หมายความว่า นายน้อยอี้ต้องการเป็นที่ชื่นชอบของคุณหลิงใช่ไหม? เกา ฉงหมิง รู้คำตอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถซ่อนความแปลกใจไว้ได้ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่นายน้อยอี้สนใจว่าผู้หญิงจะชอบเขาหรือไม่? “คุณหลิง... ก่อนหน้านี้ทรมานมาก ผมกลัวว่าเธอจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่าใคร ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายน้อยคบกับผู้หญิงแบบเธอ เธออาจจะฟังนายน้อยในตามสถานการณ์แต่เธออาจจะทำตัวห่างเหินจากนายน้อย” เกา ฉงหมิง วิเคราะห์สถานการณ์ของอี้ จิ่นหลี “จากสิ่งที่ผมเห็น คุณหลิงเป็นคนที่ชอบวิธีที่นุ่มนาล ทำไมนายน้อยไม่ลองถ่อมตัวต่อหน้าเธอล่ะครับ? บางทีมันอาจจะทำให้กำแพงของเธอพังก็ได้นะครับ” “ถ้าอย่างนั้นเธออาจจะชอบฉันก็ต่อเมื่อฉันหลอกเธองั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี พึมพำ เกา ฉงหมิง กระพริบตาดูตกใจ เขา... เขาแค่แนะนำว่าเจ้านายควรจะอ่อนน้อม เขาไม่ได้บอกให้ประจบเธอ อืม... ถ้านายน้อยอี้ต้องการจะประจบผู้หญิงคนนี้แล้วผู้หญิงจะเป็นแบบไหน... “แล้วฉันจะประจบเธอได้โดยวิธีไหน?” อี้ จิ่นหลี กล่าว เกา ฉงหมิง รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอพูดอะไรไม่ออก จากน้ำเสียงของเขา เขาต้องการที่จะประจบหลิง อี้หรานจริง ๆ ใช่ไหม? โทรศั
ผู้ชายคนนี้ใส่สูทโดยเน้นคุณลักษณะที่สมบูรณ์แบบของเขา เขาดูเหมือนเจ้าชายจากมังงะ ผู้คนอาจจะไม่เชื่อว่าคนแบบนี้จะเป็นแฟนของเธอ ชิน เหลียนอี อยากถอนหายใจไปจนถึงสวรรค์ เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้และคิดว่าเธอเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างมาก ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากการนัดดูตัวครั้งนั้น เธอคิดว่าเนื่องจากทุกอย่างได้ไปสู่จุดจบแล้วนั่นจะเป็นจุดจบของมัน ด้วยความประหลาดใจของเธอ เธอถูกแม่ดุด้วยความโกรธเมื่อกลับถึงบ้านหลังจากนัดดูตัว แม่ถามเธอว่าทำไมเธอไม่บอกเขาว่าเธอมีแฟนแล้ว คนที่แนะนำเธอให้ไปนัดดูตัวถึงกับโทรหาพ่อแม่ของเธอและดุด่าพวกเขา พวกเขาบอกว่าเธอทำให้ทั้งครอบครัวอับอาย จากนั้นพ่อแม่ของเธอก็เริ่มถามเธอว่าแฟนของเธอเป็นใคร เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ชิน เหลียนอี ต้องปฏิเสธแน่นอน เธอจะบอกว่าเขาเป็นแค่เพื่อนที่เดินผ่านไป เขารู้ว่าเธอไม่อยากไปนัดดูตัวเขาจึงพยายามช่วยเธอ ในตอนท้ายพ่อแม่ของเธอถามเธอว่าเป็นเพื่อนคนไหน เธอจึงพูดชื่อผู้ชายที่ค่อนข้างสนิทกับเธอ เธอตัดสินใจที่จะวางแผนที่จะบอกเรื่องราวของพวกเขาหลังจากนี้ ในท้ายที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะทำเช่นนั้น ไป๋ ทิงชิน ก็โทรมาหาเธอ ก่อนท
