อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะรับโทรศัพท์จากเกา ฉงหมิง เขาเล่นวิดีโอโดยแตะที่หน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็แข็งทื่อขึ้นบรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดันมาก แม้ว่าเกา ฉงหมิงจะรู้ว่าเจ้านายไม่ได้โกรธเขา แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแช่แข็งจนตายในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นเมืองเฉินจะต้องสั่นคลอนถ้านายน้อยอี้โกรธทั้งนี้ตระกูลห่าวยังทำให้คุณหลิงซึ่งเป็นที่รักที่มีค่าของนายน้อยอี้ต้องอับอาย แม้นายน้อยอี้เองจะไม่ยอมรับความผิดของคุณหลิง แต่ตอนนี้ตระกูลห่าวทำให้คุณหลิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนเป็นอย่างมาก มีการถ่ายวิดีโอและโพสต์บนอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ“ลบวิดีโอนี้ออกจากอินเทอร์เน็ตและอย่าให้ฉันเห็นวิดีโอนี้อีก! ค้นหาคนที่ถ่ายวิดีโอและลบภาพต้นฉบับออกจากโทรศัพท์ของเขาด้วย” อี้ จิ่นหลีกล่าว“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบรับอี้ จิ่นหลีส่งโทรศัพท์คืนเกา ฉงหมิงและหยิบเสื้อโค้ทของเขาที่วางอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานเกา ฉงหมิงรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่านายน้อยอี้กำลังจะไปเจอคุณหลิง ดูเหมือนว่ามีเพียงหลิง อี้หรานเท่านั้นที่สามารถทำให้นายน้อยอี้เป็นห่วงได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้
แต่เขากลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับอะไรเขาหันกลับและตรงเข้าไปในห้องของเขา จากนั้นเข้าไปในห้องของเธอผ่านประตูที่เชื่อมต่อกับนในห้องห้องของเธอมันมืดมาก หน้าต่างถูกปิดบังด้วยผ้าม่าน ไม่มีแม้แต่ไฟสักดวงถูกเปิด เขาสามารถมองเห็นได้จากแสงกลางวันสลัวที่รอดผ่านม่านเข้ามาแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาของเขาอี้ จิ่นหลีมองไปรอบ ๆ ห้อง และไม่นานก็เห็นหลิง อี้หรานซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ร่างกายของเธอโค้งงอในขณะที่แขนของเธอโอบกอดหัวเข่าของตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอฝังอยู่ระหว่างหัวเข่าราวกับว่าเธอกำลังพยายามขดตัวเป็นกุ้งเขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นเธออยู่ในท่าทางเดียวกันมาก่อน...ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง วิดีโอที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขาในวิดีโอเธอถูกตบหน้า ก่อนที่จะถูกลากออกจากห้างสรรพสินค้า แม้ว่ามันจะยากที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดในวิดีโอเนื่องจากระยะทางที่ไกล แต่เขาก็เดาได้ว่าตระกูลห่าวพูดอะไรกับเธอดวงตาสีดำสนิทแต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธซึ่งพุ่งตรงไปที่ตระกูลห่าวและตัวของเขาเองเขาควรจะเตือนตระกูลห่าวว่าอย่าทำร้ายเธอ! ต่อจากนี้เธอจะต้องไม่
“พี่ไม่ต้องกังวลนะ ผมลบวิดีโอไปแล้ว มันอยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่นานและจะไม่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตอีก” เขากล่าวขณะที่ปลายนิ้วของเขากำลังลูบรอยปกช้ำบนแก้มของเธอท่าทางของเขาดูใจเย็นลง “ผมจะให้แพทย์ประจำตระกูลมาตรวจพี่ทีหลัง”“ไม่เป็นไร ฉันจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบทีหลัง” เธอกล่าว“ไม่ ผมจะไม่รู้สึกโล่งใจจนกว่าพี่จะไปพบแพทย์ เพื่อตรวเช็กว่าพี่บาดเจ็บตรงไหนอีกไหม? พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ห้างทำร้ายพี่หรือเปล่า?” เขาถาม“ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก” เธอพยายามกล่าวออกมาเบา ๆ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงเธอ “ยังไงซะ ฉัน... ฉันจะไปพบคุณยายพรุ่งนี้ ฉันเลยไปซื้อของให้คุณยายวันนี้ แต่ฉันไม่ได้ซื้อ เราออกไปข้างนอกด้วยกันหลังอาหารเย็นเพื่อซื้อของให้เธอได้ไหม?” เธอจงใจพูดเลี่ยงออกนอกเรื่องเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวว่า “ได้สิ”ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนอี้ จิ่นหลีเปิดประตูที่ล็อกอยู่และพบว่าพ่อบ้านเป็นคนเคาะประตู“นายน้อยครับ ตระกูลห่าวมาขอพบ” พ่อบ้านกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีเปล่งประกาย “ตระกูลห่าว?”