“แกเอาแต่พูดถึงแม่! แกไม่อยากเห็นอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับน้องสาวแกบ้างเลยหรือไง ช่างเป็นลูกที่ดีของแม่เสียจริง!” หลิง กว๋อจื้อ พูดด้วยความโกรธ เขาตรงเข้าในห้องแล้วหยิบอัลบั้มรูปออกมาหลิง อี้หราน ตัวสั่น อัลบั้มรูปนั่น… เป็นของแม่เธอ ในนั่นมีรูปของเธอกับแม่เธอเต็มไปหมด!เธอเห็นหลิง กว๋อจื้อ หยิบไฟแช็กออกมาก่อนจุดไฟเผาอัลบั้ม “เพราะแกไม่อยากเห็นน้องสาวมีความสุข งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้อัลบั้มรูปนี้กับแก แม่ของแกก็คงไม่ต้องการลูกสาวแบบแกเหมือนกัน!”อัลบั้มที่ถูกเผาไหม้โดนหลิง กว๋อจื้อ โยนลงบนพื้นหลิง อี้หราน เกือบจะกรีดร้องออกมา เธอดึงแขนเสื้อปิดมือของเธอเพื่อใช้มันตีเพื่อดับเปลวเพลิงเท่าที่ทำได้อย่าไหม้นะ! ไม่นะ!รูปถ่ายข้างในทั้งหมดเป็นความทรงจำของเธอกับแม่! มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ!หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าตัวเองกรีดร้องมานานแค่ไหน เธอเอาแต่ดับเปลวไฟด้วยมือของเธอแม้ว่ามันจะเผาไหม้มือเธอก็ตามตอนนี้เธอกลายเป็นเหมือนคนบ้า!สายตาน่ากลัวของเธอมองไปที่พวกเขาในที่สุด เปลวไฟก็ดับลง หลิง อี้หราน มองไปอัลบั้มที่ถูกเผาและตระหนักได้ว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอเดินโซซัดโซเซถืออัลบั้มร
เธอจะดีใจมากถ้าหลิง อี้หราน ถูกไฟเผาจนเสียโฉมไปหมด อย่างน้อยลี่เฉินก็คงไม่สนใจเธออีกต่อไปน่าเสียดายเสียจริง!...หลิง อี้หราน ไม่รู้ว่าเธอเดินมาถึงชั้นล่างได้ยังไง เธอรู้สึกราวกับจะหมดแรงในทุกอย่างก้าวเธอกอดอัลบั้มรูปไว้ในอ้อมแขนที่สั่นเทาเพราะยังคงรู้สึกตกใจอยู่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเปิดอัลบั้มรูปเพื่อดูความเสียหายนี่คือความทรงจำของเธอทั้งหมด—ความทรงจำของแม่!เมื่อเธอเดินไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับทางเข้า ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งคว้าตัวเธอเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่?” เสียงกังวลเกิดขึ้นในหัวของเธอ ความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้เธอรู้สึกราวกับตัวเองกำลังโดนเงาปกคลุมอยู่ แขนคู่หนึ่งขยับอย่างรวดเร็วเพื่อประครองร่างกายของเธอไว้ใครกัน? ใครที่กำลังประคองเธอไว้?หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นแล้วสบเข้ากับดวงตาสวยคู่หนึ่ง ดวงตาที่มีเสน่ห์เหมือนดอกบ๊วย สวยงานจนน่ากลัว นัยต์ตาสีดำแต่สว่างสดใสที่เหมือนกับหินแก้ว ดูลึกลับมากจนเธอไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ครับ?” เขาขมวดคิ้วมองดูร่องรอยน้ำตาที่เหลืออยู่บนใบหน้าของเธอ เขารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังแตกสลายเธอจ้องมองเขาและยิ้มเศร้า ๆ “จิน
หลิง อี้หราน ยังคงเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เมื่อหมอดึงอัลบั้มออกจากมือเธอ เธอกลับกอดมันแน่นขึ้นพร้อมกรีดร้องดัง “ไม่!”“ให้หมอดูมือหน่อยนะ พี่สาว หมอไม่ได้จะเอาอัลบั้มรูปไปไหน” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่สาว ส่งมันมาให้ผมนะ หมอแค่อยากดูแผลบนมือของพี่เท่านั้นเอง ได้ไหมครับ?”เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่’ เธอก็หันหน้ามามองเขาก่อนพูดพึมพัม “จิน...” “ผมเอง” เขาตอบก่อนถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ริมฝีปากของเธอสั่นพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง “ไหม้… อัลบั้มรูปของแม่… ไหม้หมดแล้ว”เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังดูตกใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธออีกครั้งอี้ จิ่นหลี ตกใจกับอัลบั้มรูปที่ไหม้นี้… นี่เป็นอัลบั้มรูปของเธอกับแม่เหรอ?หลังจากใช้เวลาร่วมกันไม่นาน เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสำคัญกับเธอขนาดไหนเมื่อหมอสามารถตรวจดูแผลบนมือของหลิง อี้หราน เขาก็เริ่มทำการรักษาพร้อมกับพันผ้าบนแผลให้เธอหลังมือของเธอยังคงช้ำจากบาดแผลครั้งที่แล้ว แถมยังมีแผลใหม่เพิ่มมาทำให้เขาต้องพันผ้าบนมือของเธอทั้งสองข้างเธอยังคงเงียบอยู่ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร หลายคนเริ่มรู้สึกกส
จมูกของเธอเริ่มจะเจ็บ และน้ำตาที่หยุดไหลเมื่อครู่ก็กำลังไหลย้อนกลับมา “ถ้าพี่ต้องการที่จะร้องไห้ ก็แค่ร้องออกมาเลย พี่สาว” เขาใช้ปลายนิ้วมือของเขา ปัดไปที่ดวงตาของเธอ คำว่า ‘พี่สาว’ เหมือนกับเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดและความเสียใจทั้งหมดที่อัดอั้นและขังอยู่ภายในใจของเธอ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ท่วมท้นของเธอได้ ในตอนนี้ หลิง อี้หราน ส่งเสียงโอดครวญออกมาอย่างเต็มที่และในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้อย่างขมขื่นแบบนี้มานานแล้ว เธอคิดมาตลอดว่า ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ดังแค่ไหน หรือน้ำตาจะไหลออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอไม่มีอะไรที่จะพึ่งพาได้ นอกจากตัวเธอเอง น้ำตาเหล่านั้นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่ไร้ค่า และในตอนนี้ การที่เขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ มันทำให้เธอนึกถึงแม่และน้องชายในท้องของแม่เธอ ที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ได้ออกมาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ ถ้าแม่และน้องชายของเธอไม่เสียชีวิต เธอจะเหงาน้อยลงกว่านี้ไหม? เธอจะได้มีโอกาสที่จะมีครอบครัวที่แท้จริงไหม? เสียงร้องไห้ของ หลิง อี้หราน ทำให้ อี้ จิ่นหลี แปลกใจ ถ้าเขารู้สึกไม่สบายในการที่เธอกัดริ
ชิน เหลียนอี ตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงผู้ชายจากปลายสาย นอกจากนี้ยังฟังดูเหมือน ... "คุณคือ… อี้ จิ่นหลี หรือเปล่า?" เธอถามด้วยความประหลาดใจ"ใช่" เขาตอบและวางสายชิน เหลียนอี จ้องไปที่โทรศัพท์ในมือของเธอ ถ้าอี้หรานหลับไปและอี้ จิ่นหลี เป็นคนรับโทรศัพท์ของเธอ… นั่นหมายความว่าตอนนี้ อี้ จิ่นหลี้ อยู่กับเพื่อนสนิทของเธออย่างนั้นเหรอ?อีกทั่ง, อี้หราน ไม่ได้อยู่ในห้องเช่าของเธอ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ชิน เลียนอี มองจากโทรศัพท์ของเธอไปหยั่งประตูห้องเช่าที่ปิดอยู่ เป็นไปได้ไหมว่า... ตอนนี้ อี้หร่าน จะพักอยู่กับอี้ จิ่นหลีชีวิตช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้ใช่ไหมล่ะ?ในขณะเดียวกัน อี้ จิ่นหลี้ ก็วางโทรศัพท์ของหลิง อี้หราน ลงและเขาได้อุ้มเธอที่ยังหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาขึ้นและออกจากรถอย่างระมัดระวังเขาถอดเสื้อคลุมออกและคลุมร่างของเธอห่วงว่าเธอจะเป็นหวัดขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน เหล่าคนรับใช้ก็ไม่สามารถเก็บอาการของความแปลกใจไว้ได้ เมื่อพวกเขาได้เห็นกับตา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่า คุณหลิงนั้นอาจจะเป็นแขกคนพิเศษที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่คฤหาสน์ อี้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นนายน้อยอี้แสดงออกกับ
ไม่… ไม่นะ! เธอต้องการแม่ของเธอ, เธอต้องการน้องชายของเธอ! เธอร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เพียงแต่ว่า เธอไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ทันใดนั้น เสียงระฆังก็ดังขึ้น ราวกับจะดึงเธอออกจากฝันร้าย... หลิง อี้หราน ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เธอได้ยินเสียงที่นุ่มนวลในหูของเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?” ใบหน้าสวยงามนั้น กระทบเข้ามาในดวงตาที่ค่อนข้างห่างไกลของเธอ และเป็นดวงตาที่สดใสดูเหมือนจะมีความอ่อนโยนที่ไม่อาจพรรณนาได้ภายในพวกเขา "ใช่... " เธอตอบอย่างมึนงง แต่ยังไม่ค่อยได้สติกลับคืนมา ราวกับว่าความฝันและความเป็นจริงของเธอ กำลังปะปนกันอยู่ตลอดเวลา มันกำลังครอบงำเธออยู่ “งั้นพี่รับโทรศัพท์หน่อยนะ” เขาพูดพร้อมกับถือโทรศัพท์แนบที่หูของเธอ หลิง อี้หราน ตัวเกร็งขณะที่เธอฟังเสียงที่คุ้นเคยที่มาจากโทรศัพท์มือถือของเธอ "อี้หราน ตื่นแล้วเหรอ? อี้หราน" หลิง อี้หราน สะอื้นเล็กน้อย “เหลียนอี!” "ใช่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธออยู่กับ อี้ จินลี่ เหรอ? ฉันโทรหาเธอเมื่อคืน เขารับสายท์ฉัน เขาบอกให้ฉันโทรหาเธออีกครั้ง และตอนนี้เขาก็ยังรับโทรศัพท์อีก" ชิน เหลียนอี ถึงกับพูดไม่ถูก ใครจะไปคิดว่า อี้ จิ่นหลี จะมารับสายขอ
อัลบั้มรูปนั้นมีความทรงจำที่มีค่าที่สุดสำหรับเธอ อี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว "พี่สละชีวิตของพี่ ก็เพื่ออัลบั้มรูปนั้นเหรอ? เมื่อวานนี้พี่โชคดีแค่ไหน ที่พี่มีแค่รอยฟกช้ำที่นิ้วเท่านั้น มันจะเป็นยังไงถ้าตัวของพี่ถูกเผาขึ้นมาจริง ๆ?” "อัลบั้มนี้มันมีความหมายมากสำหรับฉัน!" หลิง อี้หราน กล่าว "มันสำคัญกว่ามือของพี่ใช่ไหม? พี่จะสูญเสียมือของพี่เพื่อปกป้องอัลบั้มรูปนั้นงั้นเหรอ?" น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น "มันสำคัญมาก ต่อให้มือทั้งสองข้างของฉันจะไหม้ก็ตาม แต่ฉันก็ยังอยากที่จะเก็บมันไว้กับฉัน" หลิง อี้หราน หายใจเข้าลึก ๆ สำหรับเธอมันเป็นความทรงจำและความเจ็บปวดในหัวใจของเธอ มันคือความรักที่ดีที่สุดในครอบครัวที่เธอเคยรู้สึกและมีความสุขที่สุดเท่าที่เธอเคยมีมา คำตอบของเธอทำให้เขาหน้าซีดและเขารู้สึกโกรธข้างในอก หลังจากได้รู้ว่าเธอไม่เห็นคุณค่าในตัวของเธอเองเลย เขายังเป็นห่วงตัวเธอมากกว่าที่เธอทำด้วยซ้ำ เขาเป็นห่วงมากพอที่จะทนเห็นเธอเจ็บไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย "อัลบั้มรูปของฉันอยู่ที่ไหน" เธอยังคงถามเขาอย่างร้อนใจ อี้ จิ่นลี่ ถอนหายใจลุกขึ้นและเดินไปที่ตู้ที่อยู่ไม่ไกล และยื่นอัล
“ไม่มีใครไล่พี่ออกได้” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยความมั่นใจ “แค่รักษานิ้วให้ดีก่อน พี่คิดว่าพี่จะยกของและกวาดพื้นได้ด้วยสภาพมือของพี่ในตอนนี้หรือไง?” หลิง อี้หราน ก้มหน้าลง นิ่งและเงียบ เธอไม่สามารถทำอะไรด้วยมือของเธอได้จริง ๆ "รักษามือของพี่ให้หายดีก่อน พี่จะทำอะไรก็ได้ทุก ๆ อย่าง ตามที่พี่ต้องการในตอนที่มือของพี่หายเป็นปกติดีแล้ว” อี้ จิ่นหลี กล่าว และเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และเขาก็พูดขึ้นว่า "คืนนี้พี่จะไปเจอชิน เหลียนอี้ ใช่ไหม? ทำไมพี่ไม่ขอเลื่อนนัดไปก่อน จนกว่าแผลที่มือของพี่จะดีขึ้นล่ะ?" คนที่คุ้นเคยกับ อี้ จิ่นหลี อาจจะแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น เมื่อผู้ชายที่เข้าใจยากอะไรที่สุดใน เมือง เฉิน ต้องมาเป็นห่วงเกี่ยวกับการบาดเจ็บของผู้หญิงมากขนาดนี้? ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้ายยืนอยู่ตรงหน้าเขา พวกนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลยแม้สักนิดเดียว "ฉันต้องไป" หลิง อี้หราน ตอบด้วยความเเน่วเเน่ "ดูเหมือนว่า เหลียนอีจะมีข่าวเกี่ยวกับพยานในคดีของฉัน ฉันจะไปพบเธอและสืบว่าเกิดอะไรขึ้น" เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ขณะที่เธอกำลัง