ชิน เหลียนอีแอบมองไป๋ ทิงซิน ‘หืม เขาดูดีในชุดสูทเหมือนกันแฮะ ดูค่อนข้างหล่อ! เขาดูดีมากจริง ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นฉันจะรีบทำแบบนั้นกับเขาตอนฉันเมา’‘ในบันทึกนั้น เขามีหุ่นที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะผอมไปหน่อย แต่กล้ามเนื้อเขาก็แข็งแรงดี…’ ชิน เหลียนอีหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเห็นไป๋ ทิงซินเปลือยเปล่าขณะที่เธอมองไปที่เขา...ใบหน้าของเธอแดงทันที และเธอก็มองต่ำลงไปที่พื้นเพื่อบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไป๋ ทิงซินมองเห็นชิน เหลียนที่อยู่ในมุมหนึ่งโดยกำลังก้มศีรษะลง เขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจของเธอเมื่อมองไปที่เธอ ริมฝีปากของไป๋ ทิงซินก็โค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจเจ้านายกล่าวกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไป๋ เริ่มได้เลยครับ”“ครับ”เจ้านายจึงเริ่มประชุม เขาเริ่มต้นด้วยการแนะนำไป๋ ทิงซิน จากนั้นเขาก็แนะนำโครงการที่ผ่านมาบางโครงของบริษัทเขาไม่ลืมพูดถึงโจว เจียเหวิน “นี่คือนักออกแบบที่อายุน้อยที่สุดของเรา อย่าคิดว่าอายุของเธอจะเด็กเกินไป เพราะพ่อของเธอก็เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในวงการนี้ เธอเองก็ได้รับรางวัลระดับนานาชาติเช่นกัน การออกแบบบางส่วนของเธอมีความ
ทุกคนในบริษัทออกแบบคิดว่ามันเป็นความจริง ที่ว่าชิน เหลียนอีให้ท่าเฉิน จื่อยวี่ เพียงเพราะเธอไม่มีตัวตนในบริษัทออกแบบมากนัก เธอมาจากครอบครัวธรรมดาและหน้าตาธรรมดาเช่นกัน เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่จะสนใจผู้ชายอย่างเฉิน จื่อยวี่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อนร่วมงานหลายคนต่างก็เข้าข้างโจว เจียเหวินหลายคนรู้สึกว่า ถึงแม้โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่จะเก็บความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เป็นความลับโดยไม่มีใครรู้ แต่ชิน เหลียนอีก็ไม่ควรพยายามเข้าไปแทรกกลางแต่ใครจะคิดว่าแฟนของชิน เหลียนอีจะเป็นไป๋ ทิงซิน ท่านประธานแห่ง ไป๋ เฟิง กรุ๊ป!หากพวกเขาเปรียบเทียบไป๋ ทิงซินกับเฉิน จื่อยวี่ ผลลัพธ์คงจะชัดเจน? ไป๋ ทิงซิน ชนะทุกวิถีทาง!ถ้าชิน เหลียนอีมีแฟนเป็นไป๋ ทิงซิน และยังคงหลงเสน่ห์ของเฉิน จื่อยวี่... นั่นคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?ทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานหลายคนที่เคยเข้าข้างกับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ ก็ได้เปลี่ยนวิธีคิดและเริ่มสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ ที่โจว เจียเหวินได้กล่าวไว้จิตใจของโจว เจียเหวินเต็มไปด้วยว่างเปล่า เธอคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็
ไป๋ ทิงซินหันกลับมามองเฉิน จื่อยวี่ ครู่ต่อมาเขาหัวเราะและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดจริง ๆ สินะ”เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจด้วยท่าทางที่ดูถูก ใบหน้าของเฉิน จื่อยวี่แดงก่ำด้วยความโกรธไป๋ ทิงซินกำลังบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่คนที่ชิน เหลียนอี ต้องการ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะไป๋ ทิงซินได้ แต่เฉิน จื่อยวี่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ไป๋ ทิงซินหันไปหาชิน เหลียนอีอีกครั้งและกล่าวว่า “บอกผมที หากมีการเข้าใจผิดอีกในครั้งต่อไป อย่าให้คนอื่นมาคิดว่าคุณไม่มีแฟนได้ล่ะ”จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะของชิน เหลียนอีด้วยความรัก ชิน เหลียนอีรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเป็นที่น่าสนใจและกำลังดึงดูดสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาปัญหาคือ... เธอกำลังจะเลิกกับไป๋ ทิงซิน! ยิ่งตอนนี้มีคนอิจฉาเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจะถูกเยาะเย้ยมากขึ้นเท่านั้นในอนาคตชิน เหลียนอีดูน่าเวทนา เธอกำลังทุกข์ทรมานแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้...การประชุมจบลงด้วยความอิจฉาและอับอายสำหรับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ พวกเขาออกจากห้องในทันที เพื่อนร่วมงานของพวกเขาที่เคยเยาะเย้ยชิน เหลียนอีก่อนหน้านี้ ก็หน้าบูดเช่นกันผู้อำนวยการมองไปที่ชิน เหลียนอีด้วยความโล่ง
ตอนนี้เธอกำลังคบกับเขาอยู่ ดังนั้น ถ้าเธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวกับผู้ชายคนอื่น มันจะเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขาแต่เขากลับไม่ได้นึกถึงปัญหาที่เขาสร้างให้เธอด้วยการเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต่อสาธารณะชนในวันนี้เลย เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลิกกัน สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือการเปลี่ยนงานชิน เหลียนอีหัวเราะเยาะตัวเองทันที ในตอนสุดท้าย เขาก็ยัง ‘แก้แค้น’ เธอ ยิ่งเธอทุกข์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น“ตกลง ฉันเข้าใจ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครคิดว่าฉันตามอ่อยแฟนของพวกเขาอีกต่อไปแล้วแหละ” ชิน เหลียนอีกล่าวไป๋ ทิงซินขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าเธอกำลังปลดปล่อยความรู้สึกแปลกแยกที่มองไม่เห็นออกจากร่างกายของเธอ และขยายระยะห่างระหว่างพวกเขา“ไม่ชอบเหรอ?” ไป๋ ทิงซินถามพลางหรี่ตาลง“ไม่ใช่ นายเป็นแฟนของฉัน และมันเป็นสิ่งที่ควรทำนี่เนอะ” ชิน เหลียนยีตอบด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่นายทำในวันนี้ทำให้โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่อับอายต่อหน้าทุกคน มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ เป็นเรื่องที่ดีมาก”แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าเธอไม่ได้หมายความอย่างที่พูด? เธอรู้หรื
เธอคาดเดาอยู่ในใจ แต่มันบ้ามากจนเธอไม่เชื่อตัวเองทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิง อี้หรานมองไปที่หมายเลขผู้โทร มันเป็นเบอร์ของโจว เชียนหยุน ดังนั้นเธอจึงรับสาย“พรุ่งนี้อาหยันน้อยจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว อี้หราน พรุ่งนี้เธอมาทำงานได้ไหม? ฉันอยากจะจัดระเบียบร้านอาหารและเปิดร้านอีกครั้งในวันถัดไป” โจว เชียนหยุนกล่าว“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” หลิง อี้หรานตอบ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอหลังจากที่เธอออกจากคุก“ดีเลย เอ่อ อาหยันน้อยอยากคุยกับเธอด้วย ทำไมเธอไม่ลองพูดอะไรกับอาหยันน้อยดูล่ะ?” โจว เชียนหยุนกล่าวหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อยครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดทางโทรศัพท์ว่า “อาหยันน้อย นี่น้าอี้หรานเองนะ หนูได้ยินน้าไหม? น้าจะไปหาหนูวันมะรืนนี้นะ อาหยันน้อย ถ้าหนูเข้าใจและพูดได้ น้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้หนูฟัง ดีไหม?”แม้เธอจะรู้ว่าเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่เธอก็ยังคงหวังขณะที่เธอกล่าว เสียงที่อ่อนหวานแต่แหบแห้งมาจากปลายสายอีกข้างหนึ่ง “น้า… อี้หราน…”หลิง อี้หรานแทบไม่เชื่อหูของเธอ เธอเพิ่งได้ยินเสียงอะไร? นั่นคือเสียงของหยันน้อยที่เรียกหาเธอเหรอ? แ
หลิง อี้หรานจ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ อิทธิพลของอี้ จิ่นหลีในเมืองเฉินเป็นเพียงข่าวลือในความคิดของเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้นในขณะนี้การรื้อถอนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขาคงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และเขาคงจะทำอะไรมากมายเพื่อทำลายมัน ไม่อย่างนั้นตระกูลห่าวจะเต็มใจรื้อถอนห้างได้อย่างไร?เขาทำทั้งหมดนี้เพียงเพราะเธอถูกตระกูลห่าวทำให้ขายหน้าในห้างสรรพสินค้าในวันนั้นเธอคิดว่าเขาปกป้องเธอจากการที่เธอโดนหลิว จื่อเฉวีย ตบหน้าตอนที่ตระกูลห่าวมาขอโทษ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำมากกว่านี้“ทำไมล่ะ?” เธอถามพร้อมกับหายใจ รู้สึกแสบที่จมูกเล็กน้อย“เพราะพี่” เขาตอบง่าย ๆ สองคำนั้นดูเหมือนล้านความหมายเธอคือเหตุผลที่เขาทำมันเพราะเป็นเธอคนที่เขาดูแลเป็นอย่างดี เขาทนไม่ได้ที่จะทำร้ายเธอ แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นทำร้ายเธอได้อย่างไร?“นอกจากนี้ ตระกูลห่าวจะได้เห็นดีแน่ ถ้าเขาทำให้พี่ขุ่นเคืองอีกครั้ง” อี้ จิ่นหลี กล่าวหลิง อี้หรานยิ้มเหยเก “บางทีพวกเขาจะเชื่อว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ใช่ความผิดของฉัน ว่าเป็นคนอื่นที่ทำร้ายลูกสาวของพวกเขาก็ต่อเมื่อฉันย้อนรอยคดีได้”ใช่ เธอสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่เบื
เธอผ่านการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แม้ว่าเธอจะยอมรับได้กับมัน แต่เขาล่ะ? หลิง อี้หรานค่อนข้างไม่แน่ใจ “เป็นอะไรไป? ไม่อยากไปเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฉันเหมาะที่จะไปงานเลี้ยงเหรอ?” หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้าขึ้นและถามว่า “จิน ถ้าฉันไปงานเลี้ยงกับคุณ หลายคนอาจจำฉันได้ ฉันเคยเจอผู้คนมากมายตอนที่ฉันคบกับเซียว จื่อฉี... นอกจากนี้ ฉันยังเคยติดคุกมาแล้ว...”“แล้วยังไง?” อี้ จิ่นหลีกล่าวพร้อมกับยักไหล่ “พี่คือที่หนึ่งสำหรับผม ถ้าพี่เคยอยู่ในคุกแล้วยังไง? ถ้าพวกเขาจำพี่ได้แล้วยังไงล่ะ?”ขณะที่เขากล่าว เขาจับมือเธอและทาบมันกับที่ริมฝีปากของเขา เขาบรรจงจูบมันเบา ๆ “พี่ยังพาผมกลับบ้านตอนที่ผมเหมือนคนเร่ร่อนอยู่กลางถนนไม่ใช่เหรอพี่สาว? พี่เคยคิดบ้างไหมว่าผมจะเป็นคนที่เหมาะให้พี่พากลับบ้าน? ไม่ว่าพี่จะเป็นเจ้าหญิงหรือขอทาน ผมก็อยากให้พี่ยืนอยู่เคียงข้างผม”เขาจูบลงบนมือของเธอ ปลายนิ้วของเธอรู้สึกเสียวซ่าที่ไปถึงขั้วหัวใจเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มที่มีความหมาย “พี่จะยืนเคียงข้างผมไปตลอดชีวิต ถ้าตอนนี้พี่ยังกังวล แล้วในอนาคตล่ะ? เมื่อไหร่พี่จะสามา
“ทั้งหมดต้องขอบคุณอดีตแฟนสาวของคุณ” ห่าว อี้เหมิงกล่าวอย่างประชดประชัน“หลิง อี้หราน?” เซียว จื่อฉีตกตะลึง เขานึกถึงช่วงเวลาที่ตระกูลเซียวเกือบจะโชคไม่ดีเพราะหลิง อี้หราน แถมขาของน้องสาวเขาก็พิการเพราะหลิง อี้หราน ตามที่แพทย์บอก มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะฟื้นตัวถ้าเธอไม่ทำการผ่าตัดการผ่าตัดมีความเสี่ยง ถ้าเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เธอพิการไปตลอดชีวิตส่งผลให้บุคลิกภาพของจื่ออี้เปลี่ยนไปมาก เธอหวั่นไหวง่ายไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอเคยเป็นคนเย่อหยิ่งแต่ก็ร่าเริง ตอนนี้จื่ออี้ใช้เวลาอยู่ในห้องของเธอทั้งวันและไม่ค่อยพบปะกับเพื่อนเก่าของเธอซึ่งทำให้เซียว จื่อฉีกังวลเล็กน้อย“เธอคือคนเดียวที่ อี้ จิ่นหลีหนุนหลังให้ แล้วใครจะแตะต้องเธอได้ล่ะ?” น้ำเสียงของห่าว อี้เหมิงร้อนรนอี้หรานเป็นผู้หญิงที่เธอคิดจะเหยียบย่ำไปตลอดและจะไม่มีวันได้เจอเธออีก แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากลับอยู่คนละโลกกันเธอไม่ได้คาดหวังว่าอี้หรานจะปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าเธอในลักษณะที่ทำให้เธอกลัวที่จะทำอะไรกับหลิง อี้หรานเมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียว จื่อฉีก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “ตระกูลของคุณทำอะไรให้กับห
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค