“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหางานเอง” เธอตอบปฏิเสธดวงตาของเขาดูหม่นหมองลงและนิ้วที่กุมมือของเธอไว้เริ่มรัดกุมแน่นขึ้น “พี่ไม่อยากให้ผมช่วยหางานให้หรอครับ พี่สาว?”ร่างกายของเธออดไม่ได้ที่จะแข็งทื่อราวกับว่ามีแรงกดดันบางอย่างอยู่รอบ ๆ ตัว“ฉันอยากหางานด้วยตัวเอง” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอจ้องมองดวงตาที่ลึกลับของเขามันง่ายสำหรับเธอถ้าเขาจะหางานให้เธอ งานที่เขาหาให้คงเป็นงานที่ง่ายและได้ค่าตอบแทนเยอะแต่… จะอยู่ได้นานแค่ไหน?ถ้าเขาเบื่อที่จะเล่นเกมและไล่เธอออกมา เธอคงจะไม่เหลืออะไรเลยนอกเหนือจากหลักการนี้แล้ว การที่เธอปฏิเสธก็คือการรักษาความเคารพในตัวเองใช่ ตอนนี้อุปสรรคในชีวิตและความจริงที่โหดร้ายได้พรากความภาคภูมิใจในตัวเธอจนหมดไปครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เธอคิดเสมอว่าการคุกเข่าต่อหน้าผู้คนนั่นเป็นเรื่องยาก แต่เมื่ออยู่ในคุกเธอกลับคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากกว่าหนึ่งครั้ง กินอาหารที่ถูกเทลงบนพื้นและถูกเหยียบย้ำด้วยเท้าของคนอื่น ๆทำไมการพูดถึงความภาคภูมิใจในตัวเองถึงยากขนาดนี้นะ?ครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยเธออยากจะภาคภูม
ใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธออยากจะหันหน้าหนีนิ้วมือของเขาเปลี่ยนไปอยู่ใต้คางของเธอ “เมื่อกี้เหมือนพี่จะแอบมองผมนะ ทำไม? ผมหน้าตาดีใช่ไหมล่ะ?”เธอผงะกับคำพูดของเขา เธอควรตอบคำถามนั้นอย่างไรดี? เธอควรตอบว่าเขาหน้าตาดีใช่ไหม? หรือไม่ใช่?ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คำตอบที่ดี! หลิง อี้หราน รู้สึกถึงความร้อนฉ่าบนใบหน้าของเธอและพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้นได้คนรับใช้ที่แอบอยู่ด้านข้างพยายามไม่มองมาที่พวกเขา เพียงแต่คอยฟังบทสนทนาของทั้งคู่ด้วยความสับสนในใจนายน้อยอี้ปฏิบัติกับคุณหลิงแตกต่างออกไป หรือว่าจริงที่คุณหลิงจะกลายเป็นคุณนายหญิงของตระกูลอี้อย่างที่ใครหลายคนพูดไว้?แต่ว่าคุณเป็นพนังงานของศูนย์บริการสุขาภิบาลไม่ใช่เหรอ?เป็นไปได้เหรอที่… นายน้อยอี้จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้?...ในตอนกลางคืนขณะที่หลิง อี้หราน นอนอยู่บนเตียง เธอยังคงนอนไม่หลับและเอาแต่มองไปที่มือของตัวเองที่ถูกพันแผลเอาไว้ภายใต้แสงจันทร์ที่ผ่านลอดมาจากหน้าต่าง วันนี้อี้ จิ่นหลี เปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอเขาเอาใจใส่เธอมากกว่าเซียว จื่อฉี ที่เคยคบกับเธอเสียอีก บางครั้งเ
เขาชะงักเล็กน้อยขณะที่ลูบปลายนิ้วของเธอ “ทำไมพี่ถึงอยากกลับไปเร็ว ๆ ล่ะ?”“ฉันหายดีแล้ว และไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้ต่อไป” เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย“พี่อยากออกไปจากทีนี้ใช่ไหม?” ใบหน้าของเขาเรียบเฉยขึ้น“ใช่” เธอพยักหน้า“พี่ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายเหรอ ถ้าอยู่ห่างจากผม?” แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เรียบขึ้นเช่นกัน“ฉันเคยชินกับการอยู่คนเดียวน่ะ” เธอตอบเขาหัวเราะขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบของเธอ “เคยชินกับการอยู่คนเดียวเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ทำไมพี่ถึงพาผมไปที่บ้านล่ะ? พี่บอกว่าพี่รู้สึกโดดเดี่ยว เลยต้องการใครสักคนที่จะอยู่เป็นเพื่อน พี่ยังบอกอีกว่าพี่อยากอยู่กับผมและอยากพึ่งพาซึ่งกันและกัน พี่ลืมไปแล้วเหรอ?”ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย เธอลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไง? แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องล้อเล่นไปแล้วเธอเงียบและมองไปที่เขาอย่างแน่วแน่ ความกดดันที่ชวนให้หายใจลำบากเกิดขึ้นอีกครั้งทันใดนั้น เสียงของเขาก็ดังก้องในหูของเธออีกครั้ง “พี่บอกว่าพี่อยากจะออกไปจากที่นี้เพราะแผลของพี่หายดีแล้วใช่ไหม? หมายความว่าถ้าพี่ยังเจ็บปวดอยู่ พี่จะเต็มใจอยู่ที่นี้ต่อใช่ไหม?”เธอเงยหน้าและจ้องมองเขาด้วยความตกใจในช
ในตอนกลางคืนอากาศภายในห้องเย็นจนเหมือนน้ำ เย็นจนสามารถทำให้ไม่สบายได้!...หลังจากหลิง ลั่วอิน กลับมาบ้าน เธอได้ยินว่าแม่ถูกไล่ออกจากงานและพ่อของเธอก็ถูกลดตำแหน่งจากหัวหน้าแผนกไปเป็นพนังงานประจำด้วย!“เป็นไปได้ยังไงคะ?” หลิง ลั่วอิน ถามด้วยความประหลาดใจ พ่อแม่ของเธอทำงานในภาครัฐ ตราบใดที่ไม่มีใครทำความผิด พวกเขาจะไม่ถูกลดตำแหน่งเด็ดขาด นับประสาอะไรกับการไล่ออกนอกจากนี้เธอยังเป็นแฟนของกู้ ลี่เฉิน! แม้ว่าหัวหน้าภาครัฐอยากจะไล่หรือลดตำแหน่งพ่อแม่ของเธอ พวกเขาก็ควรคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วย!“พ่อแม่ไม่ได้บอกผู้บังคับบัญชาเหรอคะว่าตอนนี้หนูเป็นแฟนกับกู้ ลี่เฉิน?” หลิง ลั่วอิน ถาม“แม่บอก แน่นอนสิว่าพวกเราบอกเขา” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ รู้สึกโกรธมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอบอกกับเจ้านายว่าลูกสาวของเธอเป็นแฟนกับเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง และในอนาคตเธอจะแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจแต่เจ้านายของฟาง ซุ่ยเอ๋อ กลับไม่สนใจคำพูดของเธอ พร้อมพูดว่า “ไม่ว่าแฟนของลูกสาวคุณจะเป็นใคร คุณต้องออกไปจากที่นี้วันนี้ ผมไม่มีที่ว่างให้กับการโต้เถียงหรอกนะ!”นั่นทำให้เธอโกรธอย่างมากใครจะไปคิดว่ามีอีก! เธอไม่เคยหย
หลิง กว๋อจื้อ แสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “นังลูกสาวอกตัญญูที่เคยติดคุกและทำลายครอบครัว ตอนนี้ยังจะทำลายพวกเราอีกเหรอ?”เขาได้ขอความช่วยเหลือและใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน!แล้วเขาจะยอมรับความจริงที่ต้องกลับไปเป็นพนักงานทั่วไปได้อย่างไร?ฟาง ซุ่ยเอ๋อ โกรธมากเช่นกัน ราวกับว่าเธออยากจะฉีกหลิง อี้หราน ออกเป็นชิ้น ๆ “แม่คะ พ่อคะ อย่าเพิ่งเต้นตามแรงกระตุ้นค่ะ ตอนนี้พี่มีอี้ จิ่นหลี อยู่ข้าง ๆ เราควรคิดว่าจะทำอะไรกับพี่ดี” หลิง ลั่วอิน พูดแนะนำ ยังไงซะเธอก็เคยเจ็บช้ำน้ำใจกับหลิง อี้หราน มาก่อน!หลิง กว๋อจื้อ กับฟาง ซุ่ยเอ๋อ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเห็นด้วย พวกเขาเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไง? ทนทุกข์ทรมานต่อไปเหรอ?”“ฉันจะหาวิธีจบมัน” หลิง ลั่วอิน กล่าว เธอต้องคิดหาวิธีจำการกับหลิง อี้หราน และไม่ปล่อยให้หลิง อี้หราน มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในใจของลี่เฉินแม้ว่าอี้ จิ่นหลี จะกำจัดหลิง อี้หราน แต่หลิง อี้หราน อาจจะมาแย่งพื้นที่ของเธอไปและกลายเป็นแฟนใหม่ของลี่เฉินแทนเธอ!เธอต้องไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น!...ชิน เหลียนอี ถามหลิง อี้หราน อีกครั้งและให้ข้
เป็นเพราะชีวิตของเธอทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของเงินมากขึ้นหรือเปล่านะ?ชิน เหลียนอี กอดเธอกะทันหันเมื่อเห็นสีหน้าบนใบหน้าของเธอ “อี้หราน ฉันรู้สึกเสียใจมาหลายปีที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยช่วยเธอเลย ฉันรู้ว่าฉันผิด และฉันไม่สามารถหาหลักฐานมาช่วยแก้ไขคดีความของเธอได้” เธอกล่าวทีละคำ คำพูดเล่านี้ฝังอยู่ในใจของเธอมายาวนาน“แม้แต่ตอนที่เธออยู่ในคุก ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากปลอบใจเธอตอนไปเยี่ยมเท่านั้น ฉันคิดความรู้สึกนี้มาก ตอนนี้ฉันมีหลักฐานแล้วฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอย้อนคดี เธอไม่ต้องคิดมากนะและอย่าคิดว่าเธอติดหนี้บุญคุณอะไรฉันเลย”น้ำเสียงของชิน เหลียนอี ที่กล่าวโทษตัวเองอย่างหนักแน่นก้องอยู่ในหูของหลิง อี้หราน“เหลียนอี ฉันอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อในคุกก็ได้ ถ้าเธอไม่มาเยี่ยมฉันบ่อย ๆ และทุ่มเทให้กับให้คดีความของฉัน อย่าคิดว่าคำพูดของเธอเป็นการปลอบใจเล็กน้อยเลย เพราะคำพูดพวกนั้นทำให้ฉันมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ” หลิง อี้หราน พูดพร้อมกับกอดรับเพื่อนเธอกลับตอนนี้ผู้หญิงทั้งสองคนมีดวงตาที่แดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของพวกเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ชิน เห
เธอจำได้เพียงตัวเลขสามหลักแรกและตัวสุดท้ายของหมายเลขป้ายทะเบียนทันทีที่ หลิง อี้หราน รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว เกิดอะไรขึ้น? คนที่อยู่ในรถนั้นคือใคร? ทำไมพวกเขาถึงลักพาตัวเหลียนอีไป?ตอนนี้เหลียนอี...นี่เป็นการลักพาตัวใช่ไหม? หรือ… หลิง อี้หราน หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและโทรหาเพื่อนสนิทของเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนสนิทอยู่ในเหตุการณ์แบบไหน ถ้าเธอโทรหาเหลียนอี มันอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงมือของเธอเริ่มสั่นจนแทบไม่สามารถถือโทรศัพท์เอาไว้ได้เธอกดหมายเลข 110 เพื่อโทรหาตำรวจด้วยความยากลำบากหลังจากรายงานให้ตำรวจฟัง เธอรีบไปยังสำนักงานบริหารของลานจอดรถ ที่นี้มีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเธอสามารถดูกล้องวงจรปิดเพื่อดูรถยนต์ที่พาตัวเหลียนอีไปจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเหลียนอี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!นี่คือสิ่งที่หลิง อี้หราน คิดในตอนนี้!...เมื่ออี้ จิ่นหลี ได้รับโทรศัพท์จากหลิง อี้หราน เขาได้ยินเสียงของเธอสะอื้นมาจากอีกทางด้านหนึ่งเพียงแค่ได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ หัวใจของเขาก็หล่นลงทันที “เกิดอะไรขึ้นกับพี่? พูดอะไรหน่อยสิ?!”“จิน นายช่วยตามหาเหลียน
เธอตัวสั่นและเงยหน้าขึ้นอย่างคนหัวรั้น มองคนตรงหน้าเธอ ดวงตาสีดำที่เปียกชื้นของเธอค่อย ๆ โฟกัส“จิน นายช่วยฉันตามหาเหลียนอีได้ไหม?” เธอรีบกล่าวหลังจากรู้สึกตัว “ตำรวจเพิ่งรับคดี พวกเขาจะส่งคนไปตามหาเธอ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะตามเธอเจอเมื่อไหร่ ถ้าฉันจำป้ายทะเบียนได้... ทำไมฉันไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้นะ?”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิดอี้ จิ่นหลี จ้องมองไปที่หลิง อี้หราน เขาเคยเห็นเธอเป็นกังวลมากเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับยายของเธอยายของเธอเป็นญาติของเธอ แต่ชิน เหลียนอี? เป็นแค่คนหนึ่งที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเธอ แต่เธอกลับเป็นกังวลอย่างมากคลื่นแห่งความหึงหวงผุดขึ้นในใจของเขา เขาอิจฉาที่เธอเป็นห่วงชิน เหลียนอี มาก แล้วเขาล่ะ? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เธอจะเป็นห่วงเขาบ้างไหม?“กลับบ้านก่อนนะ ที่นี้อากาศเย็นมาก” เขากล่าว “ดูสิว่ามือของพี่เย็นขนาดไหน”หนาวไหม? เธอไม่รู้สึกอะไรเลย สิ่งที่เธอคิดอย่างเดียวคือจะหาเหลียนอีได้ยังไง“นายจะ… จะช่วยฉันตามหาเหลียนอีได้ไหม?” เธอถามเพื่ออยากได้คำตอบที่ชัดเจน เธอทำได้แค่รอตำรวจ แต่... ถ้าเขาเต็มใจที่จะช่วย พวกเขาคงจะพบเหลียนอีในไม่ช้าเขามีทั้งคนรู้จั