“ไม่มีใครไล่พี่ออกได้” อี้ จิ่นหลี พูดด้วยความมั่นใจ “แค่รักษานิ้วให้ดีก่อน พี่คิดว่าพี่จะยกของและกวาดพื้นได้ด้วยสภาพมือของพี่ในตอนนี้หรือไง?” หลิง อี้หราน ก้มหน้าลง นิ่งและเงียบ เธอไม่สามารถทำอะไรด้วยมือของเธอได้จริง ๆ "รักษามือของพี่ให้หายดีก่อน พี่จะทำอะไรก็ได้ทุก ๆ อย่าง ตามที่พี่ต้องการในตอนที่มือของพี่หายเป็นปกติดีแล้ว” อี้ จิ่นหลี กล่าว และเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และเขาก็พูดขึ้นว่า "คืนนี้พี่จะไปเจอชิน เหลียนอี้ ใช่ไหม? ทำไมพี่ไม่ขอเลื่อนนัดไปก่อน จนกว่าแผลที่มือของพี่จะดีขึ้นล่ะ?" คนที่คุ้นเคยกับ อี้ จิ่นหลี อาจจะแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น เมื่อผู้ชายที่เข้าใจยากอะไรที่สุดใน เมือง เฉิน ต้องมาเป็นห่วงเกี่ยวกับการบาดเจ็บของผู้หญิงมากขนาดนี้? ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้ายยืนอยู่ตรงหน้าเขา พวกนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลยแม้สักนิดเดียว "ฉันต้องไป" หลิง อี้หราน ตอบด้วยความเเน่วเเน่ "ดูเหมือนว่า เหลียนอีจะมีข่าวเกี่ยวกับพยานในคดีของฉัน ฉันจะไปพบเธอและสืบว่าเกิดอะไรขึ้น" เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ขณะที่เธอกำลัง
ในรูปถ่ายเธอดูผอมมาก แก้มอ้วน ๆ ของเธอและผมสีดำหนา ช่างดูน่ารักมาก อี้ จิ่นหลี ไม่เคยคิดเลยว่าในตอนที่เธอยังเป็นเด็กจะดูเด็กและหลงใหลขนาดนี้ แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เขารู้สึกถึงความรักที่แท้จริงขณะมองไปที่เด็กน้อยในรูปถ่าย เขาคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเด็กน้อยคนนี้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาอาจจะอยากกอดและจูบเธอก็เป็นได้ เป็นเพราะเธอเป็นเด็กหรือเปล่า? นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคิดว่าเธอน่ารัก? แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เมื่อมองไปที่เด็กคนอื่น ๆ อี้ จิ่นหลี หยิบภาพอื่นออกมาทีละภาพ ภาพถ่ายนี้ เริ่มต้นจากภาพถ่ายของ หลิง อี้หราน กับแม่ของเธอ จนกลายมาเป็นภาพเธอคนเดียว ในรูปถ่ายนั้น เธอดูแก่กว่ารูปถ่ายที่เธอถ่ายกับแม่ของเธอ เธอดูอายุประมาณห้าถึงหกขวบเห็นจะได้ มีรูปถ่ายเหล่านี้ไม่มากนัก ไม่มากเท่าที่มีรูปเธอกับแม่ของเธอ “ในตอนที่แม่ของฉันยังมีชีวิตอยู่ เธอชอบถ่ายรูปคู่กับฉัน แต่หลังจากที่เธอตาย ฉันเองก็ถ่ายรูปน้อยลง” หลิง อี้หราน พูดอย่างหน้าเศร้าในขณะมองดูรูปถ่ายพวกนั้น เธอถ่ายเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และในส่วนใหญ่จะเป็นรูปถ่ายของเธอเอง เธอเข้ากับครอบครัวใหม่ขอ
"ป่วยเหรอ? พี่ไม่สบายเหรอ?" เสียงของเขาดูมีความเครียดขึ้นมาทันที “แค่มีไข้ แค่ไม่กี่วันเท่านั้น มันแค่มีความรู้สึกเพลียนิดหน่อย เมื่อฉันหายแล้ว ฉันก็ยังเเข็งเเรงดีอยู่ แต่น่าเสียดายที่ชุดนั้นมันหายไปแล้ว" เธอกล่าวด้วยความเสียใจ อย่างไรก็ตาม ต่อมายายของเธอก็ได้แอบบอกกับเธอว่า จะซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอ ถ้าหากเธอสอบได้อันดับ 1 ในชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุดเธอทำได้ที่หนึ่ง เธอก็ต้องจากยายของเธอไปเพื่อกลับไปหาพ่อของเธอ ก่อนที่เธอจะจากไป คุณยายได้แอบเอาชุดใหม่ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางของเธอไว้ ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีมือใหญ่ก็แตะที่หน้าผากของเธอ หลิง อี้หราน สะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมอง อี้ จิ่นหลี “ตอนนี้ฉัน... ฉันไม่มีไข้แล้ว” “ผมรู้” เขากระซิบ “ต่อไป ผมจะซื้อชุดที่พี่อยากได้ให้นะ” คำพูดของเขาทำให้เธอหวั่นไหวทันที "ฉันไม่ใช่เด็กที่เอาแต่คิดเรื่องเดรสนั้นนะ" เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยและลดตาลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเธอมองเขานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเท่านั้น และหมุนจนแทบจะควบคุมไม่ได้ “อย่างนั้นเหรอ?” อี้ จิ่นหลี เอามือออก และดึงรูปถ่ายที่เหลือทั้งหมดในอัล
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ เขาได้เห็นคนน่ารักมากมาย แล้วรูปถ่ายของเธอรูปนี้ มันมีความน่ารัก จนทำให้เขาต้องเก็บไว้ดูเองเลยเหรอ? และในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม การพบกับชิน เหลียนอี นั้นสำคัญกับเธอที่สุด ในตอนที่เธอกำลังจะไป อี้ จิ่นหลี ก็ขอให้คนขับรถพาเธอไปที่นั้น เธอรู้ได้จากประสบการณ์ว่า ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะปฏิเสธ เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็ต้องทำตามใจเขา เพราะมันมีเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ที่เขาจะต่อรองได้ เมื่อเธอเข้าไปในรถแล้ว หลิง อีหราน ก็บอกกับคนขับรถว่าจะไปที่ไหน เป็นไปตามคาด เธอมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง ก่อนเวลา ครึ่ง ชั่วโมง ทั้งที่ปกติแล้วเธอต้องใช้เวลา เป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง หลิง อี้หราน เดินเข้าไปเข้าไปที่ร้านอาหารตามสั่ง เธอนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มที่ราคา หก ดอลลาร์, และส่งข้อความหา ชิน เหลียนอี ในขณะที่เธอกำลังรอเพื่อนสนิทของเธอ เธอก็มองไปที่หน้าต่างฝรั่งเศสที่โปร่งแสงและมองดูพนักงานส่งอาหารหลายคนวิ่งเข้าและออกจากร้านอาหารเป็นครั้งคราวพร้อมกับคำสั่งส่งอาหารของพวกเขา การส่งอาหารเหล่านั้น... ทำให้ หลิง อี้หราน รู้สึกได้ถึงอารณ์ ใบขับขี่ของ หลิง อี้หราน ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่นั่นก็ไม
“มือของเธอเจ็บไหม” ชิน หเลียนอี ถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร” หลิง อี้หราน กล่าว “ผ้าพันแผล มันทำให้ดูแย่ต่างหาก วันนี้ฉันไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไร และฉันยังถือของเองได้ด้วย” ชิน เหลียนอี ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและสั่งอาหาร ในขณะที่พวกเขากำลังกินและคุยกันอยู่นั้น หลิง อี้หราน ได้พบว่าเกิดอะไรขึ้นกับพยานที่เพื่อนสนิทของเธอพูดถึงทางโทรศัพท์ ก็คือเพื่อนร่วมงานในสตูดิโอออกแบบของเหลียนอีที่ได้โพสต์วิดีโอลงในกลุ่มแชทของเพื่อนร่วมงาน จากนั้น เหลียนอีี ก็ได้เห็นพยานที่ให้การในตอนนั้น ชายคนนั้นเป็น สามีของลูกสาวญาติของเพื่อนร่วมงาน เหลียนอี ที่เพิ่งจะแต่งงานไป และตอนนี้เขาได้อาศัยอยู่ในเมือง เอส ชิน เหลียนอี ลองถามชื่อของเขาเผื่อเอาไว้ แต่เพื่อนร่วมงานก็ไม่รู้จักชื่อของเขา เพื่อนร่วมงานของเขารู้แค่ว่าเขามีนามสกุล ว่า โหยว มีไม่กี่คน ที่มีนามสกุล โหยว ชิน เหลียนอี เปิดวีดีโอให้หลิง อี้หราน ดู มันเป็นวิดีโอของคู่บ่าวสาวที่กำลังถูกหยอกล้อ วิดีโอเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ สายตาของหลิง อี้หราน จับจ้องไปที่เจ้าบ่าวในวิดีโอ ใบหน้าของเจ้าบ่าวเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่เขาทำตามควา
ดูเป็นผู้ชายที่ดูดีคนนั้น ในบางมุมก็ดูเหมือนวัยรุ่นแต่ในบางมุมก็ดูเหมือนเด็กผู้ชาย ใบหน้าที่ยากจะระบุเพศของเขา มันดูลงตัว คล้ายกับผู้หญิงที่สวยงามและทันสมัยในตอนนี้ ความละเอียดอ่อนของเขา เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาดยังไงยังงั้น แต่ว่าตอนนี้ ชายคนนั้นเม้มปากแน่น พร้อมกับดวงตาสีดำที่สวยงามของเขา เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกธร ‘ผู้ชายคนนั้น... กำลังโกธรหรือเปล่า?’ หลิง อี้หราน คิด จากที่สังเกต สายตาของเขา ดูเหมือนกับว่าเขาจะหงุดหงิด “อี้หราน ฉันกำลังคุยกับเธออยู่ เธอได้ยินฉันไหม?” เสียงของชิน เหลียนอี ดังเข้ามาในหูของเธอและสติของหลิง อี้หราน ก็กลับมาทันที “เธอกำลังบอกฉันว่าอะไรนะ?” หลิง อี้หราน หันหน้าไปมองที่เพื่อนสนิทของเธอ “ฉันบอกว่า หมอบอกว่ามือเธอจะหายเมื่อไร?” ชิน เหลียนอี กล่าว “อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ แล้วฉันก็ต้องรอให้ผิวฉันหายดีอีก” หลิง อี้หรานกล่าว จากนั้นเธอก็เหลือบกลับไปมองที่ชายแปลกหน้าคนนั้น แต่ว่าทั้งรถและผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว “เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ?” ชิน เหลียนอี มองไปทางที่เพื่อนสนิทเธอกำลังมอง “ที่ถนนนั่น มันมีอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มีอะไรหรอก” หลิง อี้ห
มีบางอย่างเกิดขึ้น! หลิง อี้หราน มองดูเพื่อนของเธออย่างสงสัย “มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”“น่าจะใช่” ชิน เหลียนอี หัวเราะ “ฉับแอบชอบคน ๆ หนึ่งน่ะแต่ว่าเขาเด็กกว่า ฉันเป็นเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนเลยตอนเราเจอกัน อืม… แต่ก็รู้สึกดี”“...” วัวแก่กินหญ้าอ่อน? หลิง อี้หราน ถึงกับพูดไม่ออก เพื่อนของเธอเพิ่งจะอายุ 27 ปี “เขาเด็กมากเลยเหรอ?” เธอถาม“คิดว่างั้นนะ? เขาค่อยข้างเด็กนะ” เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเจอเขาที่ต่างประเทศ...โอ้ะ ช่างมันเถอะ เขาคงจำไม่ได้แล้วว่าตอนนี้ฉันหน้าตาเป็นยังไง”ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขาคงมีแต่ผู้หญิงล้อมรอบ เขาจะจำเธอที่เจอกันเจอกันแค่ไม่กี่วันได้ยังไง?ชิน เหลียนอี คิดในใจ ‘แค่มีประสบการณ์แบบนั้นก็เพียงพอแล้ว’ใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดว่า ‘ต่างประเทศ’ เธอจำได้ว่าเหลียนอีเคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งนึง นั่นคือก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุ เหลียนอีกำลังไปสอบสัมภาษณ์โรงเรียนที่สมัครเข้าเรียนในต่างประเทศแต่เพราะอุบัติเหตุของเธอครั้งนั้นทำให้เหลียนอีไม่ได้เข้าสอบสัมภาษณ์และรีบกลับมาบ้านเมื่อพูดถึงเรื่องนี้มันเป็นความผิดพลาดของเธอที่ทำใ
สายตาของเขามองมาที่เธอ “มันสำคัญหรอว่าผมจะเชื่อหรือไม่?”เธอดูตกใจก่อนหัวเราะกับตัวเอง ‘ก็จริง ไม่ว่าเขาจะเชื่อฉันหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่มองไปที่เขาด้วยนะ?’“ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” หลิง อี้หราน กล่าวพร้อมพยายามเดินผ่านอี้ จิ่นหลี ไปที่บันไดเมื่อเธอเดินผ่านไปได้สองก้าว เขาก็ดึงแขนของเธอไว้ ทำให้เธอกระโจนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา“ผมเชื่อว่าพี่เป็นผู้บริสุทธิ์” เขาก้มลงกล่าวกับเธอด้วยประโยคที่ดังก้องในหูเธอ “พี่คิดว่าพี่จะเจออะไรถ้าพี่ตรวจสอบมันด้วยตัวเอง? การสืบสวนคดีเมื่อสามปีที่แล้วในตอนนี้น่ะ… ความจริงที่พี่เคยรู้อาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้?”ดวงตารูปอัลมอนด์ที่สนใสของอี้หรานมองกลับไปที่อี้ จิ่นหลี เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แม้แต่คนที่รวยและมีอำนาจอย่างคุณยังคิดว่าฉันไม่สามารถย้อนคดีความของตัวเองได้ แต่คนอย่างฉันนี่แหละ ที่คิดว่าสักวันฉันจะล้างมลทินให้ชื่อตัวเองได้”รอบยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกว่ากำลังโดนทิ่มแทงอยู่ ราวกับว่าหัวใจของเขากำลังโดนทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าผมเต็มใจจะช่วยพี่ ถ้า…