง่างาม คริสตัลและเพชรเม็ดเล็ก ๆ ที่อยู่บนชุดราตรีของเธอทำให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้นชุดราตรีแบบนี้น่าจะมีราคาแพงสไตลิสต์กล่าวกับหลิง อี้หราน ว่า “นี่คือชุดราตีที่นายน้อยอี้เตรียมไว้ให้คุณหลิง นายน้อยอี้บอกว่านี่เป็นขนาดที่คุณใส่ได้”หลิง อี้หรานอดที่จะหน้าแดงไม่ได้เขารู้ขนาดของเธอเป็นอย่างดีเ
“ชอบสิ” เธอพึมพำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบของสวย ๆ งาม ๆ ทำไมเธอถึงไม่ชอบชุดสวย ๆ เช่นนี้? อย่างไรก็ตาม... “มันน่าจะแพง ถ้าใส่แค่ครั้งเดียวมันจะสิ้นเปลืองไปหรือเปล่า?”สิ่งที่เธอหมายถึงคือมีตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่าเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็กล่าวว่า “ถ้าคิดว่าสิ้นเปลืองก็ไปงานเลี้ยงกับผมบ่อย ๆ สิ จะได้ไม่สิ้นเปลือง”"..." หลิง อี้หรานตกตะลึงจนไม่รู้จะตอบโต้อะไรอี้ จิ่นหลีจับมือหลิง อี้หรานและกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”อุณหภูมิบนมือของเขาส่งผ่านไปยังฝ่ามือของเธอ เธอตอบเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเธอก็เดินตามเขาออกจากห้องแต่งตัวลงมาที่ชั้นล่างด้านหน้าของคฤหาสน์ มีรถจอดรอไว้แล้ว อี้ จิ่นหลีจับมือหลิง อี้หรานขณะเข้าไปในรถระหว่างทางไปที่นั่น หลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะมองอี้ จิ่นหลีที่สวมชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว และเนคไทสีม่วงเข้ม มันเหมาะกับเขามาก วันนี้เขาดูหล่อเหลาและดูดี กรอบหน้าของเขาเห็นเป็นสันกรามชัด ลักษณะที่ละเอียดอ่อนซึ่งหายากในชาวเอเชีย ผมสีดำของเขาจัดทรงอย่างเรียบร้อยในขณะที่ผมหน้าม้าถูกหวีเก็บขึ้นเพื่อเผยให้เห็นหน้าผากที่สวยงามของเขา ความโค้งของคอถูกปกคลุมด้วยปกคอเ
ดวงตาของหลิง อี้หรานเบิกกว้าง อี้ จิ่นหลีรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ“ช่วงเวลาไหนของเราล่ะ?” เสียงของเขาที่นุ่มนวลกว่าที่เคย หัวใจของเธอสั่นไหวราวกับขนนก “คืนนั้นเหรอ? พี่กำลังคิดถึงคืนนั้นหรือเปล่า?”บูม!หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเธอถูกไฟไหม้ เธอรู้สึกเขินและอาย จนอยากจะมุดลงดินปลายนิ้วของเขายังอยู่ใต้คางของเธอ ทำให้เธอหันหน้าหนีไม่ได้ท่าที่ที่เธอแสดงออกว่าเขินอาย ทำให้เธอดูน่ารักเกินจะบรรยายได้ ดวงตาที่คลุมเครือของเธอยังคงหลบสายตาของเขา แต่เธอไม่รู้เลยว่าสายตาของเธอนั้นกระตุ้นความปรารถนาของเขาให้อยากครอบครองเธอมากขึ้นถ้าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในรถ และไม่ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ เขาก็คงไม่สามารถต้านทานเธอได้…“เขินเหรอ? มีอะไรให้เขิน?” ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับแก้มร้อนของเธออย่างอ่อนโยน “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายและผู้หญิงจะดึงดูดกันและกันไม่ใช่เหรอ?”เธอรายล้อมไปด้วยกลิ่นของเขา น้ำเสียงของเขาดังก้องอยู่ในหูของเธอราวกับคาถาบางอย่างที่ดึงดูดเธอตลอดเวลา “คืนนั้นพี่มีความสุขไหม?”ใบหน้าของเธอร้อนฉ่า แต่เมื่อเธอมองเห็นสายตาที่จริงจังของเขา เธอก็ตกใจ เ