เมื่อหลิง อี้หรานได้ยินคำว่า ‘ตระกูลห่าว’ ตัวของเธอแข็งทื่อ และใบ
ห่าว ฉี่หลงและหลิว จื่อเฉวียไม่ได้ทำตัวเหนือกว่าเหมือนที่ได้ทำกับหลิง อี้หรานก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ถึงพวกเขาจะมองว่าหลิง อี้หรานเป็นมดตัวน้อยที่สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้พวกเขาก็คือมดเช่นกัน!ในฐานะนักแสดง ห่าว อี้เหมิงสามารถปกปิดท่าทีแสดงออกของเธอได้มากที่สุด ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิดเธอก็กล่าวขึ้นว่า “พี่อี้ วันนี้พ่อแม่ของฉันเจอคุณหลิงที่ห้าง ด้วยความฉุนเฉียวที่ไม่ทันตั้งตัว พวกเขาเลยได้ทำรุนแรงต่อคุณหลิง เรามาที่นี่เพราะต้องการจะขอโทษคุณหลิงต่อหน้าและขอให้เธอยกโทษให้ค่ะ”เป็นเรื่องยากสำหรับห่าว อี้เหมิงที่จะต้องเรียกอี้หรานว่า ‘คุณหลิง’ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เธออยากจะมองเห็น สำหรับเธอ อี้หรานคือคนที่ไร้ค่ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับต้องพูดกับคนที่เธอคิดว่าไร้ค่าด้วยความเคารพ เธอพยายามข่มศักดิ์ศรีเอาไว้ในใจ“อย่างนั้นเหรอ? ความฉุนเฉียวไม่ทันตั้งตัว? บอกฉันทีว่าเธอทำอะไรให้พวกคุณโกรธ?” อี้ จิ่นหลีถามอย่างใจเย็น ดวงตาสีดำเข้มทำให้พวกเขายากที่จะเดาว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร‘เจ้าอารมณ์’ นี่คือคำที่ผู้คนกล่าวถึงผู้ปกครองแห่งเมืองเฉิน มีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินที
ห่าว ฉี่หลงยังคงดูถ่อมตัว“ไม่จำเป็น ผมไม่คิดว่าเธอต้องการพบคุณ” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา ๆห่าว อี้เหมิงกับหลิว จื่อเฉวียรู้สึกโล่งใจ จะดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะไม่ขอโทษเธอด้วยตนเอง อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกอับอายน้อยลงมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะต้องขอโทษคนที่พวกเขาเคยมองว่าเป็นมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคน ๆ นั้นคือฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของพวกเขา สำหรับห่าว อี้เหมิงแล้ว เธอเคยเป็นคู่แข่งในเรื่องของความรักมาก่อนแต่ห่าว ฉี่หลงไม่ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลับขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ลางสังหรณ์วิ่งผ่านหัวใจของเขา เขากลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด“ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราจะไม่รบกวนคุณแล้ว จิ่นหลี ขอตัวนะคะ” หลิว จื่อเฉวียส่งสายตาบอกห่าว ฉี่หลงให้รีบออกไปอย่างรวดเร็วหลิว จื่อเฉวียลุกขึ้น แต่เสียงของอี้ จิ่นหลีกลับดังขึ้น “แต่ยังไง คุณก็ควรจ่ายหนี้ของคุณก่อนออกไป”“เราเป็นหนี้อะไร?” หลิว จื่อเฉวียดูงุนงง สงสัยว่าอี้ จิ่นหลีหมายถึงอะไร“วันนี้คุณตบหน้าอี้หรานสองสามครั้ง คุณสามารถชำระหนี้ด้วยการตบหน้าตัวเอง” อี้ จิ่นหลีกล่าวตามความเป็นจริง แต่หลิว จื่อเฉวียกลับเก็บความโกรธไว้ในใจเธอควรจ
เธอมักจะได้รับการสรรเสริญในสังคมชั้นสูง เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน“ไม่ ฉันต้องต่อว่านังผู้หญิงคนนั้น หลิง อี้หราน มันต้องเป็นคนบอกอี้ จิ่นหลีเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับฉันมาก่อน” หลิว จื่อเฉวีย ตำหนิหลิง อี้หราน “พอได้แล้ว! เลิกไปรบกวนหลิง อี้หรานได้แล้ว เท่านี้ก็จบ!” ห่าว ฉี่หลงกล่าวหลิว จื่อเฉวียมองสามีของเธออย่างไม่เชื่อคำพูด “คุณพูดอะไร? หลิง อี้หรานฆ่าลูกสาวของเรานะ!”ดวงตาของห่าว ฉี่หลงเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขามองไปทางอื่น พยายามหลบสายตาจากภรรยา “ถ้าคุณไม่อยากให้ตระกูลเราถูกฝั่งไปพร้อมกับเหมยยวี่ ก็ทำตามที่ผมบอก!”หลิว จื่อเฉวียต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ห่าว อี้เหมิงดึงแม่ของเธอออกไป “ฟังพ่อก่อนนะแม่ อย่าเพิ่งไปตามราวีหลิง อี้หรานตอนนี้” ถ้าอี้ จิ่นหลีจะเลิกสนใจหลิง อี้หราน นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคของหลิง อี้หรานใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เธอถูกตบอย่างไร้เหตุผลหรือเปล่า?ทำไมหลิง อี้หรานถึงไม่ตายในคุก?...หลิง อี้หรานเดินลงบันไดมาในห้องนั่งเล่น เธอยืนอยู่ที่ด้านบนของบันได ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั
ถ้าเธอพึ่งพาเขามากเกินไป มันอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นนิสัย...เขาก้มลงมาหอมแก้มของเธอที่ยังคงบวมอยู่ จูบนั้นนุ่มนวลราวกับขนนก “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับผม นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”เขาต้องการให้เธอพึ่งพาเขาจนเธอไม่สามารถทิ้งเขาได้…ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา แพทย์ประจำตระกูลมาที่คฤหาสน์อี้ เขามองดูแก้มที่บวมของหลิง อี้หรานและสั่งยาเพื่อลดอาการบวมหลังจากที่แพทย์จากไปแล้ว หลิง อี้หรานกำลังจะทายา แต่อี้ จิ่นหลีกลับดึงมันมาจากเธอ “ผมจะทาให้พี่เอง”“อืม” เธอตอบเขาใช้นิ้วเรียวยาวจุ่มครีมและค่อย ๆ เกลี่ยเนื้อครีมให้ทั่วแก้มของเธอ ท่าทางของเขาอ่อนโยนมาก ความเย็นของเนื้อครีม ทำให้แก้มของเธอไม่บวมแดงอีกต่อไป“พี่คอยทำให้ผมกังวลและชอบเจ็บตัวอยู่เสมอเลยนะ” เขากระซิบและยังคงทาครีมให้เธอหลิง อี้หรานพบว่าตัวเองไม่สามารถแก้ต่างกับคำพูดของเขาได้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกประเภทตั้งแต่เจอกับเขา“ผมหวังว่าผมจะซ่อนพี่ไว้ที่บ้านได้ เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่ ผมไม่อยากให้พี่ได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา” เขากล่าว ทุกครั้งที่เขาเห็นบาดแผลบนร่างกายของเธอ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขา
“ไม่... ไม่มีอะไร ฉันแค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณยาย แต่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย” หลิง อี้หรานกล่าว อันที่จริงแล้วเธอซื้อของมาสองสามอย่าง แต่ตระกูลห่าว โยนมันทิ้งลงในถังขยะ“ถ้าเรื่องนั้น ผมซื้อมาให้พี่แล้ว อยู่บนโต๊ะกาแฟ” อี้ จิ่นหลีกล่าวหลิง อี้หรานมองไปที่โต๊ะกาแฟในห้องของเธอและเห็นลักษณะถุงที่คุ้นเคย มันคือ... ถุงแบบเดียวกับที่เธอซื้อขนมอบที่ห้างในวันนี้ เขา... ซื้อมาแบบเดียวกันหรือเปล่า?“เป็นแบบเดียวกับที่ฉันซื้อวันนี้หรือเปล่า?” หลิง อี้หรานถามอย่างโล่งอก“ใช่ ผมซื้อมาเพิ่มอีกสองสามอันด้วย” อี้ จิ่นหลีกล่าว“คุณรู้ได้ยังไงว่า... เอ่อ ฉันซื้ออะไรมา?” หลิง อี้หรานถามอย่างสงสัย ถึงอี้ จิ่นหลีจะได้ดูวิดีโอแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นก็แค่ถุงอย่างเดียว“ผมตรวจสอบประวัติใบแจ้งยอดซื้อ เลยรู้ว่าพี่ซื้ออะไรบ้าง” อี้ จิ่นหลีตอบหลิง อี้หรานเข้าใจดีว่าการทำแบบนี้อาจไม่ง่ายสำหรับคนอื่น ๆ แต่มันกลับเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา“เดี๋ยวนะ ฉันเผลอร้องออกมากะทันหัน ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?” หลิง อี้หรานถาม“พี่ไม่มีอะไรรบกวนผมหรอก” อี้ จิ่นหลีหมอบลงข้างเตียงของเธอ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่ก