อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของโจว เชียนหยุน หลิง อี้หราน ก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจกับตัวเองและนำออเดอร์ใส่บนรถจักรยานไฟฟ้า ด้วยออเดอร์ที่มากขึ้น พี่โจวจึงสารมารถทำรายได้ ได้เยอะมากขึ้นและจะได้รับการปลูกถ่ายประสาทหูเทียมให้อาหยันน้อยได้ เมื่อเธอนึกถึงอาหยันน้อย หลิง อีหราน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในใจของเธอ เด็กที่น่ารักอย่างเขามีข้อบกพร่องเช่นนี้ นอกจากนี้เธอก็ยังไม่เคยเห็นพ่อของอาหยันน้อยเลย อาหยันน้อยก็ใช้นามสกุล โจว ดังนั้นเธอก็เดาอะไรได้ว่า บางทีเด็กอาจจะอยู่กับพี่โจวเพียงลำพัง ในกรณีนี้แน่นอนว่าต้องลำบากกว่า หลิง อี้หราน ขี่จักรยานไฟฟ้ามาถึงทางเขาอาคาร อี้ กรุ๊ป รปภ. หลายคนคุ้นเคยกับ หลิง อี้หราน แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นหลิง อี้หราน พวกเขาก็วางอาหารทั้งหมดลงบนรถเข็นอย่างกระตือรือร้นและยังช่วยเข็นมันเข้าไปในอาคารจนถึงลิฟต์และพวกเขายังมีน้ำใจกดลิฟต์ให้เธออีกด้วย สำหรับพนักงานต้อนรับยังทักทาย หลิง อี้หราน ด้วยรอยยิ้มและยังโค้งคำนับเธอด้วยความเคารพ หลิง อี้หราน อาจจะเป็นเพียงแค่สาวส่งอาหารที่มีความสุขกับสิ่งนี้ แน่นอนเธอรู้ว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะ อี้ จิ่
หลิง อี้หราน เม้มปากของเธอและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และในตอนนั้นเธอก็เปิดกล่องอาหารกลางวันและเริ่มกิน สายตาของ อี้ จิ่นหลี จ้องมองไปที่หลิง อี้หราน ดูเหมือนว่ามันจะค่อย ๆ กลายเป็นที่ไม่สมควร ที่เขาพยายามกักขังให้เธอทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่อยากปล่อยเธอไป แต่เขาคิดถึงแค่ว่าอะไรที่เขาควรทำเพื่อให้เธอเต็มใจที่จะอยู่กับเขา การทานอาหารกลางวัน กลายเป็นสิ่งที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอไปตั้งแต่เมื่อไร? เขาแค่ได้กินข้าวกับเธอแบบนี้ เขาก็มีความสุขแม้ว่าพวกเขาจะกินข้าวกันด้วยความเงียบเท่านั้นก็ตาม ลองคิดดูว่า ความสุขที่สุดของเขาอาจจะเป็นในวันที่เขาคือ ‘จิน’ อย่างน้อยเธอก็น่าจะหยอกล้อกับเขาทำกับเขาเหมือนคนธรรมดา เป่าผมให้กับเขาด้วยความรักและเรียกเขาว่า ‘จิน’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิน... จิน... เธอจะรู้ไหมว่าเขาอยากได้ยินเธอเรียกเขาแบบนั้นมากขนาดไหน? ราวกับว่าเธอกำลังเรียกครอบครัวที่สำคัญที่สุดของเธอ เมื่อหลิง อี้หราน ทานข้าวเสร็จเธอก็เงยหน้าขึ้นมอง เธอมองตรงเข้าไปในแววตาของอี้ จิ่นหลี เขาได้แต่มองเธอและไม่ได้แตะที่กล่องอาหารกลางวันที่อยู่ในมือด้วยซ้ำ หรือเรียกอีกอย่างว่า เขาเฝ้ามองดูเธอตลอด
“ขอบคุณค่ะ” หลิง อี้หรานกล่าว ขณะที่เธอกำลังหยิบหนังสือ “ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนที่ขอบคุณเธอ” โจว เชียนหยุน กล่าว “อาหยันน้อย มีการสื่อสารได้เพียงเล็กน้อยกับบุคคลภายนอก นอกจากนี้ เขายังไม่สามารถได้ยินหรือพูดได้ คนอื่น ๆ จึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะสื่อสารกับเขา ฉันดีใจมากที่เธอเต็มใจที่จะเรียนรู้ภาษามือเพื่อสนทนากับเขา” “อาหยันน้อยเป็นเด็กน่ารักและดูเหมือนว่าเขาจะชอบฉันด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงโชคชะตา” หลิง อี้หรานกล่าว โชคชะตา... ริมฝีปากของโจว เชียนหยุน ขยับ แต่ในที่สุดเธอก็พูดเพียงแค่ว่า “ใช่บางที... นี่อาจจะเป็นโชคชะตา” “ฉันต้องไปแล้วนะคะพี่โจว” หลิง อี้หราน กล่าว “เอาล่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะ” โจว เชียนหยุน รอจนหลิง อี้หราน ออกไป ก่อนจะปิดประตูร้านและเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังร้านอาหาร เธอมองดูลูกชายของเธอบนเตียงของเขา ที่หลับไปแล้ว คุณนายโจวกำลังตบเบา ๆ บนตัวของเขา “เขาหลับแล้วเหรอ?” โจว เชียนหยุน ถามอย่างเบา ๆ ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะรู้ว่าลูกชายของเธอจะไม่ได้ยินก็ตาม “ใช่ เขาเพิ่งจะหลับไป” คุณนายโจว กล่าว “หลิง อี้หราน กำลังจะเรียนภาษามือเหรอ?” “มันต้องไม่น่า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ห้องนี้เงียบมากไม่มีใครส่งเสียงใด ๆ หลิง อี้หราน สังเกตเห็นว่า นายท่านอี้ กำลังมองมาที่เธออย่างระมัดระวัง แต่ในแววตาของเขายังมีความรังเกียจและความขยะแขยงอยู่ นอกเหนือจากพยาบาลแล้ว ยังมีผู้ชายที่พาเธอมาที่นี่ด้วยเขาอ้างว่าเป็นเลขาส่วนตัวของนายท่านอี้ “เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาที่นี่?” ในที่สุด หลังจากนั้นไม่นานเสียงของนายท่านอี้ก็ทำลายความเงียบนั้น “ค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ “อาจจะเป็นเพราะ อี้ จิ่นหลี มั้งคะ” คงจะเป็นเรื่องโกหกหากจะบอกว่าเธอไม่ประหม่าเลยเมื่อมาถึงที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอมาถึงที่นี่เธอก็เงียบลงหลังจากที่ได้มองไปที่แววตาที่ดูรังเกียจของ นายท่าอี้ เธอเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว แล้วตอนนี้มันจะเลวร้ายสักแค่ไหนกันเชียว นายท่านอี้ ตะคอก “เธอคงจะรู้นะ!” “ท่านพยายามจะพูดอะไรคะ?” ที่ หลิง อี้หราน ถามออกไปบางทีมันอาจจะเป็นเพราะเธอเหนื่อยมามากหลังจากที่เธอผ่านเรื่องราวมาทั้งหมด แต่เธอไม่ต้องการที่จะอ้อมค้อมวกวนอีกต่อไป “ฉันไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้เธออาศัยอยู่กับเขา ในคฤหาสน์ อี้ ผู้หญิงอย่างเธอ เธอคิดว่าเธอสมควรที่จะเข้ามาในตระกูลอี้แบบ
เธอไม่ได้เรียนกฎหมายมาเพื่อหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมหรอกหรือ? อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอไม่สามารถแม้แต่จะใช้มันเพื่อเรียกความยุติธรรมให้ตัวเองได้ “เธอฉลาดนะ” ชายคนนั้นตะคอกเธอก่อนที่จะพูด หลิง อี้หราน กำหมัดของเธอแน่น การที่จะถูกเยียบย่ำนั้นมันง่ายนิดเดียว! เธอตัวสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกริชนั้นเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอมากขึ้น ทันใดนั้น เธอก็ย่อตัวลงแต่วิ่งไปที่ประตูของห้องพยาบาล อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเมื่อเธอเปิดประตูเธอก็ติดอยู่กับบอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ชายคนนั้นเดินเขาไปหาหลิง อี้หราน และหัวเราะเยาะ “ฉันคิดว่าเธอจะกล้าหาญซะอีก แต่ที่จริงแล้วเธอก็แค่หาโอกาสที่จะหนี อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางหนีรอดนะ” ไม่ใช่ว่าไม่มีทางหนีแต่อย่างน้อยเธอก็แค่ต้องการมีทางเลือกในการต่อต้านถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเหยื่อที่อยู่ในความเวทนาของคนอื่นก็ตาม หลิง อี้หราน ถูกจับตัวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นว่ากริชกำลังจะกรีดที่หน้าเธอ ในครั้งนี้ประตูก็ถูกเตะและเปิดออก ร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาหลิง อี้หราน ในเสี้ยววินาทีนั้นมีคนหยิบกริชออกและถีบเลขาจนกระเด็นออกไป “คุณปู่ไม่ใจ
ก่อนหน้านี้ ในวันนี้ อี้ จิ่นหลี จะไม่ออกจาก คฤหาสน์ อี้ แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีงานใหญ่ เขาจะใช้เวลากลางคืนกับรูปจารึกพ่อของเขา และบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่าจะไม่ไม่ทำผิดแบบพ่อของเขา สิ่งนี้ดำเนินต่อไปปีแล้วปีเล่า อย่างไรก็ตาม คืนนี้นั่นแตกต่างออกไป! ... อี้ จิ่นหลี เป็นคนไปพาหลิง อี้หราน ออกจากโรงพยาบาล รถคันสีดำจอดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล หลังจากขึ้นรถแล้ว หลิง อี้หราน ยังรู้สึกราวกับว่ายังอยู่ในความฝัน เธอคิดว่าคืนนี้จะเป็นฝันร้ายของเธอ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นมา “พี่กลัวไหม?” เขาถามในขณะที่เขาเตะที่ตัวเธอซึ้งตอนนี้เธอยังคงสั่นอยู่ หลิง อี้หราน กัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้า ใช่แล้ว เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร? ราวกับว่าชะตากรรมของเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นอย่างสมบูรณ์และเธอก็ไร้กำลังที่จะต่อสู้ใด ๆ ราวกับว่าคำพูดของคนอื่นสามารถเป็นตัวกำหนดชีวิตและความเป็นความตายของเธอได้ “มันเป็นความผิดของผมเอง” อี้ จิ่นหลี กล่าว “ผมไม่คิดว่า ปู่จะแตะต้องพี่ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใจร้อนกว่าที่ผมคิดและจะเลือกวันนี้ด้วยซ้ำ” เธอตกใจเล็กน้อย “วันนี้มีอะไรพิเศษงั้นเหร
เขาไม่ได้อยู่ในห้องแล้วเขาจะอยู่ที่ไหน? ชั้นล่างเหรอ?เมื่อหลิง อี้หราน ลงไปที่ชั้นล่างก็ไม่เห็นอี้ จิ่นหลี อยู่ที่นั่นเช่นกันเธอออกไปจากบ้านด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอไม่พบเขาในคฤหาสน์หลังใหญ่คฤหาสน์ อี้ มีขนาดใหญ่มาก นอกจากคฤหาสน์หลังใหญ่แล้วยังมีห้องคนรับใช้, สวน, ศาลานั่งเล่น และสระน้ำหลังจากอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ อี้ เป็นเวลานาน เธอไม่เคยสำรวจที่คฤหาสน์ อี้ เลยและไม่รู้ว่ามันใหญ่แค่ไหนเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว และเท่าที่มองเห็นมันมืดมาก มีเพียงไฟส่องสว่างอยู่สองสามดวงตลอดทางอากาศตอนกลางคืนค่อนข้างเย็น หลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะจับคอเสื้อเข้ามาแนบชิดกัน แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมองหาอี้ จิ่นหลี เธอกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาอย่างนั้นเหรอ?จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในคฤหาสน์ อี้ อีก?ท้ายที่สุดเธอก็ทำได้แค่อธิบายกับตัวเองว่าเขาช่วยชีวิตเธอในวันนี้ และเธอแค่ต้องการความสบายใจทันใดนั้น แสงแฟลชก็ดึงดูดความสนใจของเธอเธอเห็นสิ่งที่ดูเหมือนบ้านเดี่ยวหลังเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้าและมีแสงไฟส่องผ่านทางหน้าต่างเมื่อหลิง อี้หราน เข้าไปใกล้ เธอก็พบว่ามีแผ่นโลหะอยู่ที่หน้าบ้าน มั
เธอลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่หลังจากที่คุณพาฉันไปที่ห้อง ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้กลับไปที่ห้องของคุณ แต่เดินบันไดไป ฉันสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับคุณ เอ่อ ถ้าคุณไม่เป็นไร งั้นฉันไปล่ะ...”เธอกล่าวแล้วหันกลับไปสักพักนึง แขนของเขาก็โอบเธอจากด้านหลัง “เป็นห่วงผมเหรอพี่สาว?”ร่างกายของหลิง อี้หราน ดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นของเขา และเธอก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรกังวลไหม? เธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?เธอดูสับสน เป็นเพราะเขาช่วยเธอคืนนี้อย่างนั้นเหรอ? คืนนี้แทนที่เธอจะคิดว่าเขาเป็นอี้ จิ่นหลี แต่เธอกลับคิดว่าเขาเป็นจินและเป็นห่วงเขา?หลิง อี้หราน กำลังคิดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ ลมหายใจของเขาก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ มีเสียงครางเบา ๆ ในลำคอ แขนของเขาที่โอบกอดเธอไว้ค่อย ๆ คลายออกหลิง อี้หราน หันกลับมาและเห็นว่าตอนนี้อี้ จิ่นหลี หน้าซีดไปด้วยเม็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา เขาจับมือของเขาไว้เหนือท้องส่วนบนเธอตัวสั่น จำได้ว่าเธอเคยเห็นเขาแบบนี้มาก่อน “คุณปวดท้องอีกแล้วเหรอ?”“ดูเหมือนพี่จะจำข้อบกพร่องของผมได้นะพี่สาว" เขาพึมพำและยิ้มมุมปาก อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่ซีดและดวงตาที่ซ่อนคว