จากนั้นไม่นานลิฟต์ก็มาถึง อย่างไรก็ตาม คนที่ออกมาจากลิฟต์ ก็คือเพื่อนบ้านของชิน เหลียนอี เมื่อพวกเขาเห็น ชิน เหลียนอี พวกเขาก็เริ่มทักทายเธอ “เหลียนอีเธอกลับมาแล้วเหรอ และนี่ก้ต้องเป็นแฟนของเธอแน่เลย” เพื่อนบ้านของเธอพูดและมองไปที่ไป๋ ทิงชิน ชิน เหลียนอี ลังเล ก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา ไป๋ ทิงชิน ก็ได้เปิดปากของเขาและตอบไปแล้วว่า “ใช่ครับ ผมเป็นแฟนของเหลียนอีครับ” “เฮ้ เฮ้ ฉันหวังว่าจะได้ไปร่วมงานแต่งของคุณเร็ว ๆ นี้นะ” เพื่อนบ้านหัวเราะก็ที่จะรีบพูดออกไป “เหลียนอี แม่ของเธอจู้จี้มาทั้งวันเลย เธอกำลังรอพบแฟนของเธอนะ” ชิน เหลียนอี รู้สึกอึดอัดใจ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าทำไมเพื่อนบ้านถึงรู้ว่า ไป๋ ทิงชิน เป็นแฟนของเธอ ดูเหมือนว่าแม่ของเธอได้ประกาศเรื่องนี้กับทุก ๆ คนแล้วสินะ พวกเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ชิน เหลียนอี มองไปที่ ไป๋ ทิงชิน และเขาก็กำลังมองมาที่เธอด้วยใบหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มอ่อน ๆ เธอหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอลังเลอยู่พักหนึ่งและพูดเตือนสติเขา “อืม... พ่อแม่ของฉันอาจจะเป็นห่วงนิดหน่อยนะ เพราะฉันไม่เคยมีแฟนมากก่อน เพียงแค่รับมือกับพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้แล
“สวัสดีจ่ะ” คุณชินและคุณนายชิน ตอบกลับอย่างรวดเร็ว คุณชินเชิญไป๋ ทิงซิน นั่งลงในขณะที่คุณนายชินดึงลูกสาวของเธอไปข้าง ๆ “นี่แฟนเธอเหรอ? เขาไม่ใช่คนที่เธอจ้างมาเพื่อตบตาใช่ไหม? ชิน เหลียนอี กลอกตาของเธอ “แม่จะคิดว่าเขาเป็นตัวแสดงที่ฉันจ้างมาก็ได้นะ” คุณนายชินโกรธมาก “เด็กอะไรเนี่ย! พูดแบบนั้นได้อย่างไร ได้เลยงั้นก็ไปเอาน้ำชามาเสิร์ฟ” จากนั้นคุณนายชินก็ทำหน้าตาอย่างเป็นมิตรและเดินไปที่ไป๋ ทิงชินเนื่องจาก ชิน เหลียนอี ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่เสิร์ฟ เธอจึงตรงไปที่ห้องครัวเพื่อจะเตรียมน้ำชา เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเธอพร้อมกับถาดน้ำชา เธอก็เห็นทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน “ทิงชิน คุณบอกว่าคุณรู้จักกับเหลียนอีในขณะที่อยู่ต่างประเทศ ดั้งนั้นคุณสองคนก็ติดต่อกันมาตลอดหลายปีแล้วใช่ไหม?” “ไม่ครับ เราไม่ได้ติดต่อกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ผมกลับเข้ามาในประเทศ ผมก็ได้พบกับเหลียนอีโดยบังเอิญที่ถนนแห่งหนึ่งและเราก็ได้ติดต่อกัน ถ้าพูดตรง ๆ คือผมตามหาเหลียนอีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และโชคดีที่ผมได้มาพบกับเธอ” ไป๋ ทิงชิน ยิ้ม เขามองไปที่ชิน เหลียนอี ขณะที่เขาพูดแบบนั้น จากมุม
“คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ” เธอตอบ ท้ายที่สุดแล้ว เธอมีเงินจำนวนจำกัด และก็มีแค่ชีวิตเดียวของเธอนี่แหละที่จะให้ได้ “ตกลง” เขาตอบ เธอผงะไปชั่วขณะ ‘เขาแค่... ตกลงตามคำขอของฉันใช่ไหม? เขาเป็นคนค่อนข้างง่ายจัง’ “มือของพี่เป็นอย่างไรบ้าง? มันยังร้อนอยู่ไหม” สายตาของเขาเปลี่ยนไปมองที่มือของเธอที่ยังอยู่ในน้ำเย็น ๆ “ตอนนี้ไม่ค่อยเจ็บแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในน้ำเย็นสักพักหนึ่ง ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันก็น่าจะดีขึ้น” เธอตอบ จากนั้นเขาก็ปิดก๊อกน้ำและหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกติดตัวมาเพื่อเช็ดมือเธอให้แห้ง “ที่บ้านของคุณมีครีมทาไหม? มันยังดูค่อนข้างบวมอยู่ถ้าจะให้ดีคุณควรทาครีมบาง ๆ นะ” “โอ้ เรามี” “ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย” ชิน เหลียนอี วิ่งไปที่ห้องของเธอเพื่อไปเอาครีมทาสำหรับผิวไหม้ เมื่อเธอถือครีมเธอก็นึกขึ้นได้ ‘ทำไมฉันถึงเชื่อฟังเขาแบบนี้ล่ะ?’ อย่างไรก็ตาม นั่นยังคงเป็นเพียงแค่ความคิด เธอก็ยังคงต้องเอาครีมและออกจากห้องของเธอ เมื่อเธอก้าวออกไปเธอก็เห็นไป๋ ทิงซิน คุยกับพ่อแม่ของเธอในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเข้ามาใกล้ ๆ เธอก็ได้ยินแม่พูดว่า “โอ้ เป็นอย่างนั้นเองเหรอ เหลียนอีส่งคุณ
“ผมมีพี่น้องคนละแม่ที่มีพ่อคนเดียวกัน พ่อของผมมีผู้หญิงค่อนข้างหลายคน เขาจึงมีลูกเพิ่มครับ” คุณชินและคุณนายชิน ไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ ดังนั้นบรรยากาศเลยค่อนข้างตึงเครียด พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรกันต่ออย่างไง ชิน เหลียนอี จึงกล่าวขึ้นทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรว่า “แม่คะพ่อคะ นั้นมันเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน พ่อแม่เขาก็คือพ่อแม่เขา ส่วนเขาก็คือตัวเขาเอง” ไป๋ ทิงชิน ค่อนข้างประหลาดใจกับชิน เหลียนอี ในขณะที่เขามองเธอด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยคิดได้แบบนี้มาก่อน คุณชินตอบกลับก่อนและยอมรับ “อันที่จริง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน ดังนั้น... ทิงชินง ตอนนี้คุณทำงานอะไร?” “ผมบริหารจัดการบริษัทเป็นหลักครับ” ไป๋ ทิงชิน ตอบ “บริหารจัดการบริษัทเหรอ?” คุณชินมองไปที่เขาด้วยความไม่เชื่อ เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะได้ยินผิด “คุณบริหารบริษัทอะไร? คุณอายุแค่ 29 ปีเอง” สำหรับคุณชินถือว่าก็พอดี หากผู้ชายอายุ 29 ปี จะสามารถรับตำแหน่งผู้จัดการได้ตามปกติ แต่สำหรับการจัดการบริษัท เขายังมองว่ามันค่อนข้างไม่น่าเป็นไปได้ “ผมไม่แน่ใจว่าคุณเคยได้ยินชื่อ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป ไหมครับ?” คุณชิน
