ดวงตาของห่าว ฉี่หลงกระตุก “มันจะง่ายมากที่จะทำให้คนอย่างเธอต้องเข้าคุกอีกครั้ง ไว้ผมจะออกคำสั่งทีหลัง”เขาพูดง่าย ๆ ราวกับว่าการจัดการชะตากรรมชีวิตของคนอื่นนั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาหลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยแววตาเจิดจรัสพร้อมกับกัดฟัน “คราวนี้ให้โทษจำคุกตลอดชีวิตเลยนะ ฉันอยากให้มันอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต!” มันเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดความเกลียดชังของเธอ“ได้สิ ผมจะทำตามที่คุณต้องการ อย่าคิดมากเกี่ยวกับเหมยยวี่และทำร้ายตัวเองเลย นึกถึงอี้เหมิงไว้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“แน่นอน ตอนนี้อี้เหมิงเป็นลูกสาวคนเดียวของเราแล้ว ฉันจะนึกถึงใครได้อีกล่ะ?” หลิว จื่อเฉวียกล่าว “น่าเสียดายที่ผู้ชายที่ลูกชอบคือนายน้อยเซียว ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลี เราก็อาจจะยังเป็นสะใภ้ของเขาอยู่!” หลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ“เราไม่สามารถโชคดีแบบนั้นได้ตลอดเวลา อย่างน้อย... อี้เหมิงก็ได้รับสิ่งที่ลูกต้องการแล้วตอนนี้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องทำให้ฉันได้รับความปรารถนาเร็ว ๆ ด้วย ฉันต้องเห็นหลิง อี้หรานเข้าคุกอีกครั้ง!” หลิว จื่อเฉวียยังคงไม่ลืมเกี่ยวกับหลิง อี้หราน“ได้ ผมจะรีบจัดการ!” ห่าว ฉี่หลงตอบ
หลิว จื่อเฉวียตกตะลึง เธอเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกสาว “ลูกพูดเรื่องไร้สาระอะไร อี้เหมิง? ขอโทษ? ขอโทษหลิง อี้หรานงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง? มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ทำให้หน้าของมันเสียหาย! ลูกจะคาดหวังจะให้แม่ขอโทษมันได้ยังไง?”“มันจะสายเกินไปถ้าแม่และพ่อไม่ขอโทษเธอตอนนี้” ห่าว อี้เหมิงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา และกำลังจะกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพ่อของเธอ แต่แม่ของเธอก็ฉกเอาไป“มีอะไร? ลูกต้องบอกแม่มาให้ชัดเจน” หลิว จื่อเฉวียกล่าวขณะที่จ้องไปที่ลูกสาวห่าว อี้เหมิงหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนี้หลิง อี้หรานมีอี้ จิ่นหลี คุ้มครองอยู่ แม่ ตระกูลของเราจะทำให้ตระกูล อี้ขุ่นเคืองไม่ได้!”ใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ “เป็นไปได้ยังไง? ลูกล้อเล่นหรือเปล่า?”“หนูก็หวังว่าหนูจะล้อเล่นเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง! ทำไมแม่ไม่ถามหนูล่ะว่าทำไมขาของจื่ออี้ถึงไม่หายสนิทสักที หลังจากที่นานขนาดนี้และเธอบาดเจ็บได้ยังไง?” ห่าว อี้เหมิงกล่าวเมื่อดูการแสดงออกที่จริงจังของลูกสาวของเธอ หลิว จื่อเฉวียก็รู้สึกเสียวซ่าบนหนังศีรษะ เธอรู้สึกว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เ
อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะรับโทรศัพท์จากเกา ฉงหมิง เขาเล่นวิดีโอโดยแตะที่หน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็แข็งทื่อขึ้นบรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดันมาก แม้ว่าเกา ฉงหมิงจะรู้ว่าเจ้านายไม่ได้โกรธเขา แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแช่แข็งจนตายในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นเมืองเฉินจะต้องสั่นคลอนถ้านายน้อยอี้โกรธทั้งนี้ตระกูลห่าวยังทำให้คุณหลิงซึ่งเป็นที่รักที่มีค่าของนายน้อยอี้ต้องอับอาย แม้นายน้อยอี้เองจะไม่ยอมรับความผิดของคุณหลิง แต่ตอนนี้ตระกูลห่าวทำให้คุณหลิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนเป็นอย่างมาก มีการถ่ายวิดีโอและโพสต์บนอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ“ลบวิดีโอนี้ออกจากอินเทอร์เน็ตและอย่าให้ฉันเห็นวิดีโอนี้อีก! ค้นหาคนที่ถ่ายวิดีโอและลบภาพต้นฉบับออกจากโทรศัพท์ของเขาด้วย” อี้ จิ่นหลีกล่าว“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบรับอี้ จิ่นหลีส่งโทรศัพท์คืนเกา ฉงหมิงและหยิบเสื้อโค้ทของเขาที่วางอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานเกา ฉงหมิงรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่านายน้อยอี้กำลังจะไปเจอคุณหลิง ดูเหมือนว่ามีเพียงหลิง อี้หรานเท่านั้นที่สามารถทำให้นายน้อยอี้เป็นห่วงได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้
