“พี่ไม่ต้องกังวลนะ ผมลบวิดีโอไปแล้ว มันอยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่นานและจะไม่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตอีก” เขากล่าวขณะที่ปลายนิ้วของเขากำลังลูบรอยปกช้ำบนแก้มของเธอท่าทางของเขาดูใจเย็นลง “ผมจะให้แพทย์ประจำตระกูลมาตรวจพี่ทีหลัง”“ไม่เป็นไร ฉันจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบทีหลัง” เธอกล่าว“ไม่ ผมจะไม่รู้สึกโล่งใจจนกว่าพี่จะไปพบแพทย์ เพื่อตรวเช็กว่าพี่บาดเจ็บตรงไหนอีกไหม? พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ห้างทำร้ายพี่หรือเปล่า?” เขาถาม“ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก” เธอพยายามกล่าวออกมาเบา ๆ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงเธอ “ยังไงซะ ฉัน... ฉันจะไปพบคุณยายพรุ่งนี้ ฉันเลยไปซื้อของให้คุณยายวันนี้ แต่ฉันไม่ได้ซื้อ เราออกไปข้างนอกด้วยกันหลังอาหารเย็นเพื่อซื้อของให้เธอได้ไหม?” เธอจงใจพูดเลี่ยงออกนอกเรื่องเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวว่า “ได้สิ”ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนอี้ จิ่นหลีเปิดประตูที่ล็อกอยู่และพบว่าพ่อบ้านเป็นคนเคาะประตู“นายน้อยครับ ตระกูลห่าวมาขอพบ” พ่อบ้านกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีเปล่งประกาย “ตระกูลห่าว?”เมื่อหลิง อี้หรานได้ยินคำว่า ‘ตระกูลห่าว’ ตัวของเธอแข็งทื่อ และใบ
ห่าว ฉี่หลงและหลิว จื่อเฉวียไม่ได้ทำตัวเหนือกว่าเหมือนที่ได้ทำกับหลิง อี้หรานก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ถึงพวกเขาจะมองว่าหลิง อี้หรานเป็นมดตัวน้อยที่สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้พวกเขาก็คือมดเช่นกัน!ในฐานะนักแสดง ห่าว อี้เหมิงสามารถปกปิดท่าทีแสดงออกของเธอได้มากที่สุด ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิดเธอก็กล่าวขึ้นว่า “พี่อี้ วันนี้พ่อแม่ของฉันเจอคุณหลิงที่ห้าง ด้วยความฉุนเฉียวที่ไม่ทันตั้งตัว พวกเขาเลยได้ทำรุนแรงต่อคุณหลิง เรามาที่นี่เพราะต้องการจะขอโทษคุณหลิงต่อหน้าและขอให้เธอยกโทษให้ค่ะ”เป็นเรื่องยากสำหรับห่าว อี้เหมิงที่จะต้องเรียกอี้หรานว่า ‘คุณหลิง’ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เธออยากจะมองเห็น สำหรับเธอ อี้หรานคือคนที่ไร้ค่ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับต้องพูดกับคนที่เธอคิดว่าไร้ค่าด้วยความเคารพ เธอพยายามข่มศักดิ์ศรีเอาไว้ในใจ“อย่างนั้นเหรอ? ความฉุนเฉียวไม่ทันตั้งตัว? บอกฉันทีว่าเธอทำอะไรให้พวกคุณโกรธ?” อี้ จิ่นหลีถามอย่างใจเย็น ดวงตาสีดำเข้มทำให้พวกเขายากที่จะเดาว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร‘เจ้าอารมณ์’ นี่คือคำที่ผู้คนกล่าวถึงผู้ปกครองแห่งเมืองเฉิน มีเพียงไม่กี่คนในเมืองเฉินที
ห่าว ฉี่หลงยังคงดูถ่อมตัว“ไม่จำเป็น ผมไม่คิดว่าเธอต้องการพบคุณ” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา ๆห่าว อี้เหมิงกับหลิว จื่อเฉวียรู้สึกโล่งใจ จะดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะไม่ขอโทษเธอด้วยตนเอง อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกอับอายน้อยลงมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะต้องขอโทษคนที่พวกเขาเคยมองว่าเป็นมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคน ๆ นั้นคือฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของพวกเขา สำหรับห่าว อี้เหมิงแล้ว เธอเคยเป็นคู่แข่งในเรื่องของความรักมาก่อนแต่ห่าว ฉี่หลงไม่ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลับขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ลางสังหรณ์วิ่งผ่านหัวใจของเขา เขากลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด“ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราจะไม่รบกวนคุณแล้ว จิ่นหลี ขอตัวนะคะ” หลิว จื่อเฉวียส่งสายตาบอกห่าว ฉี่หลงให้รีบออกไปอย่างรวดเร็วหลิว จื่อเฉวียลุกขึ้น แต่เสียงของอี้ จิ่นหลีกลับดังขึ้น “แต่ยังไง คุณก็ควรจ่ายหนี้ของคุณก่อนออกไป”“เราเป็นหนี้อะไร?” หลิว จื่อเฉวียดูงุนงง สงสัยว่าอี้ จิ่นหลีหมายถึงอะไร“วันนี้คุณตบหน้าอี้หรานสองสามครั้ง คุณสามารถชำระหนี้ด้วยการตบหน้าตัวเอง” อี้ จิ่นหลีกล่าวตามความเป็นจริง แต่หลิว จื่อเฉวียกลับเก็บความโกรธไว้ในใจเธอควรจ
เธอมักจะได้รับการสรรเสริญในสังคมชั้นสูง เธอไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน“ไม่ ฉันต้องต่อว่านังผู้หญิงคนนั้น หลิง อี้หราน มันต้องเป็นคนบอกอี้ จิ่นหลีเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ๆ เขาไม่เคยทำแบบนี้กับฉันมาก่อน” หลิว จื่อเฉวีย ตำหนิหลิง อี้หราน “พอได้แล้ว! เลิกไปรบกวนหลิง อี้หรานได้แล้ว เท่านี้ก็จบ!” ห่าว ฉี่หลงกล่าวหลิว จื่อเฉวียมองสามีของเธออย่างไม่เชื่อคำพูด “คุณพูดอะไร? หลิง อี้หรานฆ่าลูกสาวของเรานะ!”ดวงตาของห่าว ฉี่หลงเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขามองไปทางอื่น พยายามหลบสายตาจากภรรยา “ถ้าคุณไม่อยากให้ตระกูลเราถูกฝั่งไปพร้อมกับเหมยยวี่ ก็ทำตามที่ผมบอก!”หลิว จื่อเฉวียต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ห่าว อี้เหมิงดึงแม่ของเธอออกไป “ฟังพ่อก่อนนะแม่ อย่าเพิ่งไปตามราวีหลิง อี้หรานตอนนี้” ถ้าอี้ จิ่นหลีจะเลิกสนใจหลิง อี้หราน นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคของหลิง อี้หรานใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เธอถูกตบอย่างไร้เหตุผลหรือเปล่า?ทำไมหลิง อี้หรานถึงไม่ตายในคุก?...หลิง อี้หรานเดินลงบันไดมาในห้องนั่งเล่น เธอยืนอยู่ที่ด้านบนของบันได ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั
ถ้าเธอพึ่งพาเขามากเกินไป มันอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นนิสัย...เขาก้มลงมาหอมแก้มของเธอที่ยังคงบวมอยู่ จูบนั้นนุ่มนวลราวกับขนนก “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับผม นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”เขาต้องการให้เธอพึ่งพาเขาจนเธอไม่สามารถทิ้งเขาได้…ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา แพทย์ประจำตระกูลมาที่คฤหาสน์อี้ เขามองดูแก้มที่บวมของหลิง อี้หรานและสั่งยาเพื่อลดอาการบวมหลังจากที่แพทย์จากไปแล้ว หลิง อี้หรานกำลังจะทายา แต่อี้ จิ่นหลีกลับดึงมันมาจากเธอ “ผมจะทาให้พี่เอง”“อืม” เธอตอบเขาใช้นิ้วเรียวยาวจุ่มครีมและค่อย ๆ เกลี่ยเนื้อครีมให้ทั่วแก้มของเธอ ท่าทางของเขาอ่อนโยนมาก ความเย็นของเนื้อครีม ทำให้แก้มของเธอไม่บวมแดงอีกต่อไป“พี่คอยทำให้ผมกังวลและชอบเจ็บตัวอยู่เสมอเลยนะ” เขากระซิบและยังคงทาครีมให้เธอหลิง อี้หรานพบว่าตัวเองไม่สามารถแก้ต่างกับคำพูดของเขาได้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกประเภทตั้งแต่เจอกับเขา“ผมหวังว่าผมจะซ่อนพี่ไว้ที่บ้านได้ เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่ ผมไม่อยากให้พี่ได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา” เขากล่าว ทุกครั้งที่เขาเห็นบาดแผลบนร่างกายของเธอ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขา
“ไม่... ไม่มีอะไร ฉันแค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณยาย แต่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย” หลิง อี้หรานกล่าว อันที่จริงแล้วเธอซื้อของมาสองสามอย่าง แต่ตระกูลห่าว โยนมันทิ้งลงในถังขยะ“ถ้าเรื่องนั้น ผมซื้อมาให้พี่แล้ว อยู่บนโต๊ะกาแฟ” อี้ จิ่นหลีกล่าวหลิง อี้หรานมองไปที่โต๊ะกาแฟในห้องของเธอและเห็นลักษณะถุงที่คุ้นเคย มันคือ... ถุงแบบเดียวกับที่เธอซื้อขนมอบที่ห้างในวันนี้ เขา... ซื้อมาแบบเดียวกันหรือเปล่า?“เป็นแบบเดียวกับที่ฉันซื้อวันนี้หรือเปล่า?” หลิง อี้หรานถามอย่างโล่งอก“ใช่ ผมซื้อมาเพิ่มอีกสองสามอันด้วย” อี้ จิ่นหลีกล่าว“คุณรู้ได้ยังไงว่า... เอ่อ ฉันซื้ออะไรมา?” หลิง อี้หรานถามอย่างสงสัย ถึงอี้ จิ่นหลีจะได้ดูวิดีโอแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นก็แค่ถุงอย่างเดียว“ผมตรวจสอบประวัติใบแจ้งยอดซื้อ เลยรู้ว่าพี่ซื้ออะไรบ้าง” อี้ จิ่นหลีตอบหลิง อี้หรานเข้าใจดีว่าการทำแบบนี้อาจไม่ง่ายสำหรับคนอื่น ๆ แต่มันกลับเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา“เดี๋ยวนะ ฉันเผลอร้องออกมากะทันหัน ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?” หลิง อี้หรานถาม“พี่ไม่มีอะไรรบกวนผมหรอก” อี้ จิ่นหลีหมอบลงข้างเตียงของเธอ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่ก
แต่หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าอี้ จิ่นหลีจะขอให้คนขับนำรถยนต์ส่วนตัวมาด้วย ซึ่งมันมีราคาเพียงสามแสนดอลลาร์เท่านั้นหลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ“พี่ไม่ได้บอกว่าพี่อยากให้มันดูธรรมดามากกว่านี้เหรอ?” อี้ จินหลีถาม“ฉันอยากให้มันดูธรรมดาเพราะฉันไม่อยากดูโดดเด่นในเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีแต่เรื่องซุบซิบเกิดขึ้น ฉันกลัวว่าเรื่องแบบนั้นจะไปรบกวนคุณยาย แต่คุณจะขับรถคนนี้ไปจริง ๆ ใช่ไหม?" หลิง อี้หราน กล่าว“คิดว่าผมพูดเล่นเหรอ?” อี้ จิ่นหลียิ้ม “ก็ได้ ขึ้นรถกันเถอะ”เมื่อหลิง อี้หรานขึ้นรถ เธอก็พบว่าไม่มีคนรับรถรออยู่ อี้ จิ่นหลีเป็นคนขับแทน“คุณจะขับเหรอ?” เธอถาม“ใช่ มันไม่ไกลมาก พี่จะงีบหลับก็ได้ถ้าง่วงนอน ผมรู้ทางไปที่นั่น” อี้ จิ่นหลีกล่าวขณะที่เขาสตาร์ทรถหลิง อี้หรานเม้มริมฝีปากของตัวเองขณะเฝ้าดูอี้ จิ่นหลีขับรถ ใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงกว่าจะถึงตัวเมืองอี้ จิ่นหลีคงรู้สึกเหนื่อยในการขับรถมากกว่าสองชั่วโมง แต่หลิง อี้หรานไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเขาขับรถได้เพราะใบขับขี่ของเธอถูกระงับและ... เธอไม่สามารถขับรถได้อีกต่อไปโดนสั่งห้ามขับรถตลอดชีวิต!หากว่า... วันหนึ่งเธอสามารถแก้ไขคดีความและพิสู
เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่งุนงง “มีอะไรเหรอ?”“พี่คิดว่าจะแนะนำตัวผมยังไง?” อี้ จิ่นหลีถามหลิง อี้หรานตกตะลึง แต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “แน่นอน ฉันจะแนะนำคุณให้รู้จักในฐานะแฟนของฉันไง”อี้ จิ่นหลียิ้ม “ก็ได้ ไปกันเถอะ”หลังจากลงจากรถแล้ว หลิง อี้หรานก็เข้ามาและเคาะประตู ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้เธอ นั่นคือน้าคนเล็กของเธอเมื่อน้าคนเล็กเห็นหลิง อี้หราน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเยาะเย้ยทันที “เธอนั่นเอง อี้หราน ครั้งนี้เธอพาผู้ชายมาด้วยเหรอเนี่ย!”น้าคนเล็กเหลือบมองออกไปนอกประตูขณะที่เธอพูดและสังเกตเห็นรถยนต์คันธรรมดาที่จอดอยู่หน้าบ้าน แล้วเธอจึงมองไปที่หลิง อี้หรานอย่างเยาะเย้ยพวกเขาทั้งหมดคิดว่าหลานสาวของเธอกำลังคบหากับเศรษฐีคนหนึ่ง ชายคนนั้นได้ช่วยเธอออกมาจากบ้านเช่าโง่ ๆ หลังนั้นมองดูรถที่จอดอยู่ข้างนอก ดูไม่เหมือนรถหรูเสียเลย นอกจากนี้ น้ายังมีความสามรถในการจดจำรถยนต์หรูหราได้อีกด้วยผู้ชายข้าง ๆ หลานสาวของเธอดูดีมาก จุดเด่นมีแค่ภาพลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้นแหละ!นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้คงไม่รู้ว่าหลานสาวของเธอเคยติดคุกมาก่อน!