เมื่อ หลิง อี้หราน ทำงานที่ร้านอาหารเสร็จแล้วเธอก็พูดกับโจว เชียนหยุน เจ้านายสาวของเธอว่า “พี่โจวคะ พรุ่งนี้ฉันขอลาหยุดได้ไหมคะ ฉันต้องไปเยี่ยมหลุมศพของแม่และสักการะ” แม้ว่าวันต่อมาจะเป็นวันเช็งเม้งซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ และวันหยุดก็มักหมายความว่าร้านอาหารลูกค้าก็จะเต็มร้าน โดยปกติแล้วพนักงานร้านอาหารมักไม่อนุญาตให้ลาในวันหยุดนักขัตฤกษ์ โจว เชียนหยุน ค่อนข้างตกใจที่แม่ของหลิง อี้หราน จากไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหาว่าเธอจะไปในช่วงบ่าย ฉันจะบอกให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้สองสามอย่างให้เธอเอาไปไหว้ที่หลุมศพนะ” “ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร ฉันเตรียมพวกนั้นเองค่ะ” หลิง อี้หราน ต้องการทำอาหารให้แม่ของเธอด้วยตัวเอง ตอนที่แม่ของหลิง อี้หราน ยังมีชีวิตอยู่เธอยังเด็ก ตอนนี้ หลิง อี้หราน โตเป็นผู้ใหญ่และรู้วิธีทำอาหารแล้วเธอจึงอยากแสดงฝีมือให้แม่ของเธอได้เห็น “งั้นตอนนี้ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ” หลิง อี้หรานกล่าว “ได้จ้า” โจว เชียนหยุน ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เธออยากจะพูด แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันไว้กับตัวเอง ‘ตั้งแต่ที่ อี้ หราน บอกว่าเธอไม่ได้สนิทกับกู้ ลี่เฉิน ฉันก็ไม่จำเป็นต
หลังจากที่ หลิง อีหราน วางวัตถุดิบไว้ในตู้เย็นแล้วเธอก็หันกลับไปเห็นอี้ จิ่นหลี พิงขอบประตูห้องครัวพลางครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างขณะที่เขามองเธอ หลิง อี้หราน หันหน้าหนีเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของ อี้ จิ่นหลี แต่ถ้าเธอต้องการออกจากห้องครัวเธอก็จะต้องเจอกับความเป็นไปได้ที่จะต้องถูกเขาดึงแขน “พี่ยังไม่ได้บอกฝันดีกับผมเลยนะ” เขาพูดกับเธอ หลิง อี้หราน สะดุ้งไปชั่วขณะ แต่ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ฝันดีนะ” มีรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าของอี้ จิ่นหลี ในขณะที่เขายังคงจ้องมองเธออยู่ “ฝันดีครับพี่สาว พี่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจมากกว่าเดิมนะครับ” “...” หลิง อี้หราน พูดอะไรไม่ออกและไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร“มีคนแนะนำว่าถ้าผมอยากทำให้พี่ชอบผม ผมควรพยายามทำให้พี่พอใจ” อี้ จิ่นหลี ก้มมองคนตรงหน้าในระดับสายตา “พี่คิดว่ายังไง? พี่จะชอบผมไหม ถ้าผมทำให้พี่ได้พอใจ” หลิง อี้หราน อยากจะกัดลิ้นตัวเอง ดวงตาของเธอเปิดกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่เธอจ้องมองเขา ‘เขากำลังพูดอะไร? เขา... อยากจะเอาใจฉันงั้นเหรอ?’ ‘ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น?’ การแสดงออกของหลิง อี้หราน ดูเหมือนว่าจะทำให้อี้ จิ่นหลี พอใจ “ทำไมเหรอ? พี่ต
“นายลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อของนายไปแล้วเหรอ?” คุณปู่หยิบอดีตขึ้นมาอีกครั้ง “ผมยังไม่ลืมและผมเคยพูดไปแล้วว่าผมจะไม่เดินตามรอยที่พ่อของผมได้ทำ” อี้ จิ่นหลี กล่าว “ถ้าเป็นอย่างนั้น นายก็ควรที่จะไล่ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อ หลิง อี้หราน ออกไปจากคฤหาสน์อี้ ซะ และอย่าให้เธออยู่ในชีวิตของนายอีก” นายท่านอี้ใช่น้ำเสียงดุดัน “ผมเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ” การจ้องมองของอี้ จิ่นหลี มืดลง มันบีบหัวใขของเขามากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของท่านปู่ และปฎิเสธความคิดนี้โดยที่จะไม่ย้อนเรื่องนี้กลับมาคิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง “นี่นาย...!” คุณปู่สำลักลมหายใจขณะจ้องมองไปที่หลานชายของเขา “คุณปู่ ผมจะไม่เดินตามรอยแบบที่พ่อของผมทำ ผมจะดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ผมจะทำให้ อี้หราน เคยชินกับบการที่ได้อยู่กับผม เธอจะไม่มีทางทิ้งผมไปไหนทั้งนั้น” อี้ จิ่นหลี หน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่การคุกคามในสายตาของเขานั้นมันชัดเจนมาก “ดังนั้น ผมหวังว่าคุณปู่จะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของผม หากคุณปู่พยายามจะเข้ามายุ่ง ผมก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะทำอะไรเพื่อ จำกัดเสรีภาพของคุณปู่” นายท่านอี้ โกรธมากจนผิวหน้
การไปเยี่ยมหลุมศพเป็นเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปหลุมฝังศพก็เริ่มแตก ต้องเสียเงินมหาศาลในการซ่อมแซม ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามากในการย้ายหลุมฝังศพไปยังสุสานที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลิง อี้หราน ต้องเข้าคุก ดังนั้นความคิดจึงต้องหยุดลง หลังจากรับโทษแล้ว หลิง อี้หราน ก็เหลือเงินไม่มาก ดังนั้นจึงไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่เธอไม่สามารถจ่ายค่าสถานที่ในสุสานได้เท่านั้น แต่เธอยังไม่สามารถจ่ายค่าแรงให้คนงานที่ช่วยย้ายหลุมฝังศพได้อีกด้วย เมื่อหลิง อี้หราน มาถึงเชิงเขา เธอก็เห็นว่าชาวบ้านตั้งเคาน์เตอร์ลงทะเบียนไว้ใต้เต็นท์ชั่วคราว หลายคนกำลังมาและไปเยี่ยมสุสาน เมื่อถึงคิวของหลิง อี้หราน เธอก็ให้หมายเลขหลุมศพแม่ของเธอ เธอตกใจมากคนที่จัดการเคาน์เตอร์ลงทะเบียนตอบทันทีหลังจากได้ยินหมายเลขโดยพูดว่า “หลุมศพนั้นถูกย้ายแล้ว คุณยังมาที่นี่ทำไม?” “ย้ายแล้วงั้นเหรอ?” หลิง อี้หราน ตะลึง “ใช่แล้วโดยชายที่ชื่อ หลิง กว๋อจื้อ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นสามีของผู้เสียชีวิต” คนที่เคาน์เตอร์มองหาข้อมูลของชายคนนั้น จู่ ๆ หลิง อี้หรานก็นึกขึ้นได้ว่า พ่อของเธอใช้เรื่องย้ายหลุมศพเพื่อขอให้เธอเดินทางกลับ
หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ก็บอกให้เธอรู้ว่าพ่อและแม่เลี้ยงของเธอไปพักร้อนและไม่มีใครอยู่เลย ส่วนหลิง ลั่วอิน ตามที่เพื่อนบ้านบอกเธอซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นและแทบจะไม่ได้กลับมาที่บ้านนี้เลย เมื่อหลิง อี้หราน ได้ยินแบบนั้นเธอก็รู้ว่าพ่อและแม่เลี้ยงของเธอตั้งใจทำแบบนี้ พวกเขารู้ว่าวันนี้เธอจะต้องไปเยี่ยมหลุมศพของแม่เธอ จึงวางแผนที่จะออกไปในเวลานี้ ‘ห้าสิบล้าน’ ขนหัวเธอลุกเมื่อนึกถึงคำพูดขอของพ่อ ด้วยสถารณ์ตอนนี้เธอไม่มีทางผลิตเงินห้าสิบล้านให้พ่อได้! หลังจากที่ หลิง อี้หราน บอกลาเพื่อนบ้านแล้วเธอก็โทรหา หลิง ลั่วอิน “เธออยู่ไหน? ฉันต้องการจะพบเธอ” “ฉันขอโทษนะ แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก” หลิง ลั่วอิน ตอบแบบเฉยชา “ฉันอยากถามเธอแค่คำถามเดียวว่าพ่อย้ายหลุมศพของแม่ฉันไปที่ไหน?” หลิง อี้หรานถาม “ฉันไม่รู้” น้ำสียงของ หลิง ลั่วอิน เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “แล้วพวกเขาไปพักร้อนที่ไหนกัน? เธอน่าจะรู้” “โอ้ น่าเศร้าจริง ๆ เพราะฉันไม่รู้ ทำไมไม่ให้ฉันบอกกับพวกเขาว่าเธอมาตามหาพวกเขาหลังจากที่พวกเขากลับมาล่ะ?” ตอนนี้หลิง อี้หราน ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในโทรศัพท์ “ลิปสติกสี
ในขณะเดียวกันริมฝีปากอีกคู่ที่ไม่เคยทาลิปสติกมาก่อนเลยก็ปรากฎขึ้นในความคิดของเขาด้วย สีที่เป็นธรรมชาติ โทนสีชมพูอ่อนนั้นดูเป็นธรรมชาติมากจนทำให้รู้สึกว่าเป็นสีปากที่ดีที่สุด “เช็ดมันออกซะ” กู้ ลี่เฉิน พูดอย่างชัดเจน “อะไรนะ?” หลิง ลั่วอิน ไม่เข้าใจในคำพูดที่เขาต้องการจะสื่อ “ผมบอกว่าเช็ดลิปสติกของคุณออกเดี๋ยวนี้” กู้ ลี่เฉิน กล่าว หลิง ลั่วอิน อึ้ง ตอนนี้พวกเขา... อยู่ในระหว่างทางไปงาน เธอแต่งตัวอย่างหรูหราสุด ๆ เพราะต้องการที่จะเจิดจรัสท่ามกลางฝูงมวลชน หากเธอเช็ดลิปสติกออกไปการแต่งหน้าของเธอก็จะไม่น่าดึงดูดใจ จากนั้นเธอก็จะไม่โด่ดเด่นในฝูงชนและกลายเป็นตัวตลกของงานแทน “ตอนนี้เหรอคะ? แต่เรากำลังจะไปถึงงานเลี้ยง...” “ตอนนี้” กู้ ลี่เฉิน ขัดจังหวะเธอ มีการแสดงออกถึงความไม่พอใจในแววตาที่เหมือนนกฟีนิกซ์ของเขา หลิง ลั่วอิน ไม่มีทางเลือกในขณะที่เธอไม่กล้าที่จะขัดใจ กู้ ลี่เฉิน สิ่งที่เธอทำได้คือ กัดริมฝีปากเบา ๆ และหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดริมฝีปาก ในทางกลับกัน กู้ ลี่เฉิน หยิบกำไลสีเงินออกมาและมองไปที่มัน เขาใช้นิ้วลูบเบา ๆ และเหมือนกับว่าเขากำลังมองคนรักของเขา ความอ่อนโยนในแววต
อี้ จิ่นหลี รู้ว่าหลิง อี้หราน ไม่ชอบความมืด แม้กระทั่งเวลาเข้านอนเธอก็มักจะเปิดไฟนอน เมื่อก่อนตอนที่พวกเขายังอยู่ในบ้านเช่า เธอสามารถนอนหลับได้โดยที่ปิดไฟได้สักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามในภายหลังเธอก็กลับมามีนิสัยการเปิดไฟนอนหลับอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้อยู่ห้องเหรอ? อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังหันไปเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ในลำคอ เธออยู่นั่น! เขาหยุดเดินชั่วคราว จากนั้นมือของเขาก็เอื้อมไปที่กำแพงเพื่อเปิดไฟ ดังนั้นแสงจึงสาดเข้าไปในห้อง ทั้งหมดที่อี้ จิ่นหลี ได้มองเห็นก็คือร่างบาง ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง เธอกำลังหมอบโดยหันหลังให้กำแพง ใบหน้าของเธอหลบอยู่ในหัวเข่าและไหล่ของเธอกระตุก เสียงสะอื้นเบา ๆ ที่อัดอั้นมาจากเธออย่างต่อเนื่อง เธอร้องไห้หรือเปล่า? ดวงตาสีดำของเขาหรี่ลงและเขาก็รีบเดินไปหาเธอหมอบลงและมองไปที่เธอ เขาถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?” หลิง อี้หราน สะดุ้งกับเสียงของเขา เธอขยับหัวเล็กน้อยเธอเงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยดวงตาสีอัลมอนด์ที่มีคราบน้ำตาของเธอ ตาของเธอแดงและบวมและเธอก็ร้องไห้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ใบหน้าของเธอเปียกไปด้วยน้ำตาแรแสดงออกที่เปาะบางแล
”ใช่” เธอสำลัก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินห้าสิบล้านเหรียญจากไหนได้อีก ทันใดนั้น อี้ จิ่นหลี หัวเราะเบา ๆ “ผมไม่ต้องการ!” มันทำให้ร่างกายของหลิง อี้หราน แข็งทื่อและทันใดนั้นเธอก็ดูเหมือนลูกบอลที่ไร้ลม แม้ว่าหนทางสุดท้ายของเธอหายไป ใช่ แน่นอนว่าเขาจะปฏิเสธเธอ อะไรที่เธอคิดว่าถ้าเธออยู่กับเขาและยอมทุกอย่างที่เขาขอเขาจะให้เงินเธอห้าสิบล้านเหรียญ? หลิง อี้หราน หัวเราะกับตัวเอง เป็นเพราะเธอคิดว่าเธอมีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอเพราะเธอคิดว่าความสนใจของเขาที่มีต่อเธอมันมีมูลค่าถึงห้าสิบล้านเหรียญเลยเหรอ? หลิง อี้หราน ก้มหัวลงเงียบ ๆ มือของเธอที่เคยจับมือของอี้ จิ่นหลี ก็ดูเหมือนจะสูญเสียแรงกำลังทั้งหมดในขณะที่ปล่อยไป อี้ จิ่นหลี มองไปที่หลิง อี้หราน อย่างมืดมนและหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ผมคิดว่าพี่ควรพักผ่อนบ้างจะดีกว่านะพี่สาว ผมจะบอกให้สาวใช้หาอะไรให้พี่กินก่อนเข้านอน” จากนั้น อี้ จิ่นหลี ก็เดินออกจากห้องไปและหลิง อี้หราน ก็ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องนั้นคนเดียว มือของ หลิง อี้หราน โอบรอบตัวเองอย่างช้า ๆ แน่นอนว่า... เธอถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าควา