แต่หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าอี้ จิ่นหลีจะขอให้คนขับนำรถยนต์ส่วนตัวมาด้วย ซึ่งมันมีราคาเพียงสามแสนดอลลาร์เท่านั้นหลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ“พี่ไม่ได้บอกว่าพี่อยากให้มันดูธรรมดามากกว่านี้เหรอ?” อี้ จินหลีถาม“ฉันอยากให้มันดูธรรมดาเพราะฉันไม่อยากดูโดดเด่นในเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีแต่เรื่องซุบซิบเกิดขึ้น ฉันกลัวว่าเรื่องแบบนั้นจะไปรบกวนคุณยาย แต่คุณจะขับรถคนนี้ไปจริง ๆ ใช่ไหม?" หลิง อี้หราน กล่าว“คิดว่าผมพูดเล่นเหรอ?” อี้ จิ่นหลียิ้ม “ก็ได้ ขึ้นรถกันเถอะ”เมื่อหลิง อี้หรานขึ้นรถ เธอก็พบว่าไม่มีคนรับรถรออยู่ อี้ จิ่นหลีเป็นคนขับแทน“คุณจะขับเหรอ?” เธอถาม“ใช่ มันไม่ไกลมาก พี่จะงีบหลับก็ได้ถ้าง่วงนอน ผมรู้ทางไปที่นั่น” อี้ จิ่นหลีกล่าวขณะที่เขาสตาร์ทรถหลิง อี้หรานเม้มริมฝีปากของตัวเองขณะเฝ้าดูอี้ จิ่นหลีขับรถ ใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงกว่าจะถึงตัวเมืองอี้ จิ่นหลีคงรู้สึกเหนื่อยในการขับรถมากกว่าสองชั่วโมง แต่หลิง อี้หรานไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเขาขับรถได้เพราะใบขับขี่ของเธอถูกระงับและ... เธอไม่สามารถขับรถได้อีกต่อไปโดนสั่งห้ามขับรถตลอดชีวิต!หากว่า... วันหนึ่งเธอสามารถแก้ไขคดีความและพิสู
เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่งุนงง “มีอะไรเหรอ?”“พี่คิดว่าจะแนะนำตัวผมยังไง?” อี้ จิ่นหลีถามหลิง อี้หรานตกตะลึง แต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “แน่นอน ฉันจะแนะนำคุณให้รู้จักในฐานะแฟนของฉันไง”อี้ จิ่นหลียิ้ม “ก็ได้ ไปกันเถอะ”หลังจากลงจากรถแล้ว หลิง อี้หรานก็เข้ามาและเคาะประตู ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้เธอ นั่นคือน้าคนเล็กของเธอเมื่อน้าคนเล็กเห็นหลิง อี้หราน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ยทันที “เธอนั่นเอง อี้หราน ครั้งนี้เธอพาผู้ชายมาด้วยเหรอเนี่ย!”น้าคนเล็กเหลือบมองออกไปนอกประตูขณะที่เธอพูดและสังเกตเห็นรถยนต์คันธรรมดาที่จอดอยู่หน้าบ้าน แล้วเธอจึงมองไปที่หลิง อี้หรานอย่างเยาะเย้ยพวกเขาทั้งหมดคิดว่าหลานสาวของเธอกำลังคบหากับเศรษฐีคนหนึ่ง ชายคนนั้นได้ช่วยเธอออกมาจากบ้านเช่าโง่ ๆ หลังนั้นมองดูรถที่จอดอยู่ข้างนอก ดูไม่เหมือนรถหรูเสียเลย นอกจากนี้ น้ายังมีความสามรถในการจดจำรถยนต์หรูหราได้อีกด้วยผู้ชายข้าง ๆ หลานสาวของเธอดูดีมาก จุดเด่นมีแค่ภาพลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้นแหละ!นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้คงไม่รู้ว่าหลานสาวของเธอเคยติดคุกมาก่อน!
