“เพราะว่าอี้หรานไม่มีอะไรดี ๆ ในชีวิตของเธอ เธอก็คงไม่อยากเห็นลั่วอินมีความสุขหรอก!” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ พูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าเธอทำลายความสัมพันธ์ของลั่วอินกับลี่เฉิน ฉันจะฆ่าเธอ!”อย่างไรก็ตาม หลิง กว๋อจื้อ กล่าวว่า “พวกเรากำลังเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?” หลิง อี้หราน ก็เป็นลูกสาวของฉันเหมือนกัน มันไม่สำคัญกับเขาถ้าลูกสาวของเขาจะไปคบกับกู้ ลี่เฉินสิ่งสำคัญคือการที่เขาได้เป็นพ่อตาของกู้ ลี่เฉิน ต่างหาก“เข้าใจผิดอะไรล่ะ? เธอพยายามจะไต่เต้าให้เป็นที่รู้จักของสังคม” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ กล่าว “เธอรู้จักกับอี้ จิ่นหลี ได้ยังไงกัน? ไม่รู้เหรอว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน? ใครจะจริงจังกับเธอกันล่ะ?”ฟาง ซุ่ยเอ๋อ ไม่ลังเลที่จะประณามลูกเลี้ยงเพราะกลัวว่าลูกเลี้ยงคนนี้จะมาขโมยการแต่งงานที่ดีของลูกสาวเธอไป“ลั่วอินนั้นแตกต่างออกไป ลั่วอินใสซื่อ และตอนนี้เธอก็ยังเป็นแฟนกับลี่เฉินด้วย เธอจะเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดและจะแต่งงานเข้าตระกูลกู้” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ พูดราวกับลั่วอินเป็นราชินีแห่งวงการภาพยนต์และจะกลายเป็นลูกสะไภ้ตระกูลกู้ทันทีหลิง กว๋อจื้อ พยักหน้าและกล่าวต่อ “เอาล่ะ งั้นฉันจะบอกให้อี้หรานกลับมาบ้านและคุยกับเธ
เมื่อเธอหันหลังกลับไปก็เห็นอี้ จิ่นหลี ยืนพิงประตูอยู่ สายตาของเขากำลังจับจ้องมาที่เธอ“ใครโทรมา?” เขาถามขณะเดินเข้ามาหาเธอ“พ่อของฉัน” หลิง อี้หราน ตอบ “คืนพรุ่งนี้ฉันจะแวะเข้าไปที่บ้าน คุณช่วยบอกคนขับรถว่าไม่ต้องเข้าไปรับฉันที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลได้ไหม?”ดวงตาของเขาเปร่งประกรายอย่างครุ่นคิด “พี่อยากให้ผมไปด้วยไหม?”เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไปกับเธอเหรอ? ทำไมเขาถึงอยากไปกับเธอล่ะ? นอกจากนี้เธอยังไปจัดการแค่เรื่องของแม่เท่านั้น“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้” หลิง อี้หราน ตอบ “ดึกแล้ว ฉันจะไปนอน”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอกำลังขอให้เขาออกไปเขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก้มลมและใช้นิ้วรวบผมยาวของเธอ “ทำไมพี่ถึงไล่ผมจัง?”เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันและไม่ยอมให้คำตอบ“ช่วยบอกผมทีว่าผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ลมหายใจของเขาซึ่งมีกลิ่นเหมือนดั่งกล้วยไม้กำลังรดลงบนใบหน้าของเธอเขาต้องการให้เธอยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข เขาต้องการให้เธอพูดจาน่ารักกับเขาเหมือนที่เธอเคยทำมาก่อน ดวงตาของเธอที่เคยมองแต่เขาเมื่อครั้งยังมีกันและกันกลับมาเหมือนเดิมเหรอ?หลิง อี้หราน ตกใจ “คุณก็เคยเป็นจิน” เธอพ
ถ้าอี้หรานรู้เรื่องใหญ่นั้น ทำไมเธอถึงมาทำงานเป็นคนทำความสะอาดที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลแทนที่จะทำงานเป็นนักแสดงสมทบล่ะ? “ไม่… ไม่มีอะไรค่ะ มันจบแล้ว” หลิง อี้หราน พูดอย่างคลุมเครือ “พี่ซู ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถทำงานเป็นนักแสดงบทบาทสมทบได้แล้วค่ะ ช่วยบอกคุณกวอว่าฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น และเดี๋ยวฉันจะออกจะกลุ่มแชทค่ะ”หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้เธอรู้ว่าวงการบันเทิงนั่นแคบมาก ทุก ๆ คนต่างรู้จักกันหมด ถ้าเธอทำงานเป็นนักแสดงบทบาทสมทบอีกครั้ง เธอคงจะรู้สึกอึดอัดใจ เธอควรพอแค่นี้น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ในการหาเงินได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอได้แต่คิดวิธีหารายได้เพิ่ม“ได้สิ” พี่ซูเห็นว่าหลิง อี้หราน ไม่ต้องการจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดังนั้นเธอจึงไม่ถามคำถามใด ๆ อีก เธอพูดแค่ว่า “ฉันจะไปคุยกับคุณกวอให้ แต่เธอควรบอกให้เขารู้ก่อนที่เธอจะออกจากกลุ่มแชตนะ” “ได้ค่ะ ฉันจะบอกเขาค่ะ” หลิง อี้หรานตอบเธอเริ่มกังวลมากขึ้นกับการหารายได้พิเศษ อย่างไรก็ตาม เธอต้องการจ่ายเงินคือเหลียนอีให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ และถ้าค่ารักษาพยาบาลของคุณยายเ
“นั่งลงก่อนสิ” หลิง กว๋อจื้อ กล่าวหลิง อี้หราน นั่งลงและถามทันที “คุณจะย้ายหลุมศพของแม่ไปไว้ที่ไหน?”“ไม่ต้องรีบหรอก” หลิง กว๋อจื้อ กล่าวและโบกมือเรียกเธอ “คุยเรื่องลูกกับน้องสาวก่อนเถอะ วันนี้พ่อจะเป็นผู้สร้างสันติให้ทั้งคู่เอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า ลูกก็ยังเป็นพี่น้องกัน ลูกต้องดูแลน้องสาวของตัวเอง”หลิง อี้หราน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะย้ายหลุมศพแม่ไปไว้ที่ไหน”หลิง กว๋อจื้อ เริ่มอารมณ์เสีย “พ่อก็บอกอยู่ว่าเราจะคุยเรื่องนี้ทีหลังยังไงล่ะ? เรามาคุยเรื่องของลูกกับน้องสาวก่อนเถอะ” “พี่ ถ้าฉันทำอะไรผิดพลาดไป อย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ ฉันขอโทษ” หลิง ลั่วอิน พูดด้วยถ้อยคำจริงใจหลิง อี้หราน รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่ต้องตั้งรับยิ่งหลิง ลั่วอิน พูดแบบนี้ยิ่งก่อให้เกิดแต่ปัญหาแน่นอนว่าสิ่งที่หลิง กว๋อจื้อ พูดต่อทำให้หลิง อี้หราน เข้าใจว่าหลิง ลั่วอิน ต้องการจะสื่ออะไร“เอาล่ะ เธอทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ลูกไม่ควรทำร้ายกันเพราะผู้ชายคนเดียว” หลิง กว๋อจื้อ พูดกับลูกสาวคนโต “กู้ ลี่เฉินเป็นแฟนของน้องสาวนะอี้หราน เธอไม่ควรเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของพวกเขา แล้วเธอก
“แกเอาแต่พูดถึงแม่! แกไม่อยากเห็นอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับน้องสาวแกบ้างเลยหรือไง ช่างเป็นลูกที่ดีของแม่เสียจริง!” หลิง กว๋อจื้อ พูดด้วยความโกรธ เขาตรงเข้าในห้องแล้วหยิบอัลบั้มรูปออกมาหลิง อี้หราน ตัวสั่น อัลบั้มรูปนั่น… เป็นของแม่เธอ ในนั่นมีรูปของเธอกับแม่เธอเต็มไปหมด!เธอเห็นหลิง กว๋อจื้อ หยิบไฟแช็กออกมาก่อนจุดไฟเผาอัลบั้ม “เพราะแกไม่อยากเห็นน้องสาวมีความสุข งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้อัลบั้มรูปนี้กับแก แม่ของแกก็คงไม่ต้องการลูกสาวแบบแกเหมือนกัน!”อัลบั้มที่ถูกเผาไหม้โดนหลิง กว๋อจื้อ โยนลงบนพื้นหลิง อี้หราน เกือบจะกรีดร้องออกมา เธอดึงแขนเสื้อปิดมือของเธอเพื่อใช้มันตีเพื่อดับเปลวเพลิงเท่าที่ทำได้อย่าไหม้นะ! ไม่นะ!รูปถ่ายข้างในทั้งหมดเป็นความทรงจำของเธอกับแม่! มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าตัวเองกรีดร้องมานานแค่ไหน เธอเอาแต่ดับเปลวไฟด้วยมือของเธอแม้ว่ามันจะเผาไหม้มือเธอก็ตามตอนนี้เธอกลายเป็นเหมือนคนบ้า!สายตาน่ากลัวของเธอมองไปที่พวกเขาในที่สุด เปลวไฟก็ดับลง หลิง อี้หราน มองไปอัลบั้มที่ถูกเผาและตระหนักได้ว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอเดินโซซัดโซเซถืออัลบั้มร
เธอจะดีใจมากถ้าหลิง อี้หราน ถูกไฟเผาจนเสียโฉมไปหมด อย่างน้อยลี่เฉินก็คงไม่สนใจเธออีกต่อไปน่าเสียดายเสียจริง!...หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอเดินมาถึงชั้นล่างได้ยังไง เธอรู้สึกราวกับจะหมดแรงในทุกอย่างก้าวเธอกอดอัลบั้มรูปไว้ในอ้อมแขนที่สั่นเทาเพราะยังคงรู้สึกตกใจอยู่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเปิดอัลบั้มรูปเพื่อดูความเสียหายนี่คือความทรงจำของเธอทั้งหมด—ความทรงจำของแม่!เมื่อเธอเดินไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับทางเข้า ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งคว้าตัวเธอเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่?” เสียงกังวลเกิดขึ้นในหัวของเธอ ความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้เธอรู้สึกราวกับตัวเองกำลังโดนเงาปกคลุมอยู่ แขนคู่หนึ่งขยับอย่างรวดเร็วเพื่อประครองร่างกายของเธอไว้ใครกัน? ใครที่กำลังประคองเธอไว้?หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นแล้วสบเข้ากับดวงตาสวยคู่หนึ่ง ดวงตาที่มีเสน่ห์เหมือนดอกบ๊วย สวยงานจนน่ากลัว นัยต์ตาสีดำแต่สว่างสดใสที่เหมือนกับหินแก้ว ดูลึกลับมากจนเธอไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ครับ?” เขาขมวดคิ้วมองดูร่องรอยน้ำตาที่เหลืออยู่บนใบหน้าของเธอ เขารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายเธอจ้องมองเขาและยิ้มเศร้า ๆ “จิน
หลิง อี้หราน ยังคงเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เมื่อหมอดึงอัลบั้มออกจากมือเธอ เธอกลับกอดมันแน่นขึ้นพร้อมกรีดร้องดัง “ไม่!”“ให้หมอดูมือหน่อยนะ พี่สาว หมอไม่ได้จะเอาอัลบั้มรูปไปไหน” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่สาว ส่งมันมาให้ผมนะ หมอแค่อยากดูแผลบนมือของพี่เท่านั้นเอง ได้ไหมครับ?”เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่’ เธอก็หันหน้ามามองเขาก่อนพูดพึมพัม “จิน...” “ผมเอง” เขาตอบก่อนถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ริมฝีปากของเธอสั่นพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง “ไหม้… อัลบั้มรูปของแม่… ไหม้หมดแล้ว”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังดูตกใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธออีกครั้งอี้ จิ่นหลี ตกใจกับอัลบั้มรูปที่ไหม้นี้… นี่เป็นอัลบั้มรูปของเธอกับแม่เหรอ?หลังจากใช้เวลาร่วมกันไม่นาน เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสำคัญกับเธอขนาดไหนเมื่อหมอสามารถตรวจดูแผลบนมือของหลิง อี้หราน เขาก็เริ่มทำการรักษาพร้อมกับพันผ้าบนแผลให้เธอหลังมือของเธอยังคงช้ำจากบาดแผลครั้งที่แล้ว แถมยังมีแผลใหม่เพิ่มมาทำให้เขาต้องพันผ้าบนมือของเธอทั้งสองข้างเธอยังคงเงียบอยู่ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร หลายคนเริ่มรู้สึกกส
จมูกของเธอเริ่มจะเจ็บ และน้ำตาที่หยุดไหลเมื่อครู่ก็กำลังไหลย้อนกลับมา “ถ้าพี่ต้องการที่จะร้องไห้ ก็แค่ร้องออกมาเลย พี่สาว” เขาใช้ปลายนิ้วมือของเขา ปัดไปที่ดวงตาของเธอ คำว่า ‘พี่สาว’ เหมือนกับเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความเสียใจทั้งหมดที่อัดอั้นและขังอยู่ภายในใจของเธอ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ท่วมท้นของเธอได้ ในตอนนี้ หลิง อี้หราน ส่งเสียงโอดครวญออกมาอย่างเต็มที่และในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้อย่างขมขื่นแบบนี้มานานแล้ว เธอคิดมาตลอดว่า ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ดังแค่ไหน หรือน้ำตาจะไหลออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอไม่มีอะไรที่จะพึ่งพาได้ นอกจากตัวเธอเอง น้ำตาเหล่านั้นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่ไร้ค่า และในตอนนี้ การที่เขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ มันทำให้เธอนึกถึงแม่และน้องชายในท้องของแม่เธอ ที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ได้ออกมาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ ถ้าแม่และน้องชายของเธอไม่เสียชีวิต เธอจะเหงาน้อยลงกว่านี้ไหม? เธอจะได้มีโอกาสที่จะมีครอบครัวที่แท้จริงไหม? เสียงร้องไห้ของ หลิง อี้หราน ทำให้ อี้ จิ่นหลี แปลกใจ ถ้าเขารู้สึกไม่สบายในการที่เธอกัดริ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค