“เขาเป็นใครคุณชิน?” จาง กวางเทียน ถาม“บอกเขาไปสิ ผมเป็นใคร?” ไป๋ ทิงซิน กล่าวขณะที่เขามองไปที่ชิน เหลียนอีทันใดนั้น ทั้งสองคนก็มองมาที่เธอ ชิน เหลียนอี รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะถูกจ้องมองอย่างกดดันจากสายตาของผู้ชายสองคนคนหนึ่งเป็นคนนัดดูตัวที่แม่ของเธอไปฉกเขามา ในขณะที่อีกคนเป็นแฟนที่เพิ่งคบกันที่มาตามทวงหนี้ เธอไม่สามารถที่จะขัดใจเขาทั้งสองคนได้!หลังจากเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว เธอจะเลือกคนที่มีความเสียหายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแม่ของเธอที่อยู่เบื้องหลังชายคนนี้ ชิน เหลียนอี ยังคงรู้สึกว่าเธอไม่สามารถขัดใจไป๋ ทิงซิน ได้ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนล้าและกล่าวกับจาง กวางเทียน ว่า “คุณจาง ฉันเกือบลืมไปแล้ว นี่คือแฟนของฉันค่ะ เอ่อ เขานามสกุลไป๋”ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของจาง กวังเทียน ก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นทันที “แฟน? คุณมีแฟนเหรอ?”“ใช่... ใช่ ฉันมี...” ชิน เหลียนอี ตอบเขาอย่างรู้สึกผิด ไม่ว่าก่อนหน้านี้จาง กวางเทียน จะแปลกประหลาดแค่ไหน แต่ในกรณีนี้เธอเป็นฝ่ายผิดจาง กวางเทียน ตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงขึ้นและตะโกนใส่ชิน เหลียนอี ว่า “ผมใจดีขนาดไหนที่มานัดดูตัวกับคุณ แต่คุณมี
ชิน เหลียนอี แทบจะสำลักคำพูดของเขา นอกใจ? ห่าอะไร! ฉันไม่ได้นอกใจ!แต่ต่อหน้าไป๋ ทิงซิน เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและอธิบายว่า “อืม... แม่ของฉันบังคับให้ฉันไปนัดดูตัว เธอจะไม่ยอมถ้าฉันไม่ทำ ฉันพยายามบอกเขาว่าฉันมีแฟนแล้ว แต่เขาขัดจังหวะฉันตลอด”เธอไม่ได้โกหก“แม่ของคุณบังคับให้คุณไปนัดดูตัวเหรอ?” เขาถามขณะเลิกคิ้ว"ใช่ ใช่!" เธอยิ้มอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้แม่ของเธอบีบบังคับเธอมาก เพื่อให้เธอไปนัดดูตัว เธอเป็นคนที่ถูกทรมาณ“คุณไม่ได้บอกครอบครัวว่ามีแฟนเหรอ?” เขาถามด้วยแววตาที่ประกายไปด้วยความอันตรายชิน เหลียนอี รู้สึกผิดทันที บอกพ่อกับแม่งั้นเหรอ? เธอควรจะบอกพวกเขายังไง? แค่ตัวตนของไป๋ ทิงซิน ก็อาจทำให้แม่และพ่อของเธอหวาดกลัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ… เธอกับไป๋ ทิงซิน ยังไม่ลงรอยกัน พวกราแค่แสร้งทำเป็นคู่รักเท่านั้น“เราเริ่มออกเดทกันอย่างกะทันหัน มันอาจจะทำให้พ่อแม่ของฉันตกใจถ้าฉันบอกพวกเขาว่ามีแฟนแล้ว ฉันคิดจะหาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อคุยกับพวกเขาในภายหลัง” ชิน เหลียนอี พยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ว่าเธอจะตั้งใจไม่บอกพวกเขาเลยก็ตาม“คุณจะบอกพวกเขาไหม?” ไป๋ ทิงซิน หรี่ตา“ฉันส
เธอดูเหมือนลูกหมูจอมตะกละแม้ว่าไป๋ ทิงซิน จะไม่รู้ว่าร้านอาหารร้านไหนมีรสชาตดีในย่านนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะชิน เหลียนอี จะพาไปร้านที่เธอชอบ“ร้านนี้เสิร์ฟอาหารจานพิเศษ บางอย่างหาไม่ได้จากร้านอาหารอื่น มีที่นี่เท่านั้นนะ” เมื่อพวกเขาอยู่ในร้านอาหาร ชิน เหลียนอี หยิบเมนูและเริ่มสั่งอาหารอย่างกระตือรือร้นเธอเริ่มแนะนำอาหารที่เธอสั่งให้เขาฟัว เมื่อเธอแนะนำไปได้ครึ่งทาง เธอกลับพบว่าไป๋ ทิงซิน จ้องมองเธออย่างเศร้าโศก“เอ่อ ขอโทษ ฉันพูดมากเกินไปหน่อย” เธอกล่าว“ไม่เป็นไร คุณแนะนำต่อเลย ผมจะฟัง” ไป๋ ทิงซิน กล่าวเสียงเบาชิน เหลียนอี แตะจมูกของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรต่อ ทันใดนั้น “ก็... ทำไมวันนี้คุณมาที่นี่?” เธอถามขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร แต่จากนั้นเธออยากจะกัดลิ้นตัวเองทันทีที่ถามจบไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะผ่านพ้นปัญหาจากการนัดดูตัว และตอนนี้เธอกำลังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกครั้งแน่นอนว่าเขามองมาที่เธอและกล่าวว่า “ถ้าผมไม่มา คุณจะทานอาหารเย็นกับผู้ชายคนนั้นไหม?”ใบหน้าของเธอแดงจากการสำลักกับคำพูดของเขา “จะเป็น… ไปได้ยังไง?” อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยกับคำตอบขอ
“คิด...” จู่ ๆ เธอก็ตัวสั่น ดวงตาของเธอจ้องตรงไปที่คนตรงหน้าเธอ ลองคิดดูตอนนี้ไป๋ ทิงซิน หัวหน้าของตระกูล ไป๋ แน่นอนว่าเขามีคนรู้จักในวงกว้าง ถ้าไป๋ ทิงซิน ช่วยเธอสืบคดีของอี้หรานก็จะง่ายที่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่าด้วยเหตุนี้ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น เธอมองไปที่ไป๋ ทิงซิน เหมือนกำลังมองขนมปังที่อบสดใหม่“อืม... ฉันรู้ว่าฉันทำผิดและฉันยอมรับทุกสิ่งที่คุณพูด ฉันสัญญาว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ แต่... คุณช่วยอะไรฉันนิดหน่อยได้ไหมในขณะที่เรากำลังออกเดทกัน?” ชิน เหลียนอี มองไปที่เขาอย่างคาดหวัง“ช่วยเหลือ?” ไป๋ ทิงซิน ประหลาดใจเล็กน้อย “อะไรคือ ‘ช่วยนิดหน่อย’ ที่คุณต้องการให้ผมช่วย?" เมื่อพิจารณาจากท่าท่างประจบสอพลอของเธอแล้ว น่าจะไม่นิดหน่อย“เอ่อ เพื่อนของฉัน อี้หราน คนที่มาหาฉันกับอี้ จิ่นหลี เมื่อวันก่อน… เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาชญากรรมและใช้เวลาสามปีในคุก แต่จริง ๆ แล้วเธอถูกเข้าใจผิด เราไม่เคยพบหลักฐานที่จะช่วยเหลือเธอได้เลย แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เราพบเบาะแสบางอย่าง คุณช่วยติดตามดูเบาะแสและดูว่ามีอะไรช่วยทำให้คดีพลิกได้บ้าง ได้ไหม?” ชิน เหลียนอี กล่าวไป๋ ทิงซิน
เขามองไปที่มือของเธออย่างแน่วแน่ ตอนนี้มือของเธอจับเขาราวกับว่ามือคู่นั้นกำลังแสดงความดีใจเขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเพราะรอยยิ้มของเธอไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะหลิง อี้หรานเห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หราน มีความสำคัญกับเธอมากกว่าเขามาก!...กู้ ลี่เฉิน เอนหลังพิงเบาะและลูบขมับเบา ๆ อยู่ภายในรถเลขาของเขาซึ่งอยู่ในรถด้วยกล่าวกับ กู้ ลี่เฉิน หลังจากได้รับโทรศัพท์ว่า “คุณกู้คะ ชุดเครื่องประดับที่คุณหลิงเลือกที่ร้านขายเครื่องประดับ มีมูลค่ายี่สิบล้านดอลลาร์ คุณต้องการให้คุณหลิงเอาไปเลยไหมคะ?”ยี่สิบล้านดอลลาร์มีราคาค่อนข้างแพง เจ้าของร้านขายเครื่องประดับจึงโทรมาสอบถามเรื่องนี้กู้ ลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เมื่อเธอเลือกแล้ว ก็ให้เธอเอาไป”“ได้ค่ะ” เลขาตอบ จากนั้นเขาจึงตอบกลับเจ้าของร้านขายเครื่องประดับตามคำสั่งเจ้านาย อย่างไรก็ตาม เขาแอบรู้สึกว่าคุณหลิงเป็นคนคิดตื้น ๆ เกินไป พวกเขาเพิ่งจะออกเดทในช่วงเวลาสั้น ๆ และเธอแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าร่วมสังคมชั้นสูง เมื่อไม่นานมานี้ เธอไปร้านอัญมณีและร้านค้าหรูหรา ดูเหมือนว่าเธอจะพยาย
มาลองคิดดู เขาเคยคิดว่าหลิง ลั่วอิน เป็นตัวแทนของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เขาพบเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ริมฝีปากของเธอเหมือนกับริมฝีปากของเด็กหญิงที่เขาจำได้แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ บางครั้งเมื่อเขาอารมณ์เสีย ราวกับว่าเขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้ เพียงแค่ฟังเรื่องที่หลิง ลั่วอิน พูดถึงหลิง อี้หรานเห็นได้ชัดว่าหลิง อี้หราน ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตเขาในตอนนั้นอาจเป็นเพราะหลิง อี้หราน ดูคล้ายกับเด็กผู้หญิงคนนั้น นั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิบัติกับเธอแตกต่างไป เมื่อเขาเห็นเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะอยากอยู่ใกล้เธออย่างไรก็ตาม... จิ่นหลีต้องการผู้หญิงคนนั้น และไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทำให้จิ่นหลีขุ่นเคืองกับผู้หญิงคนนั้น ท้ายที่สุดแล้ว… เธอคงไม่ใช่คนที่เขาตามหาขณะที่รถแล่นข้ามถนน กู้ ลี่เฉิน อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ถนน เขามองไปที่ผู้คนในเครื่องแบบพนักงานบริการสุขาภิบาลโดยไม่รู้ตัวหลิง อี้หราน รับผิดชอบในการกวาดถนนนี้!แต่เขากลับไม่เห็นหลิง อี้หราน แม้ว่ารถจะขับออกจากบริเวณนั้นไปแล้วมีแววของความผิดหวังในดวงตาฟีนิกซ์ของเขาเป็นวันหยุดของเธอหรือเปล่า? หรือมีอะไรเกิดขึ้น เธ
...หลิง ลั่วอิน ดูมีความสุขมาก เมื่อกำลังสวมสร้อยคอราคายี่สิบล้านดอลลาร์ เธอรู้สึกว่าเธอมีค่าพอ ๆ กับเครื่องประดับราคายี่สิบล้านดอลลาร์ เธอไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาอีกต่อไปตอนนี้เธออยู่ในกองทีมงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เธอแสดงเป็นนักแสดงนำหญิง แม้ว่าทีมงานฝ่ายผลิตและผู้กำกับจะมีความสามารถไม่มากเท่าคนก่อน ๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้แย่ และเธอยังเป็นนักแสดงนำหญิงด้วย ดังนั้นหลิง ลั่วอิน จึงพอใจมากกับบทการแสดงที่กู้ ลี่เฉิน มอบให้เธอตราบใดที่เธอยังจับลี่เฉินได้ เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับบทแสดงแย่ ๆ ในอนาคตแต่เธอรู้สึกไม่พอใจ เมื่อใดก็ตามที่ลี่เฉินถามเธอ เขาจะขอให้เธอพูดถึงหลิง อี้หราน อยู่เรื่อย เธอเพิ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลิง อี้หราน ให้เขาฟังบางครั้งเธอรู้สึกราวกับว่าลี่เฉินเพียงแค่ปล่อยให้เธอยึดติดกับตำแหน่งแฟนสาวของเขา เพียงเพื่อฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหลิง อี้หราน สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่หลิง อี้หราน ตัวติดกับอี้ จิ่นหลี ลี่เฉินก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิง อี้หราน อีกเธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ลี่เฉินเป็นคนที่พิถีพิถันในการเลือกคบกับแฟนสาว ผู้หญิงจะต้องไ
ผู้หญิงเหล่านั้นที่พยายามดึงดูดความสนใจของกู้ ลี่เฉิน ก็มองไปที่สร้อยคอที่คอของหลิง ลั่วอิน หลังจากที่พวกเธอได้ยินสิ่งที่เธอพูด ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายด้วยความหึงหวงและอิจฉา จากนั้นพวกเธอก็เดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์หลิง ลั่วอิน ยิ้ม เธอรู้ว่าเธอบรรลุเป้าหมายแล้วหลิง ลั่วอิน พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากที่ทุกคนจากไป “ลี่เฉิน คุณจะต่อว่าฉันไหมที่อยากได้สร้อยคอราคาแพงขนาดนี้?” เธอดูเหมือนผู้หญิงบอบบางและอ่อนแอ เธอกัดริมฝีปากล่างเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารและตัวเล็กในฐานะนักแสดง เธอรู้วิธีทำให้ตัวเองดูน่าสงสารมากขึ้นด้วยการแสดงออกทางสีหน้าของเธอ “ฉันแค่อยากจะเหมาะกับคุณมากกว่านี้ ฉันไม่อยากทำให้คุณอับอายเมื่อฉันยืนอยู่ข้าง ๆ คุณ”กู้ ลี่เฉิน มองไปที่ผู้หญิงอย่างเฉื่อยชา เหมาะสมเหรอ? เธอคิดว่าเธอจะเหมาะกับเขามากขึ้นด้วยการประดับประดาตัวเองด้วยเครื่องประดับและสินค้าที่มีราคาแพงอย่างนั้นเหรอ?ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงมีผู้หญิงอีกหลายล้านคนที่เหมาะสมกับเขานอกเหนือจากริมฝีปากของเธอแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอที่ทำให้เขานึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในความทรงจำของเขาได้เลย“คุณซื้อมาแล้ว อย่าโทษต
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค