ในขณะนั้น หลิง ลั่วอิน จ้องไปที่ภาพวาดตรงหน้าเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อก่อนหน้านี้ เมื่อตอนเธอเดินผ่านห้องสตูดิโอนี้และอยากแวะดู เธอกลับถูกกู้ ลี่เฉิน หยุดไว้เป็นอีกครั้งที่เธอไม่สามารถควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้ เธอผลักประตูและเดินเข้าไปเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นภาพวาดของหลิง อี้หรานไม่ใช่หลิง อี้หราน ตอนเป็นผู้ใหญ่ แต่เป็นตอนที่เธอยังเป็นเด็กในภาพวาดมีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแบกเด็กชายตัวน้อยไว้บนหลังของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นคือหลิง อี้หราน เมื่อเธอยังเด็กชุดลายดอกไม้ที่เด็กหญิงตัวเล็กสวมใส่... หลิง ลั่วอิน จำได้ว่าเธอเคยเห็นชุดเดียวกันในอัลบั้มรูปของหลิง อี้หราน‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีรูปวาดของหลิง อี้หราน ในห้องสตูดิโอของลี่เฉิน? ความสัมพันธ์ระหว่างลี่เฉินและหลิง อี้หราน คืออะไร?’มีคำถามมากมายในหัวของหลิง ลั่วอิน ความตื่นตระหนกผุดขึ้นในใจของเธอ ความรู้สึกนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิมหลิง อี้หราน กำลังจะฉกฉวยทุกสิ่งที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาไม่! ไม่มีทาง!เธอจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ว่าหลิง อี้หราน จะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับกู้ ลี่เ
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ยืดตัวตรง แววตาที่น่าหลงใหลของเขามองไปที่เธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย “มีแค่เพียงพี่เท่านั้น” มีเพียงเธอเท่านั้น เธอเป็นคนเดียวที่เขาต้องการที่จะมี แค่เพียงเธอ เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกหลังจากถูกปฏิเสธ ราวกับว่าเขารู้สึกเสียความเป็นตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ “ช่วยเช็ดผมให้ผมหน่อย” เขากล่าว จากนั้นเขาก็ยื่นผ้าขนหนูที่เขาตั้งใจไว้เช็ดผมที่เปียกของเขาให้กับเธอ เธอมองไปที่เขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่เขาก้มหัวลงให้กับเธอ “เป็นอะไรไป ตอนที่เราเคยอยู่บ้านเช่าพี่ไม่ได้เช็ดผมให้ผมทักครั้งหรอกเหรอ?” เขาถามขณะที่เขายักคิ้วขึ้น อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปจากจากเดิมมาก หลิง อี้หราน เม้มริมฝีปากของเธอ จนในที่สุดเธอก็เริ่มเช็ดผมให้เขา เนื่องจากผ้าขนหนูปิดหน้าเขาอยู่จึงทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขาเป็นเหมือนลูกหมาน้อยที่เชื่อฟังซึ่งปล่อยให้เธอเป่าผมให้แห้ง ในขณะที่หลิง อี้หราน มีความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเธอเป็นผู้ปกครองของเขา และเขาก็ก้มลงมาหาเธอ เธอไม่สามารถหยุดที่จะขำในใจได้ พระเจ้า! ทำไมเธอถึงคิดแบบนี้? ต่อหน้าอี้ จิ่นห
”ผมจะเชื่อฟังพี่ เพราะฉะนั้นพี่จะชอบผมไหม?” เมื่อเขาพูดแบบนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อย ถ้า... ถ้าเขาไม่ใช่ อี้ จิ่นหลี บางที... เธออาจจะชอบเขาก็ได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็คือ อี้ จิ่นหลี ระยะเวลาสามปีในคุก ความชัดเจนของเขาเป็นเหมือนดังฝันร้ายสำหรับเธอ เขาเป็นคนที่เธอกลัวที่สุดในใจ ... หลิง อี้หราน รู้สึกว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับอี้ จิ่นหลี อีก เธอกลัวเขามาก เธอหวาดกลัวเขามาก ๆ แต่บางครั้งเธอก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เป็นห่วงเขาได้ เมื่อเขามองเธอด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังและคำพูดที่น่าประทับใจเธอก็ต้องยอมอีกครั้ง เขาทำกับเธอเหมือนว่ากำลังเล่นเกมอยู่จริง ๆ หรือว่าเขาจริงจังกันแน่? แล้วตัวเธอล่ะ? เธอรู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่า? เธอทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปอย่างช้า ๆ ราวกับว่าเธอจมลงไปในหนองน้ำ เธออยากจะออกมาจากตรงนั่นแต่เธอกลับจมลึกลงไปเรื่อย ๆ เธอส่งออเดอร์ทั้งหมดจนเสร็จ หลิง อี้หราน เดินทางกลับไปที่ร้านอาหารถึงกับตะลึง มีคนนั่งอยู่ในร้านอาหาร เป็นเพราะคนคนนี้ -กู้ ลี่เฉิน- ซึ่งไม่มีทางที่เขาจะปรากฏตัวในร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้ เขาใส่ชุดร
“เดี๋ยวก่อน” เขาคว้าแขนเธอทันที “คุณจะบ้าเหรอ? ที่ผมพูดเมื่อกี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกงานของคุณ” เธอมองเขาอย่างแปลกใจ “ฉันไม่ได้บ้า” ถ้าเธอโกรธเรื่องนี้ เธอคงตายเพราะความโกรธไปนานแล้ว “ถ้าคุณต้องการ ผมจะหางานที่ดีกว่านี้ให้คุณ” กู้ ลี่เฉิน กล่าว “คุณกู้ ฉันไม่คิดว่าเราจะสนิทกันขนาดนั้น คุณไม่จำเป็นต้องช่วยฉันหางานอื่นก็ได้ค่ะ ฉันมีความสุขดีแล้วกับสิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้แล้ว” หลิง อี้หราน พูดและมองไปที่มือที่เขาจับเธอไว้ “ปล่อยฉันได้ไหมคะ? ฉันจำเป็นต้องไปส่งของพวกนี้” แววตาคู่สีเข้มจ้องมองมาที่เธอ หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดเขาก็ปล่อยมือเธอ ไม่สนิทเหรอ? อย่างไรก็ตามเขารู้จักเธอดีกว่าที่เธอรู้จักตัวเองอีก เขารู้เกี่ยวกับอดีของเธอจากการพูดคุยกับหลิง ลั่วอิน เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเป็นผู้ใหญ่... “คุณมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ไหม?” เขาหัวเราะเบา ๆ “อดีตทนายความ มีความสุขกับการส่งอาหารจริงเหรอ?” ดวงตาของหลิง อี้หราน มืดลง ทนายความ... ตอนนี้มันฟังดูห่างไกลจากเธอเหลือเกิน หลังจากที่เธอขึ้นจักรยานไฟฟ้าแล้วเธอก็ได้ยินเสียงของกู้ ลี่เฉิน พูดอีกครั้งว่า “มัน
”เขาแค่ถามฉันว่าเธออยู่ที่ไหนและฉันก็บอกว่าเธออยู่ในครัวเขาก็เลยเหลือบมองไปที่ห้องครัวแค่นั้น” คุณนายโจวถามอย่างสงสัย “คนนั้นเขาคือใครเหรอ เธอรู้จักเขาไหม?” หลังจากที่ลูกสาวของเธอเห็นเขา เธอก็รีบหนีไปทันที ใบหน้าของ โจว เชียนหยุน มีลักษณ์ที่สับสน “นั่นคือ กู้ ลี่เฉิน เขาคือเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง ตอนที่ฉันอยู่กับ… คน ๆ นั้น ฉันเห็นเขาสองสามครั้งน่าจะได้” “เขาจำเธอได้ไหม?” คุณนายโจวถามอย่างกังวลใจ โจว เชียนหยุน ถอนหายใจ “ฉันก็กลัวว่าเขาจะจำได้” ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะดูแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง แต่หากกู้ ลี่เฉิน จำเธอไม่ ได้เขาคงไม่ถามถึงเธอก่อนที่จะออกไป คุณนายโจวก้มหน้าลง “ถ้าอย่างนั้น… เราจะทำอย่างไรกันดี? เขาจะบอกเรื่องนี้กับคนนั้นไหม? ฉันคิดว่าเขารู้จักอี้หราน ทำไมเราไม่ให้อี้หรานช่วยพูดกับเขาแทนเราล่ะ?” โจว เชียนหยุน กัดริมฝีปากของเธอ ตอนนี้เธอก็งงเหมือนกัน เธอคิดว่า กู้ ลี่เฉิน บังเอิญหลงเข้ามาในร้านของเธอโดยไม่ตั้งใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังรออี้หรานอยู่ อย่างไรก็ตาม... เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงกับคนส่งอาหารในร้านเล็ก ๆ มันมีความแตกต่างกันมากเกินไป เม
หมายความว่า นายน้อยอี้ต้องการเป็นที่ชื่นชอบของคุณหลิงใช่ไหม? เกา ฉงหมิง รู้คำตอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถซ่อนความแปลกใจไว้ได้ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่นายน้อยอี้สนใจว่าผู้หญิงจะชอบเขาหรือไม่? “คุณหลิง... ก่อนหน้านี้ทรมานมาก ผมกลัวว่าเธอจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่าใคร ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายน้อยคบกับผู้หญิงแบบเธอ เธออาจจะฟังนายน้อยในตามสถานการณ์แต่เธออาจจะทำตัวห่างเหินจากนายน้อย” เกา ฉงหมิง วิเคราะห์สถานการณ์ของอี้ จิ่นหลี “จากสิ่งที่ผมเห็น คุณหลิงเป็นคนที่ชอบวิธีที่นุ่มนาล ทำไมนายน้อยไม่ลองถ่อมตัวต่อหน้าเธอล่ะครับ? บางทีมันอาจจะทำให้กำแพงของเธอพังก็ได้นะครับ” “ถ้าอย่างนั้นเธออาจจะชอบฉันก็ต่อเมื่อฉันหลอกเธองั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี พึมพำ เกา ฉงหมิง กระพริบตาดูตกใจ เขา... เขาแค่แนะนำว่าเจ้านายควรจะอ่อนน้อม เขาไม่ได้บอกให้ประจบเธอ อืม... ถ้านายน้อยอี้ต้องการจะประจบผู้หญิงคนนี้แล้วผู้หญิงจะเป็นแบบไหน... “แล้วฉันจะประจบเธอได้โดยวิธีไหน?” อี้ จิ่นหลี กล่าว เกา ฉงหมิง รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอพูดอะไรไม่ออก จากน้ำเสียงของเขา เขาต้องการที่จะประจบหลิง อี้หรานจริง ๆ ใช่ไหม? โทรศั
ผู้ชายคนนี้ใส่สูทโดยเน้นคุณลักษณะที่สมบูรณ์แบบของเขา เขาดูเหมือนเจ้าชายจากมังงะ ผู้คนอาจจะไม่เชื่อว่าคนแบบนี้จะเป็นแฟนของเธอ ชิน เหลียนอี อยากถอนหายใจไปจนถึงสวรรค์ เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้และคิดว่าเธอเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างมาก ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากการนัดดูตัวครั้งนั้น เธอคิดว่าเนื่องจากทุกอย่างได้ไปสู่จุดจบแล้วนั่นจะเป็นจุดจบของมัน ด้วยความประหลาดใจของเธอ เธอถูกแม่ดุด้วยความโกรธเมื่อกลับถึงบ้านหลังจากนัดดูตัว แม่ถามเธอว่าทำไมเธอไม่บอกเขาว่าเธอมีแฟนแล้ว คนที่แนะนำเธอให้ไปนัดดูตัวถึงกับโทรหาพ่อแม่ของเธอและดุด่าพวกเขา พวกเขาบอกว่าเธอทำให้ทั้งครอบครัวอับอาย จากนั้นพ่อแม่ของเธอก็เริ่มถามเธอว่าแฟนของเธอเป็นใคร เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ชิน เหลียนอี ต้องปฏิเสธแน่นอน เธอจะบอกว่าเขาเป็นแค่เพื่อนที่เดินผ่านไป เขารู้ว่าเธอไม่อยากไปนัดดูตัวเขาจึงพยายามช่วยเธอ ในตอนท้ายพ่อแม่ของเธอถามเธอว่าเป็นเพื่อนคนไหน เธอจึงพูดชื่อผู้ชายที่ค่อนข้างสนิทกับเธอ เธอตัดสินใจที่จะวางแผนที่จะบอกเรื่องราวของพวกเขาหลังจากนี้ ในท้ายที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะทำเช่นนั้น ไป๋ ทิงชิน ก็โทรมาหาเธอ ก่อนท
จากนั้นไม่นานลิฟต์ก็มาถึง อย่างไรก็ตาม คนที่ออกมาจากลิฟต์ ก็คือเพื่อนบ้านของชิน เหลียนอี เมื่อพวกเขาเห็น ชิน เหลียนอี พวกเขาก็เริ่มทักทายเธอ “เหลียนอีเธอกลับมาแล้วเหรอ และนี่ก้ต้องเป็นแฟนของเธอแน่เลย” เพื่อนบ้านของเธอพูดและมองไปที่ไป๋ ทิงชิน ชิน เหลียนอี ลังเล ก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา ไป๋ ทิงชิน ก็ได้เปิดปากของเขาและตอบไปแล้วว่า “ใช่ครับ ผมเป็นแฟนของเหลียนอีครับ” “เฮ้ เฮ้ ฉันหวังว่าจะได้ไปร่วมงานแต่งของคุณเร็ว ๆ นี้นะ” เพื่อนบ้านหัวเราะก็ที่จะรีบพูดออกไป “เหลียนอี แม่ของเธอจู้จี้มาทั้งวันเลย เธอกำลังรอพบแฟนของเธอนะ” ชิน เหลียนอี รู้สึกอึดอัดใจ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าทำไมเพื่อนบ้านถึงรู้ว่า ไป๋ ทิงชิน เป็นแฟนของเธอ ดูเหมือนว่าแม่ของเธอได้ประกาศเรื่องนี้กับทุก ๆ คนแล้วสินะ พวกเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ชิน เหลียนอี มองไปที่ ไป๋ ทิงชิน และเขาก็กำลังมองมาที่เธอด้วยใบหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มอ่อน ๆ เธอหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอลังเลอยู่พักหนึ่งและพูดเตือนสติเขา “อืม... พ่อแม่ของฉันอาจจะเป็นห่วงนิดหน่อยนะ เพราะฉันไม่เคยมีแฟนมากก่อน เพียงแค่รับมือกับพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้แล
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค