สายตาของเขามองมาที่เธอ “มันสำคัญหรอว่าผมจะเชื่อหรือไม่?”เธอดูตกใจก่อนหัวเราะกับตัวเอง ‘ก็จริง ไม่ว่าเขาจะเชื่อฉันหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่มองไปที่เขาด้วยนะ?’“ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” หลิง อี้หราน กล่าวพร้อมพยายามเดินผ่านอี้ จิ่นหลี ไปที่บันไดเมื่อเธอเดินผ่านไปได้สองก้าว เขาก็ดึงแขนของเธอไว้ ทำให้เธอกระโจนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา“ผมเชื่อว่าพี่เป็นผู้บริสุทธิ์” เขาก้มลงกล่าวกับเธอด้วยประโยคที่ดังก้องในหูเธอ “พี่คิดว่าพี่จะเจออะไรถ้าพี่ตรวจสอบมันด้วยตัวเอง? การสืบสวนคดีเมื่อสามปีที่แล้วในตอนนี้น่ะ… ความจริงที่พี่เคยรู้อาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้?”ดวงตารูปอัลมอนด์ที่สนใสของอี้หรานมองกลับไปที่อี้ จิ่นหลี เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แม้แต่คนที่รวยและมีอำนาจอย่างคุณยังคิดว่าฉันไม่สามารถย้อนคดีความของตัวเองได้ แต่คนอย่างฉันนี่แหละ ที่คิดว่าสักวันฉันจะล้างมลทินให้ชื่อตัวเองได้”รอบยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกว่ากำลังโดนทิ่มแทงอยู่ ราวกับว่าหัวใจของเขากำลังโดนทิ่มแทงด้วยอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวต่อว่า “ถ้าผมเต็มใจจะช่วยพี่ ถ้า…
“ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือไม่ใช่ก็ตาม ยังไงพี่ก็ต้องอยู่กับผมตลอดไปชีวิต จะไม่มีใครมาแยกไปอีก!” เขากล่าวเสียงแข็งขณะจ้องไปที่รูปถ่ายน้ำเสียงที่เหมือนผู้ชนะเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป และจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาแยกเธอไปอีก!...ณ ห้องส่วนตัวในสโมสรหรูหราแห่งหนึ่ง หลิง ลั่วอิน กำลังดิ้นรนขอความเห็นใจจากกู้ ลี่เฉินหลิง ลั่วอิน ไม่มีหลักประกันอะไร ดังนั้นตัวเธอจึงต้องทำงานหนักเพื่อเอาชนะกู้ ลี่เฉินเธอรู้สึกหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ถามเรื่องของหลิง อี้หราน ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัว ถามเรื่องในวัยเด็ก การเรียน รวมถึงเรื่องอื่น ๆ เขาอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ตอนนี้ฉันเป็นแฟนของเขานะ!’ หลิง ลั่วอิน แผดเสียงร้องในหัว แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำตัวเป็นน้องสาวที่ดีโดยการเล่าเรื่องที่จำได้เกี่ยวกับหลิง อี้หราน ให้เขาฟังสิ่งที่เธอพูดในตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเท่านั้นแต่กลับทำให้กู้ ลี่เฉิน ตั้งใจฟังอย่างเพลิดเพลิน จนทำให้หลิง ลั่วอิน อดที่จะเขินไม่ได้หลังจากเธอเ
“พูดต่อสิ เกี่ยวกับพี่สาวเธอน่ะ” กู้ ลี่เฉิน พึมพำ“ฮะ? พูดต่อ… อย่างนั้นเหรอ?” หลิง ลั่วอิน ถามด้วยใบหน้าเจื่อน“ใช่ อย่างนั้นแหละ” กู้ ลี่เฉิน ตอบหลิง ลั่วอิน เล่าเรื่องของหลิง อี้หราน ต่อเท่าที่เธอจำได้ ขณะที่สาปแช่งหลิง อี้หราน อยู่ในใจหลิง อี้หราน เป็นเพียงพนักงานบริการสุขาภิบาลที่เคยติดคุกมาก่อน ถึงเธอจะเคยมีภูมิหลังที่ดีแต่การติดคุกสามปีก็เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงเธอได้ลี่เฉิน… มองเห็นอะไรในตัวของหลิง อี้หราน กัน?!หลิง ลั่วอิน มีความรู้สึกว่ากู้ ลี่เฉิน ไม่ได้จะเลิกกับเธอเพียงเพราะเธอเป็นน้องสาวของหลิง อี้หรานแน่นอนว่าความคิดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู ก่อนที่เธอจะดึงสติตัวเองกลับมา“แล้ว… หลังจากนั้นพี่ก็ได้เจอกับเซียว จื่อฉี เขาจีบพี่อยู่สักพักนึง แต่หลังจากที่พวกเขาไปเดินเขากัน พี่เกิดข้อเท้าแพลง เขาเลยให้พี่ขี่หลังเพื่อลงจากภูเขา จากนั้นไม่นานพี่ก็ตอบตกลงคบกับเขา พวกเขาเป็นคู่รักที่ค่อนข้างหวาน พี่คอยทำอาหารกลางวันให้เซียว จื่อฉี ตลอด...”หลิง ลั่วอิน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรยายความสัมพันธ์ของหลิง อี้หราน กับเซียว จื่อฉี เธอต้องการให้กู้ ลี่เฉิน รู้ว่าหลิง อี้หร
เธอแบกเขาขึ้นบนหลังของเธอด้วยความยากลำบาก พร้อมกับพูดปลอบเขา “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพานายลงไปจากภูเขาเอง ฉันจะพานายไปที่สถานีตำรวจ”ไม่ต้องกลัว...ตัวของเธอสั่นมาก แม้แต่เสียงของเธอก็สั่นเช่นกันแม้เธอจะรู้สึกกลัวแต่ก็คอยพูดให้เขารู้สึกสบายใจ“นายหนักมาก…” เธออดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา“ฉันขอโทษ” หลังจากนั้นเขาจึงเอ่ยขอโทษเธอ“ฮิฮิ ถ้านายหายดีเมื่อไหร่ก็มาแบกฉันบ้างนะ” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาในขณะที่เดินต่อไปเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาปกป้องเขา“ในอนาคตฉันจะแบกเธอเอง” เขากล่าวกับเธอรางกับนั่นเป็นคำสัญญาเขาพูดกับตัวเองในใจว่าใยอนาคตเขาจะเป็นคนแบกเธอให้ได้ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เขาจะแบกรักเธอไว้เองเธออยู่ไหนบนโลกใบนี้?หลายปีที่ผ่านมาเขารู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ปล่อยเธอไปถ้าเขาสามารถรั้งเธอไว้ได้ ตอนนี้เธอจะอยู่เคียงข้างเขาไหม?แต่หลิง อี้หราน ก็ไม่ใช่คนที่เขาตามหา งั้น... “เธออยู่ไหนนะ?” เขาหลุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบามีเพียงความเงียบงันที่ตอบกลับคำถามของเขา...หลิง อี้หราน หาเวลาเข้าไปศูนย์สุขสภิบาลเพื่อทำเรื่องลาออก ผู้อำนวยการของศูนย์สุขาภิบาล
ถ้าเธอทนทำงานที่นี้ต่อในอนาคต เธออาจไม่สามารถหลีกเลี่ยง “การได้รับปฏิบัติเป็นพิเศษ” ได้และต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกมองแปลก ๆ จากคนอื่น“ไม่ล่ะค่ะ ฉันอยากลองเปลี่ยนสังคมการทำงานดูบ้าง” หลิง อี้หราน กล่าว“ก็ได้” ผู้อำนวยการคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลิง อี้หราน กำลังจะให้งานที่เหมาะสมกว่านี้แก่เธอ ด้วยความไม่อยากยืดเยื้อบางอย่างเขาจึงไม่ห้ามการลาออกของหลิง อี้หราน นอกจากนี้เขายังไม่หักเงินเดือนของเธอและให้เงินเดือนแก่เธอหนึ่งเดือน เขายังให้แผนกการเงินจ่ายให้เธอทันทีเมื่อหลิง อี้หราน ออกมาจากศูนย์สุขาภิบาล เธอก็หายใจเข้าลึก ๆ เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเดือนเป็นสัญญาณความปรารถณาดีของผู้อำอวยการ แต่คงบางอย่างเกี่ยวข้องกับอี้ จิ่นหลีถ้าเธอมีความกล้าหาญ เธอคงปฏิเสธน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้คุณยายของเธอยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล เงินที่ยืมมาจากเหลียนอีครั้งที่แล้วก็ใกล้จะหมดลง และเดี๋ยวคงมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาอีก หนี้เก่าของเธอที่ยังไม่ได้ชำระและยังจะมีหนี้ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาหลิง อี้หราน เดินไปหาพี่ซูที่ทำงานเพื่อบอกลาเมื่อพี่ซูรู้ว่าหลิง อี้หราน ลาออก เธอก็ผลุนถามขึ้น “ทำไมเ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหางานเอง” เธอตอบปฏิเสธดวงตาของเขาดูหม่นหมองลงและนิ้วที่กุมมือของเธอไว้เริ่มรัดกุมแน่นขึ้น “พี่ไม่อยากให้ผมช่วยหางานให้หรอครับ พี่สาว?”ร่างกายของเธออดไม่ได้ที่จะแข็งทื่อราวกับว่ามีแรงกดดันบางอย่างอยู่รอบ ๆ ตัว“ฉันอยากหางานด้วยตัวเอง” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอจ้องมองดวงตาที่ลึกลับของเขามันง่ายสำหรับเธอถ้าเขาจะหางานให้เธอ งานที่เขาหาให้คงเป็นงานที่ง่ายและได้ค่าตอบแทนเยอะแต่… จะอยู่ได้นานแค่ไหน?ถ้าเขาเบื่อที่จะเล่นเกมและไล่เธอออกมา เธอคงจะไม่เหลืออะไรเลยนอกเหนือจากหลักการนี้แล้ว การที่เธอปฏิเสธก็คือการรักษาความเคารพในตัวเองใช่ ตอนนี้อุปสรรคในชีวิตและความจริงที่โหดร้ายได้พรากความภาคภูมิใจในตัวเธอจนหมดไปครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เธอคิดเสมอว่าการคุกเข่าต่อหน้าผู้คนนั่นเป็นเรื่องยาก แต่เมื่ออยู่ในคุกเธอกลับคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากกว่าหนึ่งครั้ง กินอาหารที่ถูกเทลงบนพื้นและถูกเหยียบย้ำด้วยเท้าของคนอื่น ๆทำไมการพูดถึงความภาคภูมิใจในตัวเองถึงยากขนาดนี้นะ?ครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยเธออยากจะภาคภูม
ใบหน้าของหลิง อี้หราน เปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธออยากจะหันหน้าหนีนิ้วมือของเขาเปลี่ยนไปอยู่ใต้คางของเธอ “เมื่อกี้เหมือนพี่จะแอบมองผมนะ ทำไม? ผมหน้าตาดีใช่ไหมล่ะ?”เธอผงะกับคำพูดของเขา เธอควรตอบคำถามนั้นอย่างไรดี? เธอควรตอบว่าเขาหน้าตาดีใช่ไหม? หรือไม่ใช่?ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คำตอบที่ดี! หลิง อี้หราน รู้สึกถึงความร้อนฉ่าบนใบหน้าของเธอและพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้นได้คนรับใช้ที่แอบอยู่ด้านข้างพยายามไม่มองมาที่พวกเขา เพียงแต่คอยฟังบทสนทนาของทั้งคู่ด้วยความสับสนในใจนายน้อยอี้ปฏิบัติกับคุณหลิงแตกต่างออกไป หรือว่าจริงที่คุณหลิงจะกลายเป็นคุณนายหญิงของตระกูลอี้อย่างที่ใครหลายคนพูดไว้?แต่ว่าคุณเป็นพนังงานของศูนย์บริการสุขาภิบาลไม่ใช่เหรอ?เป็นไปได้เหรอที่… นายน้อยอี้จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้?...ในตอนกลางคืนขณะที่หลิง อี้หราน นอนอยู่บนเตียง เธอยังคงนอนไม่หลับและเอาแต่มองไปที่มือของตัวเองที่ถูกพันแผลเอาไว้ภายใต้แสงจันทร์ที่ผ่านลอดมาจากหน้าต่าง วันนี้อี้ จิ่นหลี เปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอเขาเอาใจใส่เธอมากกว่าเซียว จื่อฉี ที่เคยคบกับเธอเสียอีก บางครั้งเ
เขาชะงักเล็กน้อยขณะที่ลูบปลายนิ้วของเธอ “ทำไมพี่ถึงอยากกลับไปเร็ว ๆ ล่ะ?”“ฉันหายดีแล้ว และไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้ต่อไป” เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย“พี่อยากออกไปจากทีนี้ใช่ไหม?” ใบหน้าของเขาเรียบเฉยขึ้น“ใช่” เธอพยักหน้า“พี่ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายเหรอ ถ้าอยู่ห่างจากผม?” แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เรียบขึ้นเช่นกัน“ฉันเคยชินกับการอยู่คนเดียวน่ะ” เธอตอบเขาหัวเราะขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบของเธอ “เคยชินกับการอยู่คนเดียวเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ทำไมพี่ถึงพาผมไปที่บ้านล่ะ? พี่บอกว่าพี่รู้สึกโดดเดี่ยว เลยต้องการใครสักคนที่จะอยู่เป็นเพื่อน พี่ยังบอกอีกว่าพี่อยากอยู่กับผมและอยากพึ่งพาซึ่งกันและกัน พี่ลืมไปแล้วเหรอ?”ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย เธอลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไง? แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องล้อเล่นไปแล้วเธอเงียบและมองไปที่เขาอย่างแน่วแน่ ความกดดันที่ชวนให้หายใจลำบากเกิดขึ้นอีกครั้งทันใดนั้น เสียงของเขาก็ดังก้องในหูของเธออีกครั้ง “พี่บอกว่าพี่อยากจะออกไปจากที่นี้เพราะแผลของพี่หายดีแล้วใช่ไหม? หมายความว่าถ้าพี่ยังเจ็บปวดอยู่ พี่จะเต็มใจอยู่ที่นี้ต่อใช่ไหม?”เธอเงยหน้าและจ้องมองเขาด้วยความตกใจในช
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค