“สวัสดีจ่ะ” คุณชินและคุณนายชิน ตอบกลับอย่างรวดเร็ว คุณชินเชิญไป๋ ทิงซิน นั่งลงในขณะที่คุณนายชินดึงลูกสาวของเธอไปข้าง ๆ “นี่แฟนเธอเหรอ? เขาไม่ใช่คนที่เธอจ้างมาเพื่อตบตาใช่ไหม? ชิน เหลียนอี กลอกตาของเธอ “แม่จะคิดว่าเขาเป็นตัวแสดงที่ฉันจ้างมาก็ได้นะ” คุณนายชินโกรธมาก “เด็กอะไรเนี่ย! พูดแบบนั้นได้อย่างไร ได้เลยงั้นก็ไปเอาน้ำชามาเสิร์ฟ” จากนั้นคุณนายชินก็ทำหน้าตาอย่างเป็นมิตรและเดินไปที่ไป๋ ทิงชินเนื่องจาก ชิน เหลียนอี ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่เสิร์ฟ เธอจึงตรงไปที่ห้องครัวเพื่อจะเตรียมน้ำชา เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเธอพร้อมกับถาดน้ำชา เธอก็เห็นทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน “ทิงชิน คุณบอกว่าคุณรู้จักกับเหลียนอีในขณะที่อยู่ต่างประเทศ ดั้งนั้นคุณสองคนก็ติดต่อกันมาตลอดหลายปีแล้วใช่ไหม?” “ไม่ครับ เราไม่ได้ติดต่อกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ผมกลับเข้ามาในประเทศ ผมก็ได้พบกับเหลียนอีโดยบังเอิญที่ถนนแห่งหนึ่งและเราก็ได้ติดต่อกัน ถ้าพูดตรง ๆ คือผมตามหาเหลียนอีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และโชคดีที่ผมได้มาพบกับเธอ” ไป๋ ทิงชิน ยิ้ม เขามองไปที่ชิน เหลียนอี ขณะที่เขาพูดแบบนั้น จากมุม
“คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ” เธอตอบ ท้ายที่สุดแล้ว เธอมีเงินจำนวนจำกัด และก็มีแค่ชีวิตเดียวของเธอนี่แหละที่จะให้ได้ “ตกลง” เขาตอบ เธอผงะไปชั่วขณะ ‘เขาแค่... ตกลงตามคำขอของฉันใช่ไหม? เขาเป็นคนค่อนข้างง่ายจัง’ “มือของพี่เป็นอย่างไรบ้าง? มันยังร้อนอยู่ไหม” สายตาของเขาเปลี่ยนไปมองที่มือของเธอที่ยังอยู่ในน้ำเย็น ๆ “ตอนนี้ไม่ค่อยเจ็บแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในน้ำเย็นสักพักหนึ่ง ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันก็น่าจะดีขึ้น” เธอตอบ จากนั้นเขาก็ปิดก๊อกน้ำและหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกติดตัวมาเพื่อเช็ดมือเธอให้แห้ง “ที่บ้านของคุณมีครีมทาไหม? มันยังดูค่อนข้างบวมอยู่ถ้าจะให้ดีคุณควรทาครีมบาง ๆ นะ” “โอ้ เรามี” “ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย” ชิน เหลียนอี วิ่งไปที่ห้องของเธอเพื่อไปเอาครีมทาสำหรับผิวไหม้ เมื่อเธอถือครีมเธอก็นึกขึ้นได้ ‘ทำไมฉันถึงเชื่อฟังเขาแบบนี้ล่ะ?’ อย่างไรก็ตาม นั่นยังคงเป็นเพียงแค่ความคิด เธอก็ยังคงต้องเอาครีมและออกจากห้องของเธอ เมื่อเธอก้าวออกไปเธอก็เห็นไป๋ ทิงซิน คุยกับพ่อแม่ของเธอในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเข้ามาใกล้ ๆ เธอก็ได้ยินแม่พูดว่า “โอ้ เป็นอย่างนั้นเองเหรอ เหลียนอีส่งคุณ
“ผมมีพี่น้องคนละแม่ที่มีพ่อคนเดียวกัน พ่อของผมมีผู้หญิงค่อนข้างหลายคน เขาจึงมีลูกเพิ่มครับ” คุณชินและคุณนายชิน ไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ ดังนั้นบรรยากาศเลยค่อนข้างตึงเครียด พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรกันต่ออย่างไง ชิน เหลียนอี จึงกล่าวขึ้นทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรว่า “แม่คะพ่อคะ นั้นมันเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน พ่อแม่เขาก็คือพ่อแม่เขา ส่วนเขาก็คือตัวเขาเอง” ไป๋ ทิงชิน ค่อนข้างประหลาดใจกับชิน เหลียนอี ในขณะที่เขามองเธอด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยคิดได้แบบนี้มาก่อน คุณชินตอบกลับก่อนและยอมรับ “อันที่จริง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน ดังนั้น... ทิงชินง ตอนนี้คุณทำงานอะไร?” “ผมบริหารจัดการบริษัทเป็นหลักครับ” ไป๋ ทิงชิน ตอบ “บริหารจัดการบริษัทเหรอ?” คุณชินมองไปที่เขาด้วยความไม่เชื่อ เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะได้ยินผิด “คุณบริหารบริษัทอะไร? คุณอายุแค่ 29 ปีเอง” สำหรับคุณชินถือว่าก็พอดี หากผู้ชายอายุ 29 ปี จะสามารถรับตำแหน่งผู้จัดการได้ตามปกติ แต่สำหรับการจัดการบริษัท เขายังมองว่ามันค่อนข้างไม่น่าเป็นไปได้ “ผมไม่แน่ใจว่าคุณเคยได้ยินชื่อ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป ไหมครับ?” คุณชิน
”เป็นอย่างนั้นเหรอ?” เขาจี้เข้าไป ขณะที่มองไปที่หน้าของเธอที่ค่อย ๆ พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างมีความหมาย ดิ๊ง! ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง พวกเขาเดินไปยังที่จอดของรถไป๋ ทิงชิน ชิน เหลียนอี รีบที่จะบอกลาเขา “นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้ ลาก่อน บ๊ายบาย” เธอรีบหันกลับไปทันที อย่างไรก็ตาม ไป๋ ทิงชิน ก็เอื้อมมือไปจับแขนของเธอก่อนที่จะดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา “อ้า!” ชิน เหลียนอี ร้องตะโกนเบา ๆ ขณะที่จมูกของเธอชนเข้ากับหน้าอกของไป๋ ทิงชิน ‘มันเจ็บนะ!’ ชิน เหลียนอี ลูบที่จมูกของเธอ จมูกของเธอเคยได้รับความบาดเจ็บที่คล้าย ๆ กันหลาย ๆ ครั้งในอดีต แม้ว่าจมูกของเธอจะทำมาจากเหล็ก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทนต่อความเจ็บปวดได้มากขนาดนั้น ไป๋ ทิงชิน ก้มลงและนำริมฝีปากของเขาเข้ามาใกล้หูของเธอขณะที่เขากระซิบ “คุณจะไม่ได้พูดแบบนั้นตราบใดที่ผมยังปิดปากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรม คุณจะเห็นด้วยกับคำของผมไหม?” หูของ ชิน เหลียนอี ถูกระตุ้นด้วยลมหายใจของไป๋ ทิงชิน เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอค่อย ๆ เริ่มร้อนขึ้น “คุณมีอะไรจะขอบ้าง?” ชิน เหลียนอี เลียริมฝีปากที่ค่อนข้างจะแห้งของเธอ “ผมอยากให้คุณจูบผมและบอ
เมื่อ หลิง อี้หราน ทำงานที่ร้านอาหารเสร็จแล้วเธอก็พูดกับโจว เชียนหยุน เจ้านายสาวของเธอว่า “พี่โจวคะ พรุ่งนี้ฉันขอลาหยุดได้ไหมคะ ฉันต้องไปเยี่ยมหลุมศพของแม่และสักการะ” แม้ว่าวันต่อมาจะเป็นวันเช็งเม้งซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ และวันหยุดก็มักหมายความว่าร้านอาหารลูกค้าก็จะเต็มร้าน โดยปกติแล้วพนักงานร้านอาหารมักไม่อนุญาตให้ลาในวันหยุดนักขัตฤกษ์ โจว เชียนหยุน ค่อนข้างตกใจที่แม่ของหลิง อี้หราน จากไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “ได้สิ ไม่มีปัญหาว่าเธอจะไปในช่วงบ่าย ฉันจะบอกให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้สองสามอย่างให้เธอเอาไปไหว้ที่หลุมศพนะ” “ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร ฉันเตรียมพวกนั้นเองค่ะ” หลิง อี้หราน ต้องการทำอาหารให้แม่ของเธอด้วยตัวเอง ตอนที่แม่ของหลิง อี้หราน ยังมีชีวิตอยู่เธอยังเด็ก ตอนนี้ หลิง อี้หราน โตเป็นผู้ใหญ่และรู้วิธีทำอาหารแล้วเธอจึงอยากแสดงฝีมือให้แม่ของเธอได้เห็น “งั้นตอนนี้ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ” หลิง อี้หรานกล่าว “ได้จ้า” โจว เชียนหยุน ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เธออยากจะพูด แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันไว้กับตัวเอง ‘ตั้งแต่ที่ อี้ หราน บอกว่าเธอไม่ได้สนิทกับกู้ ลี่เฉิน ฉันก็ไม่จำเป็นต
หลังจากที่ หลิง อีหราน วางวัตถุดิบไว้ในตู้เย็นแล้วเธอก็หันกลับไปเห็นอี้ จิ่นหลี พิงขอบประตูห้องครัวพลางครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างขณะที่เขามองเธอ หลิง อี้หราน หันหน้าหนีเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของ อี้ จิ่นหลี แต่ถ้าเธอต้องการออกจากห้องครัวเธอก็จะต้องเจอกับความเป็นไปได้ที่จะต้องถูกเขาดึงแขน “พี่ยังไม่ได้บอกฝันดีกับผมเลยนะ” เขาพูดกับเธอ หลิง อี้หราน สะดุ้งไปชั่วขณะ แต่ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ฝันดีนะ” มีรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าของอี้ จิ่นหลี ในขณะที่เขายังคงจ้องมองเธออยู่ “ฝันดีครับพี่สาว พี่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจมากกว่าเดิมนะครับ” “...” หลิง อี้หราน พูดอะไรไม่ออกและไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร“มีคนแนะนำว่าถ้าผมอยากทำให้พี่ชอบผม ผมควรพยายามทำให้พี่พอใจ” อี้ จิ่นหลี ก้มมองคนตรงหน้าในระดับสายตา “พี่คิดว่ายังไง? พี่จะชอบผมไหม ถ้าผมทำให้พี่ได้พอใจ” หลิง อี้หราน อยากจะกัดลิ้นตัวเอง ดวงตาของเธอเปิดกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่เธอจ้องมองเขา ‘เขากำลังพูดอะไร? เขา... อยากจะเอาใจฉันงั้นเหรอ?’ ‘ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น?’ การแสดงออกของหลิง อี้หราน ดูเหมือนว่าจะทำให้อี้ จิ่นหลี พอใจ “ทำไมเหรอ? พี่ต
“นายลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อของนายไปแล้วเหรอ?” คุณปู่หยิบอดีตขึ้นมาอีกครั้ง “ผมยังไม่ลืมและผมเคยพูดไปแล้วว่าผมจะไม่เดินตามรอยที่พ่อของผมได้ทำ” อี้ จิ่นหลี กล่าว “ถ้าเป็นอย่างนั้น นายก็ควรที่จะไล่ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อ หลิง อี้หราน ออกไปจากคฤหาสน์อี้ ซะ และอย่าให้เธออยู่ในชีวิตของนายอีก” นายท่านอี้ใช่น้ำเสียงดุดัน “ผมเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ” การจ้องมองของอี้ จิ่นหลี มืดลง มันบีบหัวใขของเขามากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของท่านปู่ และปฎิเสธความคิดนี้โดยที่จะไม่ย้อนเรื่องนี้กลับมาคิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง “นี่นาย...!” คุณปู่สำลักลมหายใจขณะจ้องมองไปที่หลานชายของเขา “คุณปู่ ผมจะไม่เดินตามรอยแบบที่พ่อของผมทำ ผมจะดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ผมจะทำให้ อี้หราน เคยชินกับบการที่ได้อยู่กับผม เธอจะไม่มีทางทิ้งผมไปไหนทั้งนั้น” อี้ จิ่นหลี หน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่การคุกคามในสายตาของเขานั้นมันชัดเจนมาก “ดังนั้น ผมหวังว่าคุณปู่จะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของผม หากคุณปู่พยายามจะเข้ามายุ่ง ผมก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะทำอะไรเพื่อ จำกัดเสรีภาพของคุณปู่” นายท่านอี้ โกรธมากจนผิวหน้
การไปเยี่ยมหลุมศพเป็นเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปหลุมฝังศพก็เริ่มแตก ต้องเสียเงินมหาศาลในการซ่อมแซม ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามากในการย้ายหลุมฝังศพไปยังสุสานที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลิง อี้หราน ต้องเข้าคุก ดังนั้นความคิดจึงต้องหยุดลง หลังจากรับโทษแล้ว หลิง อี้หราน ก็เหลือเงินไม่มาก ดังนั้นจึงไม่เพียงพอ ไม่เพียงแต่เธอไม่สามารถจ่ายค่าสถานที่ในสุสานได้เท่านั้น แต่เธอยังไม่สามารถจ่ายค่าแรงให้คนงานที่ช่วยย้ายหลุมฝังศพได้อีกด้วย เมื่อหลิง อี้หราน มาถึงเชิงเขา เธอก็เห็นว่าชาวบ้านตั้งเคาน์เตอร์ลงทะเบียนไว้ใต้เต็นท์ชั่วคราว หลายคนกำลังมาและไปเยี่ยมสุสาน เมื่อถึงคิวของหลิง อี้หราน เธอก็ให้หมายเลขหลุมศพแม่ของเธอ เธอตกใจมากคนที่จัดการเคาน์เตอร์ลงทะเบียนตอบทันทีหลังจากได้ยินหมายเลขโดยพูดว่า “หลุมศพนั้นถูกย้ายแล้ว คุณยังมาที่นี่ทำไม?” “ย้ายแล้วงั้นเหรอ?” หลิง อี้หราน ตะลึง “ใช่แล้วโดยชายที่ชื่อ หลิง กว๋อจื้อ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นสามีของผู้เสียชีวิต” คนที่เคาน์เตอร์มองหาข้อมูลของชายคนนั้น จู่ ๆ หลิง อี้หรานก็นึกขึ้นได้ว่า พ่อของเธอใช้เรื่องย้ายหลุมศพเพื่อขอให้เธอเดินทางกลับ