แต่เขากลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับอะไรเขาหันกลับและตรงเข้าไปในห้องของเขา จากนั้นเข้าไปในห้องของเธอผ่านประตูที่เชื่อมต่อกับนในห้องห้องของเธอมันมืดมาก หน้าต่างถูกปิดบังด้วยผ้าม่าน ไม่มีแม้แต่ไฟสักดวงถูกเปิด เขาสามารถมองเห็นได้จากแสงกลางวันสลัวที่รอดผ่านม่านเข้ามาแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาของเขาอี้ จิ่นหลีมองไปรอบ ๆ ห้อง และไม่นานก็เห็นหลิง อี้หรานซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ร่างกายของเธอโค้งงอในขณะที่แขนของเธอโอบกอดหัวเข่าของตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอฝังอยู่ระหว่างหัวเข่าราวกับว่าเธอกำลังพยายามขดตัวเป็นกุ้งเขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นเธออยู่ในท่าทางเดียวกันมาก่อน...ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง วิดีโอที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขาในวิดีโอเธอถูกตบหน้า ก่อนที่จะถูกลากออกจากห้างสรรพสินค้า แม้ว่ามันจะยากที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดในวิดีโอเนื่องจากระยะทางที่ไกล แต่เขาก็เดาได้ว่าตระกูลห่าวพูดอะไรกับเธอดวงตาสีดำสนิทแต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธซึ่งพุ่งตรงไปที่ตระกูลห่าวและตัวของเขาเองเขาควรจะเตือนตระกูลห่าวว่าอย่าทำร้ายเธอ! ต่อจากนี้เธอจะต้องไม่
“พี่ไม่ต้องกังวลนะ ผมลบวิดีโอไปแล้ว มันอยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่นานและจะไม่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตอีก” เขากล่าวขณะที่ปลายนิ้วของเขากำลังลูบรอยปกช้ำบนแก้มของเธอท่าทางของเขาดูใจเย็นลง “ผมจะให้แพทย์ประจำตระกูลมาตรวจพี่ทีหลัง”“ไม่เป็นไร ฉันจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบทีหลัง” เธอกล่าว“ไม่ ผมจะไม่รู้สึกโล่งใจจนกว่าพี่จะไปพบแพทย์ เพื่อตรวเช็กว่าพี่บาดเจ็บตรงไหนอีกไหม? พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ห้างทำร้ายพี่หรือเปล่า?” เขาถาม“ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก” เธอพยายามกล่าวออกมาเบา ๆ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงเธอ “ยังไงซะ ฉัน... ฉันจะไปพบคุณยายพรุ่งนี้ ฉันเลยไปซื้อของให้คุณยายวันนี้ แต่ฉันไม่ได้ซื้อ เราออกไปข้างนอกด้วยกันหลังอาหารเย็นเพื่อซื้อของให้เธอได้ไหม?” เธอจงใจพูดเลี่ยงออกนอกเรื่องเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวว่า “ได้สิ”ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนอี้ จิ่นหลีเปิดประตูที่ล็อกอยู่และพบว่าพ่อบ้านเป็นคนเคาะประตู“นายน้อยครับ ตระกูลห่าวมาขอพบ” พ่อบ้านกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีเปล่งประกาย “ตระกูลห่าว?”เมื่อหลิง อี้หรานได้ยินคำว่า ‘ตระกูลห่าว’ ตัวของเธอแข็งทื่อ และใบ