”เป็นอย่างนั้นเหรอ?” เขาจี้เข้าไป ขณะที่มองไปที่หน้าของเธอที่ค่อย ๆ พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างมีความหมาย ดิ๊ง! ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง พวกเขาเดินไปยังที่จอดของรถไป๋ ทิงชิน ชิน เหลียนอี รีบที่จะบอกลาเขา “นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้ ลาก่อน บ๊ายบาย” เธอรีบหันกลับไปทันที อย่างไรก็ตาม ไป๋ ทิงชิน ก็เอื้อมมือไปจับแขนของเธอก่อนที่จะดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา “อ้า!” ชิน เหลียนอี ร้องตะโกนเบา ๆ ขณะที่จมูกของเธอชนเข้ากับหน้าอกของไป๋ ทิงชิน ‘มันเจ็บนะ!’ ชิน เหลียนอี ลูบที่จมูกของเธอ จมูกของเธอเคยได้รับความบาดเจ็บที่คล้าย ๆ กันหลาย ๆ ครั้งในอดีต แม้ว่าจมูกของเธอจะทำมาจากเหล็ก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทนต่อความเจ็บปวดได้มากขนาดนั้น ไป๋ ทิงชิน ก้มลงและนำริมฝีปากของเขาเข้ามาใกล้หูของเธอขณะที่เขากระซิบ “คุณจะไม่ได้พูดแบบนั้นตราบใดที่ผมยังปิดปากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรม คุณจะเห็นด้วยกับคำของผมไหม?” หูของ ชิน เหลียนอี ถูกระตุ้นด้วยลมหายใจของไป๋ ทิงชิน เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอค่อย ๆ เริ่มร้อนขึ้น “คุณมีอะไรจะขอบ้าง?” ชิน เหลียนอี เลียริมฝีปากที่ค่อนข้างจะแห้งของเธอ “ผมอยากให้คุณจูบผมและบอ
เมื่อ หลิง อี้หราน ทำงานที่ร้านอาหารเสร็จแล้วเธอก็พูดกับโจว เชียนหยุน เจ้านายสาวของเธอว่า “พี่โจวคะ พรุ่งนี้ฉันขอลาหยุดได้ไหมคะ ฉันต้องไปเยี่ยมหลุมศพของแม่และสักการะ” แม้ว่าวันต่อมาจะเป็นวันเช็งเม้งซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ และวันหยุดก็มักหมายความว่าร้านอาหารลูกค้าก็จะเต็มร้าน โดยปกติแล้วพนักงานร้านอาหารมักไม่อนุญาตให้ลาในวันหยุดนักขัตฤกษ์ โจว เชียนหยุน ค่อนข้างตกใจที่แม่ของหลิง อี้หราน จากไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหาว่าเธอจะไปในช่วงบ่าย ฉันจะบอกให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้สองสามอย่างให้เธอเอาไปไหว้ที่หลุมศพนะ” “ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร ฉันเตรียมพวกนั้นเองค่ะ” หลิง อี้หราน ต้องการทำอาหารให้แม่ของเธอด้วยตัวเอง ตอนที่แม่ของหลิง อี้หราน ยังมีชีวิตอยู่เธอยังเด็ก ตอนนี้ หลิง อี้หราน โตเป็นผู้ใหญ่และรู้วิธีทำอาหารแล้วเธอจึงอยากแสดงฝีมือให้แม่ของเธอได้เห็น “งั้นตอนนี้ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ” หลิง อี้หรานกล่าว “ได้จ้า” โจว เชียนหยุน ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เธออยากจะพูด แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันไว้กับตัวเอง ‘ตั้งแต่ที่ อี้ หราน บอกว่าเธอไม่ได้สนิทกับกู้ ลี่เฉิน ฉันก็ไม่จำเป็นต