“ไปดูคุณยายเสร็จแล้วเหรอ?” อี้ จินหลี่ถาม“คุณยายยังหลับอยู่ ฉันไม่อยากปลุกเธอ เลยออกมาก่อนน่ะ” หลิง อี้หรานตอบขณะที่หลิง อี่หรานกำลังพูด หวา ลี่ฟางลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ออกมาพร้อมกับชาสองถ้วยและวางมันไว้ข้างหน้าเธอกับอี้ จิ่นหลี “มาดื่มชากันสิ อี้หราน”ดวงตาของหลิง อี้หรานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่เคยเสิร์ฟชาให้เธอมาก่อน“นี่ อี้หราน เธอจะไม่แนะนำสุภาพบุรุษที่เธอพามาที่นี่หน่อยเหรอ?” น้าคนเล็กถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความริษยา“เขาเป็นแฟนฉัน จิน” หลิง อี้หรานตอบ เธอไม่ได้พูดชื่อเต็มของอี้ จิ่นหลีโดยเจตนา เพื่อที่ญาติของเธอจะไม่แตกตื่นถ้าพวกเขาพบว่า จิน คือ อี้ จิ่นหลีทั้งหมดที่หลิง อี้หรานต้องการก็คือให้คุณยายของเธอใช้เวลาที่เหลืออย่างสงบสุข“แฟนเหรอ? เป็นไปไม่ได้!” หวา ลี่ฟางอุทานดูเหมือนว่าหลิง อี้หรานกำลังเล่าเรื่องตลกอยู่อี้ จิ่นหลีเหล่ตาและจ้องมองที่หวา ลี่ฟางอย่างเย็นชาทันใดนั้น หวา ลี่ฟางก็รู้สึกราวกับว่าเธอตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง มันเหน็บหนาวมากจนเธอสัมผัสได้ถึงความเย็นจากส่วนลึกของหัวใจ“ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้?” อี้ จิ่นหลีถามอย่างเฉื่อยชาหวา
ราวกับว่าชายคนนี้ไม่ยอมให้ใครก็ตามที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับหลิง อี้หรานหวา ลี่ฟางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาริษยาภายในใจ หวา ลี่ฟางรู้สึกอิจฉาที่หลิง อี้หราน สามารถหาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและไม่สนใจเรื่องที่เธอเคยติดคุกมาก่อนได้ แต่เธอกลับแต่งงานกับช่างตีเหล็กเมื่อเธอยังเป็นสาวหวา ลี่ฟางคิดว่าช่างตีเหล็กที่เธอแต่งงานมีฝีมือที่ไม่ดีมาก แต่เขาก็จ่ายค่าสินสอดเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หวา ลี่ฟางเริ่มรู้สึกเศร้าโศกมากขึ้นเรื่อย ๆเพื่อนที่เธอเคยไปเที่ยวด้วย ตอนนี้ต่างก็มีชีวิตที่ดีในเมืองหลวง พวกเขาแต่งงานกับคนที่ทำงานในสำนักงาน ข้าราชการ, ผู้บริหารและอาชีพอื่นที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาดูมีระดับมากจน หวา ลี่ฟาง รู้สึกอายที่สามีของเธอเป็นเพียงช่างตีเหล็กในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเธอเคยสงสัยอยู่เสมอว่าถ้าเธอไม่รีบแต่งงานเร็วขนาดนี้ เธอจะแต่งงานและได้ย้ายไปอยู่ในเมืองไหม? แต่อย่างน้อยเธอก็อาจจะได้แต่งงานกับคนที่ทำงานในสำนักงาน!“นี่ แฟนของอี้หรานน่ะ” น้าคนเล็กกล่าวพร้อมกับแสดงความกังวลออกมา “เธอต้องดูแลรักเขานะ ไหนบอกฉันทีว่าคนรวยและมีอำนาจคนก่อนหน้านี้เห็นอะไรดีในตัวเธอ? เขาคิดว
ใบหน้าของหวา ลี่ฟางเต็มไปด้วยความอับอาย สิ่งที่อี้ จิ่นหลีกล่าวกับเธอก็เหมือนกับการตบหน้า!น้าคนเล็กรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด เธอบ่นกับหลิง อี้หรานว่า “นี่ อี้หราน ลี่ฟางมีเจตนาดีนะ ทำไมแฟนของเธอถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้ เขาเป็นแขกของเราก็จริง แต่เราต้องบูชาเขาเหมือนเขาเป็นเจ้านายเลยเหรอ?”หลิง อี้หรานกล่าวเบา ๆ ว่า “แฟนฉันค่อนข้างขี้อาย เขาเลยรักษาระยะห่างจากคนที่เขาไม่ค่อยรู้จัก”น้าคนเล็กกับหวา ลี่ฟางแทบจะสำลักน้ำลายขี้อาย?!ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูเขินอายเลยสักนิดผู้ชายคนนี้จ้องมองอย่างเฉื่อยชาอีกครั้ง พวกเขารู้สึกถึงหัวใจที่เริ่มเต้นเร็ว ราวกับว่าพวกเขากลัวการจ้องมองของชายคนนี้น้าคนเล็กเม้มริมฝีปากและไม่กล่าวอะไรอีก ในทางกลับกัน หวา ลี่ฟางกลับไร้สามัญสำนึกและถามอย่างประชดประชัน ว่าหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลี พบเจอกันได้อย่างไร ตัวตนที่แท้จริงของอี้ จิ่นหลี คือใคร, เขาทำงานอะไร, ภูมิหลังครอบครัวของเขา และอื่น ๆไม่ต้องสงสัยเลย หลิง อี้หรานสามารถปล่อยคำถามเหล่านั้นให้ครุมเครือต่อไปทำให้หวา ลี่ฟางพบว่าตัวเองถามคำถามที่ดูไร้สาระอยู่ แต่เพราะมีอี้ จิ่นหลีอยู่ที่นี่ด้วย เธอจึงไม่กล
“แม่ว่าไงนะแม่? อี้หรานพาแฟนมาวันนี้ เราจะกลั่นแกล้งเธอได้ยังไง? แถมเรายังต้องเรียกแฟนเธอว่าคุณอีก” น้าคนเล็กฉวยโอกาสเย้าแหย่คุณยายรู้สึกประหลาดใจ “แฟน? อี้หรานมีแฟนแล้วเหรอ? เร็วเข้า ให้ฉันได้พบเขาหน่อยสิ!”“หนูจะไปพาเขามาที่นี่” หลิง อี้หรานกล่าวขณะที่เธอลุกขึ้นและเดินออกจากห้องน้าคนเล็กกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “แม่จะดีใจอะไรนักหนา? แฟนของอี้หรานดูเหมือนเด็กเล่นของเล่น เขาอาจจะเป็นคนหลอกลวงก็ได้!”จริง ๆ แล้ว เธอไม่ต้องการให้หลานสาวของเธอหาแฟนที่ดีกว่าลูกสาวของเธอ“พอแล้ว อี้หรานเป็นเด็กที่รอบคอบ เธอไม่ใช่คนที่จะหัวเสียได้ง่ายเพราะคำพูดของใครบางคน ฉันจะดูเองว่าเขาเป็นคนหลอกลวงหรือไม่!” คุณยายของหลิง อี้หรานกล่าวน้าคนเล็กเม้มริมฝีปากของเธอ คุณยายมองไปที่อี้ จิ่นหลี ขณะที่หลิง อี้หรานพาเขาเข้าไปในห้อง เธอกล่าวทักด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเป็นแฟนของอี้หรานใช่ไหม คุณชื่ออะไรล่ะ?”หลิง อี้หรานกำลังจะช่วยอี้ จิ่นหลี แนะนำตัวเอง แต่คนหลังกลับเปิดปากก่อนและตอบว่า “นามสกุลของผมคือ อี้ คุณเรียกผมว่า จิน ก็ได้ครับคุณยาย”น้ำเสียงของอี้ จิ่นหลีเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้หลิง อี้หรานปร
อี้ จิ่นหลี ก้มลงเล็กน้อยและกระซิบที่หูของหลิง อี้หราน “ไม่เร็วเหรอ?”“...” หลิง อี้หรานรู้สึกเขินอาย เธอจะสามารถตอบคำถามได้ยังไง?คุณยายของเธอถอนหายใจ จับมือของเธอมากุมไว้ แล้วกล่าวว่า “หลานต้องรีบหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นยายอาจจะไปงานแต่งของหลานไม่ทัน”หลิง อี้หรานตกใจมากเมื่อยายของเธอจับมือเธอไว้ เธอรู้ว่ามือของยายผอมซูบลงกว่าเมื่อก่อน หลิง อี้หรานสามารถสัมผัสถึงกระดูกข้อมือของคุณยายได้อย่างชัดเจนจากการที่คุณยายเอามือโอบเธอไว้ราวกับว่ามีเพียงผิวหนังบาง ๆ หุ้มกระดูกของเธอไว้ แต่ไม่มีเนื้อคุณยาย… ผอมซูบกว่าที่เธอคิดหลิง อี้หรานรู้สึกขมขื่นในใจ ใบหน้าของเธอพลันแสดงออกถึงความโศกเศร้า“นี่ ทำไมเธอถึงเศร้าอีกแล้วล่ะ?” คุณยายตีหลังมือของหลิง อี้หรานเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ยายรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าหลานสบายดีและมีคนดูแลหลานได้ ยายคงหาเหตุผลให้ตัวเองได้ถ้าได้เจอแม่ของหลานอยู่ที่นั่น”“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณยาย!” หลิง อี้หรานกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ หลิง อี้หรานเป็นคนเชื่อในโชคลาง แต่เธอกลัวว่าคุณยายของเธอจะจากไปจริง ๆ มีเพียงคุณยายเท่านั้นเพียงคนเดียวที่ห่วงใยเธอในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน!
“ดีจัง โชคดีที่ตอนนี้พี่ดูเปลี่ยนไปแล้ว” อี้ จิ่นหลีพึมพำ เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าเหมือนกับหลิง อี้หรานอย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองดูเหมือนกันมากเมื่อตอนเป็น... เด็กอี้ จิ่นหลีกระพริบตาเล็กน้อยและหลับตาลง ขนตายาวของเขาปกคลุมไปด้วยความคิดและการวิเคราะห์สิ่งที่เขาเห็นในขณะนี้...…อี้ จิ่นหลีกับหลิง อี้หรานอยู่ทานอาหารเย็น เมื่อถึงเวลาค่ำ คุณตาของหลิง อี้หราน คุณตาลู่ก็กลับมา แต่เขาไม่แยแสหลิง อี้หรานและทำท่าทางเฉยเมยกับอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หรานไม่แปลกใจกับท่าทีของคุณตา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางของคุณตาของเธอที่มีต่ออี้ จิ่นหลี เธอมองด้วยความกังวลเพราะสถานะของอี้ จิ่นหลี มีคนเพียงไม่กี่คนที่กล้าปฏิบัติต่อเขาแบบนั้นอี้ จิ่นหลีเพียงส่งยิ้มให้หลิง อี้หรานราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของเธอ เขามองดูราวกับบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวลหลิง อี้หรานรู้สึกโล่งใจระหว่างกินอาหารมื้อเย็น คุณยายของเธอค่อนข้างมีความสุขและมีความอยากอาหารมากกว่าปกติขณะกินอาหารกัน หวา ลี่ฟางอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “คุณตา รู้หรือไม่คะว่าอี้หรานลาออกจากศูนย์บริการสุขาภ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค