“ทั้งหมดต้องขอบคุณอดีตแฟนสาวของคุณ” ห่าว อี้เหมิงกล่าวอย่างประชดประชัน“หลิง อี้หราน?” เซียว จื่อฉีตกตะลึง เขานึกถึงช่วงเวลาที่ตระกูลเซียวเกือบจะโชคไม่ดีเพราะหลิง อี้หราน แถมขาของน้องสาวเขาก็พิการเพราะหลิง อี้หราน ตามที่แพทย์บอก มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะฟื้นตัวถ้าเธอไม่ทำการผ่าตัดการผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เธอพิการไปตลอดชีวิตส่งผลให้บุคลิกภาพของจื่ออี้เปลี่ยนไปมาก เธอหวั่นไหวง่ายไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอเคยเป็นคนเย่อหยิ่งแต่ก็ร่าเริง ตอนนี้จื่ออี้ใช้เวลาอยู่ในห้องของเธอทั้งวันและไม่ค่อยพบปะกับเพื่อนเก่าของเธอซึ่งทำให้เซียว จื่อฉีกังวลเล็กน้อย“เธอคือคนเดียวที่ อี้ จิ่นหลีหนุนหลังให้ แล้วใครจะแตะต้องเธอได้ล่ะ?” น้ำเสียงของห่าว อี้เหมิงร้อนรนอี้หรานเป็นผู้หญิงที่เธอคิดจะเหยียบย่ำไปตลอดและจะไม่มีวันได้เจอเธออีก แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากลับอยู่คนละโลกกันเธอไม่ได้คาดหวังว่าอี้หรานจะปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเธอในลักษณะที่ทำให้เธอกลัวที่จะทำอะไรกับหลิง อี้หรานเมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียว จื่อฉีก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “ตระกูลของคุณทำอะไรให้กับห
ไม่มีใครคาดคิดว่าความมั่นใจในตัวเองของเขาจะพังลงอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเขาตื่นตระหนกและตกใจ พ่อแม่ของเขาบอกให้เขาเลิกกับอี้หรานทันที และเขาก็ทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยในขณะนั้นเองที่เขาตระหนักว่าความรักที่เขาคาดหวังนั้นไม่คุ้มกับอนาคตของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะเสียสละอนาคตของเขาเพื่ออี้หรานเขารักอี้หราน และเพราะเขาสามารถเป็นนายน้อยที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล เซียว ได้ แต่เมื่อสิ่งนี้ได้หายไป สิ่งที่เรียกว่าความรักก็หายไปเช่นกันหลายปีที่ผ่านมา เขารู้สึกผิดในบางครั้ง แต่เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกผิด เขาจะบอกตัวเองว่าเป็นความผิดของอี้หรานทั้งหมดสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นแบบนี้ถ้าเธอไม่เมาแล้วขับรถชนห่าว เหมยยวี่ ดังนั้นจึงเป็นความผิดของอี้หรานทั้งหมดดูเหมือนว่าการคิดแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นอีกครั้งเขาคิดว่านี่คือจุดจบสำหรับเขากับอี้หราน เช่นเดียวกับขอบฟ้าสองแห่ง พวกมันจะไม่บรรจบกันอีกต่อไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะค่อย ๆ เต็มไปด้วยอิทธิพลของเธอเช่นเดียวกับขาของจื่ออี้ และตอนนี้เป็นห้างสรรพสินค้าของตระกูลภรรยาของเขาทั้งหมดเป็นเพราะอี้ จิ่นหลี คนที่อยู่เบื้อ
ตอนนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแล้วถ้าอี้ จิ่นหลีปฏิบัติต่อหลิง อี้หรานราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าในตอนนี้ล่ะ? หลิง อี้หรานอาจไม่สามารถอยู่เคียงข้างอี้ จิ่นหลี ได้ในอนาคต สุดท้ายแล้วมีสิ่งมากมายที่จะสามารถทำลายหลิง อี้หรานได้...หลิง อี้หรานไม่ใช่คนแปลกหน้าในงานเลี้ยง ก่อนหน้านี้เธอเคยไปงานเลี้ยงกับเซียว จื่อฉีสองสามครั้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อยหลังจากใช้เวลามากกว่าสามปีในคุก เธอไม่ได้ดูแลผิวของเธอมากนัก ผิวของเธอหยาบกร้านมากกว่าแต่ก่อน และมือของเธอซูบจนเห็นกระดูก ผมของเธอไม่สวยเงางามเหมือนเมื่อก่อนราวกับจะขจัดความกังวลในตัวเธอ สไตลิสต์มืออาชีพและช่างแต่งหน้ามาที่คฤหาสน์อี้ ในตอนบ่ายเพื่อปรับเปลี่ยนโฉมสำหรับงานเลี้ยงให้แก่หลิง อี้หราน ชุดราตรีสีม่วงดูสง่างาม คริสตัลและเพชรเม็ดเล็ก ๆ ที่อยู่บนชุดราตรีของเธอทำให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้นชุดราตรีแบบนี้น่าจะมีราคาแพงสไตลิสต์กล่าวกับหลิง อี้หราน ว่า “นี่คือชุดราตีที่นายน้อยอี้เตรียมไว้ให้คุณหลิง นายน้อยอี้บอกว่านี่เป็นขนาดที่คุณใส่ได้”หลิง อี้หรานอดที่จะหน้าแดงไม่ได้เขารู้ขนาดของเธอเป็นอย่างดีเ
“ชอบสิ” เธอพึมพำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบของสวย ๆ งาม ๆ ทำไมเธอถึงไม่ชอบชุดสวย ๆ เช่นนี้? อย่างไรก็ตาม... “มันน่าจะแพง ถ้าใส่แค่ครั้งเดียวมันจะสิ้นเปลืองไปหรือเปล่า?”สิ่งที่เธอหมายถึงคือมีตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่าเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็กล่าวว่า “ถ้าคิดว่าสิ้นเปลืองก็ไปงานเลี้ยงกับผมบ่อย ๆ สิ จะได้ไม่สิ้นเปลือง”"..." หลิง อี้หรานตกตะลึงจนไม่รู้จะตอบโต้อะไรอี้ จิ่นหลีจับมือหลิง อี้หรานและกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”อุณหภูมิบนมือของเขาส่งผ่านไปยังฝ่ามือของเธอ เธอตอบเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเธอก็เดินตามเขาออกจากห้องแต่งตัวลงมาที่ชั้นล่างด้านหน้าของคฤหาสน์ มีรถจอดรอไว้แล้ว อี้ จิ่นหลีจับมือหลิง อี้หรานขณะเข้าไปในรถระหว่างทางไปที่นั่น หลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะมองอี้ จิ่นหลีที่สวมชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว และเนคไทสีม่วงเข้ม มันเหมาะกับเขามาก วันนี้เขาดูหล่อเหลาและดูดี กรอบหน้าของเขาเห็นเป็นสันกรามชัด ลักษณะที่ละเอียดอ่อนซึ่งหายากในชาวเอเชีย ผมสีดำของเขาจัดทรงอย่างเรียบร้อยในขณะที่ผมหน้าม้าถูกหวีเก็บขึ้นเพื่อเผยให้เห็นหน้าผากที่สวยงามของเขา ความโค้งของคอถูกปกคลุมด้วยปกคอเ
ดวงตาของหลิง อี้หรานเบิกกว้าง อี้ จิ่นหลีรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ“ช่วงเวลาไหนของเราล่ะ?” เสียงของเขาที่นุ่มนวลกว่าที่เคย หัวใจของเธอสั่นไหวราวกับขนนก “คืนนั้นเหรอ? พี่กำลังคิดถึงคืนนั้นหรือเปล่า?”บูม!หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเธอถูกไฟไหม้ เธอรู้สึกเขินและอาย จนอยากจะมุดลงดินปลายนิ้วของเขายังอยู่ใต้คางของเธอ ทำให้เธอหันหน้าหนีไม่ได้ท่าที่ที่เธอแสดงออกว่าเขินอาย ทำให้เธอดูน่ารักเกินจะบรรยายได้ ดวงตาที่คลุมเครือของเธอยังคงหลบสายตาของเขา แต่เธอไม่รู้เลยว่าสายตาของเธอนั้นกระตุ้นความปรารถนาของเขาให้อยากครอบครองเธอมากขึ้นถ้าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในรถ และไม่ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ เขาก็คงไม่สามารถต้านทานเธอได้…“เขินเหรอ? มีอะไรให้เขิน?” ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับแก้มร้อนของเธออย่างอ่อนโยน “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายและผู้หญิงจะดึงดูดกันและกันไม่ใช่เหรอ?”เธอรายล้อมไปด้วยกลิ่นของเขา น้ำเสียงของเขาดังก้องอยู่ในหูของเธอราวกับคาถาบางอย่างที่ดึงดูดเธอตลอดเวลา “คืนนั้นพี่มีความสุขไหม?”ใบหน้าของเธอร้อนฉ่า แต่เมื่อเธอมองเห็นสายตาที่จริงจังของเขา เธอก็ตกใจ เ
เมื่อรถมาถึงสถานที่จัดเลี้ยง อี้ จิ่นหลีก็เดินเข้ามาพร้อมกับหลิง อี้หรานที่จับมือของเขาไว้สายตานับร้อยจับจ้องไปที่หลิง อี้หราน อี้ จิ่นหลีมักจะเป็นศูนย์กลางความสนใจเสมอ และอย่างที่ทุกคนในเมืองเฉินรู้ นี่เป็นครั้งแรกที่อี้ จิ่นหลีมีผู้หญิงอยู่ข้าง ๆ เขาในรอบกว่าสามปีแม้แต่ห่าว เหมยยวี่ที่เคยเข้าร่วมงานในที่สาธารณะหลายครั้งกับอี้ จิ่นหลี ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยเห็นเขาจับมือเธอ แต่อี้ จิ่นหลีจับมือหลิง อี้หรานไว้ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาสังคมชนชั้นสูงของเมืองเฉิน บางส่วนเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ ส่วนใหญ่ต่างรู้เรื่องของอี้ จิ่นหลีแม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะโด่งดังจากการเป็นโสดในเมืองเฉิน และไม่เคยเกี่ยวข้องกับใครเลยตั้งแต่ห่าว เหมยยวี่เสียชีวิต ผู้หญิงเหล่านั้นก็ยังกระตือรือร้นที่จะพยายามเข้าหาเขาแต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะลอง ในแวดวงของพวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าในตอนจบของพวกผู้หญิงที่เล่นมายาเพื่อเข้าใกล้อี้ จิ่นหลีนั้นแย่แค่ไหนอย่างน้อยที่สุด พวกเขาคิดว่าอี้ จิ่นหลียังโสดอยู่ แต่ในตอนนี้กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ เขา แล้วพวกเขาก็ทำตัวเหมือนสนิทสนมกัน!ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าผู้หญิง
เขาโหดเหี้ยมมากกว่าหลงใหลคนอย่างเขามีอะไรสำคัญกับเขาบ้าง? ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของหลิง อี้หราน เธอก็จำสร้อยข้อมือเงินของกู้ ลี่เฉินได้เป็นเพราะสร้อยข้อมือเงินที่เธอรู้จากกู้ ลี่เฉิน สร้อยข้อมือนั้นเป็นของเด็ก แต่กู้ ลี่เฉินกลับทำเหมือนมันเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เรื่องราวเบื้องหลังของสร้อยข้อมือนี้คืออะไร?“มองหาใครอยู่?” เสียงทุ้มและสง่างามดังขึ้นในหูของหลิง อี้หรานเธอตั้งสติกลับมาได้ในทันที เมื่อเธอหันกลับมา ริมฝีปากของเธอเกือบจะสัมผัสเข้ากับริมฝีปากของอี้ จิ่นหลี เธอตระหนักได้ว่าใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอมากจนเกือบจูบเขาริมฝีปากบางของอี้ จิ่นหลีแยกจากกันในขณะที่เขากระซิบ “ไม่ว่าพี่จะมองหาใคร คนในหัวใจของพี่จะต้องเป็นผมเท่านั้นนะ”ขณะที่เขากล่าว เขามองผ่านเธอไปยังบุคคลที่ยืนอยู่ตรงทางเข้ากู้ ลี่เฉินเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา อี้ จิ่นหลีไม่ได้คาดหวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะสนใจผู้หญิงคนเดียวกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้เขาได้หัวใจของอี้หรานแล้ว แต่กู้ ลี่เฉินยังไม่รู้ว่าคนที่เขากำลังมองหาคืออี้หรานแน่นอนว่าถ้าเขาทำได้ เขาจะไม่มีวันให้กู้ ลี่เฉินรับรู้ความจริง
นานมาแล้วที่เธอเคยรู้สึกแบบนี้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าหลิง อี้หรานอยู่กับอี้ จิ่นหลี แต่เธอก็ไม่คิดว่า หลิง อี้หรานจะเอาชนะเธอได้ เพราะเธอเป็นแฟนของลี่เฉินอย่างเป็นทางการตอนนี้หลิง ลั่วอินรู้สึกว่าเธอกำลังพ่ายแพ้กู้ ลี่เฉินดึงสติของตัวเองกลับมาและกล่าวกับหลิง อี้หราน ว่า “ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้พบคุณอีกครั้ง”“สวัสดีค่ะ” หลิง อี้หรานตอบรับอย่างเรียบง่ายกู้ ลี่เฉินหันไปมองอี้ จิ่นหลี “ไม่คิดว่าวันนี้นายจะมา”“ฉันพาอี้หรานมาที่นี่เพื่อพาเธอมาแนะนำ มีคนบางส่วนที่เธอต้องผูกมิตรสักวันหนึ่ง” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา ๆ ประโยคเดียวที่เรียบง่ายแต่ข้อมูลกลับหนักแน่นหลิง ลั่วอินตกใจ เขาหมายถึงอะไร ‘ผูกมิตร’? อี้ จิ่นหลี… กำลังบอกเป็นนัยว่าเขาจะแต่งงานกับ หลิง อี้หรานสักวันหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?หลิง ลั่วอินรู้สึกอิจฉาริษยาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ แต่เธอก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะพี่สาว พูดถึงเรื่องนี้ ฉันอยากจะขอโทษพี่นะ พ่อกับแม่ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี พวกเขาตั้งใจจะจัดการเรื่องหลุมศพของแม่ของพี่ แต่มีเรื่องเข้าใจผิด พวกเขาจึงสื่อสารผิดไป อย่าไปถือสาพวกเขาเลยนะคะพี่ ช่วงนี้พ่อ