“เพราะว่าอี้หรานไม่มีอะไรดี ๆ ในชีวิตของเธอ เธอก็คงไม่อยากเห็นลั่วอินมีความสุขหรอก!” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ พูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าเธอทำลายความสัมพันธ์ของลั่วอินกับลี่เฉิน ฉันจะฆ่าเธอ!”อย่างไรก็ตาม หลิง กว๋อจื้อ กล่าวว่า “พวกเรากำลังเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?” หลิง อี้หราน ก็เป็นลูกสาวของฉันเหมือนกัน มันไม่สำคัญกับเขาถ้าลูกสาวของเขาจะไปคบกับกู้ ลี่เฉินสิ่งสำคัญคือการที่เขาได้เป็นพ่อตาของกู้ ลี่เฉิน ต่างหาก“เข้าใจผิดอะไรล่ะ? เธอพยายามจะไต่เต้าให้เป็นที่รู้จักของสังคม” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ กล่าว “เธอรู้จักกับอี้ จิ่นหลี ได้ยังไงกัน? ไม่รู้เหรอว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน? ใครจะจริงจังกับเธอกันล่ะ?”ฟาง ซุ่ยเอ๋อ ไม่ลังเลที่จะประณามลูกเลี้ยงเพราะกลัวว่าลูกเลี้ยงคนนี้จะมาขโมยการแต่งงานที่ดีของลูกสาวเธอไป“ลั่วอินนั้นแตกต่างออกไป ลั่วอินใสซื่อ และตอนนี้เธอก็ยังเป็นแฟนกับลี่เฉินด้วย เธอจะเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดและจะแต่งงานเข้าตระกูลกู้” ฟาง ซุ่ยเอ๋อ พูดราวกับลั่วอินเป็นราชินีแห่งวงการภาพยนต์และจะกลายเป็นลูกสะไภ้ตระกูลกู้ทันทีหลิง กว๋อจื้อ พยักหน้าและกล่าวต่อ “เอาล่ะ งั้นฉันจะบอกให้อี้หรานกลับมาบ้านและคุยกับเธ
เมื่อเธอหันหลังกลับไปก็เห็นอี้ จิ่นหลี ยืนพิงประตูอยู่ สายตาของเขากำลังจับจ้องมาที่เธอ“ใครโทรมา?” เขาถามขณะเดินเข้ามาหาเธอ“พ่อของฉัน” หลิง อี้หราน ตอบ “คืนพรุ่งนี้ฉันจะแวะเข้าไปที่บ้าน คุณช่วยบอกคนขับรถว่าไม่ต้องเข้าไปรับฉันที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลได้ไหม?”ดวงตาของเขาเปร่งประกรายอย่างครุ่นคิด “พี่อยากให้ผมไปด้วยไหม?”เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไปกับเธอเหรอ? ทำไมเขาถึงอยากไปกับเธอล่ะ? นอกจากนี้เธอยังไปจัดการแค่เรื่องของแม่เท่านั้น“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้” หลิง อี้หราน ตอบ “ดึกแล้ว ฉันจะไปนอน”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอกำลังขอให้เขาออกไปเขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก้มลมและใช้นิ้วรวบผมยาวของเธอ “ทำไมพี่ถึงไล่ผมจัง?”เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันและไม่ยอมให้คำตอบ“ช่วยบอกผมทีว่าผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ลมหายใจของเขาซึ่งมีกลิ่นเหมือนดั่งกล้วยไม้กำลังรดลงบนใบหน้าของเธอเขาต้องการให้เธอยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข เขาต้องการให้เธอพูดจาน่ารักกับเขาเหมือนที่เธอเคยทำมาก่อน ดวงตาของเธอที่เคยมองแต่เขาเมื่อครั้งยังมีกันและกันกลับมาเหมือนเดิมเหรอ?หลิง อี้หราน ตกใจ “คุณก็เคยเป็นจิน” เธอพ
ถ้าอี้หรานรู้เรื่องใหญ่นั้น ทำไมเธอถึงมาทำงานเป็นคนทำความสะอาดที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลแทนที่จะทำงานเป็นนักแสดงสมทบล่ะ? “ไม่… ไม่มีอะไรค่ะ มันจบแล้ว” หลิง อี้หราน พูดอย่างคลุมเครือ “พี่ซู ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถทำงานเป็นนักแสดงบทบาทสมทบได้แล้วค่ะ ช่วยบอกคุณกวอว่าฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น และเดี๋ยวฉันจะออกจะกลุ่มแชทค่ะ”หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้เธอรู้ว่าวงการบันเทิงนั่นแคบมาก ทุก ๆ คนต่างรู้จักกันหมด ถ้าเธอทำงานเป็นนักแสดงบทบาทสมทบอีกครั้ง เธอคงจะรู้สึกอึดอัดใจ เธอควรพอแค่นี้น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ในการหาเงินได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอได้แต่คิดวิธีหารายได้เพิ่ม“ได้สิ” พี่ซูเห็นว่าหลิง อี้หราน ไม่ต้องการจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดังนั้นเธอจึงไม่ถามคำถามใด ๆ อีก เธอพูดแค่ว่า “ฉันจะไปคุยกับคุณกวอให้ แต่เธอควรบอกให้เขารู้ก่อนที่เธอจะออกจากกลุ่มแชตนะ” “ได้ค่ะ ฉันจะบอกเขาค่ะ” หลิง อี้หรานตอบเธอเริ่มกังวลมากขึ้นกับการหารายได้พิเศษ อย่างไรก็ตาม เธอต้องการจ่ายเงินคือเหลียนอีให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ และถ้าค่ารักษาพยาบาลของคุณยายเ
“นั่งลงก่อนสิ” หลิง กว๋อจื้อ กล่าวหลิง อี้หราน นั่งลงและถามทันที “คุณจะย้ายหลุมศพของแม่ไปไว้ที่ไหน?”“ไม่ต้องรีบหรอก” หลิง กว๋อจื้อ กล่าวและโบกมือเรียกเธอ “คุยเรื่องลูกกับน้องสาวก่อนเถอะ วันนี้พ่อจะเป็นผู้สร้างสันติให้ทั้งคู่เอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า ลูกก็ยังเป็นพี่น้องกัน ลูกต้องดูแลน้องสาวของตัวเอง”หลิง อี้หราน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะย้ายหลุมศพแม่ไปไว้ที่ไหน”หลิง กว๋อจื้อ เริ่มอารมณ์เสีย “พ่อก็บอกอยู่ว่าเราจะคุยเรื่องนี้ทีหลังยังไงล่ะ? เรามาคุยเรื่องของลูกกับน้องสาวก่อนเถอะ” “พี่ ถ้าฉันทำอะไรผิดพลาดไป อย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ ฉันขอโทษ” หลิง ลั่วอิน พูดด้วยถ้อยคำจริงใจหลิง อี้หราน รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่ต้องตั้งรับยิ่งหลิง ลั่วอิน พูดแบบนี้ยิ่งก่อให้เกิดแต่ปัญหาแน่นอนว่าสิ่งที่หลิง กว๋อจื้อ พูดต่อทำให้หลิง อี้หราน เข้าใจว่าหลิง ลั่วอิน ต้องการจะสื่ออะไร“เอาล่ะ เธอทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ลูกไม่ควรทำร้ายกันเพราะผู้ชายคนเดียว” หลิง กว๋อจื้อ พูดกับลูกสาวคนโต “กู้ ลี่เฉินเป็นแฟนของน้องสาวนะอี้หราน เธอไม่ควรเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของพวกเขา แล้วเธอก
“แกเอาแต่พูดถึงแม่! แกไม่อยากเห็นอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับน้องสาวแกบ้างเลยหรือไง ช่างเป็นลูกที่ดีของแม่เสียจริง!” หลิง กว๋อจื้อ พูดด้วยความโกรธ เขาตรงเข้าในห้องแล้วหยิบอัลบั้มรูปออกมาหลิง อี้หราน ตัวสั่น อัลบั้มรูปนั่น… เป็นของแม่เธอ ในนั่นมีรูปของเธอกับแม่เธอเต็มไปหมด!เธอเห็นหลิง กว๋อจื้อ หยิบไฟแช็กออกมาก่อนจุดไฟเผาอัลบั้ม “เพราะแกไม่อยากเห็นน้องสาวมีความสุข งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้อัลบั้มรูปนี้กับแก แม่ของแกก็คงไม่ต้องการลูกสาวแบบแกเหมือนกัน!”อัลบั้มที่ถูกเผาไหม้โดนหลิง กว๋อจื้อ โยนลงบนพื้นหลิง อี้หราน เกือบจะกรีดร้องออกมา เธอดึงแขนเสื้อปิดมือของเธอเพื่อใช้มันตีเพื่อดับเปลวเพลิงเท่าที่ทำได้อย่าไหม้นะ! ไม่นะ!รูปถ่ายข้างในทั้งหมดเป็นความทรงจำของเธอกับแม่! มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าตัวเองกรีดร้องมานานแค่ไหน เธอเอาแต่ดับเปลวไฟด้วยมือของเธอแม้ว่ามันจะเผาไหม้มือเธอก็ตามตอนนี้เธอกลายเป็นเหมือนคนบ้า!สายตาน่ากลัวของเธอมองไปที่พวกเขาในที่สุด เปลวไฟก็ดับลง หลิง อี้หราน มองไปอัลบั้มที่ถูกเผาและตระหนักได้ว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอเดินโซซัดโซเซถืออัลบั้มร
เธอจะดีใจมากถ้าหลิง อี้หราน ถูกไฟเผาจนเสียโฉมไปหมด อย่างน้อยลี่เฉินก็คงไม่สนใจเธออีกต่อไปน่าเสียดายเสียจริง!...หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอเดินมาถึงชั้นล่างได้ยังไง เธอรู้สึกราวกับจะหมดแรงในทุกอย่างก้าวเธอกอดอัลบั้มรูปไว้ในอ้อมแขนที่สั่นเทาเพราะยังคงรู้สึกตกใจอยู่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเปิดอัลบั้มรูปเพื่อดูความเสียหายนี่คือความทรงจำของเธอทั้งหมด—ความทรงจำของแม่!เมื่อเธอเดินไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับทางเข้า ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งคว้าตัวเธอเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่?” เสียงกังวลเกิดขึ้นในหัวของเธอ ความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้เธอรู้สึกราวกับตัวเองกำลังโดนเงาปกคลุมอยู่ แขนคู่หนึ่งขยับอย่างรวดเร็วเพื่อประครองร่างกายของเธอไว้ใครกัน? ใครที่กำลังประคองเธอไว้?หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นแล้วสบเข้ากับดวงตาสวยคู่หนึ่ง ดวงตาที่มีเสน่ห์เหมือนดอกบ๊วย สวยงานจนน่ากลัว นัยต์ตาสีดำแต่สว่างสดใสที่เหมือนกับหินแก้ว ดูลึกลับมากจนเธอไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ครับ?” เขาขมวดคิ้วมองดูร่องรอยน้ำตาที่เหลืออยู่บนใบหน้าของเธอ เขารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายเธอจ้องมองเขาและยิ้มเศร้า ๆ “จิน
หลิง อี้หราน ยังคงเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เมื่อหมอดึงอัลบั้มออกจากมือเธอ เธอกลับกอดมันแน่นขึ้นพร้อมกรีดร้องดัง “ไม่!”“ให้หมอดูมือหน่อยนะ พี่สาว หมอไม่ได้จะเอาอัลบั้มรูปไปไหน” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่สาว ส่งมันมาให้ผมนะ หมอแค่อยากดูแผลบนมือของพี่เท่านั้นเอง ได้ไหมครับ?”เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่’ เธอก็หันหน้ามามองเขาก่อนพูดพึมพัม “จิน...” “ผมเอง” เขาตอบก่อนถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ริมฝีปากของเธอสั่นพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง “ไหม้… อัลบั้มรูปของแม่… ไหม้หมดแล้ว”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังดูตกใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธออีกครั้งอี้ จิ่นหลี ตกใจกับอัลบั้มรูปที่ไหม้นี้… นี่เป็นอัลบั้มรูปของเธอกับแม่เหรอ?หลังจากใช้เวลาร่วมกันไม่นาน เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสำคัญกับเธอขนาดไหนเมื่อหมอสามารถตรวจดูแผลบนมือของหลิง อี้หราน เขาก็เริ่มทำการรักษาพร้อมกับพันผ้าบนแผลให้เธอหลังมือของเธอยังคงช้ำจากบาดแผลครั้งที่แล้ว แถมยังมีแผลใหม่เพิ่มมาทำให้เขาต้องพันผ้าบนมือของเธอทั้งสองข้างเธอยังคงเงียบอยู่ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร หลายคนเริ่มรู้สึกกส
จมูกของเธอเริ่มจะเจ็บ และน้ำตาที่หยุดไหลเมื่อครู่ก็กำลังไหลย้อนกลับมา “ถ้าพี่ต้องการที่จะร้องไห้ ก็แค่ร้องออกมาเลย พี่สาว” เขาใช้ปลายนิ้วมือของเขา ปัดไปที่ดวงตาของเธอ คำว่า ‘พี่สาว’ เหมือนกับเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความเสียใจทั้งหมดที่อัดอั้นและขังอยู่ภายในใจของเธอ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ท่วมท้นของเธอได้ ในตอนนี้ หลิง อี้หราน ส่งเสียงโอดครวญออกมาอย่างเต็มที่และในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้อย่างขมขื่นแบบนี้มานานแล้ว เธอคิดมาตลอดว่า ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ดังแค่ไหน หรือน้ำตาจะไหลออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอไม่มีอะไรที่จะพึ่งพาได้ นอกจากตัวเธอเอง น้ำตาเหล่านั้นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่ไร้ค่า และในตอนนี้ การที่เขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ มันทำให้เธอนึกถึงแม่และน้องชายในท้องของแม่เธอ ที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ได้ออกมาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ ถ้าแม่และน้องชายของเธอไม่เสียชีวิต เธอจะเหงาน้อยลงกว่านี้ไหม? เธอจะได้มีโอกาสที่จะมีครอบครัวที่แท้จริงไหม? เสียงร้องไห้ของ หลิง อี้หราน ทำให้ อี้ จิ่นหลี แปลกใจ ถ้าเขารู้สึกไม่สบายในการที่เธอกัดริ