เธอลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่หลังจากที่คุณพาฉันไปที่ห้อง ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้กลับไปที่ห้องของคุณ แต่เดินบันไดไป ฉันสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับคุณ เอ่อ ถ้าคุณไม่เป็นไร งั้นฉันไปล่ะ...”เธอกล่าวแล้วหันกลับไปสักพักนึง แขนของเขาก็โอบเธอจากด้านหลัง “เป็นห่วงผมเหรอพี่สาว?”ร่างกายของหลิง อี้หราน ดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นของเขา และเธอก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรกังวลไหม? เธอเป็นห่วงเขาหรือเปล่า?เธอดูสับสน เป็นเพราะเขาช่วยเธอคืนนี้อย่างนั้นเหรอ? คืนนี้แทนที่เธอจะคิดว่าเขาเป็นอี้ จิ่นหลี แต่เธอกลับคิดว่าเขาเป็นจินและเป็นห่วงเขา?หลิง อี้หราน กำลังคิดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ ลมหายใจของเขาก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ มีเสียงครางเบา ๆ ในลำคอ แขนของเขาที่โอบกอดเธอไว้ค่อย ๆ คลายออกหลิง อี้หราน หันกลับมาและเห็นว่าตอนนี้อี้ จิ่นหลี หน้าซีดไปด้วยเม็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขา เขาจับมือของเขาไว้เหนือท้องส่วนบนเธอตัวสั่น จำได้ว่าเธอเคยเห็นเขาแบบนี้มาก่อน “คุณปวดท้องอีกแล้วเหรอ?”“ดูเหมือนพี่จะจำข้อบกพร่องของผมได้นะพี่สาว" เขาพึมพำและยิ้มมุมปาก อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่ซีดและดวงตาที่ซ่อนคว
“ถ้าเกิดคุณไม่กินยาแล้วอาการปวดแย่ลงล่ะ?” หลิง อี้หราน ถาม ทันใดนั้น ราวกับว่าเธอนึกถึงอะไรบางอย่างออก หลิง อี้หราน ดึงโทรศัพท์ของเธอออกมาและเปิดดูร้านขายยาออนไลน์แม้ว่าร้านขายยาจะอยู่ไกลเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เธอจ่ายค่าบริการเพียงพอ นอกจากนี้ยาจะมาถึงภาบในยี่สิบนาที แบบนี้เร็วกว่ารอให้คนรักษาความปลอดภัยไปซื้อยาเสียอีกหลิง อี้หราน ครุ่นคิดสักครู่และตัดสินใจสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ของเธอ เธอสั่งยาตัวเดียวกับเคยที่ซื้อให้อี้ จิ่นหลี ครั้งที่แล้ว หลังจากสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับดวงของเขาอีกครั้งเขาขดตัวเป็นลูกบอล ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันราวกับจะปิดเสียงพึมพำที่กำลังจะระเบิดออกมาจากปากของเขา แต่มันทำให้ลมหายใจของเขาเบาลงเล็กน้อยตอนนี้ตาของเขาปิดสนิท ขนตายาวของเขาทำให้เกิดเงาใต้ดวงตาของเขาชายผู้ปกครองเมือง เฉิน ตอนนี้กลับดูเหมือนเด็กที่อ่อนแอและทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่าเขาต้องหยุดความเจ็บปวดด้วยตัวเองหลิง อี้หราน รู้สึกเจ็บปวดในใจของเธอ เขาเป็นคนสุดท้ายที่เธอควรสงสาร แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดในใจได้เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนั้นดูเหมือนห้องโถง
หลิง อี้หราน กล่าวกับอี้ จิ่นหลี ว่า “รอที่นี่นะ ฉันจะไปรับยา” ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบออกจากห้องโถงไว้ทุกข์อี้ จิ่นหลี นอนลงบนโซฟา รอที่นี่... นั่นคือสิ่งที่เธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้เมื่อเธอออกไปซื้อยาให้เขาตอนดึกเอาล่ะ เขาจะรอ เขาจะรอจนกว่าเธอจะกลับมา......หลิง อี้หราน รีบไปที่ประตูเหล็กของคฤหาสน์ โคมไฟตรงถนนข้างประตูเหล็กส่องให้เห็นใบหน้าที่งุนงงของคนส่งของคนส่งของไม่ได้คิดว่าจะมาส่งยาถึงทางเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่เช่นนี้“คุณหลิง? คุณสั่งยาหรือเปล่าครับ?” ชายคนนั้นถาม“ใช่ค่ะ ฉันเอง” หลิง อี้หราน ตอบขณะที่เธอรับยาจากชายคนนั้น เธอขอบคุณเขาก่อนที่เธอจะหันและวิ่งไปห้องโถงสำหรับไว้ทุกข์คนส่งของเกาหัว เขามองไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด และยังคงงุนงงเล็กน้อยในห้องรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ อี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนมองไปที่หน้าจอเฝ้าระวังขณะที่หลิง อี้หราน วิ่งออกมาจากห้องโถงไว้ทุกข์เพื่อไปหายา"โอ้ พระเจ้า เธอใส่ชุดนอนออกมาข้างนอก?" ใครบางคนร้องอุทาน“เธอสั่ง... อาหารเหรอ?” ท้ายที่สุดไม่มีทางที่จะเห็นได้ชัดเจนจากหน้าจอเฝ้าระวัง สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือห
เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่เธอ เธอ... หอบจากการวิ่งกลับมา แม้ว่าเธอจะกลัวเขา รังเกียจเขา และอาจจะเกลียดเขาด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเจ็บปวด? เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเขาจะทวีความรุนแรงน้อยลงอี้ จิ่นหลี ให้ความร่วมมือโดยเปิดริมฝีปากของเขาและกลืนยาที่หลิง อี้หราน ป้อนเขาสายตาของเธอจ้องมองริมฝีปากของเขา และแน่นอนว่ามีรอยฟันที่ทิ้งร่องรอยไว้บนริมฝีปากของเขา เขาคงเจ็บปวดอย่างหนัก จนต้องกัดริมฝีปากไว้“ถ้าพี่มองผมแบบนั้นอีกครั้ง พี่จะทำให้ผมคิดว่าพี่อยากจูบผมแล้วนะ” เสียงของอี้ จิ่นหลี ดังขึ้นหลิง อี้หราน ดึงสติกลับมาหาตัวเอง ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉันเพิ่งเห็นว่าคุณกัดริมฝีปากของคุณ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย”“มันไม่สำคัญหรอกว่าพี่จะคิดอะไร พี่จูบผมได้ทุกเมื่อที่พี่ต้องการเลยนะพี่สาว” เขากล่าว แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังคงซีดและหน้าผากของเขายังคงปกคลุมไปด้วยเหงื่อบาง ๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดตะกุกตะกักเหมือนเมื่อก่อนหลิง อี้หราน หันหน้าหนีจากการมองใบหน้าของอี้ จิ่นหลี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองหน้าแดงขึ้นสายตาของเธอไปสะดุดกับศาลเล็ก ๆ สำหรับไว้ทุก
เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อเขามองไปที่เธอที่กำลังยืนอยู่หน้าศาลไว้ทุกข์ของพ่อเขา เขาก็กล่าวมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่าเขาสามารถพูดออกมาจากใจได้ ก็ต่อเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเธอ“ถึงจะพูดแบบนั้น ในช่วงนั้นพ่อของฉันก็น่าจะเคยเจอผู้หญิงหลายคน และคงมีผู้หญิงที่สวยกว่านี้แน่ ๆ เขาเป็นคนโง่ที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงแบบนั้น” อี้ จิ่นหลี พึมพำ“พ่อของคุณไม่จำเป็นต้องชอบแม่ของคุณเพียงเพราะเธอน่ารักหรอก บางครั้งรูปลักษณ์ก็ไม่ได้สำคัญนักเมื่อเราชอบคนคนนึง ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาชอบกัน ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตาม” หลิง อี้หรานกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลี กระพริบและจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลิง อี้หราน “อาจจะ… ก็อย่างที่พี่บอก บางครั้งรูปลักษณ์ก็ไม่สำคัญนักเมื่อเราชอบคนคนนึง…”ราวกับว่าเขาชอบเธอ เขาเคยเห็นผู้หญิงที่สวยกว่า เข้าใจหัวอกผู้ชายมากกว่า และมีความสุขมากกว่ากับเธอ แต่เขากลับชอบความรู้สึกที่เธอมอบให้เขาเขาชอบความอบอุ่นที่แสนสงบเมื่อเธอเป็นห่วงเขา เขาชอบให้เธอเรียกเขาว่า ‘จิน’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาชอบให้เธอจับมือของเขาตอนนอนในตอนกลางคืน...สายตาของเขาดูเปรียบเหมือนบางสิ่งบ
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิง อี้หราน ถามด้วยความสงสัยขณะที่อี้ จิ่นหลี หยุดเดิน“ไม่มีอะไร” อี้ จิ่นหลีตอบพร้อมก้มหน้าลง“คุณรู้สึกยังไงตอนนี้?” หลิง อี้หราน ถามเมื่อพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่“ดีขึ้นแล้ว” เขาตอบ“แม้ว่าอาการปวดท้องของคุณจะดีขึ้นมานานแล้ว แต่คุณก็ยังต้องไปหาหมอเพื่อรักษาเมื่อคุณว่าง” หลิง อี้หรานกล่าว “ความเจ็บป่วยบางอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญ และในที่สุดก็จะพัฒนาไปสู่สิ่งที่ร้ายแรง”“เป็นห่วงผมเหรอครับพี่สาว?” เขากล่าวขณะที่รอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของเขาเธอสำลัก และอยากจะหนีขึ้นไปชั้นบนเพราะเธอรู้สึกเขินอาย ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นและดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “เอาล่ะ ผมสัญญากับพี่ ผมจะหาเวลาไปหาหมอและทำให้ร่างกายของผมแข็งแรงขึ้น ผมจะดีขึ้นและกินยาที่พี่ซื้อให้ผมวันนี้ พี่จะชอบผมขึ้นมาอีกนิดบ้างไหมถ้าผมเชื่อฟังพี่?”“อะไรนะ?” เธอตะลึงเล็กน้อย เขากำลังพูดอะไร? เขาพูดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? โอ้พระเจ้า มันเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ชายอย่างเขาจะพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไง?เขาก้มศีรษะลง เมื่อใบหน้าของเขาใกล้กับใบหน้าของเธอ แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำราวกับเครื่องเ
ในที่สุดการโทรก็สิ้นสุดลง หลิง อี้หราน จึงกล่าวว่า “แม่ของเธอพูดอะไร? เธอถึงได้ดูน่าอนาถใจขนาดที่ต้องพูดถึงการคุกเข่าบนแป้นพิมพ์เชียว"“จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? นัดดูตัวไง” ชิน เหลียนอี พูดขณะที่เธอกลอกตา “แม่บอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนน่าจับ แม่ถึงขนาดจัดการกับป้าคนอื่น ๆ เพื่อที่จะให้ฉันได้ไปเดทก่อน"ชิน เหลียนอี พูดไม่ออกกับความคิดของแม่ของเธอดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะคิดว่าถ้าเธอไม่สามารถแต่งงานได้ในสองปีนี้ เธออาจจะไม่มีได้วันแต่งงาน“งั้นไปเจอเขาเถอะ คิดซะว่ามันเป็นโอกาสไง” หลิง อี้หราน กล่าวหลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง“ไม่ล่ะ ฉันหงุดหงิดพอแล้ว ฉันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ถ้าไปนัดดูตัวอีก” ชิน เหลียนอี อยากจะกระอักเป็นเลือดทุกครั้งที่เธอคิดว่า แม่ของเธอจะหลอกให้เธอไปนัดดูตัวด้วยวิธีไหน“ทำไมล่ะ? มีอย่างอื่นอีกเหรอ?” หลิง อี้หราน ถามชิน เหลียนอี มองไปที่เพื่อนสนิทของเธอก่อนที่จะกล่าวว่า “เธอจะตกใจไหมถ้าฉันบอกว่าฉันกำลังคบกับไป๋ ทิงซิน อยู่?"หลิง อี้หราน แทบจะสำลักน้ำลายของเธอเอง “เธอกำลังคบกับไป๋ ทิงซิน เหรอ? เธอไม่ได้บอกว่าเขาจะแก้แค้นเธอเหรอ?”“ใช่ แก้แค้น” ชิน เหลียนอี พยักหน้า
ท้ายที่สุด... เหลียนอีก็ไม่เคยได้สัมผัสกับด้านมืด ต่างจากเธอที่เคยเห็นความมืดมิดในคุกจนบางครั้งเธอก็ไม่มีแรงแม้แต่จะร้องไห้“พรวดดด!” ชิน เหลียน พ่นพุดดิ้งที่เธอยังไม่ทันได้กลืนออกมา และรีบเอาทิชชู่มาเช็ด จากนั้นเธอก็กล่าวกับหลิง อี้หราน ว่า “อย่างน้อยก็ช่วยตลกตอนที่ฉันไม่ได้กินอะไรได้ไหม อี้หราน เธอจะตลกเกินไปแล้ว”“ก็ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ” หลิง อี้หราน กล่าวพวกเธอจ้องหน้ากันเป็นเวลานานก่อนที่ ชิน เหลียนอี จะหัวเราะออกมา และกล่าวว่า "เราไม่ได้มีความหมายสำหรับกันและกันขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะตกหลุมรักฉันอยู่จริง ๆ ก็ตาม เธอคิดว่าตระกูลไป๋เป็นครอบครัวแบบไหน? ถ้าฉันคบกับเขาจริง ๆ ชีวิตที่เหลือของฉันคงจะต้องต่อสู้ในครอบครัวใหญ่ที่ร่ำรวยอยู่ตลอดเวลา ดูจากทักษะของฉันแล้ว ฉันคิดว่าฉันคงจะพ่ายแพ้เป็นเสี่ยง ๆ ในไม่กี่นาที”“เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ เธอบอกว่าได้งานใหม่ เป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?" ชิน เหลียนอี ถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง“ก็ไม่แย่นะ เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ เงินเดือนสี่พันดอลลาร์ ต่อเดือน มันไม่เยอะแต่เจ้าของร้านน่ารักและรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีกับพนักงานคนอื่น ๆ” หลิ