“...” เธอพูดไม่ออก ไม่มีใครเคยลิ้มรสยาของคนอื่นเพียงเพื่ออยากจะรู้ว่ามันขมแค่ไหน นอกจากนี้ยังเป็นยาสำหรับสตรีอีกด้วยถึงแม้จะเหลือเพียงเล็กน้อยและไม่ทำให้เขารู้สึกขมมาก แต่... เอ่อ เขาประมาทเล็กน้อยที่ทำแบบนั้น“ทำไมคุณไม่กินขนมสักชิ้นเพื่อบรรเทาความขมล่ะ?” เธอถามในขณะที่ยังอมอมยิ้มอยู่ในปาก“งั้นเหรอ?” เขาตอบ แทนที่จะหยิบขนมบนจาน เขากลับเอนตัวไปเข้าหาเธอ มือของเขาจับด้านหลังศีรษะของเธอในขณะที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ“คุณ...” เธออ้าปากจะพูด แต่ริมฝีปากของเขากลับประกบลงบนริมฝีปากของเธอทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาสอดใส่ลิ้นเข้ามาในปากของเธอ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะสำรวจทุกอย่างของเธอ...เขาจูบอย่างอ้อยอิ่งและครอบงำ ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ความขมขื่นผสมกับความหวาน เมื่อสิ้นสุดการจูบ เธอไม่สามารถบอกได้ว่ารสชาติในปากของเธอคือรสชาติอะไรเมื่อจูบจบลง เธอก็มองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ มือใหญ่ของเขายังคงอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถมองไปด้านอื่นได้“หวานจัง” ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเขาจ้องมองมาที่เธอ ในขณะที่ริมฝีปากบางของเขากระซิบถ้อย
หลิง อี้หรานลังเลก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง เธอไม่อยากให้พ่อบ้านต้องมาลำบากเพราะเธอหลิง อี้หรานให้คนขับรถพาเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเธอต้องการซื้อของกินและเสื้อผ้าที่เหมาะกับคุณยาย หลิง อี้หราน ลงไปชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร เธอมองไปที่เค้กและขนมต่าง ๆ จากนั้นจึงเลือกขนมที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง มันค่อนข้างแพงไปหน่อย แต่หลิง อี้หรานก็ตัดสินใจซื้อมันอยู่ดี หลังนึกได้ว่าบางครั้งระดับน้ำตาลในเลือดของคุณยายก็สูงเกินไปหลังจากจ่ายค่าขนมแล้ว เธอก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นบนเมื่อเธอไปถึงชั้นสอง ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนที่เธอจะเห็นว่าเขาเป็นใคร เธอก็ถูกตบหน้าอย่างแรงร่างของหลิง อี้หรานเซและเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น เธอกลับมายืนหยัดด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่กล่องขนมของเธอร่วงลงไปกองกับพื้น“ฉันคิดว่าฉันตาฝาก แต่เป็นเธอจริง ๆ ตอนนี้เธอออกจากคุกแล้วหรือยังล่ะ? มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้างั้นเหรอ?” เสียงของบุคคลนั้นดังขึ้นในหูของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานจับแก้มของตัวเอง และจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่โกรธแค้นตรงหน้าเธอด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
“ถามจริง ๆ เธอไม่อายตัวเองบ้างเหรอที่อยู่ในสถานที่แบบนี้น่ะ!" ห่าว ฉี่หลง กล่าวหลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยความโกรธว่า “แค่ฉันเห็นมัน ฉันก็โกรธมากแล้ว บอกฉันทีว่ามันพูดอะไรฟังดูคล้ายกับสิ่งที่คนเขาพูดกันงั้นเหรอ? มันฆ่าเหมยยวี่แต่กลับบอกว่าไม่เคยทำร้ายใคร!”ห่าว ฉี่หลงจ้องมองไปที่หลิง อี้หรานด้วยสายตาที่แข็งกร้าว “เธอได้ออกมา การตัดสินว่าเธอผิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล แต่ถ้าเธอพูดถึงสิทธิ์...”ดวงตาของห่าว ฉี่หลงเต็มไปด้วยความรังเกียจราวกับว่าเขากำลังมองไปที่มดที่เขาสามารถบดขยี้ได้ “เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดถึงสิทธิ์ต่อหน้าฉัน”จากนั้นเขาจึงสั่งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยข้าง ๆ ว่า “ไล่ผู้หญิงคนนั้นออก แล้วส่งรูปของเธอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ และฝ่ายบริหารของห้าง ห้ามให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในห้างอีก”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบรับ และหลิง อี้หรานก็ถูกชายที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวาของเธอ บังคับให้ออกไปจากห้าง“ขะ... ขนมของฉันอยู่ที่พื้น” ที่เขาสามารถสั่งอะไรแบบนี้ได้ นั่นหมายความว่าห้างสรรพสินค้านี้เป็นของตระกูลห่าว หรืออย่างน้อยตระกูลห่าว ก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นร
ดวงตาของห่าว ฉี่หลงกระตุก “มันจะง่ายมากที่จะทำให้คนอย่างเธอต้องเข้าคุกอีกครั้ง ไว้ผมจะออกคำสั่งทีหลัง”เขาพูดง่าย ๆ ราวกับว่าการจัดการชะตากรรมชีวิตของคนอื่นนั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาหลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยแววตาเจิดจรัสพร้อมกับกัดฟัน “คราวนี้ให้โทษจำคุกตลอดชีวิตเลยนะ ฉันอยากให้มันอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต!” มันเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดความเกลียดชังของเธอ“ได้สิ ผมจะทำตามที่คุณต้องการ อย่าคิดมากเกี่ยวกับเหมยยวี่และทำร้ายตัวเองเลย นึกถึงอี้เหมิงไว้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“แน่นอน ตอนนี้อี้เหมิงเป็นลูกสาวคนเดียวของเราแล้ว ฉันจะนึกถึงใครได้อีกล่ะ?” หลิว จื่อเฉวียกล่าว “น่าเสียดายที่ผู้ชายที่ลูกชอบคือนายน้อยเซียว ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลี เราก็อาจจะยังเป็นสะใภ้ของเขาอยู่!” หลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ“เราไม่สามารถโชคดีแบบนั้นได้ตลอดเวลา อย่างน้อย... อี้เหมิงก็ได้รับสิ่งที่ลูกต้องการแล้วตอนนี้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องทำให้ฉันได้รับความปรารถนาเร็ว ๆ ด้วย ฉันต้องเห็นหลิง อี้หรานเข้าคุกอีกครั้ง!” หลิว จื่อเฉวียยังคงไม่ลืมเกี่ยวกับหลิง อี้หราน“ได้ ผมจะรีบจัดการ!” ห่าว ฉี่หลงตอบ
หลิว จื่อเฉวียตกตะลึง เธอเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกสาว “ลูกพูดเรื่องไร้สาระอะไร อี้เหมิง? ขอโทษ? ขอโทษหลิง อี้หรานงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง? มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ทำให้หน้าของมันเสียหาย! ลูกจะคาดหวังจะให้แม่ขอโทษมันได้ยังไง?”“มันจะสายเกินไปถ้าแม่และพ่อไม่ขอโทษเธอตอนนี้” ห่าว อี้เหมิงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา และกำลังจะกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพ่อของเธอ แต่แม่ของเธอก็ฉกเอาไป“มีอะไร? ลูกต้องบอกแม่มาให้ชัดเจน” หลิว จื่อเฉวียกล่าวขณะที่จ้องไปที่ลูกสาวห่าว อี้เหมิงหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนี้หลิง อี้หรานมีอี้ จิ่นหลี คุ้มครองอยู่ แม่ ตระกูลของเราจะทำให้ตระกูล อี้ขุ่นเคืองไม่ได้!”ใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ “เป็นไปได้ยังไง? ลูกล้อเล่นหรือเปล่า?”“หนูก็หวังว่าหนูจะล้อเล่นเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง! ทำไมแม่ไม่ถามหนูล่ะว่าทำไมขาของจื่ออี้ถึงไม่หายสนิทสักที หลังจากที่นานขนาดนี้และเธอบาดเจ็บได้ยังไง?” ห่าว อี้เหมิงกล่าวเมื่อดูการแสดงออกที่จริงจังของลูกสาวของเธอ หลิว จื่อเฉวียก็รู้สึกเสียวซ่าบนหนังศีรษะ เธอรู้สึกว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เ
อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะรับโทรศัพท์จากเกา ฉงหมิง เขาเล่นวิดีโอโดยแตะที่หน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็แข็งทื่อขึ้นบรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดันมาก แม้ว่าเกา ฉงหมิงจะรู้ว่าเจ้านายไม่ได้โกรธเขา แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแช่แข็งจนตายในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นเมืองเฉินจะต้องสั่นคลอนถ้านายน้อยอี้โกรธทั้งนี้ตระกูลห่าวยังทำให้คุณหลิงซึ่งเป็นที่รักที่มีค่าของนายน้อยอี้ต้องอับอาย แม้นายน้อยอี้เองจะไม่ยอมรับความผิดของคุณหลิง แต่ตอนนี้ตระกูลห่าวทำให้คุณหลิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนเป็นอย่างมาก มีการถ่ายวิดีโอและโพสต์บนอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ“ลบวิดีโอนี้ออกจากอินเทอร์เน็ตและอย่าให้ฉันเห็นวิดีโอนี้อีก! ค้นหาคนที่ถ่ายวิดีโอและลบภาพต้นฉบับออกจากโทรศัพท์ของเขาด้วย” อี้ จิ่นหลีกล่าว“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบรับอี้ จิ่นหลีส่งโทรศัพท์คืนเกา ฉงหมิงและหยิบเสื้อโค้ทของเขาที่วางอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานเกา ฉงหมิงรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่านายน้อยอี้กำลังจะไปเจอคุณหลิง ดูเหมือนว่ามีเพียงหลิง อี้หรานเท่านั้นที่สามารถทำให้นายน้อยอี้เป็นห่วงได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้
แต่เขากลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับอะไรเขาหันกลับและตรงเข้าไปในห้องของเขา จากนั้นเข้าไปในห้องของเธอผ่านประตูที่เชื่อมต่อกับนในห้องห้องของเธอมันมืดมาก หน้าต่างถูกปิดบังด้วยผ้าม่าน ไม่มีแม้แต่ไฟสักดวงถูกเปิด เขาสามารถมองเห็นได้จากแสงกลางวันสลัวที่รอดผ่านม่านเข้ามาแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาของเขาอี้ จิ่นหลีมองไปรอบ ๆ ห้อง และไม่นานก็เห็นหลิง อี้หรานซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ร่างกายของเธอโค้งงอในขณะที่แขนของเธอโอบกอดหัวเข่าของตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอฝังอยู่ระหว่างหัวเข่าราวกับว่าเธอกำลังพยายามขดตัวเป็นกุ้งเขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นเธออยู่ในท่าทางเดียวกันมาก่อน...ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง วิดีโอที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขาในวิดีโอเธอถูกตบหน้า ก่อนที่จะถูกลากออกจากห้างสรรพสินค้า แม้ว่ามันจะยากที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดในวิดีโอเนื่องจากระยะทางที่ไกล แต่เขาก็เดาได้ว่าตระกูลห่าวพูดอะไรกับเธอดวงตาสีดำสนิทแต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธซึ่งพุ่งตรงไปที่ตระกูลห่าวและตัวของเขาเองเขาควรจะเตือนตระกูลห่าวว่าอย่าทำร้ายเธอ! ต่อจากนี้เธอจะต้องไม่
“พี่ไม่ต้องกังวลนะ ผมลบวิดีโอไปแล้ว มันอยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่นานและจะไม่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตอีก” เขากล่าวขณะที่ปลายนิ้วของเขากำลังลูบรอยปกช้ำบนแก้มของเธอท่าทางของเขาดูใจเย็นลง “ผมจะให้แพทย์ประจำตระกูลมาตรวจพี่ทีหลัง”“ไม่เป็นไร ฉันจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบทีหลัง” เธอกล่าว“ไม่ ผมจะไม่รู้สึกโล่งใจจนกว่าพี่จะไปพบแพทย์ เพื่อตรวเช็กว่าพี่บาดเจ็บตรงไหนอีกไหม? พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ห้างทำร้ายพี่หรือเปล่า?” เขาถาม“ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก” เธอพยายามกล่าวออกมาเบา ๆ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงเธอ “ยังไงซะ ฉัน... ฉันจะไปพบคุณยายพรุ่งนี้ ฉันเลยไปซื้อของให้คุณยายวันนี้ แต่ฉันไม่ได้ซื้อ เราออกไปข้างนอกด้วยกันหลังอาหารเย็นเพื่อซื้อของให้เธอได้ไหม?” เธอจงใจพูดเลี่ยงออกนอกเรื่องเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวว่า “ได้สิ”ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนอี้ จิ่นหลีเปิดประตูที่ล็อกอยู่และพบว่าพ่อบ้านเป็นคนเคาะประตู“นายน้อยครับ ตระกูลห่าวมาขอพบ” พ่อบ้านกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีเปล่งประกาย “ตระกูลห่าว?”เมื่อหลิง อี้หรานได้ยินคำว่า ‘ตระกูลห่าว’ ตัวของเธอแข็งทื่อ และใบ