ในที่สุดการโทรก็สิ้นสุดลง หลิง อี้หราน จึงกล่าวว่า “แม่ของเธอพูดอะไร? เธอถึงได้ดูน่าอนาถใจขนาดที่ต้องพูดถึงการคุกเข่าบนแป้นพิมพ์เชียว"“จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? นัดดูตัวไง” ชิน เหลียนอี พูดขณะที่เธอกลอกตา “แม่บอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนน่าจับ แม่ถึงขนาดจัดการกับป้าคนอื่น ๆ เพื่อที่จะให้ฉันได้ไปเดทก่อน"ชิน เหลียนอี พูดไม่ออกกับความคิดของแม่ของเธอดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะคิดว่าถ้าเธอไม่สามารถแต่งงานได้ในสองปีนี้ เธออาจจะไม่มีได้วันแต่งงาน“งั้นไปเจอเขาเถอะ คิดซะว่ามันเป็นโอกาสไง” หลิง อี้หราน กล่าวหลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง“ไม่ล่ะ ฉันหงุดหงิดพอแล้ว ฉันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ถ้าไปนัดดูตัวอีก” ชิน เหลียนอี อยากจะกระอักเป็นเลือดทุกครั้งที่เธอคิดว่า แม่ของเธอจะหลอกให้เธอไปนัดดูตัวด้วยวิธีไหน“ทำไมล่ะ? มีอย่างอื่นอีกเหรอ?” หลิง อี้หราน ถามชิน เหลียนอี มองไปที่เพื่อนสนิทของเธอก่อนที่จะกล่าวว่า “เธอจะตกใจไหมถ้าฉันบอกว่าฉันกำลังคบกับไป๋ ทิงซิน อยู่?"หลิง อี้หราน แทบจะสำลักน้ำลายของเธอเอง “เธอกำลังคบกับไป๋ ทิงซิน เหรอ? เธอไม่ได้บอกว่าเขาจะแก้แค้นเธอเหรอ?”“ใช่ แก้แค้น” ชิน เหลียนอี พยักหน้า
ท้ายที่สุด... เหลียนอีก็ไม่เคยได้สัมผัสกับด้านมืด ต่างจากเธอที่เคยเห็นความมืดมิดในคุกจนบางครั้งเธอก็ไม่มีแรงแม้แต่จะร้องไห้“พรวดดด!” ชิน เหลียน พ่นพุดดิ้งที่เธอยังไม่ทันได้กลืนออกมา และรีบเอาทิชชู่มาเช็ด จากนั้นเธอก็กล่าวกับหลิง อี้หราน ว่า “อย่างน้อยก็ช่วยตลกตอนที่ฉันไม่ได้กินอะไรได้ไหม อี้หราน เธอจะตลกเกินไปแล้ว”“ก็ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ” หลิง อี้หราน กล่าวพวกเธอจ้องหน้ากันเป็นเวลานานก่อนที่ ชิน เหลียนอี จะหัวเราะออกมา และกล่าวว่า "เราไม่ได้มีความหมายสำหรับกันและกันขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะตกหลุมรักฉันอยู่จริง ๆ ก็ตาม เธอคิดว่าตระกูลไป๋เป็นครอบครัวแบบไหน? ถ้าฉันคบกับเขาจริง ๆ ชีวิตที่เหลือของฉันคงจะต้องต่อสู้ในครอบครัวใหญ่ที่ร่ำรวยอยู่ตลอดเวลา ดูจากทักษะของฉันแล้ว ฉันคิดว่าฉันคงจะพ่ายแพ้เป็นเสี่ยง ๆ ในไม่กี่นาที”“เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ เธอบอกว่าได้งานใหม่ เป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?" ชิน เหลียนอี ถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง“ก็ไม่แย่นะ เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ เงินเดือนสี่พันดอลลาร์ ต่อเดือน มันไม่เยอะแต่เจ้าของร้านน่ารักและรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีกับพนักงานคนอื่น ๆ” หลิ
เอาล่ะ! ใช่เขาแน่นอนชิน เหลียนอี ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “คุณคือคุณจาง จาง กวางเทียน ใช่ไหมคะ? สวัสดีค่ะ ฉันคือชิน เหลียนอี”“สวัสดีครับ” เขาตอบขณะที่มองไปที่เธอ“ก็... ฉันอยากจะบอกคุณว่าฉัน...” ชิน เหลียนอี อยากจะขอโทษเขา ที่เธอมานัดดูตัวในวันนี้ มันไม่มีความหมายจริง ๆ สำหรับเธอ เธอแค่อยากจะจัดการกับแม่ของเธอ เธอจะเลี้ยงข้าวเย็นเขาในภายหลัง และจะเป็นเพื่อนกับเขาก่อนที่เธอจะกล่าวจบประโยค เขาก็ขัดจังหวะเธอ “ทำไมเราไม่ไปเดินเล่นกันล่ะ? ผมเห็นสวนสาธารณะเล็ก ๆ ข้างซูเปอร์มาร์เก็ต ทำไมเราไม่ไปที่นั่นกัน?”ฮะ? สวนสาธารณะ?ชิน เหลียนอี มองไปที่ท้องฟ้าที่มืดลงแล้วและมองไปที่นาฬิกา เป็นเวลาห้าโมงเย็นและเกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว “คุณไม่อยากทานอะไรก่อนเหรอคะ?”คำพูดของเธอเป็นคำเตือนที่ดี ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำผู้คนจะต้องต่อคิวรอร้านอาหารมากมายในบริเวณนี้ หากพวกเขาไปทานอาหารเย็นหลังจากเดินเล่นในสวนสาธารณะ หลังจากนั้นมันจะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องรอคิวซื้ออาหารนานพอสมควร“ผมยังไม่หิว เรามาคุยกันก่อนเถอะครับ” จาง กวางเทียน กล่าวชิน
“เขาเป็นใครคุณชิน?” จาง กวางเทียน ถาม“บอกเขาไปสิ ผมเป็นใคร?” ไป๋ ทิงซิน กล่าวขณะที่เขามองไปที่ชิน เหลียนอีทันใดนั้น ทั้งสองคนก็มองมาที่เธอ ชิน เหลียนอี รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะถูกจ้องมองอย่างกดดันจากสายตาของผู้ชายสองคนคนหนึ่งเป็นคนนัดดูตัวที่แม่ของเธอไปฉกเขามา ในขณะที่อีกคนเป็นแฟนที่เพิ่งคบกันที่มาตามทวงหนี้ เธอไม่สามารถที่จะขัดใจเขาทั้งสองคนได้!หลังจากเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว เธอจะเลือกคนที่มีความเสียหายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแม่ของเธอที่อยู่เบื้องหลังชายคนนี้ ชิน เหลียนอี ยังคงรู้สึกว่าเธอไม่สามารถขัดใจไป๋ ทิงซิน ได้ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนล้าและกล่าวกับจาง กวางเทียน ว่า “คุณจาง ฉันเกือบลืมไปแล้ว นี่คือแฟนของฉันค่ะ เอ่อ เขานามสกุลไป๋”ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของจาง กวังเทียน ก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นทันที “แฟน? คุณมีแฟนเหรอ?”“ใช่... ใช่ ฉันมี...” ชิน เหลียนอี ตอบเขาอย่างรู้สึกผิด ไม่ว่าก่อนหน้านี้จาง กวางเทียน จะแปลกประหลาดแค่ไหน แต่ในกรณีนี้เธอเป็นฝ่ายผิดจาง กวางเทียน ตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงขึ้นและตะโกนใส่ชิน เหลียนอี ว่า “ผมใจดีขนาดไหนที่มานัดดูตัวกับคุณ แต่คุณมี
ชิน เหลียนอี แทบจะสำลักคำพูดของเขา นอกใจ? ห่าอะไร! ฉันไม่ได้นอกใจ!แต่ต่อหน้าไป๋ ทิงซิน เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและอธิบายว่า “อืม... แม่ของฉันบังคับให้ฉันไปนัดดูตัว เธอจะไม่ยอมถ้าฉันไม่ทำ ฉันพยายามบอกเขาว่าฉันมีแฟนแล้ว แต่เขาขัดจังหวะฉันตลอด”เธอไม่ได้โกหก“แม่ของคุณบังคับให้คุณไปนัดดูตัวเหรอ?” เขาถามขณะเลิกคิ้ว"ใช่ ใช่!" เธอยิ้มอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้แม่ของเธอบีบบังคับเธอมาก เพื่อให้เธอไปนัดดูตัว เธอเป็นคนที่ถูกทรมาณ“คุณไม่ได้บอกครอบครัวว่ามีแฟนเหรอ?” เขาถามด้วยแววตาที่ประกายไปด้วยความอันตรายชิน เหลียนอี รู้สึกผิดทันที บอกพ่อกับแม่งั้นเหรอ? เธอควรจะบอกพวกเขายังไง? แค่ตัวตนของไป๋ ทิงซิน ก็อาจทำให้แม่และพ่อของเธอหวาดกลัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ… เธอกับไป๋ ทิงซิน ยังไม่ลงรอยกัน พวกราแค่แสร้งทำเป็นคู่รักเท่านั้น“เราเริ่มออกเดทกันอย่างกะทันหัน มันอาจจะทำให้พ่อแม่ของฉันตกใจถ้าฉันบอกพวกเขาว่ามีแฟนแล้ว ฉันคิดจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อคุยกับพวกเขาในภายหลัง” ชิน เหลียนอี พยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ว่าเธอจะตั้งใจไม่บอกพวกเขาเลยก็ตาม“คุณจะบอกพวกเขาไหม?” ไป๋ ทิงซิน หรี่ตา“ฉันส
เธอดูเหมือนลูกหมูจอมตะกละแม้ว่าไป๋ ทิงซิน จะไม่รู้ว่าร้านอาหารร้านไหนมีรสชาตดีในย่านนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะชิน เหลียนอี จะพาไปร้านที่เธอชอบ“ร้านนี้เสิร์ฟอาหารจานพิเศษ บางอย่างหาไม่ได้จากร้านอาหารอื่น มีที่นี่เท่านั้นนะ” เมื่อพวกเขาอยู่ในร้านอาหาร ชิน เหลียนอี หยิบเมนูและเริ่มสั่งอาหารอย่างกระตือรือร้นเธอเริ่มแนะนำอาหารที่เธอสั่งให้เขาฟัว เมื่อเธอแนะนำไปได้ครึ่งทาง เธอกลับพบว่าไป๋ ทิงซิน จ้องมองเธออย่างเศร้าโศก“เอ่อ ขอโทษ ฉันพูดมากเกินไปหน่อย” เธอกล่าว“ไม่เป็นไร คุณแนะนำต่อเลย ผมจะฟัง” ไป๋ ทิงซิน กล่าวเสียงเบาชิน เหลียนอี แตะจมูกของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรต่อ ทันใดนั้น “ก็... ทำไมวันนี้คุณมาที่นี่?” เธอถามขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร แต่จากนั้นเธออยากจะกัดลิ้นตัวเองทันทีที่ถามจบไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะผ่านพ้นปัญหาจากการนัดดูตัว และตอนนี้เธอกำลังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกครั้งแน่นอนว่าเขามองมาที่เธอและกล่าวว่า “ถ้าผมไม่มา คุณจะทานอาหารเย็นกับผู้ชายคนนั้นไหม?”ใบหน้าของเธอแดงจากการสำลักกับคำพูดของเขา “จะเป็น… ไปได้ยังไง?” อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยกับคำตอบขอ
“คิด...” จู่ ๆ เธอก็ตัวสั่น ดวงตาของเธอจ้องตรงไปที่คนตรงหน้าเธอ ลองคิดดูตอนนี้ไป๋ ทิงซิน หัวหน้าของตระกูล ไป๋ แน่นอนว่าเขามีคนรู้จักในวงกว้าง ถ้าไป๋ ทิงซิน ช่วยเธอสืบคดีของอี้หรานก็จะง่ายที่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่าด้วยเหตุนี้ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น เธอมองไปที่ไป๋ ทิงซิน เหมือนกำลังมองขนมปังที่อบสดใหม่“อืม... ฉันรู้ว่าฉันทำผิดและฉันยอมรับทุกสิ่งที่คุณพูด ฉันสัญญาว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ แต่... คุณช่วยอะไรฉันนิดหน่อยได้ไหมในขณะที่เรากำลังออกเดทกัน?” ชิน เหลียนอี มองไปที่เขาอย่างคาดหวัง“ช่วยเหลือ?” ไป๋ ทิงซิน ประหลาดใจเล็กน้อย “อะไรคือ ‘ช่วยนิดหน่อย’ ที่คุณต้องการให้ผมช่วย?" เมื่อพิจารณาจากท่าท่างประจบสอพลอของเธอแล้ว น่าจะไม่นิดหน่อย“เอ่อ เพื่อนของฉัน อี้หราน คนที่มาหาฉันกับอี้ จิ่นหลี เมื่อวันก่อน… เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาชญากรรมและใช้เวลาสามปีในคุก แต่จริง ๆ แล้วเธอถูกเข้าใจผิด เราไม่เคยพบหลักฐานที่จะช่วยเหลือเธอได้เลย แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เราพบเบาะแสบางอย่าง คุณช่วยติดตามดูเบาะแสและดูว่ามีอะไรช่วยทำให้คดีพลิกได้บ้าง ได้ไหม?” ชิน เหลียนอี กล่าวไป๋ ทิงซิน
เขามองไปที่มือของเธออย่างแน่วแน่ ตอนนี้มือของเธอจับเขาราวกับว่ามือคู่นั้นกำลังแสดงความดีใจเขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเพราะรอยยิ้มของเธอไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะหลิง อี้หรานเห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หราน มีความสำคัญกับเธอมากกว่าเขามาก!...กู้ ลี่เฉิน เอนหลังพิงเบาะและลูบขมับเบา ๆ อยู่ภายในรถเลขาของเขาซึ่งอยู่ในรถด้วยกล่าวกับ กู้ ลี่เฉิน หลังจากได้รับโทรศัพท์ว่า “คุณกู้คะ ชุดเครื่องประดับที่คุณหลิงเลือกที่ร้านขายเครื่องประดับ มีมูลค่ายี่สิบล้านดอลลาร์ คุณต้องการให้คุณหลิงเอาไปเลยไหมคะ?”ยี่สิบล้านดอลลาร์มีราคาค่อนข้างแพง เจ้าของร้านขายเครื่องประดับจึงโทรมาสอบถามเรื่องนี้กู้ ลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เมื่อเธอเลือกแล้ว ก็ให้เธอเอาไป”“ได้ค่ะ” เลขาตอบ จากนั้นเขาจึงตอบกลับเจ้าของร้านขายเครื่องประดับตามคำสั่งเจ้านาย อย่างไรก็ตาม เขาแอบรู้สึกว่าคุณหลิงเป็นคนคิดตื้น ๆ เกินไป พวกเขาเพิ่งจะออกเดทในช่วงเวลาสั้น ๆ และเธอแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าร่วมสังคมชั้นสูง เมื่อไม่นานมานี้ เธอไปร้านอัญมณีและร้านค้าหรูหรา ดูเหมือนว่าเธอจะพยาย