“เขาเป็นใครคุณชิน?” จาง กวางเทียน ถาม“บอกเขาไปสิ ผมเป็นใคร?” ไป๋ ทิงซิน กล่าวขณะที่เขามองไปที่ชิน เหลียนอีทันใดนั้น ทั้งสองคนก็มองมาที่เธอ ชิน เหลียนอี รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะถูกจ้องมองอย่างกดดันจากสายตาของผู้ชายสองคนคนหนึ่งเป็นคนนัดดูตัวที่แม่ของเธอไปฉกเขามา ในขณะที่อีกคนเป็นแฟนที่เพิ่งคบกันที่มาตามทวงหนี้ เธอไม่สามารถที่จะขัดใจเขาทั้งสองคนได้!หลังจากเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว เธอจะเลือกคนที่มีความเสียหายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแม่ของเธอที่อยู่เบื้องหลังชายคนนี้ ชิน เหลียนอี ยังคงรู้สึกว่าเธอไม่สามารถขัดใจไป๋ ทิงซิน ได้ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนล้าและกล่าวกับจาง กวางเทียน ว่า “คุณจาง ฉันเกือบลืมไปแล้ว นี่คือแฟนของฉันค่ะ เอ่อ เขานามสกุลไป๋”ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของจาง กวังเทียน ก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นทันที “แฟน? คุณมีแฟนเหรอ?”“ใช่... ใช่ ฉันมี...” ชิน เหลียนอี ตอบเขาอย่างรู้สึกผิด ไม่ว่าก่อนหน้านี้จาง กวางเทียน จะแปลกประหลาดแค่ไหน แต่ในกรณีนี้เธอเป็นฝ่ายผิดจาง กวางเทียน ตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงขึ้นและตะโกนใส่ชิน เหลียนอี ว่า “ผมใจดีขนาดไหนที่มานัดดูตัวกับคุณ แต่คุณมี
ชิน เหลียนอี แทบจะสำลักคำพูดของเขา นอกใจ? ห่าอะไร! ฉันไม่ได้นอกใจ!แต่ต่อหน้าไป๋ ทิงซิน เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและอธิบายว่า “อืม... แม่ของฉันบังคับให้ฉันไปนัดดูตัว เธอจะไม่ยอมถ้าฉันไม่ทำ ฉันพยายามบอกเขาว่าฉันมีแฟนแล้ว แต่เขาขัดจังหวะฉันตลอด”เธอไม่ได้โกหก“แม่ของคุณบังคับให้คุณไปนัดดูตัวเหรอ?” เขาถามขณะเลิกคิ้ว"ใช่ ใช่!" เธอยิ้มอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้แม่ของเธอบีบบังคับเธอมาก เพื่อให้เธอไปนัดดูตัว เธอเป็นคนที่ถูกทรมาณ“คุณไม่ได้บอกครอบครัวว่ามีแฟนเหรอ?” เขาถามด้วยแววตาที่ประกายไปด้วยความอันตรายชิน เหลียนอี รู้สึกผิดทันที บอกพ่อกับแม่งั้นเหรอ? เธอควรจะบอกพวกเขายังไง? แค่ตัวตนของไป๋ ทิงซิน ก็อาจทำให้แม่และพ่อของเธอหวาดกลัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ… เธอกับไป๋ ทิงซิน ยังไม่ลงรอยกัน พวกราแค่แสร้งทำเป็นคู่รักเท่านั้น“เราเริ่มออกเดทกันอย่างกะทันหัน มันอาจจะทำให้พ่อแม่ของฉันตกใจถ้าฉันบอกพวกเขาว่ามีแฟนแล้ว ฉันคิดจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อคุยกับพวกเขาในภายหลัง” ชิน เหลียนอี พยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ว่าเธอจะตั้งใจไม่บอกพวกเขาเลยก็ตาม“คุณจะบอกพวกเขาไหม?” ไป๋ ทิงซิน หรี่ตา“ฉันส
เธอดูเหมือนลูกหมูจอมตะกละแม้ว่าไป๋ ทิงซิน จะไม่รู้ว่าร้านอาหารร้านไหนมีรสชาตดีในย่านนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะชิน เหลียนอี จะพาไปร้านที่เธอชอบ“ร้านนี้เสิร์ฟอาหารจานพิเศษ บางอย่างหาไม่ได้จากร้านอาหารอื่น มีที่นี่เท่านั้นนะ” เมื่อพวกเขาอยู่ในร้านอาหาร ชิน เหลียนอี หยิบเมนูและเริ่มสั่งอาหารอย่างกระตือรือร้นเธอเริ่มแนะนำอาหารที่เธอสั่งให้เขาฟัว เมื่อเธอแนะนำไปได้ครึ่งทาง เธอกลับพบว่าไป๋ ทิงซิน จ้องมองเธออย่างเศร้าโศก“เอ่อ ขอโทษ ฉันพูดมากเกินไปหน่อย” เธอกล่าว“ไม่เป็นไร คุณแนะนำต่อเลย ผมจะฟัง” ไป๋ ทิงซิน กล่าวเสียงเบาชิน เหลียนอี แตะจมูกของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรต่อ ทันใดนั้น “ก็... ทำไมวันนี้คุณมาที่นี่?” เธอถามขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร แต่จากนั้นเธออยากจะกัดลิ้นตัวเองทันทีที่ถามจบไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะผ่านพ้นปัญหาจากการนัดดูตัว และตอนนี้เธอกำลังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกครั้งแน่นอนว่าเขามองมาที่เธอและกล่าวว่า “ถ้าผมไม่มา คุณจะทานอาหารเย็นกับผู้ชายคนนั้นไหม?”ใบหน้าของเธอแดงจากการสำลักกับคำพูดของเขา “จะเป็น… ไปได้ยังไง?” อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยกับคำตอบขอ
“คิด...” จู่ ๆ เธอก็ตัวสั่น ดวงตาของเธอจ้องตรงไปที่คนตรงหน้าเธอ ลองคิดดูตอนนี้ไป๋ ทิงซิน หัวหน้าของตระกูล ไป๋ แน่นอนว่าเขามีคนรู้จักในวงกว้าง ถ้าไป๋ ทิงซิน ช่วยเธอสืบคดีของอี้หรานก็จะง่ายที่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่าด้วยเหตุนี้ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น เธอมองไปที่ไป๋ ทิงซิน เหมือนกำลังมองขนมปังที่อบสดใหม่“อืม... ฉันรู้ว่าฉันทำผิดและฉันยอมรับทุกสิ่งที่คุณพูด ฉันสัญญาว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ แต่... คุณช่วยอะไรฉันนิดหน่อยได้ไหมในขณะที่เรากำลังออกเดทกัน?” ชิน เหลียนอี มองไปที่เขาอย่างคาดหวัง“ช่วยเหลือ?” ไป๋ ทิงซิน ประหลาดใจเล็กน้อย “อะไรคือ ‘ช่วยนิดหน่อย’ ที่คุณต้องการให้ผมช่วย?" เมื่อพิจารณาจากท่าท่างประจบสอพลอของเธอแล้ว น่าจะไม่นิดหน่อย“เอ่อ เพื่อนของฉัน อี้หราน คนที่มาหาฉันกับอี้ จิ่นหลี เมื่อวันก่อน… เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาชญากรรมและใช้เวลาสามปีในคุก แต่จริง ๆ แล้วเธอถูกเข้าใจผิด เราไม่เคยพบหลักฐานที่จะช่วยเหลือเธอได้เลย แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เราพบเบาะแสบางอย่าง คุณช่วยติดตามดูเบาะแสและดูว่ามีอะไรช่วยทำให้คดีพลิกได้บ้าง ได้ไหม?” ชิน เหลียนอี กล่าวไป๋ ทิงซิน
เขามองไปที่มือของเธออย่างแน่วแน่ ตอนนี้มือของเธอจับเขาราวกับว่ามือคู่นั้นกำลังแสดงความดีใจเขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเพราะรอยยิ้มของเธอไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะหลิง อี้หรานเห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หราน มีความสำคัญกับเธอมากกว่าเขามาก!...กู้ ลี่เฉิน เอนหลังพิงเบาะและลูบขมับเบา ๆ อยู่ภายในรถเลขาของเขาซึ่งอยู่ในรถด้วยกล่าวกับ กู้ ลี่เฉิน หลังจากได้รับโทรศัพท์ว่า “คุณกู้คะ ชุดเครื่องประดับที่คุณหลิงเลือกที่ร้านขายเครื่องประดับ มีมูลค่ายี่สิบล้านดอลลาร์ คุณต้องการให้คุณหลิงเอาไปเลยไหมคะ?”ยี่สิบล้านดอลลาร์มีราคาค่อนข้างแพง เจ้าของร้านขายเครื่องประดับจึงโทรมาสอบถามเรื่องนี้กู้ ลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เมื่อเธอเลือกแล้ว ก็ให้เธอเอาไป”“ได้ค่ะ” เลขาตอบ จากนั้นเขาจึงตอบกลับเจ้าของร้านขายเครื่องประดับตามคำสั่งเจ้านาย อย่างไรก็ตาม เขาแอบรู้สึกว่าคุณหลิงเป็นคนคิดตื้น ๆ เกินไป พวกเขาเพิ่งจะออกเดทในช่วงเวลาสั้น ๆ และเธอแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าร่วมสังคมชั้นสูง เมื่อไม่นานมานี้ เธอไปร้านอัญมณีและร้านค้าหรูหรา ดูเหมือนว่าเธอจะพยาย
มาลองคิดดู เขาเคยคิดว่าหลิง ลั่วอิน เป็นตัวแทนของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เขาพบเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ริมฝีปากของเธอเหมือนกับริมฝีปากของเด็กหญิงที่เขาจำได้แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ บางครั้งเมื่อเขาอารมณ์เสีย ราวกับว่าเขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้ เพียงแค่ฟังเรื่องที่หลิง ลั่วอิน พูดถึงหลิง อี้หรานเห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หราน ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตเขาในตอนนั้นอาจเป็นเพราะหลิง อี้หราน ดูคล้ายกับเด็กผู้หญิงคนนั้น นั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิบัติกับเธอแตกต่างไป เมื่อเขาเห็นเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะอยากอยู่ใกล้เธออย่างไรก็ตาม... จิ่นหลีต้องการผู้หญิงคนนั้น และไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทำให้จิ่นหลีขุ่นเคืองกับผู้หญิงคนนั้น ท้ายที่สุดแล้ว… เธอคงไม่ใช่คนที่เขาตามหาขณะที่รถแล่นข้ามถนน กู้ ลี่เฉิน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ถนน เขามองไปที่ผู้คนในเครื่องแบบพนักงานบริการสุขาภิบาลโดยไม่รู้ตัวหลิง อี้หราน รับผิดชอบในการกวาดถนนนี้!แต่เขากลับไม่เห็นหลิง อี้หราน แม้ว่ารถจะขับออกจากบริเวณนั้นไปแล้วมีแววของความผิดหวังในดวงตาฟีนิกซ์ของเขาเป็นวันหยุดของเธอหรือเปล่า? หรือมีอะไรเกิดขึ้น เธ
...หลิง ลั่วอิน ดูมีความสุขมาก เมื่อกำลังสวมสร้อยคอราคายี่สิบล้านดอลลาร์ เธอรู้สึกว่าเธอมีค่าพอ ๆ กับเครื่องประดับราคายี่สิบล้านดอลลาร์ เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาอีกต่อไปตอนนี้เธออยู่ในกองทีมงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เธอแสดงเป็นนักแสดงนำหญิง แม้ว่าทีมงานฝ่ายผลิตและผู้กำกับจะมีความสามารถไม่มากเท่าคนก่อน ๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้แย่ และเธอยังเป็นนักแสดงนำหญิงด้วย ดังนั้นหลิง ลั่วอิน จึงพอใจมากกับบทการแสดงที่กู้ ลี่เฉิน มอบให้เธอตราบใดที่เธอยังจับลี่เฉินได้ เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับบทแสดงแย่ ๆ ในอนาคตแต่เธอรู้สึกไม่พอใจ เมื่อใดก็ตามที่ลี่เฉินถามเธอ เขาจะขอให้เธอพูดถึงหลิง อี้หราน อยู่เรื่อย เธอเพิ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลิง อี้หราน ให้เขาฟังบางครั้งเธอรู้สึกราวกับว่าลี่เฉินเพียงแค่ปล่อยให้เธอยึดติดกับตำแหน่งแฟนสาวของเขา เพียงเพื่อฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหลิง อี้หราน สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่หลิง อี้หราน ตัวติดกับอี้ จิ่นหลี ลี่เฉินก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิง อี้หราน อีกเธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ลี่เฉินเป็นคนที่พิถีพิถันในการเลือกคบกับแฟนสาว ผู้หญิงจะต้องไ
ผู้หญิงเหล่านั้นที่พยายามดึงดูดความสนใจของกู้ ลี่เฉิน ก็มองไปที่สร้อยคอที่คอของหลิง ลั่วอิน หลังจากที่พวกเธอได้ยินสิ่งที่เธอพูด ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายด้วยความหึงหวงและอิจฉา จากนั้นพวกเธอก็เดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์หลิง ลั่วอิน ยิ้ม เธอรู้ว่าเธอบรรลุเป้าหมายแล้วหลิง ลั่วอิน พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากที่ทุกคนจากไป “ลี่เฉิน คุณจะต่อว่าฉันไหมที่อยากได้สร้อยคอราคาแพงขนาดนี้?” เธอดูเหมือนผู้หญิงบอบบางและอ่อนแอ เธอกัดริมฝีปากล่างเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารและตัวเล็กในฐานะนักแสดง เธอรู้วิธีทำให้ตัวเองดูน่าสงสารมากขึ้นด้วยการแสดงออกทางสีหน้าของเธอ “ฉันแค่อยากจะเหมาะกับคุณมากกว่านี้ ฉันไม่อยากทำให้คุณอับอายเมื่อฉันยืนอยู่ข้าง ๆ คุณ”กู้ ลี่เฉิน มองไปที่ผู้หญิงอย่างเฉื่อยชา เหมาะสมเหรอ? เธอคิดว่าเธอจะเหมาะกับเขามากขึ้นด้วยการประดับประดาตัวเองด้วยเครื่องประดับและสินค้าที่มีราคาแพงอย่างนั้นเหรอ?ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงมีผู้หญิงอีกหลายล้านคนที่เหมาะสมกับเขานอกเหนือจากริมฝีปากของเธอแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอที่ทำให้เขานึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในความทรงจำของเขาได้เลย“คุณซื้อมาแล้ว อย่าโทษต