ห่าว ฉี่หลงและหลิว จื่อเฉวียไม่ได้ทำตัวเหนือกว่าเหมือนที่ได้ทำกับหลิง อี้หรานก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ถึงพวกเขาจะมองว่าหลิง อี้หรานเป็นมดตัวน้อยที่สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้พวกเขาก็คือมดเช่นกัน!ในฐานะนักแสดง ห่าว อี้เหมิงสามารถปกปิดท่าทีแสดงออกของเธอได้มากที่สุด ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิดเธอก็กล่าวขึ้นว่า “พี่อี้ วันนี้พ่อแม่ของฉันเจอคุณหลิงที่ห้าง ด้วยความฉุนเฉียวที่ไม่ทันตั้งตัว พวกเขาเลยได้ทำรุนแรงต่อคุณหลิง เรามาที่นี่เพราะต้องการจะขอโทษคุณหลิงต่อหน้าและขอให้เธอยกโทษให้ค่ะ”เป็นเรื่องยากสำหรับห่าว อี้เหมิงที่จะต้องเรียกอี้หรานว่า ‘คุณหลิง’ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เธออยากจะมองเห็น สำหรับเธอ อี้หรานคือคนที่ไร้ค่ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับต้องพูดกับคนที่เธอคิดว่าไร้ค่าด้วยความเคารพ เธอพยายามข่มศักดิ์ศรีเอาไว้ในใจ“อย่างนั้นเหรอ? ความฉุนเฉียวไม่ทันตั้งตัว? บอกฉันทีว่าเธอทำอะไรให้พวกคุณโกรธ?” อี้ จิ่นหลีถามอย่างใจเย็น ดวงตาสีดำเข้มทำให้พวกเขายากที่จะเดาว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร‘เจ้าอารมณ์’ นี่คือคำที่ผู้คนกล่าวถึงผู้ปกครองแห่งเมืองเฉิน มีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินที
ห่าว ฉี่หลงยังคงดูถ่อมตัว“ไม่จำเป็น ผมไม่คิดว่าเธอต้องการพบคุณ” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา ๆห่าว อี้เหมิงกับหลิว จื่อเฉวียรู้สึกโล่งใจ จะดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะไม่ขอโทษเธอด้วยตนเอง อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกอับอายน้อยลงมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะต้องขอโทษคนที่พวกเขาเคยมองว่าเป็นมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคน ๆ นั้นคือฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของพวกเขา สำหรับห่าว อี้เหมิงแล้ว เธอเคยเป็นคู่แข่งในเรื่องของความรักมาก่อนแต่ห่าว ฉี่หลงไม่ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลับขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ลางสังหรณ์วิ่งผ่านหัวใจของเขา เขากลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด“ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราจะไม่รบกวนคุณแล้ว จิ่นหลี ขอตัวนะคะ” หลิว จื่อเฉวียส่งสายตาบอกห่าว ฉี่หลงให้รีบออกไปอย่างรวดเร็วหลิว จื่อเฉวียลุกขึ้น แต่เสียงของอี้ จิ่นหลีกลับดังขึ้น “แต่ยังไง คุณก็ควรจ่ายหนี้ของคุณก่อนออกไป”“เราเป็นหนี้อะไร?” หลิว จื่อเฉวียดูงุนงง สงสัยว่าอี้ จิ่นหลีหมายถึงอะไร“วันนี้คุณตบหน้าอี้หรานสองสามครั้ง คุณสามารถชำระหนี้ด้วยการตบหน้าตัวเอง” อี้ จิ่นหลีกล่าวตามความเป็นจริง แต่หลิว จื่อเฉวียกลับเก็บความโกรธไว้ในใจเธอควรจ
เธอมักจะได้รับการสรรเสริญในสังคมชั้นสูง เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน“ไม่ ฉันต้องต่อว่านังผู้หญิงคนนั้น หลิง อี้หราน มันต้องเป็นคนบอกอี้ จิ่นหลีเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับฉันมาก่อน” หลิว จื่อเฉวีย ตำหนิหลิง อี้หราน “พอได้แล้ว! เลิกไปรบกวนหลิง อี้หรานได้แล้ว เท่านี้ก็จบ!” ห่าว ฉี่หลงกล่าวหลิว จื่อเฉวียมองสามีของเธออย่างไม่เชื่อคำพูด “คุณพูดอะไร? หลิง อี้หรานฆ่าลูกสาวของเรานะ!”ดวงตาของห่าว ฉี่หลงเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขามองไปทางอื่น พยายามหลบสายตาจากภรรยา “ถ้าคุณไม่อยากให้ตระกูลเราถูกฝั่งไปพร้อมกับเหมยยวี่ ก็ทำตามที่ผมบอก!”หลิว จื่อเฉวียต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ห่าว อี้เหมิงดึงแม่ของเธอออกไป “ฟังพ่อก่อนนะแม่ อย่าเพิ่งไปตามราวีหลิง อี้หรานตอนนี้” ถ้าอี้ จิ่นหลีจะเลิกสนใจหลิง อี้หราน นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคของหลิง อี้หรานใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เธอถูกตบอย่างไร้เหตุผลหรือเปล่า?ทำไมหลิง อี้หรานถึงไม่ตายในคุก?...หลิง อี้หรานเดินลงบันไดมาในห้องนั่งเล่น เธอยืนอยู่ที่ด้านบนของบันได ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค